TUKEMD

__TUKEMD__ชื่อบ้าน อ่านว่า ตุ๊ก-เอ็ม-ดี นะจ๊ะ เป็นชื่อในเน็ตของแม่ตุ๊กเองค่ะ

บ้านหลังน้อย หลังนี้เป็นของแม่ตุ๊ก,น้องมะปราง และ คุณป๋า

เป็นบล็อกเพื่อบันทึกความสุข ความทรงจำ ในการท่องเที่ยวที่ต่างๆของครอบครัวเราค่ะ



2566/11/20

Lucerne "The popular city in the Heart of Switzerland" (เที่ยวลูเซิร์น เมืองศูนย์กลางการท่องเที่ยว)

วันศุกร์ที่ 2 มิถุนายน 2566

นั่งรถไฟสาย 24 จากสถานี Kilchberg ZH มาลงยังสถานี Thalwil เพื่อต่อรถไฟไปยังเมือง Lucerne


ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที รถไฟแล่นผ่านเมือง Zug

เวลา 12:40 น.เดินทางมาถึง Bahnhof Luzern 
ซื้ออาหารเที่ยงแบบง่ายๆในร้าน Coop นั่งทานแล้วก็ออกไปเที่ยวกันต่อค่ะ

Welcome to Luzern
จตรัส Bahnhofplatz อยู่ทางทิศเหนือของสถานีรถไฟ ตรงกลางจตุรัสมีซุ้มประตูขนาดใหญ่

The impressive archway in the middle of the train station square serves as a meeting point, 
an eye-catcher - a landmark of Lucerne.

 At the top of the archway is a sculpture called "Zeitgeist", crafted by the renowned Swiss sculptor Richard Kissling. 

ซุ้มประตูโดดเด่นเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของเมือง ด้านบนมีรูปปั้น "Zeitgeist"

ทางขวามือคือสะพาน Seebrücke เป็นสะพานหลักเชื่อมระหว่างสถานีรถไฟและเขตเมืองเก่า 

เดินตรงไปตามถนน Banhofstrasse

เก็บภาพบนสะพาน ด้านหลังคือสะพานไม้สัญลักษณ์ของเมืองลูเซิร์น

The Kapellbrücke (Chapel Bridge) 
It is a covered wooden footbridge,named after the nearby St. Peter's Chapel.

สะพานไม้คนเดินมีหลังคาปกคลุม สร้างขึ้นเพื่อให้คนเดินข้ามไปยังโบสถ์เซนต์ปีเตอร์ที่อยู่อีกฝั่ง
จึงตั้งชื่อว่าสะพานโบสถ์


 Hauptpost
The main post office in Lucerne was built in 1888 in a Neo-classical style by Gustav Guhl.
It features delightful Romanesque statues atop Corinthian columns.

ตรงหัวมุมทางซ้ายมือที่ทำการไปรษณีย์หลักของเมือง สร้างขึ้นในปี 1888 สไตล์นีโอคลาสสิก

The Reuss River with 164 kilometers is the 4th longest river in the country.

เดินต่อไปตามถนนริมแม่น้ำร็อยส์ บริเวณนี้เป็นจุดถ่ายรูปมีนักท่องเที่ยวเยอะมาก

The Chapel Bridge runs from the New Town on the southern bank of the Reuss to the Rathausquai in the medieval Old Town, zigzagging as it passes the impressive Water Tower.

สะพานเชื่อมสองฝั่งแม่น้ำร็อยส์ จากเขตเมืองใหม่ทางทิศใต้ไปยังเมืองเก่าทางทิศเหนือ

หอคอยกลางน้ำทรงแปดเหลี่ยมสวยโดดเด่น

The Chapel Bridge is 205 meters long. 

 It the second-longest covered wooden bridge in Europe after the wooden bridge at Bad Säckingen in Germany.

สะพานโบสถ์มีความยาว 205 เมตร ซึ่งยาวเป็นอันดับสองของสะพานไม้ที่มีหลังคาในยุโรป

Seebrücke (Lake Bridge)

The prestressed concrete bridge built from 1994-1996 is 26.71 meters wide and 157.32 meters long.

ทางขวามือคือสะพาน Seebrücke เป็นสะพานคอนกรีต สร้างในปี 1994-1996 ยาว 157 เมตร

Lucerne's landmark is considered to be Europe's oldest covered bridge.

สะพานโบสถ์สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1332 เป็นสะพานที่มีหลังคาเก่าแก่ที่สุดในยุโรป

It was built in 1332 and was originally a part of the city fortifications. 

