วันพฤหัสบดีที่ 1 มิถุนายน 2566
วันนี้ตื่นเช้า อากาศเย็นสบายมากค่ะ
อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็เดินข้ามถนนไปสถานีรถไฟ
ด้านข้างสถานีรถไฟคือโบสถ์โปรแตสแตนท์ Heiliggeistkirche (Holy Spirit Church)
เดินลงบันไดเลื่อนไปชั้นล่าง ด้านหน้ามีตารางเวลารถไฟขนาดใหญ่
วันนี้พวกเราจะไปเที่ยวเมืองแซร์มัทกันค่ะ ไม่มีรถไฟวิ่งตรงต้องไปเปลี่ยนขบวนที่เมือง Visp
รถไฟ IC6 Brig ออกเวลา 07:07 น. สุดปลายทางเมือง Visp เวลา 08:02 น.
ใช้เวลาเดินทาง 55 นาที
เช้านี้แม่ตุ๊กไม่ได้ทำอาหาร เลยมาซื้อขนมปังอบใหม่ที่ร้านในสถานีรถไฟทานกันคนละชิ้นค่ะ
ช่วงเช้าวันนี้บนรถไฟมีคนน้อยมากค่ะ เลือกที่นั่งตามสบาย รถจอดแค่ 3 สถานี
วิ่งลงใต้ผ่านเมือง Thun
นั่งทางฝั่งซ้ายจะเห็นทะเลสาบทูน เงียบสงบสวยงาม
Thunersee (Lake Thun)
ผ่านเมือง Spiez
เวลา 07:40 น. มาถึง Bahnhof Spiez
ส่วนปลายทะเลสาบทูน
ชมวิวและเทือกเขาสวยๆตลอดเส้นทาง
รถไฟขบวนนี้ให้บริการโดย บ. Matterhorn Gotthard Bahn (bvz) เรายังสามารถใช้ Eurail Pass ได้ค่ะ
เวลา 08:08 น.ออกเดินทางต่อไปยังเมือง Zermatt ใช้เวลา 1 ชม. 6 นาที ผ่าน 7 สถานี
Matterhorn Gotthard Bahn เป็นรถไฟที่วิ่งระหว่างเมือง Andermatt และเมือง Zermatt โดยผ่านเมือง Visp
ระยะทางทั้งหมด 144 กม. เส้นทางผ่าน Swiss Alps อันสวยงาม
ภายในตู้โดยสารสะอาดโปร่งโล่ง หน้าต่างเป็นกระจกบานใหญ่และสูง
รถไฟขบวนนี้เป็นรถไฟรางแคบ มีความกว้างของราง 1 เมตร ก่อตั้งขึ้นในปี 2003
The Matterhorn Gotthard Bahn is a narrow gauge railway line. The track width is 1 m.
It was created in 2003. The name comes from the Matterhorn and St. Gotthard Pass.
แม่น้ำไหลขนานไปกับทางรถไฟ
เส้นทางรถไฟจะค่อยๆไต่เขาสูงขึ้นเรื่อยๆ ผ่านหุบเขาและสะพาน
เวลา 08:18 น.ผ่านสถานี Stalden-Saas
กระจกบานใหญ่ทำให้มองเห็นวิวสองข้างทางได้มุมกว้าง
เวลา 08:25 น. ผ่านสถานี Kalpetran
ด้านข้างเป็นถนนคดเคี้ยวขนานไปกับทางรถไฟ
เวลา 08:36 น. ผ่านสถานี St.Niklaus VS
ทางซ้ายมือคือโบสถ์คาทอลิคประจำเมือง
"The parish church of St. Niklaus"
มีนักท่องเที่ยวมาขึ้นรถไฟที่สถานีนี้หลายคน
เวลา 08:44 น. ผ่านเมือง Herbriggen
มีเจ้าหน้าที่รถไฟมาตรวจตั๋วพร้อมกับขายตั๋วรถไฟ Gornergrat Railway ราคาเท่ากับในเวป
เหมาะสำหรับช่วงที่อากาศไม่ดีเพราะบางคนขึ้นมาดูก่อนถ้าฟ้าเปิดค่อยซื้อตั๋ว
