วันอังคารที่ 14 พฤศจิกายน 2566
เวลา 6:00 น.ตื่นเช้า ด้านนอกยังมืดมากเพราะช่วงหน้าหนาวพระอาทิตย์ขึ้นช้า
เวลา 7:00 น. อาบน้ำ แต่งตัวเสร็จแล้วลงมาทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารชั้นล่าง
ทานอาหารเช้าเสร็จก็เข้าห้องน้ำ จัดของใช้ ขนมและน้ำดื่มใส่กระเป๋าสะพายและเป้ให้พร้อม
แต่งตัวพร้อมไปเข้าชมนครเพตราแล้วค่ะ
เวลา 8:00 น. เดินจากโรงแรมไปยังทางเข้า แวะถ่ายรูป ด้านหลังคือพิพิธภัณฑ์
I Love Petra
This is one of Jordan’s UNESCO world heritage sites.
Petra Visitor Center and Ticket Office
ไกด์ประจำทริปนี้ของพวกเรา กำลังอธิบายแผนที่และเส้นทางในนครเพตรา
Petra : Capital of the Nabataeans
แวะเข้าห้องน้ำอีกครั้งเพราะจะต้องเดินอีกไกลประมาณ 2 กม.
E-buggy to The Treasury = 20 $
มีรถไฟฟ้าบริการพาเข้าไปด้านในคนละ 20 ดอลล่าห์
ค่าตั๋วเข้าชมคนละ 50 JD จนท.ตรวจตั๋วเจาะรูแล้วก็เข้าไปด้านในได้เลยค่ะ
แม่ตุ๊กหยิบแผนที่ภาษาอังกฤษมา 1 อัน เพื่อดูเส้นทางการเดินเท้าเข้าไปด้านในนครเพตรา
วันนี้พวกเรามีเวลาทั้งวันเลยเลือกเส้นทางสีแดงหมายเลข 1 (Main Trail 8 Km)
อากาศเย็นสบายพวกเราเดินถ่ายรูปกันตลอดทาง เพราะเมื่อคืนมืดต้องรีบเดินไม่เห็นวิวสองข้างทางเลย
ทางซ้ายมือคือจุดบริการขี่ม้าเข้าไปด้านใน ราคาต้องต่อรองกับเจ้าของม้าเอง
Horse Riding Point
Opening Hours for Petra : 6am - 4pm in winter and 6am - 6pm in summer.
นครเพตราเปิดให้เข้าชมตั้งแต่ 6:00 น. แต่ช่วงนี้เป็นฤดูหนาวสว่างช้า พวกเราเลยเข้ามาตอน 8:00 น.
Main Trail to Treasury
The Djinn Blocks
They are a series of monumental tombs in the ancient city of Petra. These cube-shaped structures, carved out of sandstone, stand as a testament to the architectural prowess of the Nabataeans.
ด้านหน้าทางขวามือมีแท่งหินสี่เหลี่ยมลูกบาศก์ขนาดใหญ่สามอันเรียกว่า Djinn Blocks
They were built by Nabataeans in the 1st century AD. The name "Djinn Blocks" is derived from the Arabic word 'jinn', referring to spiritual beings, due to the mysterious aura that surrounds them.
หินทรงลูกบาศก์ทั้งสามอันนี้สร้างขึ้นโดยชาวนาบาเทียนตั้งแต่ศตวรรษที่ 1 เพื่อใช้เป็นสุสานฝังศพ
รอบๆสุสานรายล้อมด้วยภูเขาหินรูปทรงแปลกตา
เดินมาถึงครึ่งทางก่อนจะถึงช่อง SIQ
เดินต่อไปด้านหน้าทางฝั่งซ้ายมือมีสุสานขนาดใหญ่
Obelisk Tomb (Bab Al Siq)
It carved by the Nabataeans in the 1st century AC.
Above the tomb are four pyramid (nafesh) and a niche with a statue in bas-relief that symbolizes
the five people buried there. Below is the Triclinium, a banqueting hall.
สุสานขนาดใหญ่แกะสลักจากภูเขาหิน ด้านบนมีเสารูปปิรามิด 4 อัน เหมือนป้ายหินหน้าสุสานในปัจจุบัน
ซึ่งแสดงว่ามีร่างที่ฝังอยู่ในนี้ 5 ร่าง ด้านล่างเป็นห้องโถงใช้จัดงานเลี้ยง
The four obelisks with the eroded human figure in the center.
