TUKEMD

__TUKEMD__ชื่อบ้าน อ่านว่า ตุ๊ก-เอ็ม-ดี นะจ๊ะ เป็นชื่อในเน็ตของแม่ตุ๊กเองค่ะ

บ้านหลังน้อย หลังนี้เป็นของแม่ตุ๊ก,น้องมะปราง และ คุณป๋า

เป็นบล็อกเพื่อบันทึกความสุข ความทรงจำ ในการท่องเที่ยวที่ต่างๆของครอบครัวเราค่ะ



2567/05/13

Valencia " The Orange capital of Spain" (เที่ยวบาเลนเซีย ชมเทศกาลไฟ Las Fallas)

 วันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคม 2567

เวลา 06:30 น. วันนี้ตื่นสายเพราะเมื่อวานเที่ยวกันทั้งวันจนหมดแรงค่ะ อากาศเช้านี้ค่อนข้างเย็น

เวลา 07:00 น. อาบน้ำ แต่งตัว แล้วลงมาทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารชั้นล่าง

Breakfast buffet

อาหารเช้าแบบท้องถิ่น เบคอน ไส้กรอก ข้าวผัด ไข่

มีแฮมให้เลือกหลายชนิด

มุมขนมปัง

แม่ตุ๊กชอบขวดใส่แยมแบบนี้มากค่ะ ดูสะอาดและกดง่าย

วันนี้เดินทางไกล ต้องทานอาหารเช้าเยอะหน่อย

ชูโรสทำสดใหม่ ร้อน กรอบนอกนุ่มใน ทานกับช็อคโกแลตอร่อยมากๆค่ะ

ทานอาหารเสร็จก็ออกมาเดินรับลมหนาว

เก็บภาพหน้าโรงแรม

เดินเล่นสักพัก ก็ขึ้นไปเก็บกระเป๋าแล้วเช็คเอ้าท์ค่ะ

เวลา 08:30 น. ออกเดินทางสู่เมืองบาเลนเซีย (Valencia) ระยะทางประมาณ 350 กม.
ทางฝั่งตะวันออกคือทะเลเมดิเตอร์เรเนียน



เวลา 10:30 น.แวะพักครึ่งทางเพื่อเข้าห้องน้ำ

บาเลนเซียเป็นเมืองหลวงของแคว้นบาเลนเซีย ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศสเปน 
มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศ

Ebro river


ปราสาทบนเขา


เข้าสู่เขตเมืองบาเลนเซียแล้วค่ะ สองข้างทางเต็มไปด้วยสวนส้ม


ถนนเลียบชายทะเล V-21

มาถึงตัวเมืองบาเลนเซียแล้วค่ะ



เวลา 12:30 น. เดินทางมาถึงร้านอาหารชื่อดังของเมืองบาเลนเซีย
"Casa Clemencia since 1967"

ด้านในกว้างขวาง สะอาด

เที่ยงนี้พวกเรามาทานข้าวผัดสเปนที่บาเลนเซียเมืองต้นตำรับ
"Paella Valenciana"

Casa Clemencia is one of the exclusive restaurants pertaining to Cap i Casal
 where paellas are cooked over firewood with more than 50 years.

 Paella originally made in Valencia was a lunchtime meal for farmers and farm laborers.

เริ่มเสิร์ฟขนมปังและสลัดผัก

สักพักเชฟก็มาตักข้าวผัดพร้อมกุ้งใส่จานให้ทีละคน ปิดท้ายด้วยไอศกรีมทรีโทนอร่อยมากๆ

ทานอาหารเสร็จก็เดินชมรอบๆร้าน มีรูปคนดังมาทานที่ร้านนี้หลายคน
อีกฝั่งของร้านมีคนมายืนต่อคิวซื้อข้าวผัดสเปนแบบสั่งกลับบ้านแถวยาวเลยค่ะ



