วันอาทิตย์ที่ 12 พฤศจิกายน 2566
เวลา 13:00 น.ออกจากเมืองเจราชเดินทางลงทางใต้เพื่อไปยังกรุงอัมมาน ระยะทางประมาณ 50 กม.
ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก็เข้าเขตเมืองหลวง
เวลา 13:40 น.เดินทางมาถึงป้อมปราการแห่งกรุงอัมมาน
Jordan Archaeological Museum and the Citadel : Open 8:00 - 16:00
Entrance Fees = 3 JD
Map of Amman Citadel
ป้อมปราการอัมมานตั้งอยู่บนเนินเขารูปตัว L
ตรวจตั๋วแล้วก็เข้าไปด้านในเลยค่ะ
ลานจัดแสดงเรื่องราวยุคสมัยต่างๆของดินแดนนี้ตั้งแต่ยุคหินใหม่ ก่อนคริสตกาล จนถึงยุคปัจจุบัน
The Citadel has a long history of occupation by many great civilizations. Evidence of inhabitance since the Neolithic period has been found and the hill was fortified during the Bronze Age (1800 BCE).
The hill became the capital of the Kingdom of Ammon sometime after 1200 BCE.
The L-shaped hill is one of the seven hills (jebal) that originally made up Amman.
น้องเดินมาต้อนรับค่ะ
ดูจากแผนที่ตอนนี้พวกเราอยู่ที่ทางเข้าหมายเลข 2,3 ต้องเดินต่อไปทางทิศตะวันตก
ป้อมปราการนี้เป็นจุดชมวิวตัวเมือง ตั้งอยู่บนเนินเขาสูงประมาณ 800 เมตร
มองเห็นกรุงอัมมานตั้งอยู่ทางทิศใต้ของป้อมปราการ
บริเวณนี้กำลังมีการซ่อมแซมปิดไว้ไม่ให้ลงไปด้านล่าง
ด้านล่างคือโรงละครโรมัน
Roman Theater is a famous landmark in Amman.
บนพื้นมีหลุมลึกใช้สำหรับเก็บน้ำเพื่อใช้บนป้อมปราการ
Water Systems (730AD)
The excavated water channels and cisterns have been built for using in Citadel.
บนป้อมปราการไม่มีแหล่งน้ำธรรมชาติ เลยต้องมีการกักเก็บน้ำฝนไว้ใช้
มีทางระบายน้ำใต้ดินเป็นแนวยาวเพื่อให้น้ำไหลไปรวมกัน
Fortification Walls ( ca.150AD)
The Roman built the stretch of the wall that belonged to the temenos,
along with the remainder of the walls surrounding the Citadel.
กำแพงเมืองเริ่มสร้างครั้งแรกในปี ค.ศ.150 หลังจากนั้นก็มีการสร้างเพิ่มเพื่อป้องกันการบุกรุกจากศัตรู
เดินไปจุดชมวิวที่สวยที่สุดของเมืองค่ะ
เดินตามทางลงไปที่หน้าผาด้านล่าง
Amman's Citadel is perched on top of Jabal Al Qal'a, one of the city's highest hills.
ป้อมปราการนี้ตั้งอยู่บนหนึ่งในเนินเขาที่สูงที่สุด ทำให้มองเห็นวิวกรุงอัมมานแบบพาโนรามา
The Roman Theater, Odeon, the Hashemite Plaza and the downtown area are seen from this hill.
โรงละครโรมันที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในจอร์แดน สร้างในศตวรรษที่ 2 จุผู้ชมได้ประมาณ 6,000 คน
ด้านข้างเป็นโรงละครขนาดเล็ก ตรงกลางคือจตุรัส Hashemite Plaza
อาคารและบ้านเรือนในกรุงอัมมานตั้งอยู่บนเนินเขาสูง
ชมวิวและถ่ายรูปเสร็จก็ไปชมวิหารเฮอร์คิวลิสกันต่อค่ะ
The Great Temple of Amman (Temple of Hercules)
It was built in the 2nd century AD, during the time of Geminius Marcianus who was a Roman senator and general, and the governor of the Province of Arabia between 161-166 AD.
วิหารเฮอร์คิวลิส สร้างขึ้นในปี ค.ศ.161-166
The temple was dadicated to a supreme Roman deity.
It has been attributed to Hercules due to the discovery of gigantic fragments of a marble statue.
วิหารนี้สร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพของโรมันและเฮอร์คิวลิส
It stands within an immense temenos surrounded by porticos, on a large purpose-built stone podium.
The temple is about 30 by 24 m wide and additional with an outer sanctum of 121 by 72 m.
The portico has six columns with 10 m tall.
วิหารนี้สร้างขึ้นบนฐานหินมีขนาด 30x24 เมตร โดยมีพื้นที่โดยรอบขนาด 120x72 เมตร
ระเบียงด้านหน้าประดับด้วยเสาสูง 10 เมตร จำนวน 6 ต้น
วิหารเฮอร์คิวลิสมีขนาดใหญ่ที่สุดบนยอดเขาแห่งนี้ มองเห็นได้จากทุกมุม
เสาด้านหน้าวิหารมีขนาดสูงมาก ขุดค้นอยู่ในสภาพสมบูรณ์เพียงแค่สองต้น
This great temple is the most significant Roman structure in the Amman Citadel.
