วันจันทร์ที่ 27 พฤษภาคม 2567
เวลา 05:30 น. ตื่นเช้ามาก็มีแดดจัดแล้วค่ะเพราะพระอาทิตย์ขึ้นตั้งแต่ตีสี่กว่าๆ
อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ลงไปทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารของโรงแรม
อาหารมีครบ เนื้อสัตว์ ขนมปัง ผัก ผลไม้
อาหารอร่อย ครัวซองส์อบมาร้อนๆ
เวลา 07:30 น. เช็คเอ้าท์จากโรงแรม วันนี้พวกเราจะเดินทางต่อไปประเทศเอสโตเนีย
ลากกระเป๋าออกมาด้านหน้าสถานีรถไฟ ขึ้นรถรางหมายเลข 7 หรือ 9 เพื่อไปท่าเรือ
ใช้เวลาประมาณ 15 นาที ก็มาถึงจุดหมาย รถรางจอดด้านหน้าท่าเรือเฟอร์รี่เลยค่ะ
Helsinki Länsiterminaali (Western Port) Terminal T2
เรือเฟอร์รี่มีหลายบริษัท คุณป๋าจองตั๋วล่วงหน้าทางออนไลน์ของ บ. Eckerö Line
พอมาถึงก็เอาใบจองให้ จนท.สแกนแล้วก็ผ่านเข้าไปนั่งคอยในเกทได้เลยค่ะ
Ticket Helsinki - Tallinna Adult price 22.00 €
The travel time is 2 hours and 15 minutes.
ค่าตั๋วเรือคนละ 22 ยูโร เรือออกเวลา 09:00 น. ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง 15 นาที
MS Finlandia time 09:00-11:15
พอเรือเข้าเทียบท่า เกทเปิด ก็ลากกระเป๋าไปขึ้นเรือได้เลยค่ะ
ทางเดินจากเกทเชื่อมมายังชั้น 6 ชั้นล่างเป็นที่จอดรถ ผู้โดยสารจะอยู่ที่ชั้น 6-9
แต่ละชั้นก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกเช่น ห้องพัก ร้านค้า ร้านอาหาร บาร์ ห้องประชุม ห้องเล่นเกม
MS Finlandia accommodates 2,500 passengers and up to 665 cars (including buses).
There are 200 cabins, 2 shops, a business class lounge, conference centre, bars and restaurants.
พวกเราขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้น 9 ซึ่งเป็นดาดฟ้าเรือ Sun Deck
The Finnish company Eckerö Line has been serving the line between Finland and Estonia
for more than 30 years.
ด้านบนมีที่นั่งทั้งแบบในร่มและกลางแจ้ง คุณป๋านั่งเฝ้ากระเป๋า แม่ตุ๊กเดินชมวิวรอบๆเรือ
เวลา 9:00 น. เรือก็แล่นออกจากท่าเฮลซิงกิ
Enjoy the Baltic Sea
วันนี้อากาศดีมีแดดอ่อนๆลมไม่แรง แต่อากาศกลางทะเลค่อนข้างเย็นค่ะ
ลงไปเดินเล่นแต่ละชั้น มีห้องล็อกเกอร์ไว้ฝากสัมภาระด้วยค่ะ
ร้านขายของเปิดเป็นเวลาวันละ 3-4 รอบ
พอร้านเปิดก็เข้าไปเดินเล่นดูของฝากกันค่ะ ด้านในเป็น Duty free ส่วนมากเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
เครื่องดื่มลายมูมินน่ารักมากๆ
เวลา 10:30 น.พวกเราก็ลากกระเป๋าลงมาคอยตรงประตูทางออกก่อนค่ะ เพราะคนในเรือเยอะมาก
ด้านหน้าคือท่าเรือเมืองทาลลินน์
เวลา 11:10 น.เรือก็เทียบท่าที่ A terminal port Tallinn
เดินออกไปตามป้าย
ทางทิศตะวันตกของท่าเรือคือย่านเมืองเก่า มองเห็นยอดโบสถ์เซนต์โอลาฟอยู่ไม่ไกล
คุณป๋าจองโรงแรมไว้ใกล้ท่าเรือตรงข้าม D-Terminal
เดินข้ามสะพานไปทางทิศใต้
Admiral Bridge
It is a pedestrian bridge connecting the shore areas of Terminals A and D in the Tallinn Old Harbour.
เดินต่อมาอีกประมาณ 300 เมตร ก็ถึงโรงแรมแล้วค่ะ
Hestia Hotel Seaport
ฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรม ตอนบ่ายค่อยกลับมาเช็คอินค่ะ
เดินไปซื้อตั๋วโดยสารแบบ 1 วันที่ R kiosk ใน D-Terminal
One-day ticket (24h): 5.50 €
Day tickets are valid on all trams, trolleybuses, and city buses (bus lines 1–96).
รอขึ้นรถบัสที่ป้ายด้านข้างโรงแรม
นั่งรถบัสหมายเลข 20 เข้าไปในเมืองกันค่ะ
พอขึ้นรถก็นำตั๋วไปแตะ activate ที่เครื่องก่อนค่ะ (ตอนลงไม่ต้องแตะบัตร)
ถนนในเมืองกว้าง สะอาด รถน้อย
เวลา 12:00 น. ใช้เวลา 15 นาทีก็มาถึงใจกลางเมืองเก่าแล้วค่ะ
ลงรถแล้วเดินต่อไปตามถนน Suur-Kajar ด้านหน้าคือจตุรัส Karjavärava plats
Savoy Boutique Hotel
อาคารหลังใหญ่ทางทิศตะวันตกคือโรงภาพยนตร์ Sõprus
The Sõprus is the oldest arthouse cinema in Estonia, opened in 1955.