Wasserturm (Lucerne’s water tower)

It was built in the first half of the 14th century (before the Chapel Bridge). Its ground plan is octagonal.                   The water tower measures 34.5 metres high and its circumference is 38 metres.                     The lowest room with its four and a half meter thick walls served as a dungeon. 

              หอคอยทรงแปดเหลี่ยมสร้างขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 14 สร้างก่อนสะพานโบสถ์                              หอคอยสูง 34.5 เมตร เส้นรอบวง 38 เมตร เคยใช้เป็นที่คุมขังนักโทษ ใต้หลังคาเป็นที่อยู่ของนกที่อพยพ       

A colony of Alpine Swifts has been roosting under the rooftop for decades. When these black and white birds return from their winter home in Africa, they bring springtime back to Lucerne.

สะพานโบสถ์และหอคอยนี้เคยเป็นส่วนหนึ่งของกำแพงเมืองเก่า 

ไปชมด้านในสะพานกันค่ะ

The bridge is unique in containing a number of interior paintings dating back to the 17th century. None of Europe's other wooden footbridges have this feature. All featured painted interior triangular frames. 

 สะพานโบสถ์มีหลังคาเป็นหน้าจั่วซึ่งประดับภาพเขียนโบราณตั้งแต่ศตวรรษที่ 17

ภาพวาดพร้อมคำบรรยายใต้ภาพ (An explanation of each painting was printed below each scene.) 

 Kapellbrücke serves as the city's symbol and as one of Switzerland's main tourist attractions.

ด้านหน้ามีทางเชื่อมระหว่างสะพานและหอคอย

It was contain scenes of Swiss history, the Lucerne's history including the biographies of the city's patron saints, St. Leodegar and St. Maurice.

There were the original 158 paintings, 147 existed before the 1993 fire. The remains of 47 paintings were collected after the fire, but ultimately only 30 were fully restored.

ภาพวาดจำนวนมากเสียหายเนื่องจากเกิดเหตุเพลิงไหม้ในปี 1993 ตอนนี้เหลือเพียง 30 ภาพ

Rathaus Luzern
The Lucerne Town Hall was built between 1602 and 1606 by Anton Isenmann in the Italian Renaissance style. 

ศาลาว่าการเมืองลูเซิร์นตั้งอยู่อีกฝั่งแม่น้ำ สร้างขึ้นในปี 1602-1606 สไตล์เรอเนสซองส์

ทางฝั่งซ้ายของสะพานโบสถ์คือสะพาน Rathaussteg
เป็นสะพานคนเดินข้ามแม่น้ำ เชื่อมระหว่างศาลาว่าการเมืองและโรงละครลูเซิร์น

Rathaussteg
The town hall footbridge over the Reuss, connects the Lucerne Theater on Bahnhofstrasse with the town hall in the old town.

อาคารที่อยู่บนถนน Bahnhofstrasse คือโรงละคร Luzerner Theater และ Jesuit Church


Wasserturm Souvenirshop

The paintings ran all along the bridge.


เดินมาถึงทางลงสะพานที่ถนน Rathausquai

Peterskapelle (St. Peter's Chapel) and Rosengartplatz

Kapelplatz

เลี้ยวซ้ายแล้วเดินขึ้นเหนือไปตามถนน Gerbergasse



schwanenplatz 
It is a major shopping place, situated on the leftt shore of lake lucerne.

ด้านหน้าคือจตุรัส schwanenplatz ตั้งอยู่ทางฝั่งซ้ายของทะเลสาบ เป็นแหล่งช็อปปิ้งของเมือง

Lake Lucerne

เดินต่อไปอีกประมาณ 200 เมตร


ด้านหน้าคือโบสถ์คาทอลิกประจำเมือง

Church of St. Leodegar 
It is a Roman Catholic church, built in parts from 1633 to 1639 on the foundation of the Roman basilica. It is one of the largest art history rich churches of the German late renaissance period.

