วันพฤหัสบดีที่ 14 มีนาคม 2567
เวลา 14:00 น.เดินทางมาถึงกรุงมาดริด ช่วงบ่ายนี้พวกเราจะไปชมพระราชวังหลวงกันค่ะ
AECID - Agencia Española de Cooperación Internacional para el Desarrollo
Jiménez Díaz Foundation University Hospital (the Concepción Clinic)
Bravo Murillo and Canal de Isabel II
General Secretariat for Immigration and Emigration
Plaza del Doctor Marañón
Monument to the Marquis of the Duero
ตรงกลางจตุรัสมีอนุสาวรีย์ของ นายพล Marqués del Duero
Emilio Castelar Monument
She is a Spanish politician and president of the First Spanish Republic.
Palace of the Dukes of Híjar
Hotel Fénix Gran Meliá - The Leading Hotels of the World
ทางซ้ายมือคือจตุรัสโคลัมบัส
Plaza de Colón (Columbus Square)
อาคารหลังใหญ่ทางทิศใต้คือหอสมุดแห่งชาติ
Biblioteca Nacional de España (National Library of Spain)
หอสมุดแห่งชาติ
ด้านหน้าคือจตุรัส Plaza de Cibeles
Cibeles Palace อาคารสีขาวสวยโดดเด่นตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของจตุรัส
Cibeles Fountain
SEPBLAC of Spain
Circle of Fine Arts
It has been declared a "Centre for the Protection of Fine Arts and Public Utility" since 1921.
Metropolis Building เป็นจุดเริ่มต้นของถนน Gran Vía
Gran Vía leads from Calle de Alcalá, close to Plaza de Cibeles, to Plaza de España.
Gran Vía เป็นถนนสายเก่าแก่ที่สุดของมาดริด สองข้างทางเป็นร้านค้า อาคารหรูหรา
สถานีรถไฟใต้ดิน Gran Vía Metro
Callao Cinema
โรงภาพยนตร์ตั้งอยู่ในอาคารเก่าแก่
The Capitol Building
The Lope de Vega Theatre
ดอกซากุระบานตลอดสองข้างทาง
España Building (Edificio España)
Plaza de España and The monument to Miguel de Cervantes
จตุรัส Plaza de España อยู่ทางตะวันตกสุดของถนน Gran Vía
ตรงกลางจตุรัสมีอนุสาวรีย์ของนักประพันธ์ Miguel de Cervantes บนยอดเสามีรูปสลักผู้หญิงอ่านหนังสือ
จากจตุรัสเดินต่อไปตามถนน Calle Bailén เพื่อไปยังพระราชวังหลวง ระยะทางประมาณ 500 เมตร
มีรถตุ๊กๆให้บริการนำเที่ยวด้วยค่ะ
Puerta del Príncipe
คนรอเข้าชมพระราชวังต่อแถวยาวมากๆ พวกเราจองตั๋วแบบมีไกด์ท้องถิ่นสามารถเข้าชมได้เลยค่ะ
Official local guide tour lasting one and a half hours price 46,50 €
Entrance to the Royal Palace of Madrid with fast-track access at Puerta o Arco de Santiago.
สแกนตรวจกระเป๋าตรงทางเข้าเสร็จก็ผ่านเข้ามายังลานจตุรัสด้านหน้าพระราชวัง
The Royal Palace of Madrid
It is the largest in Western Europe and one of the largest in the world, with over 135,000 square meters.
The official residence of the Spanish Royal Family, the palace has a long history dating all the way back to the 9th century, with the current building completed in the 18th century.
The Royal Palace of Madrid is Madrid and Spain’s pride. It was constructed in the mid-18th century and served as the home of the Royal Family in Spain. The palace is still the official residence of the Royal Crown, with tourists also attracted to its stunning architecture, intricate decorations, and marvellous frescoes.
It was designed by Italian architect Filippo Juvarra and completed by his Spanish successor, Juan de Villanueva. It features 3,418 rooms and a massive art collection, including works by Spanish and European artists such as Goya, Velazquez, and Rubens.