The architectural dominants of the cinema facades are a total of 18 octagonal slender columns on three sides of the building, and 15 dolomite relief emblems placed on the walls.
โรงภาพยนตร์นี้มีอายุเก่าแก่ที่สุดในเอสโตเนีย เปิดทำการในปี 1955
อาคารทั้งสามด้านประดับด้วยเสาแปดเหลี่ยมจำนวน 18 ต้น ที่ผนังมีปูนปั้นลวดลาย 15 อัน
It is considered an excellent example of a typical cinema building built in the Stalinist style.
Sõprus (meaning friendship) was named in honour of the thawing relations
between the Soviet Union and the People’s Republic of China.
Sõprus Fountain was located in front of the cinema since 1955.
ด้านข้างโรงภาพยนตร์มีร้านอาหารไทยชื่อ Restoran NOK NOK
ทานอาหารกลางวันกันค่ะ เมนูเป็นอาหารจานเดียวประจำวัน
เดินออกมาข้างโรงภาพยนตร์ อาคารหอคอยทางซ้ายมือคือโรงละครและพิพิธภัณฑ์ดนตรีเอสโตเนีย
Estonian Theatre and Music Museum is a national museum, established in 1924.
เดินต่อไปตามถนน Müürivahe เลียบกำแพงเมืองเก่า
Müürivahe Street in Tallinn stretches from Rüütli Street to Bremeni Alley.
It was originally a defensive path running along the city wall to the south and east of the Lower Town.
ป้ายหน้าร้านอาหารสวย
บนเนินด้านหน้าคือหอคอยและโบสถ์
ทางขึ้นเนินคือถนน Rüütli ซึ่งเชื่อมต่อจากถนน Müürivahe
เลี้ยวซ้ายตรงสุดถนน Müürivahe แล้วเดินต่อไปตามถนน Harju
Freedom Square
It is on the southern end of the Old Town, where state functions and various concerts take place.
จตุรัส Freedom Square อยู่ทางทิศใต้ของเมืองเก่า เป็นสถานที่จัดงานสำคัญหลายอย่าง
ทางทิศตะวันออกของจตุรัสคือโบสถ์เซนต์จอห์น สร้างขึ้นในปี 1862–1867 (โบสถ์ปิดวันจันทร์)
Freedom Square is bounded on the east by St. John's Church, built in 1862–67.
This three-nave church was built in neo-Gothic style.
The oldest church bell with an Estonian text is also located in the church tower (1872).
ทางทิศตะวันตกของจตุรัสคือ อนุสรณ์สถานสงคราม บนเนินเป็นเสารูปไม้กางเขนขนาดใหญ่
The Cross of Liberty and the Monument to the War of Independence
It is a memorial for people who fell during the Estonian War of Independence.
It was opened on 23 June 2009. The pillar is 23.5 m high and consists of 143 glass plates.
สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ผู้เสียชีวิตในสงครามประกาศอิสรภาพเอสโตเนียระหว่างปี 1918–1920
เสาทำจากกระจก 143 แผ่น มีความสูง 23.5 เมตร
Mayer’s staircase is access to the Harju Gate Hill.
It was constructed in 1865 at the Harju Gate, decorated with eight ornamental vases.
บันไดทางขึ้นไปยังสวน Harju Gate Hill ด้านบน สร้างขึ้นในปี 1865
สองข้างประดับด้วยแจกันเซรามิคสีเขียว 8 ใบ และได้เปลี่ยนเป็นแจกันโลหะในปี 1887
The former ceramic vases of the staircase were replaced by the cast‑iron ones in 1885−1887.
The War of Independence was in 1918–1920,
4,000 people were killed and 14,000 wounded on the Estonian side.
เดินขึ้นบันไดมายังสวนด้านบน ทางขวามือคือหอคอยของป้อมปราการโบราณ
ด้านล่างเป็นทางเข้าพิพิธภัณฑ์ Kiek in de Kök
Opening hour : Tue–Sun 11–18 , Full ticket 16 €
The Kiek in de Kök Fortification Museum is a 500m long complex featuring four historic towers:
Kiek in de Kök, Maiden’s Tower, Tallitorn and the Short Leg Gate Tower.
พิพิธภัณฑ์ป้อมปราการมีความยาว 500 เมตร ประกอบด้วย 4 หอคอย ตามรูป
ค่าเข้าชมแบบรวมทั้งหมด คนละ 16 ยูโร เปิดเวลา 11-18 น. ปิดวันจันทร์
Kiek in de Kök (Peek into the Kitchen) is the largest mediaeval artillery tower in the Baltics States.
It was built in 1475.
The name Kiek in de Kök from the ability of tower occupants to see into kitchens of nearby houses.
The tower is 38 m high and has walls 4 m thick.
Kiek in de Kök เป็นหอคอยปืนใหญ่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1475 มีความสูง 38 เมตร ผนังหนา 4 เมตร
The museum includes mysterious underground passages housing the Carved Stone Museum.
Neitsitorn was built as a defence tower in the 14th century.
หอคอยอันที่สองคือ Maiden Tower (Neitsitorn) สร้างขึ้นในปี 1373
Tallitorn (Stable tower) is one of Tallinn's smallest tower, built in 1380.
Stable tower หอคอยอันที่สามมีขนาดเล็กที่สุด ด้านล่างมีประตูทางเข้าไปยังสวนด้านใน
Entrance to Danish King's Garden
This Garden is the spot where a flag descended from the sky during the Danish invasion.
The flag became the national flag of Denmark.
Three bronze monks with a height of 2.5 metres are standing in the King of Denmark Garden.