ชาวนาบาเทียนมีความสามารถในการแกะสลักหินจากภูเขา
ภูเขาด้านหน้าคือทางเข้าช่อง SIQ
มี จนท.มาคอยดูแลความปลอดภัยอยู่ตรงทางเข้า
Ancient dam and bridge
At the start of the Siq the original Nabataean dams are visible.
The Nabataeans constructed it to protect Petra from flash floods and collected water for use.
They did by redirecting flood waters into a tunnel which later came to be called the Dark Tunnel.
The Tunnel, which is 88m in length, was cut in the rock.
บริเวณนี้คือเขื่อนที่ชาวนาบาเทียนสร้างขึ้นเพื่อป้องกันน้ำท่วมในนครเพตรา
โดยที่น้ำจะไหลลงในอุโมงค์ช่องเขาที่ขุดขึ้นมามีความยาว 88 เมตร
ด้านหลังมีห้องน้ำบริการฟรี
The entrance to the Siq was once marked by a Nabataean monumental arch. It survived until the end of the 19th century, and some remains can be seen at twin niches on either side of the entrance.
ตรงทางเข้าเคยเป็นซุ้มประตูโค้งแต่ได้พังทลายลงจากแผ่นดินไหวเหลือเพียงซากและรอยสลัก
The Siq (Al Siq)
It is the ancient main entrance leading to the city of Petra, starts at the Dam and ends at the Treasury.
The Siq คือทางเข้านครเพตรา ที่ชาวนาบาเทียนและพ่อค้าใช้เข้าออกเมืองเป็นทางหลัก
When walking through the canyon we can see the man-made terracotta pipes and stone panels
that were used to transport and filter the water from Wadi Musa.
คูน้ำบนหินใช้เป็นทางระบายน้ำมีความยาวตลอดช่อง Siq
The length of Al Siq is about 1200m and a width of 3 to 12m, and height up to about 80m.
ช่อง Siq มีความยาว 1200 เมตร กว้าง 3-12 เมตร
หน้าผาทั้งสองข้างสูงประมาณ 80 เมตร
The main part of the Siq is created by natural rock formation and the rest is carved by the Nabataeans.
ช่องหินนี้เกิดจากธรรมชาติเป็นส่วนใหญ่
ช่องหินบางส่วนเกิดจากการขุดและแกะสลักโดยชาวนาบาเทียน
The Siq is not a canyon (a gorge carved out by water),
but a single block that has been rent apart by tectonic forces.
ช่องหินนี้ไม่ใช่แคนยอนเพราะไม่ได้เกิดจากการกัดเซาะของน้ำ
The original channels cut into the walls to bring water into Petra are visible.
And in some places the 2000-year-old terracotta pipes are still in place.
เราจะเห็นทางระบายน้ำที่ชาวนาบาเทียนได้ขุดเจาะลงไปบนหินตลอดทางเดิน
Siq เกิดจากแรงดันของเปลือกโลก ทำให้เกิดรอยแยกเป็นช่องหิน
บางจุดในส่วนที่แคบๆเราจะเห็นว่าหินทั้งสองข้างมีลักษณะและสีเหมือนกัน
We can see the grain of the rock on one side matches the other at various points.
เดินชมความยิ่งใหญ่ของหน้าผาหินทั้งสองข้าง
It is believed that only 15% of this ancient city is visible with an astonishing 85% still to be uncovered.
การขุดค้นนครเพตราเพิ่งทำไปได้เพียงแค่ 15% ตอนนี้ก็ยังดูยิ่งใหญ่มาก
A square tomb and a fig tree.
The niches along the Siq’s walls were designed to hold Nabataean baetyls (sacred stone)
of the main Nabataean god, Dushara.
บริเวณหน้าผามีการแกะสลักรูปจำลองของเทพเจ้าที่ชาวนาบาเทียนเคารพบูชา
มีการขุดแกะบันไดเพื่อขึ้นไปยังด้านบน
The Nabataeans believed that the statues of gods and their sculptures were situated very close
and even adjacent to the channels due to the water was sacred.