ต้นส้มปลูกอยู่สองข้างทางทั่วเมือง ถือเป็นต้นไม้ท้องถิ่นประจำเมืองนี้เลย

มีส้มหล่นอยู่ที่พื้นเต็มไปหมด มปลองเก็บมาชิม....เปลือกหนาและขมมากๆค่ะ ส้มพื้นเมืองแบบนี้ทานไม่ได้

เวลา 13:30 น.เดินทางไปยังย่านเมืองเก่า

วงเวียนน้ำพุรูปปิรามิด Piràmide de Peset Aleixandre


ข้ามสะพานไปยังเขตเมืองเก่า

ช่วงนี้กำลังจัดงาน Fallas de Valencia มีการสร้างหุ่นไม้จำนวนมาก

เทศกาลไฟหรือเทศกาลเผาหุ่น เป็นเทศกาลสำคัญประจำแคว้นบาเลนเซีย


เวลา 14:00 น.เดินทางมาถึงหอคอย Torres de Serranos ที่อยู่ทางทิศเหนือของตัวเมืองเก่า

 Serranos Towers (Torres de Serranos) 
It is one of the twelve gates that formed part of the ancient city wall, the Christian Wall of Valencia. 
It was built in Valencian Gothic style between 1392 and 1398. 

หอคอยนี้เป็น 1 ใน 12 หอคอยที่อยู่รอบเมืองเป็นส่วนหนึ่งของกำแพงเมืองเก่า ปัจจุบันเหลือเพียง 2 อัน
เป็นทางเข้าหลักของเมือง สร้างขึ้นในปลายศตวรรษที่ 14



เดินลงใต้ไปตามถนน C/dels Serrans


Provincial Council of Valencia

อาคารสภาเมืองบาเลนเซีย สีฟ้าสวย

Statue of Francisco Pizarro

ฝั่งตรงข้ามคืออาคารสำนักงานใหญ่ของรัฐบาลบาเลนเซีย บริเวณนี้เป็นสถานที่ราชการ


เดินตามถนนหลักมาจนถึงจตุรัส Reina ซึ่งเป็นศูนย์กลางเมืองเก่า มีคนมาเดินเล่นจำนวนมาก

Plaza de la Reina is one of the most iconic places in the city.
Valencia Cathedral and the baroque Puerta de los Hierros (Iron Gate) are on the north of the square.

รอบๆจตุรัสรายล้อมด้วยอาคารเก่าแก่ โดยทางทิศเหนือเป็นที่ตั้งของมหาวิหารบาเลนเซีย






The Monforte Building is an example of Valencian modernist architecture, built in 1895-1909.

นักท่องเที่ยวมานั่งเล่นฟังเพลงเปิดหมวก


เดินออกจากจตุรัสไปทางทิศใต้ตามถนน C/de Sant Vincent Martir

คนเดินมาจากสถานที่จัดงานเทศกาลเยอะมาก

ตอนบ่ายสองมีการจุดพลุสีที่จตุรัสหน้าศาลาว่าการเมือง 

งานเพิ่งเลิก คนนับพันทะยอยเดินทางเข้ามากลางใจเมือง

เดินมาประมาณ 500 เมตรก็มาถึงจตุรัสที่จัดงานเทศกาล ลาส ฟายาสแล้วค่ะ

ด้านหน้าคือจตุรัส  Plaza de Ayuntamiento มีอนุสาวรีย์ของ Francisco de Vinatea อยู่ตรงกลาง

Plaza de Ayuntamiento and Monument to Francesc de Vinatea 

Mascletà of the Fallas festival in the Plaza del Ayuntamiento
From March 1st to 19th, vibrate every day at 2:00 p.m. with explosions of gunpowder and colors.
ตลอดช่วงงานเทศกาลจะมีการจุดพลุควันหลากสีที่จตุรัสนี้ เวลา 14:00 น. ทุกวัน

Las Fallas is a traditional celebration held annually in commemoration of Saint Joseph 
in the city of Valencia, date from 1 to 19 March.