คุณป๋าซื้อตั๋วผ่านเวปไซต์ไว้ล่วงหน้า เพราะกลัวคนบนรถไฟเยอะแล้วจะซื้อตั๋วไม่ทันค่ะ
www.gornergrat.ch : The Gornergrat round trip for Adults price 126 CHF
ตั๋วช่วง Spring (June-Aug) ราคาจะสูงที่สุดเพราะเป็นฤดูท่องเที่ยว
ตั๋วจะกำหนดวันเดินทางไว้ แม่ตุ๊กดูพยากรณ์อากาศหลายเวปว่าวันที่ 1 มิย.ฟ้าเปิด เมฆไม่มาก
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีเมฆและฝน พวกเราโชคดีวันนี้อากาศสดใสมีแดด มองเห็นยอดเขา
เวลา 08:54 น. ผ่านเมือง Randa
เมืองนี้มีโรงแรมและที่พักจำนวนมากเพราะอยู่ใกล้เมืองแซร์มัท
หิมะด้านบนเริ่มละลายทำให้น้ำในลำธารเยอะมาก
เวลา 09:00 น. มาถึงเมือง Täsch ห่างจาก Zermatt ประมาณ 6 กม.
รถส่วนตัวจะต้องจอดไว้ที่เมืองนี้ แล้วทุกคนต้องนั่งรถไฟหรือรถสาธารณะเข้าเมืองแซร์มัทค่ะ
เวลา 09:14 น. เดินทางมาถึงสถานีปลายทางเมือง Zermatt แล้วค่ะ
คนเยอะมากหลายคนนิยมมาค้างคืนที่เมืองนี้กัน
GLACIER EXPRESS
8-hour journey through the picturesque Swiss Alps (Zermatt-Andermatt-Chur-St. Moritz)
รถไฟด่วนชมวิวที่วิ่งช้าที่สุดเริ่มต้นจากเมือง Zermatt ถึงเมือง St. Moritz
เดินออกจากสถานีแล้วเลี้ยวซ้ายไป 50 เมตรตามป้าย เพื่อไปยังสถานีรถไฟ Gornergrat Bahn
มาถึงสถานีรถไฟเพื่อขึ้นไปชมยอดเขามัทเทอร์ฮอร์น ด้านหน้ามีเวลารถไฟที่จะออกในรอบต่อไปค่ะ
ต้องเซฟตารางเวลารถไฟไว้ค่ะ เพราะพวกเราจะแวะขึ้นลงที่สถานีระหว่างทางด้วย
เอา QR code ที่ได้จากเวป ไปสแกนแล้วออกตั๋วที่ตู้ได้เลยค่ะ
เอา QR code ที่ได้จากเวป ไปสแกนแล้วออกตั๋วที่ตู้ได้เลยค่ะ
หลายคนมาซื้อตั๋วที่สถานีต้องรอคิวค่อนข้างยาว
พกตั๋วติดตัวคนละใบเพราะต้องใช้สแกนเวลาผ่านเข้าออกแต่ละสถานี
เวลา 09:25 น. รถไฟมาถึงสถานี Zermatt จนท.ทำความสะอาดเสร็จแล้วก็ให้คนขึ้นไปนั่งได้เลย
วันนี้นักท่องเที่ยวเยอะมากๆพวกเราได้ที่นั่งสามที่สุดท้ายพอดี ไม่ต้องยืนค่ะ
Zermatt เป็นหมู่บ้านเล็กๆในหุบเขา ตั้งอยู่เชิงเขา Matterhorn ตัวเมืองสูงจากระดับน้ำทะเล 1605 เมตร
The Gornergrat Bahn was the world’s first fully electrified cog railway.
Gornergrat Bahn เป็นรถไฟล้อเฟืองเกียร์ที่ใช้ระบบไฟฟ้าเป็นสายแรกของโลก
การคมนาคมในเมืองนี้จะใช้เป็นระบบไฟฟ้าทั้งหมด ไม่มีมลพิษจากเชื้อเพลิง
เวลา 09:45 น. รถไฟออกเดินทาง ดูจากแผนที่รถไฟวิ่งผ่าน 4 สถานี ใช้เวลา 36 นาที
The railway passes four intermediate stations along the way.