These small sacred sites served as touchstones of the sacred for pilgrims and priests.
ชาวนาบาเทียนแกะสลักรูปปั้นซึ่งเป็นตัวแทนของเทพเจ้าบนหน้าผาเพื่อไว้บูชา
ด้านหน้ามีหินเป็นรูปช้างขนาดใหญ่
The elephant statue in the middle of a rock formation, with its trunk sticking out.
หินรูปหัวช้างมีงวงและมีตา
The carving of a camel and caravan man on the left wall. The water channel passes behind the carving.
They are called Sabinos Statues.
รูปแกะสลักนี้เรียกว่า Sabinos เป็นรูปขาคนและขาอูฐ ด้านหลังเป็นช่องทางน้ำ
ส่วนช่วงบนลำตัวสึกกร่อนไปหมดเหลือแต่เพียงเท้าสองข้าง
สิ่งก่อสร้างเหมือนสุสานมีทางขึ้นเป็นบันไดหิน
We go deeper into the Siq and it became narrow.
พวกเราเดินมาเกือบถึงจุดหมายแล้วค่ะ ทางข้างหน้าจะเริ่มแคบลง
หน้าผาหินทั้งสองข้างมีสีและลวดลายธรรมชาติสวยงาม
สุดทางของช่อง Siq เราก็จะพบกับมหาวิหาร
At the end of the Siq, a shard of light appeared between the rocks and the Treasury is seen.
พวกเราได้เก็บภาพมุมนี้ทั้งตอนกลางคืนและกลางวัน
นครเพตราถูกค้นพบโดยนักสำรวจชาวอังกฤษตั้งแต่ปี ค.ศ. 1812
The city of Petra and Al-Khazneh were rediscovered by Swiss explorer Johann Ludwig Burckhardt
in 1812.
The siq opens up onto Petra’s most magnificent façade; the Treasury.
เข้าไปชมด้านในกันค่ะ
The Treasury (Al Khazna)
Al-Khazneh means "The Treasury" in Arabic. It became called "Al-Khazneh" in the early 19th century by the area's Bedouins as they had believed it contained treasures.
The Treasury consists of two floors with a width of 25.30 meters and a height of 39.1 meters.
The façade decorated with Corinthian capitals, friezes, figures and more.
มหาวิหารศักดิ์สิทธิ์ เอล-คาซเนห์ มีสองชั้น กว้าง 25.3 เมตร สูง 39.1 เมตร
ด้านหน้าตกแต่งด้วยเสาโครินเทียน รูปสลักหินและมีลวดลายงดงามบนผนัง
บริเวณลานด้านหน้าเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว มีอูฐนอนอยู่หลายตัวเข้าไปถ่ายรูปได้ค่ะ
น้องอูฐหน้าตาน่ารักดีค่ะ ตาโตขนตายาวทำปากจู๋ให้ด้วย
The Treasury was probably constructed in the 1st century AC.
However, in reality the urn represented a memorial for royalty.
สันนิษฐานว่าวิหารนี้สร้างขึ้นโดยชาวนาบาเทียนตั้งแต่ศตวรรษที่ 1
The Treasury is crowned by a funerary urn, according to local legend conceals a pharaoh’s treasure.
มหาวิหารนี้เป็นสุสานของกษัตริย์ โดยมีตำนานเกี่ยวกับขุมทรัพย์ของฟาโรห์ด้วย
บริเวณหน้าผาหินรอบๆมีสุสานและรอยแกะสลัก
บนหน้าผาฝั่งตรงข้ามวิหารมีจุดชมวิวที่นักท่องเที่ยวนิยมปีนขึ้นไปถ่ายรูป
ด้านบนตกแต่งเป็นมุมถ่ายรูป ต้องเสียค่าขึ้นให้ชาวเบดูอินคนละประมาณ 10 $ (แล้วแต่การต่อรอง)
พวกเราไม่ได้ขึ้นไปค่ะ เพราะคุณป๋าบอกว่ามันสูงและอันตราย
เดินไปหามุมถ่ายรูปสวยๆด้านข้างวิหาร
The decorative stone urn high on the second level, which in reality is solid sandstone.
มุมนี้สูงประมาณ 3 เมตร แต่ตำแหน่งสวยพอดีเลยค่ะ
The purpose of the Treasury is still a mystery. Some archaeologists believed it to be a temple or a place to store documents. The most recent excavation here has unearthed a graveyard beneath the Treasury.