ลาส ฟายาส เทศกาลเผาหุ่นของแคว้นบาเลนเซีย จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในวันที่ 1-19 มีนาคม
เพื่อระลึกถึงนักบุญโจเซฟนักบุญองค์อุปถัมภ์ของศาสนจักรโรมันคาทอลิกและต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ 

จุดเด่นของงานคือการสร้างและจัดแสดงโชว์ Ninots (ประติมากรรมหุ่นไม้) รูปทรงต่างๆจากตัวการ์ตูน นิทาน และบุคคลสำคัญ โดยผลงานที่ชนะจะได้รับการจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ El Museo Fallero 
ส่วนผลงานที่แพ้จะถูกเผาทำลายกลางจตุรัส 

Las Fallas was added to UNESCO's intangible cultural heritage of humanity list on 30 November 2016.

วันนี้เพิ่งมีการติดตั้งหุ่นไม้รูปนกเพียงอันเดียว แต่ระหว่างทางก็มีหุ่นไม้ห่อพลาสติกหลายอันรอติดตั้ง

ทางขวามือคือศาลาว่าการเมือง

Valencia City Hall (Ajuntament de València)

ด้านบนมีการแสดงโดยผู้หญิงใส่ชุดแต่งกายพื้นเมือง

The women in traditional Valencian dresses.

ตอนนี้ที่จตุรัสคนยังหนาแน่น พวกเราเลยเดินไปชมจุดอื่นก่อนแล้วค่อยย้อนกลับมาที่นี่อีกครั้ง


หลังงานเลิกก็มีขยะเกลื่อนถนน เป็นเหมือนกันทุกประเทศ

ตอนนี้ทางเทศบาลกำลังทำความสะอาดพื้นที่ มีรถเข้ามากวาดถนนด้วย

เดินต่อไปอีก 200 เมตร จะเห็นสถานีรถไฟและสนามวัวกระทิงอยู่ข้างหน้า

Valencia North Station (Estació del Nord)

The building is one of the main works of the Valencian Art Nouveau.
 It built between 1906 and 1917, consists of three towers.
 It was declared Good of Cultural Heritage in 1987..

สถานีรถไฟสร้างในปี ค.ศ. 1906-1917 สไตล์อาร์ตนูโว มีหอคอยสามอัน

ทางซ้ายมือคือสนามสู้วัวกระทิง ปัจจุบันยังเปิดใช้งานและมีการแข่งอยู่
สนามนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1850-1859 สไตล์นีโอคลาสสิก มีต้นแบบมาจากโคลอสเซียมที่โรม
ตัวอาคารมี 4 ชั้น ก่อสร้างตกแต่งด้วยอิฐและไม้

Plaza de Toros de Valencia
This bullring was built between 1850 and 1859 in the neoclassical style,
 inspired by civil Roman architecture such as the Colosseum in Rome. 
There are four levels decorated with an array of differing brick arches and wooden balustrades.

 It is 17.65m high with an outside diameter of 108m and the inner ring diameter is 52m. 
There are 24 rows in the stands and a capacity of 12,884 seated spectators .

สนามมีความสูง 17.65 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลางด้านนอก 108 เมตร ด้านในสนามกว้าง 52 เมตร
มีที่นั่ง 24 ชั้น สามารถจุผู้ชมได้ประมาณ 12,000 คน ถือว่าเป็นหนึ่งในสนามที่ใหญ่ที่สุดในสเปน

ด้านหน้าสนามมีกลุ่มเด็กผู้ชายมายืนเล่นดนตรี


Plaza de Toros is one of the most beautiful and the largest bullrings in Spain.

The main events take place during las Fallas and the July Fair.

ช่วงเทศกาล ลาส ฟายาส มีการจัดแสดงด้านในสนามด้วยค่ะ

Statue of the Toreador Manolo Montoliu
Manolo Montoliu (1954-1992) was an spanish Bullfighter and Banderillero.
 He was born in Valencia and killed by the bull Cabatisto in Sevilla.