Ambrosius the "Waiting Monk"
Bartholomeus the "Praying Monk"
Claudius the "Observing Monk"
ในสวนนี้มีรูปปั้นสีดำของนักบวช 3 คน มีตำนานเรื่องเล่าเกี่ยวกับผีในสวนนี้หลายเรื่อง
Danish King's Garden be considered the most plentiful haunt of ghosts in Tallinn since 2015.
The Garden has a dark side, as it’s featured in the centre of many famous ghost stories about the Tower.
The monk sculptures reference the stories and legends of the historically important courtyard.
จุดชมวิวเมืองเก่าทางฝั่งตะวันออก บ้านเรือนหลังคาสีแดง มองเห็นยอดแหลมของโบสถ์หลายหลัง
Danish King's Garden is on the slope facing St. Nicholas Church.
St. Nicholas Church is a medieval church and built around 1230–1275.
โบสถ์เซนต์นิโคลัส สร้างขึ้นในปี 1230-1275 ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะ
The tower is 105 m high with a Baroque spire.
หอคอยยอดแหลมสไตล์บาโรค สูง 105 เมตร
At present the church houses the Niguliste Museum, a branch of the Art Museum of Estonia.
The Stable Tower (Tallitorn) can be considered the oldest ghost tower in the city.
หอคอย Tallitorn เป็นหอคอยที่มีขนาดเล็กที่สุด และมีตำนานเกี่ยวกับผีเก่าแก่ที่สุด
From the tower along the city wall, we can reach the Maiden Tower and the Gate Tower.
Maiden Tower
It is a rectangular tower featuring a museum cafe with views of the Garden and the lower town.
หอคอย Maiden Tower เป็นพิพิธภัณฑ์และคาเฟ่ ทางเดินบนกำแพงเมืองเชื่อมต่อไปยังหอคอยอื่น
The Bastion passages and the Carved Stone Museum
A replica of the 16th century Red Lion cannon was added to the garden in Spring 2018.
The original still in Saint Petersburg.
ด้านหน้าหอคอยมีปืนใหญ่จำลองจากศตวรรษที่ 16 ชื่อว่า Red Lion cannon ส่วนของจริงอยู่ที่รัสเซีย
ระเบียงคาเฟ่
The great view of the St. Nicholas' Church spire
The Danish King’s Garden is filled with trees and benches.
ทางทิศเหนือของสวนมีประตูเล็กๆเป็นทางออกไปยังถนน Lühike Jalg
Most haunted street – Lühike Jalg
ถนน Lühike Jalg เป็นทางเดินจากเนินเขาลงไปยังเมืองเก่าด้านล่าง
This is the place that has many ghosts wandering around. Watch out from the monks in Danish King's Garden, and listen to the footsteps and slamming doors in Maiden's Tower.
ตามตำนานเชื่อว่าถนนเส้นนี้มีผีล่องลอยอยู่ทั่วบริเวณ จึงมีนักบวชในสวนคอยเฝ้าระวังความปลอดภัย
Lühike jalg Gate and Väravatorn (The Gate Tower of the Short Leg)
เหนือซุ้มประตูมีรูปไม้กางเขนป้องกันสิ่งชั่วร้าย
Lühike Jalg is a narrow street with lots of stairs that connect Toompea with lower Old Town.
ถนนเส้นนี้แคบและมีบันไดหลายขั้นเป็นถนนที่เชื่อมต่อระหว่างเนิน Toompea กับเมืองเก่าด้านล่าง
ทางเดินค่อนข้างชันแต่ระยะทางสั้นๆประมาณ 200 เมตร เดินลงสบาย
สองข้างทางเป็นร้านค้า ร้านอาหารและโรงแรม
Lühike Jalg means short leg. The parallel street, Pikk Jalg means long leg.
This is why sometimes Tallinn is called the town that limps.
Lühike Jalg เป็นภาษาเอสโตเนียแปลว่า short leg ส่วนอีกถนนที่ขนานคือ Pikk Jalg แปลว่า long leg
ทั้งสองถนนเชื่อมระหว่างเนินด้านบนกับเมืองเก่าด้านล่าง
มองย้อนขึ้นไปเห็นหอคอย Gate Tower ตั้งอยู่ริมทางเดิน ถ้ามาตอนกลางคืนคงดูน่ากลัว
เดินลงเนินไปจนสุดถนน Lühike Jalg
ป้ายร้านค้าเป็นแบบยุคโบราณสวยมาก
ด้านหน้าเป็นสี่แยก ถ้าตรงไปทางทิศตะวันออกคือถนน Niguliste
ทิศใต้คือถนน Rüütli ทางทิศเหนือคือถนน Rataskaevu
เดินลงใต้ไปตามถนน Rüütli จะเห็นโบสถ์เซนต์นิโคลัสสูงโดดเด่น
The museum in the Niguliste Church is one of the few museums housed in a sacral building.
Opening hours :Tue – Sun 10:00–18:00 Ticket 14.00 €
ปัจจุบันโบสถ์นี้ไม่ได้ใช้งานทางศาสนาแล้ว ได้เปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะ
เปิดวันอังคาร-วันอาทิตย์ เวลา 10-18 น. ค่าเข้าชมคนละ 14 ยูโร
เดินย้อนกลับขึ้นเหนือไปตามถนน Rataskaevu
ถนนเก่าแก่เส้นนี้มีความยาวประมาณร้อยกว่าเมตร สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านอาหาร ร้านค้า โรงแรม
Cat's Well is on the corner of Rataskaevu and Dunkri.
It was once one of the main sources of water for the Tallinn.
Local legend believed to be a place where cats would come to drink from the well.