นักโบราณคดีบางคนเชื่อว่าวิหารนี้เป็นวัด บางคนก็คิดว่าเป็นคลังสมบัติ และยังเป็นปริศนาจนถึงปัจจุบัน
The Treasury was carved out of a sandstone rock face.
The elaborately carved facade represents the nabataean engineering genius.
มหาวิหารเกิดจากการแกะสลักหินบนหน้าผาขนาดใหญ่ แสดงให้เห็นถึงความอัจฉริยะของชาวนาบาเทียน
The Treasury comprises three chambers, a middle chamber with one on either side.
มหาวิหารประกอบด้วยสามห้องโถงมีทางเข้าอยู่ตรงกลาง ปัจจุบันไม่เปิดให้เข้าชมด้านใน
ถ่ายรูปรอบๆจนหมดแล้วก็เดินผ่านช่องแคบไปตาม Main Trail
When we pass the Treasury, the Siq begins to widen gradually as it reaches into an open area.
ชาวเบดูอินมีบริการพาขี่ลาเข้าไปด้านในด้วย น้องลาตัวเล็กน่าสงสาร
เดินผ่านช่องแคบเข้าไปด้านใน มีร้านขายของตลอดทาง
The Street of Facades
It is a name given to the row of monumental Nabataean tombs carved in the southern cliff face
that lies past the Treasury and adjacent to the outer Siq.
ทางทิศใต้ของถนนนี้เรียงรายด้วยสุสานขนาดใหญ่ที่ชาวนาบาเทียนสร้างขึ้น
The Facades are crowned with corner crow steps, pilasters and carvettos.
Tomb 67 is remarkable for its upper cave.
Legend has it that a thief once hid in this chamber so it has been given the name "Thief's Tomb".
ด้านหน้าสุสานเต็มไปด้วยร้านขายของ
ไม่มีคนขาย ไม่ติดราคา พวกเราเลยเดินชมอย่างเดียว
The tombs that flank the Street of Facades are carved out of the rock high up on the cliffs.
There are more than 40 tombs and homes carved into the rock.
ทางซ้ายมือคือทางขึ้นไปยัง High Place of Sacrifice ต้องเดินเขาขึ้นไปด้านบนระยะทางประมาณ 3 กม.
บนหน้าผามีสุสานจำนวนมากกว่า 40 อัน แต่ละอันสามารถเข้าไปชมด้านในได้
ด้านล่างของ High Place of Sacrifice คือโรงละคร
The Theatre
It carved into the side of the mountain at the foot of the High Place of Sacrifice.
โรงละครตั้งอยู่ตรงเชิงเขา High Place of Sacrifice
The theatre consists of three rows of seats with seven stairways ascend the auditorium.
This is the only theatre in the world that carved into the rock.
It can accommodate 4000 spectators.
โรงละครมีที่นั่ง 3 ชั้น มีทางเดินขึ้นไปชั้นบน 7 ทาง จุผู้ชมได้ประมาณ 4000 คน
The monument was carved in the the mountainside during the reign of King Aretas IV (4BC-AD27).
The back wall of the stage was rebuilt by Roman.
โรงละครนี้เป็นแห่งเดียวในโลกที่เกิดจากการขุดแกะสลักเข้าไปในภูเขา
The Uneishu tomb is located at the end of the Street of Facades.
It is in the upper row of the western Jabal al-Khubtha slope is the famous Tomb BD 813.
Uneishu was the Minister of Queen Nabatiyeh Shaqilh II.
These tombs represent courtier in the middle of the first century AD.
หน้าผาทางฝั่งทิศเหนือมีสุสานขนาดใหญ่หลายอัน
ห้องน้ำอยู่ในถ้ำ ให้บริการฟรีค่ะ
There are a number of Nabataean burial interfaces decorated with grindstones.
It is believed that these interfaces represents some of the senior officials in the city or princes.
สุสานเหล่านี้น่าจะเป็นของบุคคลสำคัญของเมือง
ถ้ำด้านล่างเป็นที่อยู่อาศัยของชาวเบดูอิน
Royal Tombs
There are four magnificent Tombs adjacent to each other at the end of the main street.