รูปปั้นของ Manolo Montoliu นักสู้วัวกระทิงวัย 38 ปีที่เสียชีวิตในสนามขณะที่ต่อสู้กับวัวกระทิง

มีพิพิธภัณฑ์การสู้วัวกระทิง (Museu Taurí) อยู่ด้านหลังสนามแต่ตอนนี้ปิดแล้ว 

เดินกลับทางเดิม แวะซื้อขนมทานเล่น


เดินมาถึงจตุรัส Plaza del Ayuntamiento ตอนนี้คนบางตา พื้นถนนก็ทำความสะอาดเสร็จแล้วค่ะ
มาเก็บภาพที่ศาลาว่าการเมืองบาเลนเซียอีกครั้ง
Valencia Town Hall (Ayuntamiento)

It was built in the 18th century. The City Council has been based there since 1934.
The building is houses the municipal archives, a museum, and various offices of the administration. 
The clock tower is in Neo-Baroque and Neo-Renaissance style.

ศาลาว่าการเมืองบาเลนเซีย สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 มีการเชื่อมต่อกันระหว่างอาคารเก่าและอาคารใหม่
ภายในอาคารเป็นที่ทำการรัฐบาล สำนักงานและพิพิธภัณฑ์
อาคารนี้โดดเด่นด้วย ระเบียง รูปปั้นและหอนาฬิกาตั้งอยู่ตรงกลาง

The City Hall is made up of two connected blocks: 
the Casa de la Enseñanza (the old Mayoral School) and the body of the building

The Post Office Building (Post Office and Telegraph Office of Valencia)

It was built in 1915-1922 and opened in 1923. It was home to the local post and telegraph office. 


ที่ทำการไปรษณีย์และการสื่อสาร
อาคารสีขาวขนาดใหญ่สี่ชั้นตั้งอยู่ตรงข้ามกับศาลาว่าการเมือง สร้างเสร็จในปี ค.ศ.1922
ตรงกลางด้านบนเป็นหอคอยเหล็กมีบันไดวนขึ้นไปชมวิวได้

The building is crowned by a metal tower. There is a spiral staircase to access a viewing platform.

This is an example of eclectic style of French origin combined with elements of Valencian modernism.


The Plaza de Ayuntamiento (Plaça de l'Ajuntament)
The Town Hall Square is one of the most important and central squares in the city of Valencia. 
It is dominated by a  fountain and surrounded by buildings from the 19th and early 20th century.

จตุรัสศาลาว่าการเป็นหนึ่งในจตุรัสที่สำคัญกลางใจเมือง 
ตรงกลางมีน้ำพุขนาดใหญ่ และรูปปั้นของ Francesc de Vinatea

Several buildings of historical and architectural value surround the square.
Rialto Cinema (1935-1939) and Mercantile Athenaeum Building (1941-1953)

รอบๆจตุรัสเต็มไปด้วยอาคารเก่าแก่ในศตวรรษที่ 19 ปัจจุบันเป็นร้านค้า ร้านอาหารและโรงแรม

The Barrachina building

เดินเลี้ยวซ้ายตรงอาคารตรงหัวมุม


แวะร้านขายของที่ระลึก


มีร้านขายชูโรสตลอดทาง

ร้านขายแซนวิช ขนมปังสเปน

ด้านหน้าคือตลาดกลางบาเลนเซีย วันนี้วันอาทิตย์ตลาดปิดค่ะ

The Central Market of Valencia (Mercat Central)

It is one of the largest market in Europe. This grand Modernist building was inaugurated in 1928.
It covers more than 8,000 square metres with a predominantly Valencian Art Nouveau style. 

ตลาดนี้เป็นตลาดที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป เปิดขายครั้งแรกในปี 1928
มีพื้นที่ประมาณ 8,000 ตารางเมตร ตกแต่งในสไตล์ทันสมัย มีโดมอยู่ตรงกลาง

 Its unusual roof comprises original domes and sloping sections at different heights

ผนังอาคารตกแต่งด้วยกระเบื้องเคลือบสีสดใส

ด้านหลังคือโบสถ์คาทอลิก


ป้ายรถบัสอยู่ด้านหลังตลาด

The Church of Santos Juanes (Sant Joan del Mercat)
It is a Catholic Church : Gothic base and Baroque reconstruction next to the Central Market. 