We can use our tickets to get off at every way station and then get on again later and continue
our journey. Each section may only be travelled once per direction.
วิวตัวเมืองแซร์มัทในหุบเขามียอดเขามัทเทอร์ฮอร์นเป็นฉากหลังสวยงาม
Findelbach Station is the first station on the Gornergrat line outside the village of Zermatt,
standing at 1,783 metres above sea level.
เวลา 09:53 น. รถไฟแวะจอดที่สถานี Findelbach เป็นสถานีแรก
สวนกับรถไฟที่ลงมาจากสถานี Gornergrat พอดี
รถไฟแล่นไต่เขาสูงขึ้นไปเรื่อยๆ
เริ่มมองเห็นยอดเขามัทเทอร์ฮอร์นแล้วค่ะ
The larches and Swiss stone pines beautifully frame the view of the Matterhorn.
มีเมฆบังยอดเขานิดนึง
สองข้างทางเป็นป่าสนต้นสูง
ใกล้ถึงสถานีถัดไปแล้ว
เวลา 10:02 น. รถจอดที่สถานี Riffelalp สูงจากระดับน้ำทะเล 2211 เมตร
Riffelalp Station is the second station on the Gornergrat line.
It is located at 2211 meters above sea level.
It is the starting point for a variety of easy walks and many hikes.
During the summer months, cows graze here - their cheese can be bought directly on site.
ที่สถานีนี้เป็นจุดเริ่มต้นของนักเดินเขา เส้นทางเรียบไม่ชันเดินสบาย
เส้นทางเดินเขาขนานไปกับทางรถไฟ
หมู่บ้านเล็กๆในหุบเขา
ในช่วงฤดูร้อนจะมีวัวมานอนกินหญ้าตลอดข้างทาง
มองเห็นทางรถไฟขึ้นเขาสูง
เส้นทางเดินเขาชมวิวเทือกเขาสวยๆ
เวลา 10:11 น.ถึงสถานี Riffelberg ที่นี่มีกระเช้า (Cable Car) ให้นักท่องเที่ยวนั่งต่อไปยังสถานี Furi
ที่สถานีนี้มองเห็นยอดเขามัทเทอร์ฮอร์นโดดเด่นมาก
On Riffelberg you have a choice of numerous hikin trails in all directions of the Matterhorn Paradise and enjoy a wonderful view of the Matterhorn.
The Riffelberg station is located at 2583 metres above sea level.
Riffelberg is a popular starting point and destination for various hikes.
สถานีนี้สูง 2583 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล
เป็นสถานีที่คนนิยมลงไปเดินเขาเพื่อชมวิวและไปทะเลสาบ หรือต่อกระเช้าไปยังจุดชมวิวอีกแห่ง
เวลา 10:16 น. ถึงสถานี Rotenboden สูงจากระดับน้ำทะเล 2815 เมตร
The Rotenboden station is the second-highest station on the Gornergrat Bahn.
It is located at 2815 meters above sea level.
พวกเราลงไปเดินเล่นที่สถานี Rotenboden ตอนนี้ไม่มีนักท่องเที่ยวลงมาเลยค่ะ
The Rotenboden station is the starting point for the world-famous Riffelsee,
which we can reach on foot in 10 minutes.
แม่ตุ๊กอ่านรีวิวมาว่าสถานีนี้อยู่ใกล้ทะเลสาบ Riffelsee มากที่สุด
จากสถานีสามารถเดินลงไปที่ทะเลสาบโดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที
Riffelsee lake
The Riffelsee lake should be on every Zermatt visitor’s bucket list.
The flawless inverted mirror-image is reflected on the unruffled lake’s surface.