สุสานกษัตริย์ที่สำคัญมี 4 อัน ต้องเดินขึ้นเขาไประยะทางประมาณ 3.5 กม.
พวกเราไม่ได้แวะต้องรีบเดินต่อเพราะด้านหน้าเริ่มมีเมฆฝนมาแล้ว
The wind has done strange things to the tombs and caves along the roadway over the years.
จุดหมายคือภูเขาลูกข้างหน้าค่ะ
The Nymphaeum
This is a semi-circular public fountain. It is shaded by a wild 450 years old pistachio tree.
The Colonnaded Street
The street represents an original Nabataean creation.
เดินผ่านซุ้มประตูเข้าสู่ถนน Colonnaded Street
น้องลาตัวเล็กเดินก้มหน้ากลับบ้านตัวเดียว
The street refurbished during the period of Roman occupation.
It was rebuilt in 106 BC with a width of 6 meters.
It would have been one of the principal shopping streets of ancient Petra.
ถนนนี้สร้างขึ้นโดยชาวนาบาเทียนมีทางระบายน้ำ เป็นถนนหลักในการค้าขายของนครเพตรา
The Great Temple
There is a set of stairs on the left of the portico street that leads to the courtyard.
The street was paved in horizontal and vertical ways in order to facilitate the movement of vehicles as it curved from the middle to allow the draining of water.
At the end of the road lies the triple gate, which leads to the Temple of Qasr Al-Bint.
เดินไปจนสุดถนน Colonned จะพบกับวิหารตั้งอยู่บนเนินสูงทางซ้ายมือ
Temple of Qasr Al-Bint
It was the main and most important temple of Petra, dedicated to the Nabataean god, Dushara.
Qasr al-Bint was built on a raised podium 23m high. It had a marble staircase of 27 steps.
วิหาร Qasr Al-Bint เป็นวิหารที่สำคัญของนครเพตรา สร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพเจ้า Dushara
วิหารสูง 23 เมตร ทางขึ้นเป็นบันไดทำจากหินอ่อน 27 ขั้น ด้านในมีแท่นบูชา
There was a vestibule, chamber, altar and cella where the image of a god would have been placed.
The structure was decorated with plaster and stone reliefs.
มีรั้วกั้นรอบๆวิหาร ไม่ให้คนเข้าไปด้านใน
จุดหมายต่อไปของพวกเราคือขึ้นไปบนภูเขาด้านหลังค่ะ
ด้านหน้าเป็นร้านอาหาร Nabatean Restaurant
จุดบริการขี่ลาขึ้นไปบนเขา
ระยะทางอีกไกล พวกเราจะแวะพักทานอาหารเที่ยงกันก่อนค่ะ
Lunch in the heart of Petra’s archaeological area.
เวลา 11:00 น. มาถึงร้านอาหาร The Basin Restaurant
Daily Lunch Buffet of Wide Range of Salads, Hot Dishes, Fresh Pasta and Desserts.
Open daily from 11:00am - 4:00pm : price 17 JD
วันนี้ทานอาหารเที่ยงกันเร็วนิด เพราะร้านนี้เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวถ้าสายคนจะเยอะมาก
อาหารเป็นบุฟเฟ่ต์มีหลากหลายชนิด มีแซลมอนด้วยค่ะ
ขนมหวาน
อาหารอร่อยดีค่ะ แต่แมลงวันเยอะหน่อย
เมนูนี้อร่อยที่สุด
ทานอาหารเสร็จก็เตรียมตัวขึ้นเขากันค่ะ โชคดีที่เมฆฝนผ่านไปหมดแล้ว
เวลา 12:00 น. พวกเราตัดสินใจนั่งลาขึ้นเขาตามคำแนะนำของไกด์ เป็นการขี่ลาครั้งแรกเลยค่ะ
Riding a donkey uphill and walking down.