พระราชวังหลวงมาดริด
สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1738 ใช้เวลาสร้างนาน 25 ปี เพื่อใช้เป็นที่ประทับของกษัตริย์สเปน
มีขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรปตะวันตก พื้นที่โดยรวมประมาณ 135,000ตารางเมตร
เดินตามไกด์เข้าไปชมด้านในกันค่ะ กระเป๋าใหญ่และขากล้องต้องฝากไว้ที่ล็อกเกอร์
เดินเข้ามาจะพบกับบันไดขนาดใหญ่
Statue of King Charles III as a Roman general at the base of the staircase.
รูปปั้นกษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 อยู่ตรงบันไดทางขึ้น
The Grand Staircase
It is made from a single piece of San Agustin marble.
It has more than 70 steps with small spacing between each step.
บันไดหลักตรงกลางทำมาจากหินอ่อนเพียงก้อนดียว มีจำนวน 70 ขั้น
The two main twin staircases , the one on the right for the king and the one on the left for the queen.
At the bottom of the staircase, there are sculptures of two lions that symbolize power.
ตรงเชิงบันไดมีรูปสลักหินอ่อนเป็นรูปสิงโตสองตัว
The magnificent vault and paintings give an insight into the Spanish monarchy of the 18th century.
The frescoes on the ceiling is by Corrado Giaquinto and depicts Religion Protected by Spain.
บนเพดานโค้งประดับด้วยภาพเฟรสโกสวยงามหรูหรา
The statue of Charles IV on the first floor.
The Coat of Arms of Kingdom of Spain (ตราแผ่นดินแห่งราชอาณาจักรสเปน)
Hall Of Halberdiers
This room was used for concerts and is still used for exclusive events even to date.
It was historically used by the palace’s ceremonial guards, who were known as Halberdiers.
These guards played an important role in royal ceremonies and the protection of the palace.
ห้องโถงแรกมีชื่อว่า Halberdiers' Hall สร้างขึ้นเพื่อใช้จัดงานแสดงดนตรีและงานเลี้ยง
ต่อมาใช้เป็นห้องสำหรับทหารยามที่คอยดูแลพระราชวัง
It stands at the height of the windows to accommodate the musicians.
The portrait "Family of Juan Carlos I", a work by the painter Antonio López. (1994-2014)
The artist began working on it in 1993 and finished it two decades later.
ภาพเหมือนของราชวงศ์สเปนเป็นผลงานของจิตรกร Antonio López ใช้เวลาวาดถึง 20 ปี
The room features tall, elegant columns and beautiful artwork, enhancing its regal atmosphere.
เพดานห้องสูงโปร่ง รอบๆประดับด้วยภาพขนาดใหญ่
The Hall of Columns (Salón de Columnas)
This majestic hall adorned with imposing marble columns and opulent chandeliers,
ห้องถัดมามีชื่อว่า Hall of Columns ประดับด้วยเสาหินอ่อนและแชนเดอเลียร์
It is a strikingly elegant room known for its grandeur and historical significance.
It was used as a dance and banquet hall until 1879, when the current gala dining room was completed.
ห้องนี้มีความสำคัญเพราะใช้เป็นที่จัดงานขนาดใหญ่ของประเทศหลายงาน
The Hall hosted significant events, including state banquets, royal receptions, and even the signing of the 1985 Treaty of Accession, which marked Spain's entry into the European Economic Community.
ห้องที่เหลือจากนี้ห้ามถ่ายรูปค่ะ
The palace contains 3418 rooms.Tourists are admitted inside except on days when the royals visit.
We can walk through the different rooms, including the Throne Room, the Gasparini Chamber,
the chambers of Charles IV and Maria Luisa and the Royal Armoury.