โบสถ์ St. Leodegar เป็นโบสถ์คาทอลิกใหญ่ที่สุดในเมืองลูเซิร์น สร้างขึ้นในปี 1633-1639
ด้านในโบสถ์เข้าชมฟรีค่ะ

เดินเลี้ยวซ้ายไปตามถนน Zurichstrasse 

เดินต่ออีก 200 เมตร

ทางขวามือคือพิพิธภัณฑ์ Bourbaki Panorama Lucerne
อาคารทรงกลมด้านในจัดแสดงรูปภาพเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ แบบ 360 องศา

อาคารกระจกด้านหน้าคือ HEINI Café and shop at Löwenplatz 

เดินเลี้ยวขวาไปที่จตุรัส Löwenplatz 

จตุรัสเล็กๆนี้อยู่ด้านข้างพิพิธภัณฑ์ Bourbaki Panorama

Old Swiss House
 The landmark half-timbered building dating from 1858.

ภัตตาคารหรูในอาคารแบบสวิสชาเล่ต์เปิดบริการมาตั้งแต่ปี 1858

City Train Lucerne
The City Train takes you to the tourist highlights of the city centre 
Car parking at Löwenplatz From April to October.

Discover the city of Lucerne in just 40 minutes on the old-style blue City Train. 
Price adult: CHF 15.00 child: CHF 5.00

รถนำเที่ยวชมเมือง ตกแต่งแบบขบวนรถไฟย้อนยุคสีฟ้า พาชมแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของเมือง
ใช้เวลาประมาณ 40 นาที ค่าตั๋วคนละ 15 CHF

เลี้ยวซ้ายไปตามถนน Denkmalstrasse ทางซ้ายมือคือพิพิธภัณฑ์  Alpineum 

The Alpineum is a museum and diorama of the Alps in Lucerne.


ด้านหน้าคือทางเข้าชมสวนธารน้ำแข็ง และอนุสาวรีย์สิงโต

Gletschergarten and Löwendenkmal

The Timeline and The History

ประวัติความเป็นมาของการสร้างอนุสาวรีย์สิงโต

The Lion Monument was unveiled in 1821. 

A memorial chapel for the fallen

อนุสาวรีย์สิงโตตั้งอยู่ในสวนสาธารณะ เข้าชมฟรีค่ะ

The Lion Monument is under ongoing maintenance work from 6 March to May 2023. 

อนุสาวรีย์ปิดซ่อมแซมตั้งแต่เดือนมีนาคม เพิ่งเปิดให้ชมเดือนนี้พอดีค่ะ แต่ยังมีโครงเหล็กตั้งอยู่

The Lion Monument is a proud landmark of the city of Lucerne and a popular attraction.

The dying lion of Lucerne was sculpted from the living rock of the cliff 
and commemorates the Swiss guardsmen who died in 1792 during the French Revolution. 

อนุสาวรีย์สิงโตเป็นการสลักหินบริเวณหน้าผา เพื่อระลึกถึงกองกำลังทหารชาวสวิสที่ทำหน้าพิทักษ์กษัตริย์ฝรั่งเศสอย่างกล้าหาญและถูกสังหารทั้งหมดในปี 1792

The monument measures 10 m. in length and 6 m. in height. The dying lion is portrayed impaled by a spear, covering a shield bearing the fleur-de-lis of the French monarchy; beside him is another shield bearing the coat of arms of Switzerland.

รูปสลักหินมีความยาว 10 เมตร สูง 6 เมตร รูปสิงโตโดนหอกแทงเจ็บปวดใกล้ตาย มีโล่วางด้านหน้า

The monument is dedicated Helvetiorum Fidei ac Virtuti 
"To the loyalty and bravery of the Swiss"

อักษรจารึกบนหน้าผาหิน " แด่กองทหารสวิสผู้ซื่อสัตย์และกล้าหาญ"

The Lion Monument is not just a sculpture, but a powerful symbol of bravery, sacrifice, and remembrance. 

วันนี้นักท่องเที่ยวน้อยเพราะคนคิดว่าอนุสาวรีย์ยังปิดซ่อมแซมอยู่

เดินย้อนกลับทางเดิม

ด้านหน้ามีร้านขายของที่ระลึก


ด้านหน้าคือห้างสรรพสินค้า Löwencenter

มีนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่เดินเข้าไปที่อนุสาวรีย์หลังจากที่พวกเราออกมาพอดีค่ะ

รถนำเที่ยวชมเมืองจอดอยู่ด้านข้างพิพิธภัณฑ์  Bourbaki Panorama 

เลี้ยวขวาเข้าสู่ถนน Hofstrasse

เดินขึ้นเนินไปตามถนน Museggstrasse


ถนนเส้นนี้เป็นทางไปสู่แนวกำแพงเมืองเก่าของลูเซิร์น อาคารด้านซ้ายคือโรงเรียน Schulhaus Fluhmatt

ทางเดินจะขึ้นเนินไปเรื่อยๆ สองข้างทางมีอาคารเก่าแก่สวยงาม

ด้านหน้าคือกำแพงเมืองเก่า

Museggmauer
The Musegg wall with its nine towers is part of the ramparts built in the 14th century to protect the town of Lucerne.