ตรงกลางแยกมีบ่อน้ำโบราณชื่อ Cat's Well เคยเป็นแหล่งน้ำที่สำคัญของเมือง
เดินเลี้ยวขวาลงเนินไปตามถนน Dunkri
Merchant`s House Hotel
The house was once a home of a medieval merchant, dates back to the 14th and 16th century.
บ้านของพ่อค้าตั้งแต่ยุคกลางราวศตวรรษที่ 14-16 ปัจจุบันเป็นโรงแรม
Beer House since 2002
สุดถนนด้านหน้าคือจตุรัสกลางเมือง Town Hall Square
อาคารหลังใหญ่นี้คือศาลาว่าการเมือง
Town Hall Square (Raekoja plats)
It has been a marketplace and the centre of this old town since the Middle Ages.
จตุรัสนี้เป็นตลาดและศูนย์กลางเมืองเก่าตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 รายล้อมด้วยอาคารเก่าแก่
อาคารสีหวานสไตล์อาร์ตนูโว ส่วนใหญ่เป็นร้านอาหาร คาเฟ่
The square is ringed by pretty pastel-coloured buildings dating from the 15th to 17th centuries.
Tallinn Teachers' House, Restaurant Troika, Tudengimaja and Restaurant Kaerajaan
Hopners` House
The building with the Tallinn's historical architecture from 14th-century.
The square is filled with outdoor cafes. It becomes an enchanting Christmas market in winter.
ในช่วงหน้าร้อนจตุรัสนี้จะเต็มไปด้วยคาเฟ่กลางแจ้ง ส่วนหน้าหนาวจะเป็นตลาดคริสต์มาส
Tallinn Town Hall
It is located in the south side of the medieval market square.
It is a two-storey building with a spacious basement with 36.8 m long.
The west wall is 14.5 m in length, and the east is 15.2 m. The height of the tower is 64 metres.
ศาลาว่าการเมืองตั้งอยู่ทางทิศใต้ของจตุรัส อาคารสองชั้นยาว 36.8 เมตร กว้าง 14.5 และ 15.2 เมตร
หอคอยสูง 64 เมตร
The weather vane "Old Thomas" (Vana Toomas) on the top of the town hall's spire.
It is one of the symbols of Tallinn, that has been there since 1530.
บนยอดหอคอยมีกังหันบอกทิศทางลมประดับด้วยรูปปั้นทหาร "Old Thomas" เป็นสัญลักษณ์ของเมือง
Tallinn Town Hall is the oldest city hall in North-Europe. Its first mention in 1322.
ศาลาว่าการเมืองหลังนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1322 ถือว่าเก่าแก่ที่สุดในยุโรปเหนือ
The coat of arms is on the wall of the Tallinn town hall.
The historical buildings surround the square.
ทางทิศเหนือของจตุรัสมีร้านขายยาที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป
เลี้ยวขวาที่ถนน Apteegi tänav ก็จะเห็นอาคารสีครีมสองชั้น มีชั้นใต้ดินด้วยค่ะ
The Raeapteek (Town Hall Pharmacy)
Open all year Mon-Sat 10:00 - 18:00
It is the oldest pharmacy in Europe that has continuously been in business in the same building.
It was first mentioned in town records in 1422.
ปัจจุบันยังเปิดเป็นร้านขายยาอยู่ โดยมีพิพิธภัณฑ์เล็กๆอยู่ด้านใน เข้าชมฟรีค่ะ
There is a museum next to the pharmacy.
The small museum with ancient medical instruments and medicines.
Many dignified men have been pharmacists here during the long history of the Raeapteek.
We can learn about the history and medieval healing methods.
มีมุมให้ถ่ายภาพด้วยค่ะ
It belongs to the Burchart family, who worked in the pharmacy for as many as ten generations.
เป็นพิพิธภัณฑ์เล็กๆจัดแสดงได้น่าสนใจ ของสะสมทุกอย่างเก่าแก่มาก
Raeapteek Museum is supported by the Tallinn Culture and Sports Board.
เดินต่อไปจนสุดถนน Apteegi
เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนน Vene
Hotel Telegraaf
St. Nicholas' Orthodox Church โบสถ์ออโธดอกซ์อยู่ด้านหน้า
เลี้ยวขวาที่ตรอกเล็กๆทางขวามือ พอเข้าไปก็พบกับโบสถ์คาทอลิกสีขาว
St. Peter and St. Paul's Cathedral
Roman-Catholic Cathedral was built in 1841-1844 with Neo-Classical and Neo-Gothic style.
โบสถ์หลังนี้สร้างขึ้นปี 1841-1844 ในสไตล์นีโอโกธิคผสมนีโอคลาสสิค ด้านในเข้าชมฟรี
Access to Katariina Street from Vene Street
โบสถ์ St. Catherine's Church ตอนนี้ปิดซ่อมแซมค่ะ
Katariina käik เป็นถนนแคบๆอยู่ทางทิศใต้ของโบสถ์ เป็นหนึ่งในถนนที่มีชื่อเสียงของเมือง
St. Catherine's Guild
St.Catherine's Passage (Katariina käik)
It is a small and charming pedestrian street connecting Vene Street and Müürivahe Street.
The passage was named in 1996, formerly known as Monk's Alley.
ถนนคนเดินเส้นนี้เชื่อมต่อระหว่างถนนหลักสองเส้นคือ Vene Street และ Müürivahe Street
St. Catherine's Passage remains a few original fragments of the old St. Catherine's Monastery which has been destroyed during the reformation back in 1524. It is one of the oldest buildings in Tallinn.
ถนนเส้นนี้น่าจะสร้างมาพร้อมๆกับโบสถ์ซึ่งมีอายุไม่ต่ำกว่า 500 ปี
There are several craft workshops located along St. Catherine's Street
ด้านหน้าคือทางออกไปยังถนน Müürivahe
เดินออกมาก็พบกับกำแพงเมืองเก่าและหอคอย Hellemann
Hellemann Tower at the end of Müürivahe street is home to an art gallery and an inn.