Throne Room (ห้องท้องพระโรง)
เป็นห้องสำคัญที่สุดของพระราชวัง ใช้เป็นที่ประทับของกษัตริย์สเปนในการว่าราชการและพิธีการสำคัญ
พระราชวังหลวงนี้ประกอบด้วยห้องต่างๆรวม 3,418 ห้อง แต่เปิดให้นักท่องเที่ยวชมไม่กี่ห้อง
ใช้เวลาประมาณ 1.5 ชั่วโมงก็ชมจนครบ เดินออกมาที่โถงทางเดินด้านในพระราชวัง
Statue of the Queen Isabelle the Catholic
รูปปั้นของสมเด็จพระราชินีอิซาเบลลาที่ 1 แห่งกาสตีล (Isabella of Castile)
Statue of King Ferdinand the Catholic
รูปปั้นของพระเจ้าเฟอร์ดินานด์ที่ 2 แห่งอารากอน
ทรงอภิเษกสมรสกับสมเด็จพระราชินีอิซาเบลลาที่ 1 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของจักรวรรดิสเปนที่ยิ่งใหญ่
Inner Courtyard
เดินวนกลับมาที่บันไดด้านหน้า จบการทัวร์ชมพระราชวังค่ะ
เดินลงบันไดไปเอาของที่ล็อกเกอร์ แล้วก็ออกไปเดินเล่นที่จตุรัสด้านนอก
Plaza de la Armería (The Armoury Square)
It is a great place to take pictures of the Royal Palace.
The Royal Palace of Madrid is an architectural and engineering masterpiece.
It was built in French Baroque architecture with elements of neoclassical style.
The palace’s façade features a combination of white limestone and granite with symmetrical design.
The south façade of the Royal Palace is shown with a large clock and two flagpoles,
one is the Spanish flag and the other is the royal standard, displayed when the monarch is in the Palace.
พระราชวังแห่งนี้สร้างในสไตล์บาโรคผสมกับนีโอคลาสสิก ตัวอาคารเป็นหินปูนและหินแกรนิตสีขาว
ผนังทางทิศใต้ด้านบนประดับด้วยนาฬิกาเรือนใหญ่ มีเสาธงสองอันทางซ้ายคือธงสเปน
ส่วนทางขวาไว้ติดธงราชวงศ์เมื่อมีกษัตริย์มาประทับ
The square is located between the Almudena Cathedral and the south facade of the Royal Palace.
The Almudena Cathedral
It is the most important religious building in Madrid. It was consecrated by Pope John Paul II
on 15 June 1993, making it the first cathedral to be consecrated outside of Rome.
มหาวิหารอัลมูเนดา ตั้งอยู่ทางทิศใต้ตรงข้ามกับพระราชวัง เป็นมหาวิหารประจำราชสำนักสเปน
โดดเด่นด้วยหอระฆังคู่ ยอดโดมตรงกลางสูง 73 เมตร วิหารยาว 102 เมตร ถือว่าใหญ่ที่สุดในมาดริด
พระสันตะปาปาจอห์น ปอลที่ 2 เสด็จมาเยือนมหาวิหารตอนสร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1993
วิหารนี้มีการผสมผสานสถาปัตยกรรมหลายสไตล์เพราะใช้เวลาในการก่อสร้างยาวนาน
It is 102 metres long and 73 metres high, built in different architectural styles:
neoclassical on the outside, neo-Gothic on the inside and neo-Romanesque in the crypt .
ทางทิศตะวันตกของจตุรัสคือพิพิธภัณฑ์สงคราม (Royal Armoury of Madrid)
จุดชมวิวสวนทางตะวันตกของพระราชวัง
Campo del Moro (Field of the Moor) is a garden covers an area of about 200,266 m².
It is located at the western façade of the Royal Palace.
สวน Campo del Moro มีขนาดใหญ่มากยาวขนานไปกับพระราชวัง มองจากด้านบนเห็นแต่ต้นไม้ใหญ่
ซุ้มระเบียงทางเดินทางทางฝั่งตะวันตกของจตุรัส Armoury Square
West Hallway
วิวจตุรัสทางทิศตะวันออก
ด้านหลังคือประตูทางเข้าออกพระราชวังสำหรับนักท่อเที่ยว
เดินเล่นสักพักก็เดินออกทางเดิมค่ะ
นักท่องเที่ยวยังต่อแถวเข้าชมพระราชวังจำนวนมาก
The Puerta del Príncipe of the Royal Palace of Madrid
The east façade of the Royal Palace
เดินย้อนกลับทางเดิม
ทางขวามือคือจตุรัส Plaza de Oriente มีรูปปั้นของกษัตริย์สเปน 20 พระองค์ จัดเรียงอยู่ริมทางเดิน
The square houses a collection of sculptures of twenty Spanish kings.