กำแพงเมืองเก่าและหอสังเกตุการณ์ สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 14 เพื่อป้องกันเมืองทางทิศเหนือ

ด้านหลังคือหนึ่งในหอคอย 9 อัน มีบันไดให้เดินขึ้นไปบนกำแพงเมืองได้ค่ะ

 Allenwindenturm (Allenwinden Tower)

The Museggmauer is 900 meters long making it the longest intact city wall in the whole of Switzerland. Originally, the Museggmauer city wall had 30 watchtowers to protect the city, nine still remain today. 

กำแพงเมืองเก่ามีความยาว 900 เมตร ถือว่ายาวที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์
ตอนแรกมีหอคอย 30 อัน ปัจจุบันเหลือเพียง 9 อัน หอคอย Allenwindenturm ตั้งอยู่ลำดับที่ 8

ทางซ้ายมือคือโบสถ์ Christian Catholic parish of Lucerne


Kantonsschule Musegg

พวกเราไม่ได้เดินชมกำแพงเมืองเก่าต่อเพราะตอนนี้ปิดหลายจุด เลยเดินลงเนินไปริมแม่น้ำค่ะ

เดินต่อไปจนสุดถนน Löwengraben ประมาณ 300 เมตร ก็จะถึงริมแม่น้ำค่ะ

Spreuerbrücke (Spreuer Bridge)
It is the third covered wooden bridge in the city of Lucerne , alongside the Kapellbrücke and the Hofbrücke, which was demolished in the 19th century.

สะพานไม้ข้ามแม่น้ำ ทรงเหมือนสะพานโบสถ์แต่ระยะทางสั้นกว่า

สะพานมีหลังคาคลุมทรงหน้าจั่ว

The first bridge has connected the Mühlenplatz on the right bank of the Reuss with the mills in the middle of the river since the 13th century. The southern half built in 1408.

สะพานนี้สร้างส่วนแรกทางทิศเหนือตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 สร้างต่อส่วนที่เหลือในปี 1408

สะพานไม้โบราณนี้เหลืออยู่ 2 แห่ง แห่งที่สามคือสะพาน Hofbrücke ได้ถูกรื้อถอนไปแล้ว

ริมแม่น้ำทางทิศเหนือคือหนึ่งในเก้าหอคอยของกำแพงเมืองเก่า

The Nölliturm 
It was built between 1516 and 1519.
The round tower is well preserved with an external diameter of 13.45 m and 28 m high to the top.

หอคอย Nölliturm สร้างขึ้นในปี 1516-1519 อาคารเป็นรูปทรงกลม สูง 28 เมตร
หอคอยนี้อยู่ลำดับที่หนึ่ง โดยตั้งอยู่ริมแม่น้ำได้รับการดูแลรักษาอย่างดี ไม่เปิดให้คนเข้าชม


Männliturm เป็นหอคอยลำดับที่ 2 สูง 33 เมตร

Spreuer Bridge is called the chaff bridge because the chaff produced by the city mills (the grain waste that results from threshing) was thrown over the edge of the bridge into the Reuss. 

สะพานนี้บางคนเรียกว่าสะพานแกลบเพราะสมัยก่อนโรงสีข้าวจะนำขยะมาทิ้งลงแม่น้ำที่บริเวณนี้

บนเนินเขาทางทิศใต้มีปราสาทเก่าแก่สวยงามมาก ปัจจุบันเป็นโรงแรมหรู

Hotel Château Gütsch

In the gable fields of the Spreuerbrücke there are still 45 of the original 67 painted wooden panels 
with a unique dance of death , executed between 1626 and 1632.

สะพานนี้มีรูปวาดบนหน้าจั่วเหมือนกับสะพานโบสถ์ ตอนแรกมี 67 ภาพ ปัจจุบันเหลือเพียง 45 ภาพ

The small bridge chapel  "Maria auf der Reuss" is dedicated to Our Lady .

ตรงกลางสะพานมีโบสถ์เล็กๆสร้างขึ้นเพื่ออุทิศแก่พระแม่มารี


 The Lucerne painters create a series of artworks forming a Dance of Death cycle (known as a "Danse Macabre" or "Totentanz" in German). The object of works was to remind everyone that death comes for us all, whether old or young, rich or poor. 