เดินขึ้นไปชมพิพิธภัณฑ์กันต่อค่ะ
วิววิหารเฮอร์คิวลิส มีฉากหลังเป็นตัวเมืองอัมมาน
ด้านบนนี้มีถ้ำด้วยค่ะมองเข้าไปดูลึกและมืด ใช้เป็นที่ฝังศพในยุคสำริดตอนต้น
Early Bronze Age Cave (2250 BC)
This cave tomb dates to the 23rd century BC. This cave houses a series of rock-cut tombs.
These were modified for communal burial the Middle Bronze Age 4000 years ago.
The great temple of Hercules is larger than any temple in Rome itself.
อาคารด้านหน้าคือพิพิธภัณฑ์โบราณคดีแห่งจอร์แดน
โลงหินโบราณสภาพสมบูรณ์มาก
One of the most captivating features of the Temple of Hercules is the discovery of fragments
belonging to a colossal statue, unmistakably identified as Hercules himself.
สิ่งสำคัญที่ได้จากการขุดค้นซากวิหารคือมีการค้นพบชิ้นส่วนมือและข้อศอกของรูปปั้นขนาดใหญ่
These hand and elbow fragments belonged to a colossal statue from the Roman period.
The statue is estimated to have stood over 13 meters high, making it one of the largest statue from Greco-Roman times.
นักโบราณคดีคำนวณจากขนาดของมือและข้อศอกคิดว่ารูปปั้นนี้น่าจะสูงถึง 13 เมตร คิดว่าน่าเป็นรูปปั้นของเฮอร์คิวลิสเพราะเขามีรูปร่างสูงใหญ่ และป็นหนึ่งในรูปปั้นที่สูงที่สุดในยุคโรมัน
The temple was attributed to Hercules who was renowned for his physical strength due to the massiveness of the statue.
Jordan Archaeological Museum
The museum is located on the top of Amman Citadel in Amman Downtown.
เข้าไปชมด้านในพิพิธภัณฑ์กันต่อค่ะ
The museum was established in 1952 to tell the story of Jordanian civilization through displaying archaeological and historical collections.
The top exhibits of the museum are the plaster statues of "Ayn Ghazāl".
รูปปั้น Ayn Ghazāl เป็นผลงานชิ้นสำคัญที่สุดของพิพิธภัณฑ์ เพราะเป็นรูปปั้นที่เก่าแก่ที่สุดในโลก
สร้างขึ้นตั้งแต่ 8000 ปีก่อนคริสตกาล
Two-headed bust from plaster and bitumen
: Consider as the oldest figures made by man (8000-4000 BC)
This museum contains collections of artefacts that were collected from different sites across Jordan.
ด้านในพิพิธภัณฑ์เต็มไปด้วยข้าวของ เครื่องใช้และสิ่งประดิษฐ์ที่ขุดค้นมาจากทั่วประเทศ
Gravstone in the shape Torso of a child.
A Lime Tomb stone with a human figurine
Bust of sun good Helios
The artefacts were chronicled starting from The Palaeolothic Age up to Islamic Age,
including pottery, metal and glass artefacts, in addition to inscriptions, coins and statues.
สิ่งของที่ขุดค้นนี้ได้มาจากหลายยุคสมัย
ห้องจัดแสดงสิ่งของจากยุคนาบาเทียน
Nabataean period : 4th century BC to 106 AD
ห้องจัดแสดงสิ่งของจากยุคสำริดตอนกลางและตอนปลาย
ยุคหินใหม่
ห้องจัดแสดงในยุคหิน
Stone Ages : 40,000-10,000 years ago
ยุคโรมัน
Marble head of middle aged man from 3rd century AD
Statue from Roman period 3th century AD
From Byzantine 6th century AD
Islamic Age : 661-1916 AD
Pottery from 1200-900 BC
Limestone Sarcophagi from Roman period 1st century AD
พิพิธภัณฑ์นี้มีของโบราณเยอะมากๆค่ะ
ออกไปเดินเล่นที่ลานด้านหน้าพิพิธภัณฑ์ ซึ่งเป็นซากปรักหักพังของตลาดและมัสยิดอุมเมยาด
Umayyad Mosque (Ca. 730 AD) located at the highest point of the Citadel.
มัสยิดตั้งอยู่ทางทิศใต้ของพระราชวังอุมเมยาด
The mosque lies to the south of the Umayyad palace.
On the qibla wall, a wide Mihrab and a door were opened.
Mihrab is an architectural structure in the wall of a mosque which indicates the qibla, the direction of the Kaaba in Mecca.
บนกำแพงกิบลัตตกแต่งด้วยมิหร็อบซึ่งหันหน้าไปทางเมืองเมกกะ
The mosque sits on a raised platform with seven rows of six columns around a central courtyard.