คนจูงลาเลือกลาให้พอดีกับคนขี่ คุณป๋าเลยได้ลาตัวใหญ่ ค่าขี่ลาคนละ 20 $
ลาแต่ละตัวจะพยายามรีบออกเดิน คนจูงต้องคอยดึงให้ไปพร้อมๆกัน
พอพวกเรานั่งเรียบร้อย คนจูงปล่อยเชือก ลาก็ออกเดินทันทีเลยค่ะ
ลาทุกตัวเหมือนรู้หน้าที่ เดินไปตามทางไม่ต้องมีคนจูงหรือคนนำเลยค่ะ
จริงๆพวกเราก็สงสารลาที่ต้องมาทำงานหนักแบบนี้ แต่ขอลองนั่งเป็นประสบการณ์สักครั้งค่ะ
ทางขึ้นไปยัง Monastery เป็นบันไดหินตามธรรมชาติที่ชาวนาบาเทียนใช้มาตั้งแต่โบราณ
น้องลาเดินขึ้นเขาชำนาญมาก บางช่วงก็มีกระโดดข้ามขั้นหิน แม่ตุ๊กต้องจับแน่นๆกลัวตกค่ะ
There was about 800 stairs to Monastery and stepped pathway bordered by red rock cliffs.
This trail was the ancient route of the Nabataeans.
คนส่วนมากเดินขึ้นกันค่ะ ทางเดินไม่ยากไม่ชัน แต่ถ้ามองลงไปก็หวาดเสียวเหมือนกัน
แม่ตุ๊กไม่ค่อยกล้าถ่ายรูปเพราะกลัวตก
ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีก็ขึ้นมาถึงลานด้านบนน้องลาหยุดเดินทันที เค้าคงรู้ว่าถึงจุดหมายแล้ว
สรุปการนั่งลาขึ้นมาด้านบนทำให้เราประหยัดแรง ไม่เหนื่อย แต่ปวดแขนเพราะต้องจับน้องแน่นๆกลัวตกค่ะ
คนที่เดินขึ้นมาดูเหนื่อยเพราะอากาศค่อนข้างร้อน ใช้เวลาเดินร่วม 1 ชั่วโมง
น้องลาหน้าตาน่ารักมากๆ ทำงานหนักทุกวันอยากเอาอาหารมาฝากน้องจังเลยค่ะ
พวกเราต้องเดินขึ้นบันไดต่อไปยังด้านบนอีกประมาณ 50 ขั้น
มาถึงจุดหมายด้านบนแล้วค่ะ ภูเขาด้านหน้าเป็นจุดชมวิว
เดินลงบันไดไปยังลานด้านล่าง
จะพบกับ Monastry อยู่ทางซ้ายมือ ใหญ่โตอลังการและสวยมากๆ
ตอนนี้ยังไม่ค่อยมีคน พวกเรารีบปีนเขาขึ้นไปบนจุดชมวิวที่อยู่ด้านหลังร้านกาแฟก่อนค่ะ
The Monastery Viewpoint
วิวจากบนเขาด้านหน้าอาราม
The Monastery (Ad Deir)
The whole building carved out of rock.
เข้าไปเก็บภาพด้านในถ้ำก่อนค่ะ
มุมถ่ายรูปยอดนิยม
ตอนนี้ไม่มีคน ขอเก็บหลายๆภาพค่ะ
ถ้ำนี้มีขนาดเล็ก แต่มองเห็นวิหารพอดี
ด้านในถ้ำค่อนข้างอับและมีกลิ่น
เริ่มมีคนมายืนคอยด้านหน้าถ้ำ พอเก็บภาพเสร็จก็ออกไปด้านนอกค่ะ
มุมด้านนอกก็สวย
The Monastery is one of the largest monuments in Petra, measuring 47m wide by 48.3m high.
The Nabataean carved out of rock in the mid-first century AD.
ชาวนาบาเทียนได้ขุดเจาะภูเขาเพื่อสร้างอารามแห่งนี้ตั้งแต่กลางศตวรรษที่ 1
อารามมีขนาดความกว้าง 47 เมตร สูง 48.3 เมตร
อูฐ ม้าและลา โดนผูกไว้กับพื้น มปขอเข้าไปเก็บภาพกับน้องหน่อยค่ะ
The Monastery (Ad Deir) is an example of the Nabatean Classical style.
มปเข้าไปทักทายน้องอูฐ
It was built on the model of the Al Khazna.
The upper story is designed by a tholos and topped by a large urn.
โครงสร้างของอารามนี้มีลักษณะคล้ายกับ The Treasury แต่มีขนาดใหญ่กว่า
The hall was reused as a Christian chapel and crosses were carved in the rear wall.
