TUKEMD

__TUKEMD__ชื่อบ้าน อ่านว่า ตุ๊ก-เอ็ม-ดี นะจ๊ะ เป็นชื่อในเน็ตของแม่ตุ๊กเองค่ะ

บ้านหลังน้อย หลังนี้เป็นของแม่ตุ๊ก,น้องมะปราง และ คุณป๋า

เป็นบล็อกเพื่อบันทึกความสุข ความทรงจำ ในการท่องเที่ยวที่ต่างๆของครอบครัวเราค่ะ



2567/10/21

Pärnu "Estonia's most popular summer holiday town" (แปร์นู เมืองตากอากาศของเอสโตเนีย)

วันอังคารที่ 28 พฤษภาคม 2567

เวลา 12:40 น.ออกเดินทางไปยังเมืองแปร์นู ที่อยู่ริมชายฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของเอสโตเนีย

ระยะทางจากเมืองตาร์ตูไปยังแปร์นูประมาณ 180 กม. ใช้เวลาเดินทาง 2.5 ชม.

พวกเราใช้บริการของบ. Lux Express เหมือนเดิม รถใหม่สะอาดนั่งสบาย

เข้าสู่เขตเมืองแปร์นูแล้วค่ะ


บ้านเรือนส่วนใหญ่สร้างจากไม้ หลังคาหน้าจั่ว

Wooden Houses

เวลา 15:30 น. เดินทางมาถึงสถานีรถบัส Pärnu long distance bus station

เอากระเป๋าเดินทางไปฝากไว้ที่ห้องรับฝากสัมภาระในสถานี แล้วออกไปเดินเล่นในเมืองเก่าค่ะ

Museum of New Art (Uue Kunsti Muuseum : UKM) 

Rüütli plats is in front of the Pärnu Hotel that end of the Rüütli street.

Monument to declaring the independence of the Republic of Estonia

อนุสรณ์สถานทำจากหินแกรนิต สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงวันประกาศอิสรภาพเอสโตเนียวันที่ 23 ก.พ.1918

"Manifesto to the Peoples of Estonia" was publicly read out for the first time on February 23, 1918.

จตุรัส Rüütli plats ตั้งอยู่ด้านหน้าโรงแรม Pärnu Hotell  ตรงกลางมีเสาธงและอนุสรณ์สถาน
ทิศเหนือของจตุรัสคือ พิพิธภัณฑ์ศิลปะแนวใหม่ ทิศใต้คือจุดสิ้นสุดของถนน Rüütli

ทางทิศตะวันตกของจตุรัส มีหัวรถจักรโบราณสีเขียวตั้งอยู่ (เพิ่งทาสีใหม่กลิ่นแรงมากค่ะ)

Monument to Pärnu Narrow Gauge Railway
The steam locomotive that forms the memorial was built in 1911 in Germany and the platform wagon in 1913 in St. Petersburg, Russia. It was the first narrow-gauge railway in Estonia.

หัวรถจักรนี้สร้างขึ้นในปี 1911 ที่ประเทศเยอรมนี และนำมาจัดแสดงเป็นอนุสรณ์สถานในปี 2006
 เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 110 ปีของการเปิดใช้งานทางรถไฟสายแคบแห่งแรกในเอสโตเนีย

  The memorial was opened in 2006 to commemorate the opening of the Valga–Ruhja–Pärnu narrow-gauge railway 110 years ago.


Rüütli 40 (a former school building and pharmacy) :  The building houses nightclubs, at present.

เดินเข้าเมืองไปตามถนน Rüütli street

เลี้ยวขวาเข้าสู่ถนน Hommiku จะพบกับประตูทางเข้าไปยังหอคอยสีแดง

Red Tower (Punane torn)

It is only building of medieval New-Pärnu Fortress, which is preserved until today. 
The tower is named after the red bricks which are used to line the inside and outside of the tower.

หอคอยนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 เป็นเพียงอาคารเดียวของป้อมปราการในยุคกลางซึ่งยังเหลืออยู่
ตั้งชื่อตามอิฐสีแดงที่นำมาเป็นผนังของหอคอย ปัจจุบันด้านในเป็นพิพิธภัณฑ์

The corner tower of the medieval city fortifications built in the 15th century. 

It has been changed to a museum, exhibit the story of the former prison tower and medieval Pärnu. 

เดินต่อไปตามถนน Rüütli street

Pärnu historic city center has been protected by the state as a heritage conservative area since 1973.