The 200 m long old defence wall is connect Hellemann Tower with Munkadetagune Tower.
ทางเดินบนกำแพงเมืองเก่าเชื่อมต่อระหว่างหอคอย Hellemann และ Munkadetagune
มีความยาวประมาณ 200 เมตร ค่าขึ้นชมคนละ 4 ยูโร
บริเวณนี้เป็นจุดสิ้นสุดของกำแพงเมืองทางทิศใต้ กำแพงนี้สร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 14
This medieval fortifications have been protecting Tallinn since the 14th century.
เดินออกมาที่ถนน Viru ถนนเส้นหลักตรงไปยังจตุรัสกลางเมือง
มองเห็นยอดหอคอยของศาลาว่าการเมืองสูงโดดเด่น
Viru Street with many shops and restaurants is one of the busiest pedestrian streets in the Old Town.
Viru Gate (Viru Värav)
The gate dates from the 14th Century. The two towers are the entrance way to the Old Town.
หอคอยโบราณคู่นี้เป็นประตูเมืองเก่าตั้งแต่ศตวรรษที่ 14
ทางขวามีบันไดทางขึ้นไปยังสวน Virumägi (Musumägi) ชาวเมืองเรียกว่าเนินแห่งความรัก
There were a total of 45 towers built into the walls that protected Tallinn.
Twenty-six of those still remain. Two of the best preserved of the bunch are called Viru Gate.
กำแพงเมืองเก่ามี 45 หอคอย ปัจจุบันเหลือเพียง 26 หอคอย
โดยหอคอยคู่ตรงประตู Viru Gate มีสภาพสมบูรณ์ที่สุด สันนิษฐานว่าสร้างตั้งแต่ปี 1362
ด้านนอกกำแพงมีร้านอาหารหลายร้าน
Tallinn’s Flower Market (Viru tänava lilleturg)
ริมถนนทางเข้าประตูเมืองเป็นตลาดดอกไม้เมืองทาลลินน์
ดอกไม้สดนานาชนิดจัดเป็นช่อและแจกัน เหมือนเดินชมสวนดอกไม้เลยค่ะ
Sculpture "Poisid delfiiniga"(Boys with fish)
เดินข้ามมายังถนน Parnu เพื่อขึ้นรถบัสกลับโรงแรม
Monument to the Revolution of 1905
เวลา 15:00 น.เช็คอินแล้วเอากระเป๋าขึ้นไปห้องพักค่ะ
ห้องเล็กมาก สะอาด มองเห็นวิวท่าเรือ จัดกระเป๋า อาบน้ำและนอนพักกันก่อนค่ะ
เวลา 17:00 น. พอฝนหยุดตก พวกเราก็ออกไปเที่ยวกันต่อค่ะ
เดินข้ามสะพาน Admiral Bridge ไปซื้อของที่ตลาดท่าเรือกันค่ะ
Harbor Market (Sadama Turg)
It is located near the Port of Tallinn. Open all year round : Mon-Sun 09:00 - 19:00
Sell traditional Estonian food, meat, fish, vegetables, dairy products, bread, sweets and handicrafts.
ตลาดอยู่ตรงข้ามท่าเรือ เปิดทุกวัน ด้านในมีของขายเยอะมากๆ ทั้งอาหาร ของใช้และของที่ระลึก
Old City Harbour (Vanasadam) is the biggest passenger harbour for both Port of Tallinn and Estonia.
เดินไปตามถนน Kai tn เพื่อเข้าไปยังเมืองเก่าที่อยู่ทางทิศตะวันตก
ด้านหน้าคือยอดโบสถ์เซนต์โอลาฟในเมืองเก่า ระยะทางประมาณ 500 เมตร
ข้ามทางรถไฟแล้วเดินขึ้นเนินไปยังพิพิธภัณฑ์ทางทะเลแห่งเอสโตเนีย
Estonian Maritime Museum (Eesti Meremuuseum)
The Museum presents the history of ships and navigation in Estonia and related to Estonia.
It was established in February 1935.
Open Tue–Sun 10–18. On Mondays closed. Ticket 20.00 €
The Estonian Maritime Museum is located in the Fat Margaret tower, built in 1511-1530.
พิพิธภัณฑ์ทางทะเล ตั้งอยู่ในหอคอย Fat Margaret tower เปิดดำเนินการในปี 1935
ด้านในจัดแสดงประวัติการเดินเรือของชาวเอสโตเนีย ค่าเข้าชมคนละ 20 ยูโร
Stolting Tower เป็นหนึ่งในหอคอยของกำแพงเมืองเก่า
ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์คือสวน Margaret's Garden
มีอนุสรณ์สถานเพื่อระลึกถึงผู้ที่เสียชีวิตในเหตุการณ์เฟอร์รี่ล่มวันที่ 28 กย. 1994
"The Broken Line" monument
It was erected in memory to victims of the MS Estonia ferry when it sank On September 28, 1994.
เดินอ้อมไปด้านหลังหอคอย Fat Margaret tower มีซุ้มประตูเมืองเก่าด้านบนประดับด้วยตราประจำเมือง
The Great Coastal Gate (Suure Rannavärava eesvärav)
It was built in 1448-1460. It is a medieval defensive structure on the northern side of the city.
ประตูเมืองนี้สร้างขึ้นในปี 1448-1460 ตั้งอยู่ทางเหนือสุดของกำแพงเมืองเก่า
Plaque in both Polish and Estonian commemorating the "Orzeł incident"
and the escape of the submarine Orzeł in 1939.