This is how got the name "Monastery" (Dayr in Arabic).
อารามนี้เคยใช้เป็นโบสถ์ของชาวคริสต์ เลยมีชื่อเรียกว่า The Monastery
Tholos
The rock-cut façade of the Monastery has a broken pediment, the two sides of which flank a central tholos-shaped element.
This element has a conical roof that is topped by an urn.
ผนังด้านหน้าแกะสลักหินเป็นรูปทรงเสาโครินเทียน ตรงกลางประดับด้วย Tholos
ด้านข้างเป็นภูเขาหินที่เป็นส่วนหนึ่งของอาราม
The Monastery found high up in the hills of Petra, at around 1000m altitude.
This is only 200m higher than the Basin, because Petra is at 800m altitude.
อารามนี้อยู่ที่ความสูง 1000 เมตร เหนือน้ำทะเล โดยอยู่บนเขาสูงประมาณ 200 เมตร
The flat area in front of the Monastery was levelled through human action in order to make the area suitable for social gatherings or religious occasions.
พื้นที่ราบด้านหน้าอาราม น่าจะใช้เพื่อการพบปะกันหรือชุมนุมทางศาสนา
Near the entrance of the structure are the remains of a wall and a colonnade.
ด้านข้างอารามยังมีซากของผนังและเสาหลงเหลืออยู่
มปขอไปเก็บภาพกับน้องอูฐก่อนลงไปด้านล่าง
คาเฟ่เล็กๆด้านหน้าอาราม
มุมถ่ายรูปสวยๆค่ะ
นั่งทานขนม ดื่มน้ำ และชมวิว
เดินไปชมด้านหน้าอารามกันต่อค่ะ
The door to the main chamber of the monastery is 8 metres high
and provides the sole portal for the entry of light into the structure.
The main chamber is 11.5m by 10m. The light come through the high doorway.
The interior is occupied by two side benches and altar against the rear wall.
ประตูทางเข้าอารามสูง 8 เมตร ด้านในห้ามเข้า
มีห้องโถงหลักอยู่ตรงกลางห้องเดียวขนาด 11.5x10 m. แท่นบูชาตั้งอยู่ที่ผนังตรงกลาง
The huge façade with columned portico
มองใกล้ๆแล้วอารามนี้มีขนาดใหญ่กว่าวิหารข้างล่างมากเลยค่ะ
เวลา 14:00 น. พวกเราต้องเดินลงเขากันแล้วค่ะ จะได้มีเวลาถ่ายรูปตอนลง
เดินลงมาจะพบกับร้านขายน้ำผลไม้ ที่นี่รับบัตรเครดิตด้วยนะคะ
ผลไม้คั้นกันสดๆทั้งลูก หนุ่มน้อยคนขายหน้าตาน่ารักมาก
เดินลงมาถึงลานสำหรับขึ้นลา
แวะเล่นกับน้องแมว
นั่งพักทานขนมก่อนค่ะ
น้องแมวได้กลิ่นขนมวิ่งมากันหลายตัวเลย น้องๆหิวกันมากพวกเราเลยแบ่งขนมให้ทุกตัว
ถ้ารู้ว่าด้านบนมีแมวเยอะแบบนี้ จะเอาอาหารแมวติดมาด้วยค่ะ แต่ละตัวเชื่องมากขึ้นมานั่งตักด้วยค่ะ
ตอนเดินลง น้องมองตามจนลับตาเลย
เวลาเดินลงไม่เหนื่อยค่ะ
บริเวณซอกหินจะเย็นสบาย ไม่มีแดด
มีบันไดและทางราบให้แวะเก็บภาพตลอดทาง
มองเห็นสุสานกษัตริย์ที่อยู่ด้านล่าง
The Royal Tombs
หลบทางให้น้องลาเดินไปก่อน
มีร้านขายของตลอดทาง ไม่ติดราคาต้องต่อรองเอง
จุดชมวิวริมหน้าผา
ด้านล่างเป็นเหวลึก
ของฝากที่หลายคนนิยมซื้อคือผ้าทอขนอูฐและที่เขียนตา(Arabic Kohl)
มีสุสานอยู่ในภูเขาระหว่างทาง
The Lion Triclinium
วิวด้านล่างมองเห็นได้จากซอกหิน
The Great temple
น้องลาอยากหยุดพักระหว่างทาง
แวะร้านขายน้ำและไอศกรีม
ร้านมีมุมชมวิวสวยๆ
เหลือระยะทางอีกไม่ไกล มองเห็นภูเขาด้านล่างแล้วค่ะ
ด้านหลังคือยอดเขาที่พวกเราเดินลงมาค่ะ
สูงประมาณ 200 เมตร
น้องแมวนั่งรอทักทายนักท่องเที่ยว
ใช้เวลาเดินลงประมาณ 40 นาทีก็มาถึงด้านล่างแล้วค่ะ
มีอูฐมานอนรอรับนักท่องเที่ยวไปยังวิหาร Treasury
มีรถม้าด้วยค่ะ นั่งได้สองคน
หินมีลวดลายธรรมชาติ
เดินออกมาบริเวณวิหาร Qasr al Bint
Camel Riding Point
เดินออกทางเดิมไปตามถนน Colonnaded ภูเขาด้านหน้าคือสุสานกษัตริย์
The Royal Tombs
This is the name of the four magnificent facades adjacent to each other on the cliffs of the valley.