เดินมาถึงจตุรัสเอสปันญา ด้านข้างมีประติมากรรมเป็นรูปท่อโลหะ "1ª Escultura Tubular"
นั่งรถบัสไปยังจตุรัสโคลัมบัส
เวลา 17:00 น. เดินทางมาถึงจตุรัส Plaza de Colón (Columbus Square)
Torres de Colón (Columbus Towers)
They are 117 meters high, 27-storey office skyscrapers.
ตรงกลางวงเวียนมีอนุสาวรีย์โคลัมบัส ด้านหลังคืออาคารโคลัมบัส เป็นอาคารสำนักงานสูง 117 เมตร
The Monument to Columbus (Monumento a Colón)
The statue dedicated to Christopher Columbus, made of white marble.
It was built between 1881 and 1885,
to celebrate the marriage of king Alfonso XII and lady María de las Mercedes de Orleáns.
เสาคอลัมน์ด้านบนเป็นรูปปั้นคริสโตเฟอร์โคลัมบัส ผู้ได้รับทุนสนับสนุนจากกษัตริย์สเปน
เพื่อออกไปสำรวจดินแดนใหม่จนค้นพบทวีปอเมริกา
The monument is notable for the way it perfectly integrates into the square in which it is situated, on Paseo de la Castellana, with a beautiful landscaped area, ponds and a large waterfall.
อนุสาวรีย์นี้ทำจากหินอ่อนสร้างขึ้นในปี 1881-1885 เพื่อฉลองงานอภิเษกสมรสของกษัตริย์ Alfonso XII
The figure of Columbus holding a flag of Castile, 3.30m high is the work of sculptor Jerónimo Suñol.
The Gothic-style basement, 17m high is the work of Arturo Mélida.
รูปปั้นโคลัมบัสมือขวาถือธงมีความสูง 3.3 เมตร เสาและฐานสร้างในสไตล์โกธิคสูง 17 เมตร
Julia
The twelve metres high, a head with closed eyes is made of polyester resin and white marble powder work by Jaume Plensa. It belongs to the María Cristina Masaveu Peterson Foundation.
ตรงจตุรัสมีประติมากรรมชื่อ Julia สร้างโดย Jaume Plensa ทำจากเรซิ่นและผงหินอ่อน สูง 12 เมตร
The sculpture arrived in December 2018 at Plaza de Colón and become an icon of the city.
The world's largest Spanish flag
It was installed in Plaza de Colón since Spain's National Day in 2001.
ตรงกลางจตุรัสมีธงชาติสเปนขนาดใหญ่ที่สุดในโลก นำมาติดตั้งเมื่อวันชาติสเปน 12 ตุลาคม 2001
ธงมีขนาด 14×21 เมตร พื้นที่ 294 ตรม. อยู่บนเสาสูง 50 เมตร
It measures 14×21 metres (294 m2) and hangs from a white pole that is 50 metres high.
ทางทิศตะวันออกของจตุรัสคือสวน Gardens of Discovery มีประติมากรรมคอนกรีตขนาดใหญ่ 4 อัน
Jardines del Descubrimiento (Gardens of Discovery) is a park next to the Plaza de Colón.
Dedicated to the discovery of America, it has a monument in their eastern sector.
The monument to the Discovery of America
It is made up of four large concrete columns with relief motifs related with the discovery.
ประติมากรรมคอนกรีต 4 อัน สลักเรื่องราวการค้นพบโลกใหม่ของคริสโตเฟอร์โคลัมบัส
เป็นผลงานของ Joaquín Vaquero Turcios สร้างเสร็จและติดตั้งในปี 1977
The monument was erected in 1977 and situated on a reservoir.
จากจตุรัสเดินลงใต้ไปตามถนน P.º de Recoletos อาคารหลังใหญ่ทางซ้ายมือคือหอสมุดแห่งชาติ
ด้านในเข้าฟรี มีพิพิธภัณฑ์หอสมุดอยู่ในอาคารเดียวกัน
Biblioteca Nacional de España (National Library of Spain)
It is neoclassic style, designed by architect Francisco Jareño and built between 1866 and 1892.
