วันอังคารที่ 28 พฤษภาคม 2567
เวลา 04:30 น.ตื่นเช้าเพราะเริ่มมีแสงส่องเข้ามาในห้อง มองออกไปพระอาทิตย์เริ่มขึ้นแล้วค่ะ
เวลา 07:00 น. อาบน้ำ แต่งตัวเสร็จก็ลงมาทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารชั้นล่าง
ห้องอาหารเพิ่งเปิดยังไม่มีคนเลยค่ะ ทานอาหารเสร็จก็ขึ้นไปเก็บกระเป๋าแล้วลงมาเช็คเอ้าท์
เวลา 07:20 น.ให้ทางโรงแรมโทรเรียกแท็กซี่เพื่อเดินทางไปสถานีรถบัสค่ะ
มีคิวแท็กซี่มิเตอร์จอดอยู่ด้านหน้าท่าเรือ รถใหม่และสะอาด คนขับสุภาพช่วยยกกระเป๋าด้วยค่ะ
ถนนด้านหน้าโรงแรมมีประติมากรรมรูปเรือกระดาษและทุ่นระเบิด
Sea Mines and Giant Paper Boats
สถานีรถบัสอยู่ทางทิศใต้ของท่าเรือ ระยะทางประมาณ 2 กม.นั่งรถประมาณ 5-10 นาทีค่ะ
Tallinn bus station (Tallinna bussijaam)
It is the main long-distance bus station of Tallinn, managed by Mootor Grupp AS.
Ticket office ห้องขายตั๋ว มีจอแสดงเวลารถแต่ละคัน
คุณป๋าจองตั๋วผ่านเวปของ บ. Lux Express และจองที่นั่งมาแล้ว เดินเข้าไปคอยที่ชานชลาได้เลย
ด้านในมี Rkiosk ขายอาหารและเครื่องดื่ม
รอรถเข้ามาจอดที่ชานชลา เอากระเป๋าเดินทางเก็บใต้ท้องรถแล้วขึ้นไปนั่งตามที่ที่จอง
ภายในรถกว้าง สะอาด จอทัชสกรีน ฟรีไวไฟ ช่อง USB ขนม เครื่องดื่มและมีห้องน้ำด้วยค่ะ
เวลา 08:00 น. รถออกตรงเวลา วันนี้นี้พวกเราจะไปเที่ยวเมืองตาร์ตู
เมืองตาร์ตูอยู่ทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองทาลลินน์ ระยะทางประมาณ 180 กม.
ฟังเพลง ทานขนม ชมวิวสวยๆข้างทาง
ทุ่งดอกไม้สีเหลืองกว้างสุดสายตา
เวลา 10:00 น. เดินทางเข้าสู่เขตเมืองตาร์ตู
Tartu is the second largest city of Estonia.
ตาร์ตูเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ รองจากเมืองทาลลินน์
Tartu is often considered the "intellectual capital city" of the country.
AHHAA Science Centre พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์เมืองตาร์ตู ตั้งอยู่ด้านหลังสถานีรถบัส
เวลา 10:30 น.ฝากกระเป๋าไว้ที่สถานีรถบัสแล้วนั่งแท็กซี่ไปเที่ยวในเมืองเก่าค่ะ
พวกเราแพลนจะไปเดินเล่นที่ย่าน Suplinn (Soup Town) ที่อยู่ทางตอนบนของเมืองเก่า
แต่แท็กซี่พาขับวนไปมาไม่ยอมจอด เป็นเพราะสื่อสารกันไม่รู้เรื่องหรือโดนหลอกก็ไม่รู้
คุณป๋าเลยบอกให้จอดที่ถนน Kroonuaia ทางเข้าไปยัง Soup Town ค่ามิเตอร์แพงพอสมควร
Suplinn is the charming wooden districts of Tartu. It has historical architectural style.
สุพิลินเป็นย่านที่เล็กที่สุดของตาร์ตู สมัยก่อนเป็นสลัม บ้านเรือนส่วนใหญ่สร้างด้วยไม้
Supilinn is a part of the wooden heritage of the Baltic region.
Supilinn is one of Tartu’s most colorful neighborhoods with the bohemian atmosphere.
บ้านหลังนี้สวยโดดเด่นที่สุดในย่านนี้ ยังมีคนอาศัยอยู่ ขอเก็บภาพด้านหน้าแบบห่างๆ
Supilinn is the smallest neighbourhood of Tartu and famous for being a former slum.
It is one of the last historic 19th-century slums surviving in Europe.