ย่านเมืองเก่าแปร์นูเป็นเขตอนุรักษ์เชิงมรดกตั้งแต่ปี 1973

Rüütli tänav (Knight Street) 
It is a pedestrian street running from west to east of historic downtown Pärnu, 915 m long.

It is the main street of Pärnu and created in the 17th century.

ถนน Rüütli Street เป็นถนนเส้นหลักของเมืองมีความยาวจากทิศตะวันตกไปยังทิศตะวันออก 915 เมตร

ถนนเส้นนี้สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 17

สองข้างทางเชื่อมต่อกับถนนในเมืองหลายเส้น

Rüütli Street has been a historically important commercial street.

สมัยก่อนเป็นถนนสำคัญทางการค้า ปัจจุบันอาคารเหล่านี้กลายเป็นร้านค้า คาเฟ่ โรงแรม

 Today there are several shops, institutions and cafes along the street.


เลี้ยวขวาที่ถนน Nikolai street

ถนนนี้เป็นหนึ่งในถนนสำคัญของเมืองแปร์นู ทางทิศเหนือคือศาลาว่าการ

เดินเข้าไปตามถนน Nikolai street จนถึงสี่แยกตัดกับถนน Uus street จะพบกับบ้านไม้เกาแก่หลังใหญ่

Pärnu Citizen's House (Pärnu Linnakodaniku Maja)
It is the oldest wooden house with a steeply pitched gable roof in the city's medieval center
that has survived fires and wars..

The building was built between 1738 and 1740. It was built on the walls of a medieval stone house. 

 Linnakodaniku Maja สร้างเสร็จในปี 1740 เป็นบ้านไม้ที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในเมือง

This wooden house has a steeply pitched gable roof and truss gables. 
It has been declared a national cultural monument.

It is a little museum.There are various room: citizen's room, Hanseatic room, sister cities room,etc.
Open only on Wed and Thu 12:00-18:00.  Admission free.

ปัจจุบันบ้านไม้หลังนี้เป็นพิพิธภัณฑ์ เข้าชมฟรี เปิดเฉพาะวันพุธและพฤหัสบดี

ทางทิศใต้ของถนน Nikolai คือโบสถ์ St. Elizabeth's Church พวกเราจะแวะไปชมตอนกลับค่ะ

อาคารสีเหลืองสองชั้นตรงหัวมุมถนนหันหน้าเข้าสู่ถนน Uus street คือ ศาลาว่าการเมือง

Pärnu Town Hall 
It is located in a house built in 1797 by the merchant P.R. Harder; with its early-classicist decor.

The building is composed of two parts: 
classicist part at Uus Street and the neo-baroque part, which was built in 1911.

อาคารหลังนี้ประกอบด้วย 2 ส่วนคือ ส่วนคลาสสิกสร้างตั้งแต่ปี 1797 ปัจจุบันเป็นศาลาว่าการเมือง
และส่วนเสริมซึ่งสร้างขึ้นในปี 1911 สไตล์นีโอบาโรคจึงดูโบราณกว่า ปัจจุบันเป็นสภาเทศบาลเมือง

เดินต่อไปตามถนน Uus street

EKNK Pärnu Russian congregation

อาคารเก่าส่วนมากมีสีสันสดใส ทำให้บรรยากาศเมืองเก่าดูน่ารัก


จากมุมนี้มองเห็นยอดหอคอยของสภาเทศบาลเมืองซึ่งอยู่ด้านหลังศาลาว่าการเมือง


ตรงหัวมุมถนน Uus Street และ Vee Street คือโบสถ์เซนต์แคทเธอรีน

Pärnu St. Catherine's Church (the Church of St. Catherine)
It was built in 1768 with Baroque style. It is a Russian Orthodox church. It has six towers.

โบสถ์เซนต์แคทเธอรีนเป็นโบสถ์รัสเซียนออร์โธดอกซ์ สร้างขึ้นในปี 1768 สไตล์บาโรค
ด้านบนมีหอคอย 6 อัน โบสถ์ตั้งชื่อตามจักรพรรดินีแคทเธอรีนมหาราช เปิดให้เข้าชมฟรีทุกวัน

The church is home to the Pärnu Russian Holy Great Martyr Ekaterina congregation of the Estonian Orthodox Church of the Moscow Patriarchate.

เข้าไปเดินเล่นในสวนสาธาณะเล็กๆ ตรงกลางเป็นสนามหญ้าและน้ำพุ มีม้านั่งรอบๆสวน 

Pärnu Children's Park (Pärnu Lastepark)
 It is located in the area between Uus , Vee , Munga and Rüütli streets.