หอสมุดนี้สร้างขึ้นในปี 1866-1892 สร้างในสไตล์นีโอคลาสสิก ด้านหน้าประดับด้วยเสาโครินเธียน
Jardín de América
สวนเล็กๆอยู่ตรงหัวมุมถนน
เดินไปจนสุดถนน Paseo Recoletos จะพบกับจตุรัสซีเบเลส
Cibeles Square (Plaza de Cibeles)
It sits at the intersection of Calle de Alcalá (running from east to west),
Paseo de Recoletos (to the North) and Paseo del Prado (to the south).
จตุรัสซีเบเลสมีวงเวียนตรงกลางสี่แยกที่เป็นจุดตัดของถนนสายหลักสามเส้น
โดยมีอาคารสีขาวโดดเด่นสวยงามอยู่ทางทิศตะวันออก
The Cibeles Palace
It was opened in 1919 for the city's main post office and telegraph and telephone headquarters.
It is the seat of the Madrid City Council since 2007. It is the two buildings with white facades.
อาคารนี้สร้างเสร็จในปี 1919 เพื่อเป็นสำนักงานใหญ่ไปรษณีย์สเปน
ปัจจุบันเป็นศาลาว่าเมืองมาดริดมาตั้งแต่ปี 2007
Cibeles Fountain
This fountain is named after Cybele, goddess of nature and protector of the people.
The sculpture was designed by Ventura Rodríguez in 1782. It is the symbol of Madrid.
ตรงกลางวงเวียนเป็นน้ำพุมีรูปปั้นเทพธิดาซีเบเลสประทับอยู่บนรถลากด้วยสิงโต
ชาวเมืองเชื่อว่าเป็นเทพธิดาแห่งความอุดมสมบูรณ์ และเป็นผู้ปกป้องเมืองมาดริด
It is one of the most famous and most beautiful squares in Madrid and is home to iconic monuments such as the Fountain and the Cibeles Palace.
The fountain is traditionally the place where Real Madrid C.F. celebrate their team victories,
with the team captain placing a Real Madrid flag and scarf on the statue
The famous buildings such as the Bank of Spain, the Linares Palace and the Buenavista Palace
are also located in this square. The famous Paseo del Prado begins here.
แผนที่เมืองมาดริด
ด้านในอาคารบางส่วนเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ ร้านอาหาร และเปิดหอคอยให้ขึ้นไปชมวิวมุมสูงได้
Linares Palace (Palacio de Linares)
It was declared national historic-artistic monument in 1976.
เดินไปทางทิศตะวันออกตามถนน Calle de Alcalá ประมาณ 300 เมตร
Alcala Gate (Puerta de Alcalá)
It is one of the five former royal gates that gave access to the city of Madrid.
ประตูเมืองอัลคาลา เป็นหนึ่งในห้าประตูเมืองของมาดริด สร้างเสร็จเมื่อปี 1778
This is a neoclassical gate with a monumental appearance similar to the Roman Arches of Triumph.
It was erected with its exterior facing east in 1778.
ลักษณะเหมือนประตูชัยโรมันสไตล์นีโอคลาสสิก หันหน้าไปทางทิศตะวันออกเข้าสู่ถนน C. de Alcalá
Gate of Independence (Puerta de la Independencia)
It is the main entrance to the gardens of the Retiro Park
ประตูทางเข้าหลักของสวนสาธารณะเรติโรอยู่ด้านหน้าประตูเมืองอัลคาลา มีน้ำพุเล็กๆอยู่ด้านหน้า
Fountain of the Gate of Independence
เดินเข้าไปในสวนตามถนน Paseo de Mexico
Fountain of the Galapagos (Fountain of Isabel II)
น้ำพุอิซาเบลที่ 2 ตั้งอยู่ตรงกลางวงเวียน
Commissioned by Ferdinand VII to commemorate the first anniversary of the birth of Princess Isabella, later to become Isabella II, the Galápagos Fountain is also known by her name.
น้ำพุสร้างขึ้นในปี 1832 เนื่องในงานครบรอบวันเกิด 1 ปีของเจ้าหญิงอิซาเบล และย้ายมาที่สวนนี้ในปี 1879
It was initially inaugurated in 1832 at the San Luis network, and moved to this park in 1879.
The dolphins ridden by four children are meant with intelligence, wisdom and prudence :
water is the source of all life, and the Galápagos tortoises symbolise longevity.