 The church was built atop the site of the old mosque in the mid-13th century, initially in a Gothic style.

โบสถ์ Santos Juanes เป็นโบสถ์เก่าแก่สไตล์โกธิกสร้างบนมัสยิดเก่าในช่วงกลางศตวรรษที่ 13


View from the corner of Carniceros Street. The center is surmounted by a clock tower.

ตรงกลางประดับด้วยหอนาฬิกา ด้านในโบสถ์เข้าชมฟรี แต่ตอนนี้ปิดซ่อมแซม


เดินไปตามถนนด้านข้างโบสถ์ ด้านหน้าตลาดคืออาคารเก่าแก่เคยเป็นศูนย์กลางค้าผ้าไหม

The Lonja de la Seda (Silk Exchange)
It built between 1482 and 1533.  UNESCO listed it as a World Heritage Site in 1996.

บาเลนเซียเป็นเมืองศูนย์กลางการค้าของสเปนตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 มีสินค้ามาจากโลกตะวันออกมากมาย
อาคารหลังนี้สร้างขึ้นมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 เพื่อเป็นสถานที่ซื้อขายผ้าไหมโดยเฉพาะ

เดินต่อไปตามถนนด้านหน้าตลาดกลาง

Church of Santa Caterina
St. Catherine's Church was built in the early 13th century at the site of a prior mosque.

โบสถ์ St. Catherine เป็นโบสถ์คาทอลิกสร้างตั้งต้นศตวรรษที่ 13 โดยสร้างบนมัสยิดเก่า

It is a Gothic-style church with the baroque facade.

เดินต่อไปตามทางด้านข้างโบสถ์ St. Catherine ก็มาถึงจตุรัส Plaza de la Reina
ทางทิศเหนือคือมหาวิหารบาเลนเซีย มีขนาดใหญ่มากและมีทางเข้า 3 ทาง

ด้านข้างคือหอระฆังทรงแปดเหลี่ยม "Miguelete Tower" สูง 51 เมตร มีทางขึ้นอยู่ด้านในโบสถ์

Valencia Cathedral (St.Mary's Cathedral)
It has three distinct entrances : the romanesque Puerta de la Almoina (Alm’s Door), the gothic Puerta de los Apostoles (Apostle’s Door) and the baroque Puerta de los Hierros (Iron Gate Door).

The baroque Puerta de los Hierros
The main door of the cathedral, known as the"Iron gate" due to the cast-iron fence that surrounds it. 
 There are statues of Saint Thomas of Villanova and Saint Peter Paschal on each side of the door.

ประตูทางทิศใต้ มีชื่อว่า "Iron gate" เพราะมีรั้วเหล็กอยู่ด้านหน้า ผนังตกแต่งสไตล์บาโรค
ด้านบนประดับด้วยรูปปั้นนางฟ้า ด้านข้างประดับด้วยรูปปั้นของนักบุญขนาดเท่าคนจริง

ด้านในวิหารเข้าชมฟรี ส่วนหอระฆังและพิพิธภัณฑ์ต้องเสียค่าเข้าชม

The cathedral contains numerous 15th-century paintings.

พวกเรามีเวลาน้อยเลยไปได้เข้าไปเดินชมด้านในวิหารเพราะคิวยาว

เดินออกมาทางด้านข้างวิหารเข้าสู่จตุรัส Plaza de la Virgen ทางขวามือคือยอดแหลมของหอระฆัง

Valencia Cathedral was consecrated in 1238. It was built over the site of the former Visigothic cathedral, which under the Moors had been turned into a mosque.

Plaza de la Virgen (plaça de la Mare de Déu)
It is the heir of the ancient forum of the Roman Valentia .
 The Cathedral of Valencia is on the right. The Basilica of the Virgen de los Desamparados is on the left.

Apostles' gate (Gothic gate)
 Located in front of the Plaza de la Virgen. It was built in 13th-14th centuries, in French Gothic style.
There are twelve apostles sculpted on its façade.The saints, prophets and angels are joined by the Virgin and Child who are portrayed in the tympanum with a host of angels playing stone instruments.