มองเห็นทะเลสาบอยู่ไม่ไกลเลยค่ะ พวกเรามาต้นเดือนมิถุนายนน้ำแข็งเพิ่งเริ่มละลาย
ทะเลสาบยังเป็นน้ำแข็งอยู่เลยค่ะ แต่เห็นมีนักท่องเที่ยวบางคนเดินลงไป
พวกเราก็พยายามเดินลงไปได้นิดนึงแต่ทางมันลื่นกลัวกลิ้งตกเขา ควรใช้ Trekking Pole
คงต้องมาเก็บภาพในช่วงฤดูร้อนจะดีกว่าค่ะ สรุปเลยถ่ายรูปแค่ด้านบน
รูปภาพจากเวป https://www.gornergrat.ch/en/stories/riffelsee-lake
ภาพยอดเขา Matterhorn และเงากลับหัวในทะเลสาบ Riffelsee
เดินเก็บภาพกับมุมสวยๆด้านบนกันค่ะ ตรงนี้เป็นฝั่งทิศตะวันออกแสงอาทิตย์ส่องตรงยอดเขาพอดี
Matterhorn is a mountain of the Alps.
This Switzerland landmark is at the border of the western Swiss canton of Valais between Zermatt
and the Italian resort of Breuil-Cervinia.
ยอดเขามัทเทอร์ฮอร์นอยู่ในเทือกเขาแอลป์ เป็นเขตแดนระหว่างสวิตเซอร์แลนด์และอิตาลี
It is 4,478 metres above sea level, making it one of the highest summits in the Alps and Europe.
ยอดเขานี้มีความสูง 4,478 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล เป็นหนึ่งในยอดเขาสูงสุดของเทือกเขาแอลป์
The majestic Matterhorn, also called the "jewel of the Swiss Alps" and certainly the most famous mountain in Europe, looms over the breathtaking Alpine panorama.
เป็นยอดเขาที่มีชื่อเสียงที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์
East face of the Matterhorn
สถานีนี้มีคนน้อยและเห็นยอดเขามัทเทอร์ฮอร์นชัดมาก
เดินชมวิวรอบๆสถานี
The Matterhorn is a classic example of a pyramidal peak.
A pyramidal peak or glacial horn, is an angular, sharply pointed mountain peak which results from the cirque erosion due to multiple glaciers diverging from a central point.
ลักษณะโดดเด่นของยอดเขามัทเทอร์ฮอร์นคือเป็นรูปปิรามิดสี่ด้าน แต่ละด้านก็ตรงกับสี่ทิศ
The four steep faces are face the four compass points
They are split by the Hörnli, Furggen, Leone/Lion, and Zmutt ridges.
เดินลงไปเก็บภาพด้านล่าง
The name Matterhorn derives from the German words Matte ("meadow") and Horn ("horn")
It is often translated as "the peak of the meadows".
Matterhorn มาจากภาษาเยอรมันแปลว่ายอดเขาแห่งทุ่งหญ้า ยอดเขามีลักษณะโค้งแหลมเหมือนเขาสัตว์
Its symmetric pyramid shape, the rocky tooth reaching the sky and the light reflections of the nearby Stellisee make the Matterhorn’s landscape a unique natural spectacle in Zermatt.
ออกไปยืนรอรถไฟขบวนถัดไป ปกติรถจะมาทุกครึ่งชั่วโมง
วิวเทือกเขาแอลป์
สถานีนี้เป็นจุดชมวิวยอดเขาที่สวยมาก
วิวด้านนอกสถานีก็สวยมาก
ในช่วงฤดูร้อนคนคงไม่โล่งแบบนี้ค่ะ
รถไฟมาแล้ว
ขบวนนี้มีนักท่องเที่ยวมาลงที่สถานีนี้หลายคนเลยค่ะ แต่ละคนคงอยากมาถ่ายรูปที่ทะเลสาบ
เวลา 10:51 น. รถไฟเดินทางต่อไปยังสถานีสุดท้าย ใช้เวลาห้านาทีก็ถึงแล้วค่ะ
ปีนี้ครบรอบ 125 ปีของการก่อตั้งรถไฟสาย Gornergrat Railway
รถไฟค่อยๆไต่ขึ้นสถานีสูงสุดด้านบน ทางค่อนข้างชันนิด
ทะเลสาบแต่ละอันยังเป็นน้ำแข็งอยู่เลยค่ะ
เวลา 10:56 น. มาถึงสถานีปลายทางแล้วค่ะ Gornergrat Station
เข้าไปถ่ายรูปด้านในสถานีค่ะ
Matterhorn Paragliding : the highest flights in Switzerland.