ย่านนี้เป็นหนึ่งในสลัมจากศตวรรษที่ 19 ที่ยังหลงเหลืออยู่ในยุโรป
ถนนในย่านนี้จะมีชื่อเป็นผักที่ใช้ทำซุปเช่นถั่ว มันฝรั่ง ฟักทอง ด้านหน้าคือสะพานข้ามแม่น้ำ
พวกเรามีเวลาไม่เยอะ เลยไม่ได้เข้าไปเดินเล่นใน Soup town
The district is known for its street names inspired by vegetables, such as Oa (Bean), Herne (Pea), Kauna (Pod), Kartuli (Potato), Kõrvitsa (Pumpkin), and Selleri (Celery).
ทางเข้าสวนพฤกษศาสตร์อยู่ฝั่งตรงข้ามย่านสุพิลิน
เดินเลี้ยวขวาไปตามถนน Emajõe
แม่น้ำ Emajõgi River อยู่ทางฝั่งตะวันออกของเมืองเก่า
Liberty Bridge (Vabadussild)
It is the newest bridge in Tartu. It was completed in its current form in 2009.
สะพาน Liberty Bridge ข้ามแม่น้ำ Emajõgi สร้างเสร็จในปี 2009 เป็นสะพานอันใหม่ที่สุดของเมือง
เดินลัดผ่านด้านในสวนพฤกษศาสตร์เพื่อไปยังถนน Lai
University of Tartu Botanical Garden (1803 A.D.)
Tartu New Theater
โรงละครเมืองตาร์ตูตั้งอยู่ตรงข้ามประตูทางเข้าสวนพฤกศาสตร์
Tartu Uus Teater is located on Lai 37.
Hungerburg2024 is in Estonian
เดินต่อไปตามถนน Lai
เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนน Magasini
ด้านหน้าคือมหาวิหารพระแม่มารีเมืองตาร์ตู
เดิมเป็นโบสถ์เก่าตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 ได้รับการสร้างขึ้นใหม่และเปลี่ยนเป็นมหาวิหารในปี 2009
The Cathedral of the Dormition of Our Lady
13th century Dominican convent dedicated to St Mary Magdalene.
It became a cathedral on 10 January 2009 and serves as the seat of the Orthodox Bishop of Tartu.
เดินต่อไปจนสุดถนนแล้วเลี้ยวขวาเข้าสู่ถนน Munga
ด้านหน้าคือถนน Rüütli
เลี้ยวขวาเดินขึ้นเหนือไปตามถนน Rüütli ซึ่งเป็นหนึ่งในถนนสายหลักของเมือง
อาคารสีขาวคือพิพิธภัณฑ์ HTG เดิมเป็นโรงเรียนที่ใหญ่ที่สุดในเอสโตเนีย
Hugo Treffneri gümnaasiumi muuseum (HTG museum)
It has been located on the corner of Rüütli and Munga streets since 1919.
ด้านหน้าประดับภาพปูนปั้นของ Hugo Treffneri ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้ง
เด็กตัวเล็กๆน่ารักเดินจับเชือก ทัศนศึกษากับคุณครู
ด้านข้างพิพิธภัณฑ์คือโบสถ์เซนต์จอห์น เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คของเมือง
สร้างในสไตล์โกธิกตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 ตัวอาคารทำจากอิฐสีแดง หลังคาเป็นยอดแหลมสีดำ
St. John's Church is a Brick Gothic Lutheran church, dedicated to John the Baptist.
It is one of the landmarks of the city of Tartu, dates from the 14th century.
เดินย้อนกลับทางเดิม ทางซ้ายมือคือพิพิธภัณฑ์ Estonian Sports and Olympic Museum
เลี้ยวขวาเข้าสู่ถนน Munga
Tartu Muusik
เดินขึ้นเนินไปบริเวณด้านหลังมหาวิทยาลัย University of Tartu
Tartu Electric Theatre
Monument to Gustav II Adolf
Toome Hill (Toomemägi)
The city of Tartu began on Toomemägi in the 6th–8th centuries.
เนินเขา Toome Hill อยู่ทางฝั่งตะวันตกของเมืองเก่า เป็นจุดกำเนิดเริ่มต้นของเมืองตาร์ตู
เดินขึ้นเนินไปยังด้านบนระยะทางประมาณ 200 เมตร
Karl Ernst von Baeri Monument
สวนสาธารณะบนเนินเขาเต็มไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่ร่มรื่นมาก
The ancient Tartu fortress, the bishop's castle, the ruins of Tartu Cathedra are located on Toome Hill .