ชายหาดต้องเดินลงไปทางทิศใต้ตามป้าย พวกเราเดินข้ามถนนไปยังสวน Jakobson Park

Jakobson Park was built to replace buildings that were bombed to pieces during World War II.

Monument for August Jakobson (the writer and politician)

เดินลัดสวนมาจนถึงถนน Kuninga street ด้านหน้าคือผับ Bum Bum Pub

เดินต่ออีกประมาณ 100 เมตรก็มาถึงประตูเมืองเก่า ฝั่งนี้คือผนังด้านในตัวเมือง

 Tallinn Gate (Tallinna värav)
It is the only surviving 17th-century rampart gate in the Baltics, 
which was called Carl Gustav's (King's) Gate until 1710.

On the wall of the gate is a memorial plaque in Estonian and Russian to Alexander Pushkin's grandfather Ibrahim Petrovich Gannibal , who lived in Pernov (Pärnu) from 1731 to 1733 
and taught mathematics, fortification and drawing there. 

เดินผ่านประตู Tallinn Gate ออกไปนอกตัวเมือง

โมเดลแสดงตำแหน่งและชื่อของอาคาร-ป้อมปราการ ในเขตเมืองเก่า

ประตูเมืองเก่านี้เปิดใช้งานในปี 1686 เป็นประตูจากศตวรรษที่ 17 อันเดียวที่ยังเหลืออยู่
ตัวอาคารสร้างจากหินธรรมชาติ ผนังด้านนอกตกแต่งด้วยหินโดโลไมต์ ทาสีชมพูหวาน

The building was commissioned in 1686, and it displays the stylistic features of the Swedish Baroque classicism that dominated from the mid-17th century until 1710.

The gatehouse is built of natural stones and bricks, the facades is made of porous Riga dolomite. 
The gate tunnel is covered in the middle by a 4.95 m wide and 6.85 m high cylindrical vault. 

ด้านนอกประตูเมืองคือสวน Valli park มีคูน้ำเชื่อมต่อกับแม่น้ำ Pärnu river และไหลออกสู่ทะเล
ตรงกลางเป็นน้ำพุที่สูงที่สุดในเอสโตเนีย ตอนนี้เปิดแต่อันเล็ก

Valli park (Pärnu Vallikäär)
It is a promenade park along the beach.

There is a romantic pedestrian bridge arching over the moat.

It is the site of the rampart and moat bend surrounding the former Pärnu city wall.

The Estonia's highest fountain built in the middle of the moat. 

Stage at the end of the moat

Vallikääru pedestrian bridge

The wooden arch bridge was built in 2011.

สะพานไม้คนเดินสำหรับข้ามคูน้ำ สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 2011 ตอนนี้เก่าและทรุดโทรมมาก

ตรงเชิงสะพานเป็นท่าจอดเรือยอร์ช มีทั้งเรือส่วนตัวและเรือเช่า

บนสนามมีตัวอักษรชื่อเมืองแปร์นูตั้งอยู่โดดเด่น เป็นมุมถ่ายรูปที่เห็นหอคอยของโบสถ์อยู่ด้านหลัง

A new and proud symbol of Pärnu was installed on the Vallikääru meadow in 2022. 

The heart and PÄRNU  (I love Pärnu) 

เดินข้ามสะพานย้อนกลับทางเดิม

เดินผ่านประตูเมืองเข้าสู่เขตเมืองเก่าอีกครั้ง

ทางเดินริมสวน Jacobson park มีต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น

เดินต่อไปตามถนน Kuninga (King street) ประมาณ 200 เมตร

ด้านหน้าคือโบสถ์เซนต์เอลิซาเบธ ยอดแหลมสีแดงมองเห็นได้จากที่ไกลๆ

St. Elizabeth's Church (Eliisabeti kirik) 
 The construction started in 1744. The building was finished in 1747 and the spire finished in 1750.

The rust-coloured Lutheran church was named for Russian Empress Elizabeth,
 who gifted Pärnu's Lutherans 8000 roubles for its construction. 