หอคอยด้านข้างเป็นทรงกลมเหมือน Viru Gate
The gate consisted of two slender towers and a drop-down lattice gate,
similar to the main gate of the Viru Gate.
เดินต่อไปตามถนน Lai ตามแนวกำแพงเมือง
The Horse Mill - Tallinn City Theatre (Hobuveski)
Built in the 14th Century. It has been used as a theatre venue since 2003.
โรงละครเมืองทาลลินน์สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 ตั้งอยู่ติดกับโรงแรม Rija Old Town Hotel
Laboratooriumi (Laboratory street) is a street along the edge of the west side city wall.
ถนน Laboratooriumi เป็นถนนที่อยู่ทางฝั่งตะวันตกของกำแพงเมือง
St Olaf's Church (Oleviste kirik) is considered one of the symbols of Tallinn.
It is the largest medieval building in Tallinn, first mentioned in 1267.
โบสถ์เซนต์โอลาฟเป็นอาคารยุคกลางที่ใหญ่ที่สุดในทาลลินน์ เชื่อว่าสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 12
The church's prominent spire now stands at 123 m. but in the 15th century, it reached an astonishing height of 159 metres, making St.Olaf's Church one of the tallest structures in the world.
ในศตวรรษที่ 15 โบสถ์นี้มียอดสูง 159 เมตรถือว่าสูงที่สุดในโลกแต่โดนฟ้าผ่าและไฟไหม้
ปัจจุบันโบสถ์มียอดสูง 123 เมตร ซึ่งก็ยังสูงโดดเด่นที่สุดในเมือง
The church was named after the Sainted Norwegian king Olav II Haraldsson.
โบสถ์เปิดทุกวัน เวลา 10-18 น. เข้าชมด้านในฟรีค่ะ
Opening hours : Mon-Sun 10:00–18:00
ด้านในโบสถ์ค่อนข้างเก่าและสงบ ตกแต่งเรียบๆ ตอนนี้ใกล้จะปิดไม่มีคน จนท.กำลังทำความสะอาด
The central nave
เพดานสูง ด้านข้างมีบันไดขึ้นไปชมวิวบนหอคอย ค่าขึ้นคนละ 5 ยูโร
There are 232 steps leading up to the observation platform. Ticket 5 Euro.
Ministry of Rural Affairs
ฝั่งตรงข้ามโบสถ์คือกระทรวงเกษตรชนบท เดินต่อไปตามถนน Lai
Pagari Street (Bakery Street) is a street between Pikk Street and Lai Street.
ถนน Pagari Street เป็นถนนเส้นสั้นๆที่เชื่อมต่อระหว่างถนน Pikk Street และ Lai Street
Plate Tower and Suurtüki Street
อาคารเก่าตกแต่งและทาสีสวย
ในเมืองนี้มีตรอกเล็กๆที่เชื่อมต่อกับถนนหลักเยอะมากค่ะ
Estonian Museum of Applied Art and Design
ทางเข้าพิพิธภัณฑ์ศิลปะและการออกแบบ
Estonian Health Museum (Eesti Tervisemuuseum)
Tallinn City Center Government ตั้งอยู่บนเนินเขาฝั่งตะวันตก
เดินจากโบสถ์เซนต์โอลาฟมาประมาณ 400 เมตร จะถึงทางเข้าถนนเล็กๆทางซ้ายมือ
Börsi käik (The Stock Exchange Passage)
It is a 70 m long pedestrian walkway connecting Pikk Street and Lai Street.
ถนน Börsi käik เป็นถนนคนเดินยาว 70 เมตรเชื่อมระหว่างถนน Pikk Street และ Lai Street
It is also called the Path of History (Ajaloo käik)
The Exchange Passage was built in 1551. It was built to meet the needs of merchants.
It got its name due to its proximity to the Great Guild Hall.
ถนนนี้สร้างขึ้นในปี 1551 ตั้งชื่อตามอาคารที่อยู่ด้านข้าง เป็นที่รวมตัวกันของพ่อค้า
The installation "The Passage of History" is located here.
ถนนเส้นนี้เรียกว่าเป็น "ทางเดินแห่งประวัติศาสตร์ของเอสโตเนีย"
It is part of the courtyard exhibition of the Estonian History Museum.
บนพื้นทางเดินจารึกวันที่และเรื่องราวเหตุการณ์สำคัญต่างๆของเอสโตเนีย
The dates and names of important cultural events in Estonian history are carved into the walkway.
เดินอ่านเรื่องราวเหตุการณ์สำคัญของเอสโตเนียไปตลอดทางเดิน
The Path of History gives visitors a quick overview of the history of Estonia.
ทางเดินสั้นๆแต่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์
เดินออกมาที่ Metal Gate ถนน Pikk street
Estonian History Museum - Great Guild Hall
Holy Spirit Church
The bright white church with hexagonal tower was built in the 14th century.
โบสถ์นี้ตั้งอยู่ตรงข้ามพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 หอคอยเป็นรูปหกเหลี่ยม
เดินไปตามถนนข้างโบสถ์
Institute of Theology of the Estonian Evangelical Lutheran Church
ทานอาหารเย็นที่ร้าน Golden Dragon Restaurant
เย็นนี้พวกเราไม่ค่อยหิวเลยทานข้าวผัดคนละชามค่ะ
ทานอาหารเสร็จก็เดินย้อนกลับไปที่ถนน Pikk street ทางซ้ายมือคือ Town Hall Square
เมื่อเช้าพวกเราไปเดินเล่นที่จตุรัสนี้แล้ว เย็นนี้เลยเดินผ่านค่ะ
เดินตรงไปตามถนน Pikk street ซึ่งมีชื่อเรียกว่า Long Leg street
ถนนเส้นนี้จะขึ้นเนินไปถึงด้านบน ด้านหน้ามีหอคอย
Pika jala väravatorn (Long Leg Gate Tower)
This well-preserved tower is part of the ancient city walls that date back to the 13th century.