สถานที่สำคัญบนเนินเขาแห่งนี้คือซากของมหาวิหารตาร์ตู
อาคารด้านหน้าเป็นพิพิธภัณฑ์มหาวิทยาลัยตาร์ตู
University of Tartu Museum
Ruins of Tartu Cathedral
เข้าไปชมด้านในมหาวิหาร ฟรีค่ะ
Tartu Cathedral is a former Catholic church in Tartu with two massive 66 m high towers.
Construction began in the 13th century and was completed at the end of the 15th century
The Protestant iconoclasts vandalized the Cathedral during the attack in 1525,
and the building kept wrecking.
The three bays of the basilica nave were covered with ribbed vaults,
supported by octagonal pillar-buttresses.
ผนังด้านข้างเป็นเสาแปดเหลี่ยมและซุ้มโค้งขนาดใหญ่
มหาวิหารคาทอลิกแห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 และเสร็จสิ้นในปลายศตวรรษที่ 15
ในปี 1525 ได้ถูกทำลายจนเหลือแต่ซากปรักหักพัง
The massive west facade with two towers, the upper part of which has been demolished,
may have served a defensive function in the past.
ผนังทางฝั่งตะวันตกมีหอคอยคู่สูง 66 เมตร
The ruins of the church nave and towers are conserved and roofed.
A third of the cathedral has been renovated. It houses the University of Tartu museum.
หนึ่งในสามของมหาวิหารได้รับการซ่อมแซม ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์มหาวิทยาลัยตาร์ตู
The Tartu Cathedral is one of the most outstanding examples of Brick Gothic in Old Livonia.
มหาวิหารตาร์ตูมีขนาดใหญ่ที่สุดในยุคกลางที่มีหอคอยคู่
Tartu Cathedral is one of the largest and the only medieval church with two towers in Estonia.
อาคารทางทิศตะวันออกของมหาวิหารคือพิพิธภัณฑ์ ค่าเข้าชมคนละ 10 ยูโร
University of Tartu Museum
The ticket provides admission to the museum and the cathedral’s towers = 10 €
ภาพเปรียบเทียบขนาดของมหาวิหารตาร์ตูและโบสถ์หลังอื่นๆ
ภาพแสดงป้อมปราการของเมือง
มหาวิทยาลัยได้ย้ายมาที่เนินเขาแห่งนี้ในปี 1802-1828
Plan of Toome Park
บล็อกหมุนแสดงภาพของมหาวิหารในแต่ละช่วงปี
พวกเราไม่ได้เข้าชมพิพิธภัณฑ์
เดินไปชมสวนด้านหน้าวิหาร Cathedral Hill Park
Johan Skytte monument
It is a monument created in honor of Johan Skytte , the founder of the University of Tartu.
The seal-shaped monument was created by sculptor Tiiu Kirsipuu.
ประติมากรรมรูปแผ่นวงกลมตรงกลางเป็นรูปของ Johan Skytte ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยตาร์ตู
The monument was inaugurated on 5th October 2007, by Queen Silvia of Sweden.
อาคารสามชั้นสีเขียวอ่อนที่อยู่ตรงข้ามประติมากรรมคือ ศาลสูงสุดของเอสโตเนีย
Estonian Supreme Court Building
เดินเลี้ยวขวาที่ด้านข้างศาลเข้าสู่ถนน Lossi
ด้านหน้าคือสะพานที่มีชื่อเสียงและเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของเมือง
Devil’s Bridge (Kuradisild)
It is a dark concrete bridge from the early 20th century.
It was dedicated to the 300th anniversary of the Romanov dynasty of the Russian tsars.
The Toome Hill side of the bridge is decorated with the numbers 1613 and 1913,
commemorating the jubilee.
A wooden bridge was erected on the site in Neogothic style in 1809 to the designs of J. W. Kraus.
The current bridge was built in 1913 and designed by A. Eichhorn,
เดินลอดไปทางทิศใต้ของสะพาน เมื่อก่อนสะพานนี้เป็นไม้ แต่ต่อมาในปี 1913 ได้เปลี่ยนเป็นคอนกรีต
สร้างขึ้นเนื่องในโอกาสครบรอบ 300 ปีของราชวงศ์โรมานอฟแห่งรัสเซีย
It is one of the symbols of Toomemägi Hill and Tartu.
ด้านบนสะพานประดับด้วยภาพสลักของ Alexander I of Russia
The Toome Valley side of the bridge bears a bronze relief of Alexander I of Russia
and the words "Alexandro Primo"
The bridge's name may have been derived from the name of its lead construction engineer,
Werner Zoege von Manteuffel (teufel being German for 'devil').