โบสถ์เซนต์เอลิซาเบธเป็นโบสถ์ลูเธอรัน ตั้งชื่อตามจักรพรรดินีเอลิซาเบธแห่งรัสเซีย

โบสถ์นี้เริ่มก่อสร้างในปี 1744 และเสร็จสมบูรณ์ในปี 1750 ยอดแหลมของหอระฆังมีสีแดงโดดเด่น

ด้านหน้าคือโรงแรม Clementimaja

ฝั่งตรงข้ามเป็นบ้านไม้เก่าทาสีพาสเทล

Frost Boutique Hotel

บ้านไม้ติดป้ายประกาศขาย

The church is one of the finest ecclesiastical baroque buildings in Estonia 
Original colors of the church are Swedish red and ochre yellow.

อาคารสีเหลืองทางซ้ายมือคือที่ทำการศาล Pärnu County

 The entrance to the church is from Nikolai Street.

โบสถ์เปิดวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 9:00-14:00 น. ตอนนี้โบสถ์ปิดแล้วค่ะ

Georg W. Richmann monument (Pärnu' scientist)

เดินต่อไปตามถนนด้านข้างโบสถ์ ด้านหลังนี้คือส่วนต่อเติมใหม่ของโบสถ์สร้างเสร็จในปี 1893

 The church's new brick wing was completed  in 1893.

Kuninga 24 – former merchant's residence

ตรงหัวมุมถนนเป็นอาคารเก่าแก่สีน้ำตาลที่มีคุณค่าทางสถาปัตยกรรมและประวัติศาสตร์

King's 28 building was built in 1696-1700. It housed Jacob Jacke's department store from 
1762 to 1939. It has great architectural and historical value and has been declared a national cultural monument. 

อาคาร King's 28 สร้างขึ้นในปี 1696-1700 ต่อมาในปี 1762 พ่อค้ารายใหญ่ชื่อ Jacob Jacke
 ก่อตั้งห้างสรรพสินค้าและดำเนินกิจการจนถึงปี 1939 ปัจจุบันได้รับการอนุรักษ์เป็นมรดกเชิงวัฒนธรรม

Boutique Hotel Rosenplänter

Alternative street art district

เดินข้ามห้าแยกเข้าไปยังสวนสาธารณะกลางเมืองแปร์นู 

Koidula park : A central park in Pärnu city

เดินเข้าไปชมอาคารเก่าด้านในค่ะ

Pärnu Basic School and Memorial 'Ajahetk' (the founders of the Republic of Estonia)

อาคารอิฐสีน้ำตาลหลังนี้เป็นโรงเรียนประจำเมือง

บริเวณนี้เป็นวงเวียนขนาดใหญ่มีถนน 5 สายมาบรรจบกัน ฝั่งตรงข้ามคือโบสถ์ออร์โธดอกซ์

Pärnu Transformation of Our Lord Orthodox Church

โบสถ์หลังนี้ใหญ่สีสวย ภายนอกตกแต่งหรูหรามากค่ะ

The church was built in 1902–1904 with the historic Old Russian-style.

The church had a typical to that time brick facade and a base of granite ashlar work.

It is a majestic symbol of Orthodox and beautiful architecture in the heart of Pärnu.

โบสถ์ออร์โธดอกซ์หลังนี้สร้างในปี 1902-1904 ด้วยรูปแบบรัสเซียโบราณมีโดมรูปหัวหอม
ผนังประดับด้วยอิฐและหินแกรนิต

 The campanile is 38 m high and the cupola 34 m high. 

หอระฆังสูง 38 เมตร ยอดโดมสูง 34 เมตร
โบสถ์เปิดทุกวันตามเวลาเป็นช่วงๆ ตอนนี้โบสถ์ปิดอยู่ค่ะ

เดินตรงขึ้นไปตามถนน Aia street ประมาณ 100 เมตร ก็มาถึงจตุรัส Rüütli plats


เวลา 17:30 น.เดินกลับมาถึงสถานีรถบัส

ซื้ออาหารเย็นที่ R kiosk นั่งทานในสถานี

ไก่ย่าง ไส้กรอก เฟรนช์ฟรายด์ พนักงานอบให้ใหม่จนร้อนอร่อยมากค่ะ

เวลา 18:00 น. ทานอาหารเสร็จก็ไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้ ขึ้นรถออกเดินทางไปประเทศลัตเวียค่ะ

Pärnu is the fourth-largest city in Estonia. It is a popular summer holiday town among Estonians.

เมืองแปร์นู เป็นเมืองใหญ่อันดับ 4 ของประเทศเอสโตเนีย และเป็นเมืองพักตากอากาศยอดนิยม

เย็นนี้พวกเราจะเดินทางต่อไปยังประเทศลัตเวียที่อยู่ทางใต้ของประเทศเอสโตเนีย


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น