ประตูทางเข้าวิหารด้านนี้มีชื่อว่า Apostles' gate ตกแต่งสไสต์โกธิค ประดับด้วยปูนปั้นรูปอัครสาวก 12 องค์

The Cimborrio is an impressive hexagonal prism rising more than 40 meters,
 adorned with translucent alabaster windows that bathe the interior in natural light.
ด้านบนวิหารมีโดมทรงหกเหลี่ยมประดับด้วยกระจกสี

Basilica Of Our Lady Of The Forsaken (Basílica de la Virgen de los Desamparados)
The basilica was built in 1652-1667, dedicated to the adoration of the image of the Virgin Mary. 
โบสถ์พระแม่มารีมีทางเชื่อมต่อกับวิหารบาเลนเซีย

The Turia Fountain 
It is located in the northern part of the Plaza de la Virgen and dedicated in 1976. 

A bronze statue of the Neptune sits on a platform in the center.
  The fountain is an allegorical representation of Valencia’s Turia River.

 The eight statues of women is pouring water from jars representing the irrigation channels of the river.

The Turia Fountain is an elaborate oval fountain about 60 ft. long and 26 ft. wide.

น้ำพุทูเรียเป็นตัวแทนของแม่น้ำทูเรีย สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1976 มีขนาด 60x26 ฟุต
ตรงกลางเป็นรูปปั้นของเทพเนปจูน ด้านล่างเป็นรูปปั้นผู้หญิงเปลือย 8 คน กำลังเทน้ำลงในอ่าง

น้ำพุตั้งอยู่ทางทิศเหนือของจตุรัส Plaza de la Virgen

จตุรัสนี้ล้อมรอบด้วยอาคารเก่าแก่สวยงามและร้านอาหาร 

The square with the Turia fountain in the foreground. In the background, on the left, the Basilica of the Virgen de los Desamparados . On the right, the Cathedral , with the Puerta de los Apóstoles and the dome.

เดินออกจากจตุรัส เลี้ยวซ้ายไปตามถนน C/dels Cavallers

Jardín de la Generalitat (Valencia’s Mid-City Oasis)

สวนหย่อมอยู่ทางทิศตะวันตกของจตุรัส Plaza de la Virgen ติดกับวังเก่า Palace of the Generalitat

ทางขวามือคือ Palace of the Generalitat ปัจจุบันเป็นอาคารบริหารท้องถิ่น




ธงบาเลนเซียประดับอยู่ทั่วเมืองเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองเทศกาล ลาส ฟายาส

 พวกเราจะไปชมหอคอยที่เหลืออีกอันทางทิศตะวันตก ระยะทางประมาณ 500 เมตร

วันนี้ฝนตกๆหยุดๆทั้งวัน พื้นถนนค่อนข้างลื่น

Plaza de Sant Jaume

แวะทานชูโรสที่ร้านข้างทาง

ลองทานชูโรสแบบสามรสเลยค่ะ

เดินต่อไปตามถนน C/de Quart


ร้านขายของใช้หลายอย่าง เหมือนร้านของชำเลยค่ะ



มาถึงจุดหมายแล้วค่ะ ด้านหน้าคือหอคอย Torres de Quart เป็น 1 ใน 2 หอคอยที่ยังเหลืออยู่
สร้างในปี ค.ศ.1441-1493 เป็นส่วนหนึ่งของกำแพงเมืองเก่า

The Torres de Quart (Quart Tower)
It is one of the two remaining gates of the old Valencia city wall, built between 1441 and 1493. 

The Convent of Santa Ursula 
It is a Catholic church, founded in 1605.