ชื่อของสะพานสันนิษฐานว่ามาจากชื่อของวิศวกรผู้สร้างสะพาน teufel ในภาษาเยอรมันแปลว่า ปีศาจ
ทางทิศใต้ของสะพานคือ Toome Valley
เดินย้อนกลับทางเดิมไปตามถนน Lossi
ด้านหน้าคือสะพานที่เป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของเมือง ห่างจากสะพานแรกประมาณ 100 เมตร
Angel's Bridge (Inglisild)
It was built between 1814 and 1816.
The bar relief of G. Fr. Parrot, the first rector of the University of Tartu which was reopened in 1802.
The name of the bridge probably comes from the name "English bridge"
as the park was established in the English style.
The words "otium reficit vires" mean rest restores strength on the bridge.
สะพานนี้สร้างขึ้นในปี 1814-1816 ด้านบนมีรูป G. Fr. Parrot อธิการบดีคนแรกของมหาวิทยาลัย
ชื่อ Angel น่าจะเพี้ยนมาจากคำว่า English เพราะสวนด้านบนตกแต่งสไตล์อังกฤษ
เดินขึ้นบันไดมาชมสะพานด้านบน มีเสากั้นไว้พวกเราเลยไม่กล้าเดินผ่าน
Legend with the bridge, said that when you hold your breath while running over the bridge,
your wish will come true.
เดินขึ้นไปบนเนิน Toome Hill
บนเนินด้านหน้าคือหอดูดาว
Tartu Observatory (Tartu Tähetorn)
ปัจจุบันอาคารนี้ทำหน้าที่เป็นพิพิธภัณฑ์ของมหาวิทยาลัยตาร์ตู
ในสวนด้านหน้ามีประติมากรรมเพื่อระลึกถึง Friedrich Georg Wilhelm Struve
นักดาราศาสตร์และนักธรณีวิทยาชาวเยอรมัน
Friedrich Georg Wilhelm Struve monument
หอดูดาวของแห่งเมืองตาร์ตูเคยเป็นหนึ่งในหอดูดาวที่ใหญ่ที่สุดและมีความสำคัญระดับโลก
The Tartu observatory was once one of the most important centers of world astronomy.
It was built on the ruins of a medieval bishop's castle and completed in 1810.
Friedrich Georg Wilhelm Struve was appointed as the observatory's astronomer-observer in 1813. Regular observations began in 1814 .
หอดูดาวสร้างอยู่บนซากเดิมของปราสาทในยุคกลาง สร้างเสร็จปี 1810 และเปิดใช้งานในปี 1814
The observatory returned to the University of Tartu in 1996
It was opened as a museum in April 2011.
ปัจจุบันหอดูดาวแห่งนี้ได้เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ตั้งแต่ปี 2011 และเปิดให้ชมด้านในแบบมีไกด์ทัวร์
มองเห็นตัวเมืองเก่าจากบนเนิน Toome Hill
เดินลงเนินกลับไปที่ถนน Lossi ลอดใต้สะพาน Angel's bridge
เดินลงเนินไปจนสุดถนนระยะทางประมาณ 200 เมตร
University of Tartu College of Foreign Languages and Cultures
ตรงสุดถนนหัวมุมทางซ้ายมีอาคารหลังเก่าที่ผนังประดับด้วยภาพวาดขนาดใหญ่
Von Bock House (1780)
It has been the home of the University of Tartu Clinic, a veterinary school and the library of the Learned Estonian Society in different times.
There is a mural of the main building of the University of Tartu on the wall that faces the Town Hall.
อาคารหลังนี้สร้างมาตั้งแต่ปี 1780 ทางมหาวิทยาลัยตาร์ตูได้ซื้อต่อมาจาก Oberst MJ von Bock
นำมาปรับปรุงเป็นคลินิกและห้องสมุด ผนังทางทิศใต้มีภาพวาดรูปมหาวิทยาลัย
อาคารสีชมพูฝั่งตรงข้ามคือศาลาว่าการเมือง
Tartu Town Hall
Pirogov Park
The small park on the foothills of Toomemägi is the gathering place for students of Tartu.
สวน Pirogov ตั้งอยู่ตรงเชิง Toome hill เป็นแหล่งพบปะ รวมตัวกันของนักศึกษา
เดินขึ้นเหนือไปตามถนน Ülikooli ที่อยู่ด้านหน้า Von Bock House
อาคารสีขาวขนาดใหญ่คืออาคารหลักของมหาวิทยาลัยตาร์ตู
Main building of the University of Tartu
The University of Tartu (UT)
It is the national university of Estonia. It is the largest and oldest university in the country.