ภาพวาดเป็นเรื่องราวของวัฏจักรแห่งความตาย เพื่อสอนให้ทุกคนเท่าเทียมกัน

ตรงเชิงสะพาน Spreuer Bridge ฝั่งจตุรัส Mühlenplatz คือโรงไฟฟ้าพลังน้ำ

Kraftwerk Mühlenplatz

Mühlenplatz power plant (The power plant of 1887/89)
It is a run-of-river power plant near the Spreuerbrücke on the Reuss.

เดินข้ามสะพานไปทางฝั่งทิศใต้

ด้านหน้าคือถนน Pfistergasse

เดินเลี้ยวซ้ายไปทางพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์

The Lucerne Historical Museum was opened on May 23, 1986.
The building was built in 1567/1568 as an armory for the city and the Lucerne estate. 

อาคารนี้สร้างขึ้นในปี 1567-1568 เพื่อใช้เป็นคลังแสงของเมือง
ต่อมาในปี 1986 ได้เปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติ

ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์เป็นจตุรัสเล็กๆ มีน้ำพุตั้งอยู่ริมแม่น้ำ

Brunnen Reusssteg
A Baroque fountain with a Corinthian column and a sculpture of the Wildman.  It was built in 1547.

น้ำพุสไตล์บาโรคสร้างขึ้นในปี 1547 ตรงกลางมีเสาโครินเธียน ด้านบนเป็นรูปปั้นคนป่าถือกระบอง

น้ำพุดื่มได้

เดินตามถนน Reusssteg เลียบแม่น้ำร็อยส์ ด้านหลังมองเห็นยอดหอคอยกำแพงเมืองอันที่ 2-4

วิวสะพาน Spreuer Bridge

 The Needle Dam (also known as the Reuss Weir)
 The weir is a historical monument and marvel of 19th century engineering. It was built in 1859-1861.

ตรงกลางแม่น้ำมีฝายเล็กๆ ด้านบนเป็นซี่แหลมๆคล้ายเข็ม
 สร้างขึ้นในปี 1859-1861 เพื่อลดความแรงของกระแสน้ำป้องกันน้ำท่วมในตัวเมือง

ด้านหน้าคือสะพานเหล็กสำหรับคนเดินข้ามแม่น้ำ "Reussbrücke"

Reussbrücke (Reuss Bridge)
The iron truss bridge was built in 1877. It connect between Krongasse and Kramgasse, only used by pedestrians and cyclists.

It is decorated above the road with richly decorated wrought iron railings and cast iron candelabra. There are fourteen benches on the bridge.

สะพานนี้สร้างขึ้นในปี 1877 ใช้สำหรับคนเดินและจักรยานเชื่อมถนนสองฝั่งแม่น้ำ

จุดชมวิวสะพานโบสถ์

ด้านหลังคือโบสถ์เยซูอิต เป็นโบสถ์คาทอลิกขนาดใหญ่ มีหอคอยคู่ด้านบนเป็นโดมรูปหัวหอม

เดินต่อไปจนสุดถนน Reusssteg มีน้ำพุเล็กตั้งอยู่ด้านข้างร้านอาหาร

เดินต่อมาจนถึงจตุรัส Jesuitenplatz ซึ่งอยู่ด้านหน้าโบสถ์เยซูอิต

The Lucerne Jesuit Church is a Catholic church in Lucerne. The church was consecrated in 1677.
It is the first large Baroque church built in Switzerland.

วันนี้วันศุกร์โบสถ์ปิด มีคนมานั่งเล่นชมวิวริมแม่น้ำหลายคน

Lucerne Town Hall and Clock Tower in the foreground the Reuss

เดินต่อไปจนถึงสะพาน Seebrücke

ข้ามถนนไปเดินเล่นบริเวณท่าเรือ น้ำในทะเลสาบใสสะอาดมาก

Luzern Bahnhofquai


 KKL (Kultur- und Kongresszentrum Luzern)
Lucerne Culture and Congress Centre is a multi-functional building with a concert hall. 

ฝั่งตรงข้ามคืออาคาร KKL เป็นอาคารอเนกประสงค์ใช้จัดคอนเสิร์ตและจัดงานหลายอย๋าง

เวลา 14:40 น.เดินกลับมาที่สถานีรถไฟเพื่อไปเที่ยวเมืองต่อไปค่ะ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น