รูปปั้นเด็กขี่โลมามีความหมายถึงความฉลาด รอบรู้ รอบคอบ น้ำเป็นแหล่งกำเนิดของชีวิต
และเต่าหมายถึงการมีชีวิตยืนยาว
The Retiro Pond
It was created in the early 17th century as one of the most important landscape of the Retiro park.
It is an artificial body of water.
ตรงกลางสวนมีสระน้ำขนาดใหญ่ สร้างขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 17
This rectangular pool, approximately 250 metres long and 125 metres wide,
with a storage volume of 55,150 m³
สระน้ำนี้มีขนาดกว้าง 125 เมตร ยาว 250 เมตร ความจุน้ำ 55,150 ลบ.ม.
The pond is surrounded on three sides by a masonry wall.
Monument to Alfonso XII is located on the eastern shore
ฝั่งตรงข้ามมีอนุสาวรีย์กษัตริย์อัลฟองโซที่ 12 แห่งสเปน
Spain Gate (Puerta de España) ประตูสเปนอยู่ทางฝั่งตะวันตก
ทางทิศใต้ของสระน้ำมีน้ำพุ Artichoke Fountain ตั้งอยู่ตรงกลางวงเวียน
Artichoke Fountain (Fuente de la Alcachofa)
It was built between 1781 and 1782.
Initially located in the Atocha roundabout and moved to the Retiro Gardens in 1880.
Triton and Nereid hold the coat of arms of Madrid in their hands on the circular basin.
The monument is crowned by an artichoke.
ที่ฐานของน้ำพุเป็นรูปปั้นของ Triton และ Nereid ถือตราประจำเมืองมาดริด อยู่ในอ่างน้ำวงกลม
ด้านบนประดับด้วยผลอาติโช้ค
ป้ายภาพแสดงประวัติของสวนนี้
The Egyptian Fountain of the God Canopus (Fuente de las Esfinges)
It is the oldest building preserved, located on the south side of the pond. It was inaugurated in 1850.
น้ำพุอียิปต์ สร้างขึ้นในปี 1850 ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของสระน้ำ
Anchor
It was built between 1860 and 1863, placed on the southern shore in 1982.
UNESCO designated the areas of the Prado Museum and Retiro Park as a World Heritage Site in 2021
called "Paseo del Prado and Buen Retiro". The park covers area 1.4 sq.km.
สวนนี้เป็นที่พักผ่อนของชาวมาดริดมีพื้นที่ประมาณ 1.4 ตร.กม.
The monument of King Alfonso XII
It was inaugurated in 1922 by his son Alfonso XIII.
อนุสาวรีย์กษัตริย์อัลฟองโซที่ 12 ตั้งอยู่ที่สวนเรติโรตั้งแต่ปี 1922
เสาตรงกลางสูง 30 เมตร พื้นที่กว้าง 58 เมตร ยาว 86 เมตร มีรูปปั้นเทพกรีก 3 องค์อยู่โดยรอบ
The monument is 30 meters high, 86 meters long and 58 meters wide.
The equestrian statue of King Alfonso XII cast in bronze at the top of the center.
Allegorical statues of Peace, Liberty and Progress surround the monument’s base.
"El Progreso" (Progress) by Miguel Ángel Trilles
"La Paz" (Peace) by Miquel Blay
"La Libertad" (Freedom) by Aniceto Marinas
There are three bronze reliefs in the pedestal.
The structure consists of a semicircle with a dual Ionic colonnade.
There are four sculptures representing Agriculture, Science, Industry and Art.
ระเบียงด้านล่างประดับด้วยเสาโคลอนเนดเรียงเป็นรูปครึ่งวงกลม
"Las Artes" (The Arts) by Joaquín Bilbao
บริเวณหัวมุมทางเข้าประดับด้วยรูปปั้นเทพสี่องค์ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ ของศิลปะ, อุตสาหกรรม,
การเกษตรและวิทยาศาสตร์
"La Industria" (Industry) by Josep Clarà.
"La Agricultura" (Agriculture) by José Alcoverro,
Its frieze features the coats of arms of the Spanish provinces.