The university was founded under the name of Academia Gustaviana in 1632.
It ranks in the top 350 of the world's universities, one of the best universities in Northern Europe.
มหาวิทยาลัยนี้ก่อตั้งขึ้นในปี 1632 ถือว่าเก่าแก่และใหญ่ที่สุดในเอสโตเนีย
Tower of St. John Church
เดินย้อนกลับไปที่ศาลาว่าการเมือง
Town Hall of Tartu
It was built between 1782 and 1789. The Tartu City Government still works on the upper floors
and the ground floor is used by Tartu Visitor Centre and pharmacy.
The town hall is built in an early Neoclassical style, with Rococo and Baroque.
It is one of the most important symbols of the city.
ศาลาว่าการเมืองหลังนี้เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่สำคัญของเมืองตาร์ตู
สร้างเสร็จในปี 1789 อาคารสีชมพูหวานตกแต่งสไตล์ผสมของนีโอคลาสสิก ร็อคโคโคและบาโรค
The Kissing Students' sculpture and fountain
It is one of the most recognised symbols of Tartu.
The fountain has stood since 1948 and the sculpture was completed in 1998.
It was used especially by newlyweds who sought to find luck for future when standing there.
ด้านหน้าศาลาว่าการประดับด้วยน้ำพุ ตรงกลางมีรูปปั้นนักศึกษาจูบกัน
คู่แต่งงานใหม่นิยมมาถ่ายรูปที่นี่เพราะเชื่อว่าจะโชคดี มีความสุขสมหวังในชีวิตคู่
We can listen to the chiming clocks in the tower of the Town Hall every day
at 9 a.m., 12 p.m., 3 p.m., 6 p.m., and 9 p.m.
จตุรัสศาลาว่าการเมือง
Manteuffel House
รอบๆจตุรัสเป็นอาคารเก่าแก่หลายสิบหลัง ปัจจุบันเป็นร้านค้า ร้านอาหาร ธนาคาร คลินิก
Town Hall Square (Tartu raekoja plats)
ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของจตุรัสมี "บ้านเอน" ชาวเมืองเรียกว่าหอเอนปิซ่าแห่งเมืองตาร์ตู
The Leaning House of Tartu (people also call the Pisa Tower of Tartu)
The leaning is caused by the building’s uneven ground surface.
It is under 5.8 degrees, which is greater than the Pisa tower.
The house was built next to the medieval city wall in 1793 as a residential building.
It has housed the Tartu Art Museum since 1988.
บ้านหลังนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1793 ต่อมาผนังด้านหนึ่งเกิดทรุดตัวลงเนื่องจากสร้างอยู่ริมแม่น้ำ
ปัจจุบันบ้านเอนนี้เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะ
ในช่วงฤดูหนาวจตุรัสนี้จะกลายเป็นลานสเก็ตน้ำแข็งประจำเมือง
Tartu 2024 landmark
#TARTU2024
ในปี 2024 ทางเมืองตาร์ตูจะมีการจัดกิจกรรมจำนวนมากเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของเมือง
Tartu was designated as the European Capital of Culture in 2024.
ตาร์ตูเมืองหลวงทางวัฒนธรรมของยุโรป
National Geographic Traveller is calling Tartu one of the 30 most exciting destinations to visit in 2024.
มุมสวยๆกลางเมืองเก่า
เก็บภาพเสร็จก็ข้ามถนนไปเดินเล่นริมแม่น้ำค่ะ
Arch Bridge (Kaarsild)
It is a pedestrian bridge between the city centre and the Ülejõe district. It was built in 1957–1959.
สะพานคนเดินข้ามแม่น้ำ Emajõgi สร้างเสร็จในปี 1959 แทนสะพานหินอันเดิม
The Emajõgi river crossing the city of Tartu for 10 km. It has a length of 100 km.
แม่น้ำ Emajõgi มีความยาว 100 กม. ไหลผ่านตัวเมืองตาร์ตูเป็นระยะทาง 10 กม.
เดินชมวิวริมแม่น้ำไปจนถึงสะพาน Peace Bridge (Rahu sild)
ลอดใต้สะพานเดินกลับไปยังสถานีรถบัส Tartu Bussijaam ทานอาหารเที่ยงแล้วออกเดินทางต่อค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น