หอคอยและซุ้มประตูนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 สภาพปัจจุบันยังดูสมบูรณ์มาก
พวกเรายังไม่เดินผ่านซุ้มประตู เพราะคุณป๋าจะพาไปจุดชมวิวอีกแห่งก่อนค่ะ
เลี้ยวซ้ายไปตามถนน Nunne street
ขวามือคือทางแยกไปยังถนน Lai street
พวกเราจะขึ้นบันไดเพื่อไปยังเนินชมวิวด้านบน แต่ตอนนี้ทางปิดซ่อมแซมเลยต้องเดินย้อนกลับ
Marie Soosaar Queen Painting
Gustav Adolf Gymnasium History museum
ด้านข้างพิพิธภัณฑ์คือถนน Väike-kloostri Street เป็นทางไปยังกำแพงเมืองเก่าที่อยู่ทางทิศเหนือ
ทางซ้ายมือคือพิพิธภัณฑ์ Estonian Theatre for Young Audiences / Museum of Puppetry Arts
แยกด้านหน้าทางตรงไปยังถนน Rataskaevu street พวกเราเลี้ยวเข้าสู่ถนน Pikk street
เดินกลับมาที่ Pika jala väravatorn (Long Leg Gate)
It is the lower town's main gate to the Toompea.
เดินผ่านซุ้มประตูเดินขึ้นเนินต่อไปตามถนน Pikk street
Pikk street is the oldest and also one of the longest streets in the Old Town.
In Middle Ages, it was the main street, along with Lai street, that led from Toompea to the sea.
ถนน Pikk street เป็นถนนที่เก่าแก่และยาวที่สุดในเมืองเก่าทาลลินน์
Office of the Chancellor of Justice
ทางเดินขึ้นเนินไปจนถึงด้านบน ทางซ้ายมือคือหอคอยและประตูเมือง
Lühike jalg gate tower (Lühikese Jala väravatorn)
The Short-legged Gate Tower was built in 1454–1456.
เมื่อเช้าพวกเราเดินผ่านประตูนี้ เย็นนี้เลยแวะเข้าไปชมด้านในก่อนค่ะ
หอคอยนี้มีตำนานเกี่ยวกับผีหลายเรื่องค่ะ
It is the only pedestrain gate of the lower town. The gate was closed at night.
ด้านล่างคือถนน Lühike Jalg (Short Leg street)
เดินออกมาที่ Pikk street เดินต่อไปจนสุดถนน
Alexander Nevsky Cathedral ตั้งอยู่ตรงสุดถนน
Lossi plats and Toompea Post office
ที่ทำการไปรษณีย์อยู่ตรงจตุรัสด้านหลังโบสถ์
Toompea Castle
เดินขึ้นเหนือไปตามถนน Piiskopi เพื่อไปที่จุดชมวิวก่อนค่ะ
St. Mary's Cathedral
It is a Lutheran cathedral, located on the Toompea hill.
It is the oldest church in Estonia, established in the 13th century.
The church has been a national cultural monument of Estonia since 20 September 1995.
มหาวิหารเซนต์แมรี่ สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 13 เป็นโบสถ์เก่าแก่ที่สุดในเอสโตเนีย
เลี้ยวขวาไปตามถนน Kohtu
Symphony of Amber ร้านขายของที่ระลึกจำพวกอำพันและอัญมณี
เลี้ยวขวาที่มุมอาคารด้านหน้า
มาถึงจุดชมวิวแล้วค่ะ
Kohtuotsa viewing platform (Kohtuotsa vaateplats)
It is on the northern side of Toompea hill.
It provides views over the red roofs, towering spires of the Old Town and buildings in the new city.
จุดชมวิวนี้อยู่ทางทิศเหนือของเนินเขา เห็นวิวทางทิศตะวันออกของเมืองเก่าและอาคารในเมืองใหม่
ยอดหอคอยของ Holy Spirit Church และ Tallinn Town Hall ตรงกลางคือ Long Leg Gate Tower
In the background is the Gulf of Finland and the port.
ยอดแหลมของโบสถ์เซนต์โอลาฟ หลังคาสีแดงของอาคารเก่ามีฉากหลังเป็นท่าเรือและอ่าวฟินแลนด์
Kohtuotsa Viewing Point is free to access and is open year-round.
ไปชมจุดชมวิวอันต่อไป เดินขึ้นเหนือไปตามถนน Toom-Rüütli Street
เลี้ยวซ้ายผ่านซุ้มประตูด้านหน้า
Patkuli Viewing Platform (Patkuli vaateplatvorm)
มาถึงจุดชมวิวที่มีชื่อเสียงอีกแห่งของเมือง อยู่ห่างจากจุดแรกประมาณ 100 เมตร
It is the second most popular viewing platform in the city after the Kohtuotsa Viewing Platform.
It is a spectacular viewing and observation point situated on the north side of Toompea Hill.
จุดชมวิวตรงนี้ค่อนข้างกว้างและใหญ่กว่าจุดแรก เก็บภาพมุมมหาชนค่ะ
Patkuli อยู่ทางเหนือของ Kohtuotsa วิวจึงแตกต่างกันนิดหน่อย
Views of Tallinn's old town, the UNESCO World Heritage site.