ฐานมัสยิดเป็นสี่เหลี่ยมประกอบด้วยเสา 7 แถวๆละ 6 ต้น
มัสยิดตั้งอยู่บนเนินสูงทางทิศเหนือของพระราชวังอุมเมยาด
Umayyad Palace and Souq Square
จตุรัสระหว่างมัสยิดและพระราชวังคือตลาดเก่า
The Umayyad Palace is a large palatial complex from the Umayyad period.
Built during the first half of the 8th century.
พระราชวังเก่าอุมเมยาดสร้างขึ้นในปี ค.ศ.730 โดยผู้นำชาวมุสลิมของราชวงศ์
ภายหลังได้รับความเสียหายอย่างหนัก และได้รับการซ่อมแซมในส่วนห้องโถงทางเข้าเป็นรูปโดม
It is now largely ruined, with a restored domed entrance chamber,
known as the "Monumental Gateway"/Entrance Hall.
This restored domed chamber served as the main entrance, showcasing intricate stonework and geometric patterns.
Beyond the gateway lies a colonnaded courtyard, leading to various halls and chambers.
เดินเข้ามาด้านในจะพบกับห้องโถงขนาดใหญ่ ด้านข้างประดับด้วยซุ้มประตูโค้งทั้งสี่ด้าน
มีเสาโคลอนเนดเรียงรายอยู่เต็มผนัง
The audience hall with its barrel-vaulted ceiling, was likely used by the governor to receive dignitaries and hold official meetings.
The niches of the interior space are decorated with foliage motifs carved in low relief.
ด้านบนเพดานมีการต่อเติมซ่อมแซมด้วยโดมไม้โค้ง สมัยก่อนห้องนี้น่าจะใช้เป็นห้องประชุมหรือพบปะกัน
Windowsills on the upper partof the central area indicate that it was roofed, probably with a wooden dome like this today.
แผนผังด้านในตัวอาคาร
North Entrance
เดินออกมาทางประตูทิศเหนือ จะพบกับซากของพระราชวังที่มีขนาดใหญ่มาก
Ruins of the Umayyad Palace
This complex was built on the upper terrace of Amman Citadel.
อาคารพระราชวังนี้สร้างขึ้นบริเวณหน้าผาของป้อมปราการ เราจะเห็นแนวกำแพงโดยรอบ
เดินชมซากของพระราชวังเสร็จแล้วก็กลับเข้าไปด้านในประตู
The Umayyad Bath "Hammam"
โรงอาบน้ำโบราณตั้งอยู่ด้านข้างพระราชวัง
โรงอาบน้ำมีทางเข้าสองทางแยกเป็นสองส่วนสำหรับคนในวังและชาวบ้าน
Umayyad Open Cistern (Ca 730 AD)
ถัดจากโรงอาบน้ำคือบ่อเก็บน้ำขนาดใหญ่สร้างขึ้นพร้อมกับพระราชวังอุมเมยาด
This uncovered cistern referred to as "Birka" or "Shrij" in Arabic.
It measures 17.5m in diameter and its stone walls are up to 2.5m thick.
บ่อเก็บน้ำนี้มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 17.5 เมตร ผนังทำจากหินหนา 2.5 เมตร จุน้ำได้ 1370 ลบ.ม.
Up to 1370 m3 of water could be collected in thecistern.
เดินไปชมวิวเมืองทางฝั่งตะวันออกของป้อมปราการ
Panorama Viewing Platform
อาคารบ้านเรือนสร้างบนเนินเขา
บ้านปูนทรงสี่เหลี่ยมสีครีมปลูกติดกันหนาแน่น
เก็บภาพเสร็จก็เดินย้อนกลับทางเดิม
เดินลงเนินไปตามทาง
The Byzantine Church (CA 550 AD)
This 6th century church consists of a central nave and two side aisles.
โบสถ์ไบเซนไทน์ สร้างขึ้นใน ค.ศ.550
แวะเก็บภาพกับต้นไม้ทรงสวย
เดินออกไปที่ลานจอดรถ
เดินทางกลับที่พักกันค่ะ วันนี้เดินเที่ยวมาทั้งวันหมดแรงกันแล้ว
เดินทางเข้าตัวเมืองอัมมาน
Jordan Hospital
ผ่านย่านกลางเมือง
มีร้านค้า ร้านอาหารมากมาย
เวลา 16:30 น.เดินทางมาถึงที่พัก Mena Tyche Hotel Amman
ห้องพักเป็นแบบสามเตียง กว้างและสะอาด
นอนพักรอเวลาอาหารเย็น
เวลา 19:00 น.ลงมาทานอาหารเย็นแบบบุฟเฟต์ที่ห้องอาหารของโรงแรม
ขนมหวานเยอะมากๆค่ะ
ทานอาหารเสร็จก็กลับห้องพักอาบน้ำนอน พรุ่งนี้ต้องออกเดินทางแต่เช้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น