เดินย้อนกลับทางเดิมไปยังหอคอย Serranos ระยะทางประมาณ 800 เมตร

เก็บภาพอาคารสวยๆในซอยระหว่างทาง

Torres dels Serrans

หอคอย Serranos นี้มีขนาดใหญ่กว่าหอคอย Quart แต่รูปทรงคล้ายกันเลยค่ะ

มีทางขึ้นไปชมวิวด้านบน ค่าขึ้นหอคอย คนละ 2 Euro

หอคอยนี้อยู่ทางทิศเหนือของตัวเมืองเก่าจึงเป็นประตูทางเข้าหลัก และเป็นสถานที่จัดงานสำคัญต่างๆ

เวลา 16:00 น. เดินทางออกจากเมืองบาเลนเซีย ไปตามถนนเลียบสวนสาธารณะทูเรีย
สวนสาธารณะนี้สร้างอยู่ต่ำกว่าถนน มีสะพานเชื่อมระหว่างเมืองเก่าและนอกเมือง 18 สะพาน
The Turia Garden is 9 km.long, run from the Cabecera Park to the City of Arts and Sciences.

Pont de l'Exposició

Pont de les Flors

Pont de la Mar

Palau de la Música de València

Pont de l'Àngel Custodi

ด้านล่างคือสนามเด็กเล่น Gulliver Park

It has the huge 70m.long statue of Gulliver that from "the story of Gulliver Travels", 
a famous work by writer Jonathan Swift. 

ในสวนด้านล่างมีรูปปั้นของกัลลิเวอร์ขนาดใหญ่มากยาว 70 เมตร จากหนังสือนิทานชื่อดัง
พวกเราไม่ได้ลงไปเดินเล่นในสวนเพราะมีเวลาไม่พอค่ะ

Pont Del Regne passes alongside Gulliver Park  

ถัดจากสวนกัลลิเวอร์ก็มาถึงพื้นที่ของ City of Arts and Sciences มีความยาวประมาณ 2 กม.
ประกอบด้วยอาคารทันสมัย โรงละคร โรงภาพยนตร์ พิพิธภัณฑ์ ออกแบบเหมือนโลกอนาคตเลยค่ะ

Queen Sofia Palace of Arts (Valencia Opera House)
It is the main building of the complex.

 It is a cultural and architectural complex in the city of Valencia with six major elements:
Palau de les Arts Reina Sofía, L’Hemispheric (Planetarium), Science Museum Prince Felipe,
Umbracle (The Shade), L’Àgora (covered plaza and a space),Oceanogràfic (aquarium ).

เมืองแห่งศิลปะและวิทยาศาสตร์เป็นศูนย์วัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมที่สำคัญของเมืองบาเลนเซีย
ประกอบด้วย โรงละครโอเปรา, ท้องฟ้าจำลอง, พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ และพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ

Science Museum Prince Felipe
The building appears to be the skeleton of a prehistoric animal or perhaps a huge whale.

ตัวพิพิธภัณฑ์ออกแบบเหมือนโครงกระดูกวาฬขนาดใหญ่

เดินทางออกนอกเมืองผ่านวงเวียน "Rotonda dels Hams" มีประติมากรรมรูปตะขอฮุกขนาดใหญ่

The biggest hooks of the world

Valencia Train station

เดินทางลงใต้โดยใช้ทางหลวงหมายเลข V31

จุดหมายที่พักคืนนี้อยู่ที่เมือง Murcia ระยะทางประมาณ 200 กม.

เดินทางมาถึงเมืองมูร์เซีย ผ่านวงเวียน Rotonda de la Araña

เมืองนี้มีวงเวียนและประติมากรรมหลายอันเลยค่ะ

Rotonda de Los Cubos

เวลา 19:00 น.มาถึงโรงแรม  Hotel Nelva ที่พักคืนนี้ค่ะ


เช็คอินเสร็จก็ขึ้นไปห้องพักกันค่ะ โรงแรมนี้ไม่มีห้องสามคนพวกเราเลยต้องแยกพักกัน 2 ห้อง

โรงแรมใหม่และสะอาดมาก ห้องน้ำมีโถชำระ (Bidet)

เวลา 20:00 น. ลงมาทานอาหารเย็นที่ห้องอาหารของโรงแรม 

เมนคอร์สคือสเต็กหมู ทานอาหารเสร็จก็กลับไปอาบน้ำและพักผ่อนค่ะ