แนวหอคอยและกำแพงเมืองเก่าทางฝั่งตะวันตก ด้านหลังคือโบสถ์เซนต์โอลาฟและทะเล
The red-tiled roofs of the medieval buildings, the medieval walls and towers,
the spires of St.Olaf's church and the Baltic Sea
Tallinn's city wall were one of the largest and strongest defence systems in entire Northern Europe.
กำแพงเมืองเก่าของทาลลินน์มีขนาดใหญ่และแข็งแรงที่สุดในโซนยุโรปเหนือ
Patkuli viewing platform is a good place for examining the city wall and a number of towers.
คนนิยมมาชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกที่จุดชมวิวนี้ พวกเราไม่ได้รอชมเพราะอีกนานกว่าพระอาทิตย์จะตก
ไปเดินเล่นกันต่อค่ะ เดินไปตามถนน Rahukohtu
อาคารด้านหน้าคือ Government Office of Estonia
สองข้างของถนน Rahukohtu เป็นอาคารหน่วยงานราชการเมืองทาลลินน์
National Audit Office of Estonia
St Mary's Cathedral
Church Square (Kiriku plats)
จตุรัสด้านหน้ามหาวิหารเซนต์แมรี่ ล้อมรอบด้วยอาคารเก่าแก่
เลี้ยวซ้ายเดินลงใต้ไปตามถนน Toom-Kooli
The Estonian Academy of Music and Theatre
เดินมาถึงจตุรัส Lossi Plats ก็จะพบกับมหาวิหารสีขาวขนาดใหญ่ด้านบนเป็นยอดโดมทรงหัวหอม
Alexander Nevsky Cathedral
It is the Russian Orthodox Cathedral , built in 1894–1900 with typical Russian Revival style.
ด้านบนประดับด้วยภาพโมเสกรูป Our Lady of the Sign และ Edessa
วิหารเปิดทุกวันเวลา 08:00-18:00 น.เข้าชมฟรี
The cathedral is the city's largest cupola church.
It is dedicated to the grand prince of Kiev, later Russian orthodox St. Alexander Nevsky.
Alexander Nevsky Cathedral เป็นมหาวิหารรัสเซียนออ์โธดอกซ์ที่ใหญ่ที่สุดในทาลลินน์
สร้างเสร็จในปี 1900 ด้านบนเป็นหอระฆังใหญ่ มีระฆัง 11 อัน หนึ่งในนั้นมีน้ำหนัก 15 ตัน
The church towers have 11 bells, among which is the largest bell in Tallinn, weighing 15 tons.
ตอนนี้วิหารปิดแล้วพวกเราเลยเดินชมรอบๆค่ะ บริเวณนี้คือประตูทางทิศใต้
ด้านบนคือภาพโมเสกของ Alexander Nevsky และ Sergius of Radonezh and Vladimir the Great
The mosaic panels above the entrances give the church historical value.
The Cathedral is mix of styles, including baroque, Russian Revival and Orthodox sacral architecture.
อาคารสีเหลืองทางฝั่งตะวันออกของมหาวิหารคือสถานทูตเยอรมนีประจำเอสโตเนีย
The official residence of the German Ambassador to Estonia
อาคารราชการรอบๆมหาวิหาร
Castle Square (Lossi plats)
It is located in front of Toompea Castle.
จตุรัส Lossi plats ตั้งอยู่ระหว่าง Toompea Castle และ มหาวิหาร Alexander Nevsky Cathedral
Toompea castle (Toompea loss)
The complex of the building is made up of the medieval fortress with western wall.
It was built on this site in the 13th and 14th centuries.
Toompea castle is the seat of the parliament of Estonia, the Riigikogu.
พระราชวังหลังนี้สร้างอยู่ในป้อมปราการเก่าตั้งแตศตวรรษที่ 13 ปัจจุบันเป็นรัฐสภาของเอสโตเนีย
อาคารด้านหน้าฝั่งตะวันออกตกแต่งสไตล์บาโรค สีชมพูสวยหวาน
The eastern façade of the castle features an exquisite pink baroque design that is widely attributed to
the era of Catherine the Great. It was built between 1767 and 1773.
ทางทิศใต้ของพระราชวังเป็นสวน Governor’s Garden เข้าไปเดินเล่นได้ค่ะ
Governor’s Garden,
It is at the southern edge of the castle, paved with peaceful walking trails.
The Pikk Hermann
It is a soaring defense tower adjoined to the main castle building.
The tower measures 46 meters above ground, adorned with the Estonian national flag.
This is raised every morning and lowered in the evening to the tune of the national anthem.
ด้านหลังคือหอคอย Pikk Hermann สูง 46 เมตร ด้านบนประดับด้วยธงชาติเอสโตเนีย
เดินเล่นชมสวนร่มรื่น มีม้านั่งรอบๆ
เดินเล่นจนรอบ ก็ได้เวลากลับแล้วค่ะ เดินลงเนินไปตามถนน Toompea
Map of attraction in Vanalinn (Estonian for "Old Town")
Toompea Gate
It was the most important gate of Tallinn in the post-medieval period.
ลงเนินแล้วเลี้ยวขวาเข้าสู่ถนน Falgi tee เดินเลียบกำแพงเมืองเก่า
The Old Town of Tallinn was added to the UNESCO World Herritage List in 1997.
Pikk Hermann and the national flag, a blue-black-white tricolour
The Turkish wing (Türgi tiib)
It is a triangular fortification which extends towards Toompea Hill.
เดินลงมาจนถึงถนน Toompuiestee แล้วเลี้ยวขวาไปที่ป้ายรถบัสตรงสวนสาธารณะ
เวลา 20:00 น.นั่งรถบัสกลับโรงแรม
เวลา 23:00 น.พระอาทิตย์ตกท้องฟ้าเริ่มมืด ได้เวลานอนพักผ่อนแล้วค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น