ด้านบนหัวเสาประดับด้วยงานแกะสลักรูปตราสัญลักษณ์ประจำจังหวัดของสเปน
ทางขวามือคือรูปปั้นเทพธิดาแห่งวิทยาศาสตร์
"Las Ciencias" (Sciences) by Manel Fuxà
มีสแตนดี้ชุดโบราณให้ถ่ายภาพ (เสียเงินนะคะ)
คนพายเรือเล่นในสระกันหลายลำ
Tourist cruises on the El Retiro pond on an unsinkable solar boat
for 80 passengers powered exclusively by solar energy
ในสระมีทั้งเรือพาย เรือคายัคและเรือนำเที่ยว
The Stairs descend from the central monument toward the lake are flanked by lions and mermaids.
ตรงกลางอนุสาวรีย์มีบันไดทางลงไปยังสระน้ำ สองข้างมีสิงโตหิน 4 ตัวและนางเงือกสัมฤทธิ์ 4 ตน
The four bronze mermaids are under the four stone lions.
เก็บภาพสุดท้ายก่อนกลับ
เดินย้อนกลับทางเดิม
Casa de Vacas
It is a cultural centre that hosts exhibitions, theatre and concerts.
It was built in 1874 as a dairy farm and milk store, which is why it is still known by this name.
The entrance to the pier
สวนนี้สร้างขึ้นในปี 1630-1640 เคยเป็นสถานที่พักผ่อนของกษัตริย์สเปนและเชื้อพระวงศ์
และเปิดให้ประชาชนเข้าชมตั้งแต่ปี 1868 มีประตูทางเข้าหลายแห่ง
เดินออกจากสวนทางประตูเดิม มายังจตุรัส Independence Square (Plaza de la Independencia)
ข้ามถนนไปเก็บภาพประตูเมืองตรงกลางวงเวียนกันค่ะ
The square is one of the most symbolic in the Spanish capital, housing the Puerta de Alcalá.
Puerta de Alcalá (Alcala Gate)
It is one of the most famous monuments in Madrid.
It was built in 1778 at the request of King Charles III.
It served as the entrance and exit gate to the town.
It has three semicircular arches for carriages and two smaller ones with lintels for pedestrians.
ประตูเมืองนี้สร้างเสร็จในปี 1778 โดยดำรัสของกษัตริย์คาร์ลอสที่ 3 เพื่อทดแทนประตูเดิม
เหนือช่องโค้งตกแต่งด้วยรูปสลักและรูปปั้น มีข้อความจารึกด้านล่างแปลว่า "แด่กษัตริย์คาร์ลอสที่ 3"
Above the largest opening there is an inscription in Latin that reads:
"Rege Carolo III. ANNO MDCCLXXVIII" (being King Charles III. Year 1778).
ตัวประตูประกอบด้วยซุ้มโค้งสามช่องเมื่อก่อนไว้ให้รถผ่าน และมีช่องเล็กๆด้านข้างสองอันสำหรับคนเดิน
The two facades show different decorations. The exterior has royal shield and with greater decorative richness, which was the one seen by those who entered Madrid.
ประตูเมืองสองด้านตกแต่งแตกต่างกันโดยด้านนอกจะดูหรูหรากว่า เพื่อให้คนเดินทางเข้าเมืองเห็น
The square was built in the style of Parisian squares.
The central gardens that preserve classical elements from the period.
จตุรัสนี้ได้รับการตกแต่งสวยงาม มีประตูเมืองอยู่ตรงกลางเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของเมืองมาดริด
เริ่มเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ ดอกไม้สดใสสวยงาม
มีคนมาถ่ายรูปกันเยอะมาก
The interior facade that facing the city has the four virtues appear :
Prudence, Justice, Temperance and Fortitude
เดินขึ้นเหนือไปตามถนน C. de Serrano
กลับมายังจตุรัสโคลัมบัส
Monument to the sailor Blas de Lezo, known as "Half a Man", the forgotten hero.
นั่งเล่นดูเด็กๆเล่นสเก็ตบอร์ดยามเย็น แดดร่มแล้วค่ะ
เวลา 19:00 น.เดินทางไปทานอาหารเย็น Thaidy restaurant อยู่ห่างจากจตุรัสประมาณ 500 เมตร
มื้อนี้ทานอาหารไทยค่ะ อร่อยถูกปาก ทานเสร็จก็เดินทางกลับที่พัก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น