Left to Right : the Palace Tomb, the Corinthian Tomb, the Silk Tomb and the Urn Tomb
The Palace Tomb
It has a grandiose five-storey facade. The monument was used for banqueting or funerary.
สุสานอันแรกมีห้าชั้น น่าจะใช้สำหรับจัดงานเลี้ยงหรืองานศพ
The Corinthian Tomb
The upper part is similar to the Treasury but it is severely eroded.
สุสานอันถัดมามีลักษณะคล้ายวิหาร Treasury แต่เสียหายหนักมาก
The Silk Tomb
This tomb is remarkable for the swirls different color rock that make up its facade.
สุสานอันถัดมาเป็นแบบเรียบๆแต่มีลวดลายบนหินทำให้ดูแปลกตา
Urn Tomb
It is preceded by a deep courtyard with colonnades on two sides.
High up in the facade there are three niche that open into small burial chambers.
The tomb was adapted to serve as a Byzantine church in 446 AD.
สุสานอันสุดท้ายมีขนาดใหญ่ และใช้เป็นโบสถ์ไบเซนไทน์ในปี 446
พวกเราไม่ได้ปีนขึ้นไปชมสุสานด้านบนค่ะ
The housecaves of Petra are the nature's creations and the man created homes in the rock.
เดินกลับทางเดิมไปตามถนน Street of Facades
The Theater and High Place of Sacrifice
The cliff walls are lined with multiple of smaller tombs.
The large tomb
The Uneishu Tomb
เดินต่อไปจนสุดถนนแล้วก็เข้าสู่ช่องเขา
Tomb 67
เดินมาถึง The Treasury แล้วค่ะ บรรยากาศตอนเย็นเงียบสงบ คนน้อยมาก
Petra is a UNESCO World Heritages Site and one of the new Seven Wonders of the World.
Petra is inhabited by the Nabateans, Edomites and Romans, Petra brought together the knowledge and skill of these civilizations to create this world wonder.
Petra is also known as the rose-red city.
The name is get from the wonderful color of the rock from which many structure were carved.
เวลา 16:00 น. นั่งชมความงามของวิหารจนเต็มอิ่มก็ได้เวลาเดินกลับแล้วค่ะ
เดินผ่านช่อง Siq
เดินมาถึงปากทางช่อง Siq ขอนั่งพักก่อนค่ะ
สองแม่ลูกนอนบนพรมสบาย
แวะดูของที่ระลึกที่ร้านค้าด้านหน้า
เวลา 17:00 น. เดินมาถึงทางออก วันนี้พวกเราใช้เวลาด้านในนครเพตรา 9 ชั่วโมงเต็มเลยค่ะ
เดินกลับที่พัก ไปอาบน้ำและนอนพัก วันนี้พวกเราเดินร่วม 30,000 ก้าว
รอชมพระอาทิตย์ตก
เวลา 19:00 น.ไปทานอาหารเย็นห้องอาหาร Petra Moon
ขนมและอาหารมีให้เลือกมากมาย
ทานอาหารเสร็จก็กลับห้องไปพักผ่อนค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น