สแกนตั๋วทุกครั้งเมื่อเข้าและออกแต่ละสถานี
East face of the Matterhorn
เก็บภาพรถไฟวิ่งลงเขา
ลานหิมะกว้างมาก
สถานี Gornergrat เห็นยอดเขาไกลกว่าที่สถานี Rotenboden แต่ได้มุมกว้างกว่า
แม่ตุ๊กเตรียมอุปกรณ์ถ่ายรูปกับยอดเขามาด้วยค่ะ
"ขวดน้ำที่มียอดเขาอยู่ตรงก้นขวด" เดินหาอยู่สองวันกว่าจะหาขวดน้ำยี่ห้อนี้ได้ค่ะ
ยอดเขาในขวดน้ำ
ช็อคโกแลตที่นี่โลโก้อยู่ตรงปลาย(ถ้าเป็นของเมืองไทยจะอยู่ด้านข้าง)
ยอดเขา Gornergrat อยู่ห่างจากยอดเขา Matterhorn มาทางทิศตะวันตกประมาณ 9 กม.
ข้างล่างคนเยอะมาก พวกเราเลยเดินขึ้นมาชั้นบน
จุดชมวิวบนสะพานข้ามทางรถไฟ
หามุมถ่ายรูปที่มีคนน้อยๆค่ะ
เริ่มเห็นยอดแหลมของมัทเทอร์ฮอร์นแล้วค่ะ
เดินขึ้นเนินไปด้านบนยอดเขา Gornergrat
The 3100 Kulmhotel Gornergrat is the highest hotel in the Swiss Alps.
It located at 3,100 m. above sea level. There are two domes of the Gornergrat Observatory.
โรงแรม 3100 Kulmhotel Gornergrat ตั้งอยู่บนยอดเขาที่ความสูง 3100 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล
มีโดมหอดูดาวอยู่ทางทิศเหนือและทิศใต้
The Gornergrat is one of the best locations for astronomical observations in the Central Europe.
Astronomers carried out research on the Gornergrat between the late 1960s and 2010.
In 1976, the 7.5 m.high dome was erected on the south tower of the Hotel Gornergrat Kulm .
In 1979, the University of Milan built an observatory in the north tower with Europe’s largest telescope.
มีการก่อสร้างโดมที่หอคอยทางทิศเหนือและทิศใต้ของโรงแรมเพื่อใช้เป็นหอดูดาวมีกล้องโทรทรรศน์
เปิดให้เด็กนักเรียนและนักท่องเที่ยวขึ้นไปชมได้
The Gornergrat South Observatory is available to schoolchildren, students, visitors to the Gornergrat and the public through the "Stellarium Gornergrat" project.
อาคารด้านข้างโรงแรมคือ ZOOOM the Matterhorn
เข้ามาชมด้านในอาคารกันค่ะ
ZOOOM the Matterhorn is the interactive exibition at Gornergrat.
It shows the Matterhorn and its surrounding alpine world in all dimensions, will fascinate both young and old and is even a great place to visit on the Gornergrat when the weather is not so good.
The entrance fee is CHF 12
Gornergrat Roundtrip tickets is free access to the interactive exhibition.
ค่าเข้าชมคนละ 12 CHF (พวกเราซื้อตั๋วไปกลับสามารถเข้าชมฟรีค่ะ)
In the interactive exibition, visitors get closer to the Matterhorn in three zoom stages.
Zooom Stage 1: With periscopes right up close to the "Horu" (the locals’ name for the Matterhorn)
Zooom Stage 2: Immersive 3D cinema
Zooom Stage 3: Paraglider flights
ในห้องมี 3 กิจกรรม คือส่องกล้องดูยอดเขา , ชมภาพยนต์สามมิติและนั่งพาราไกลดิ้งจำลอง
แผนภาพแสดงระยะทางและทิศทางไปยังยอดเขาที่มีชื่อเสียง
เข้าไปเดินเล่นด้านในโรงแรม เป็นตำแหน่งที่สูงจากระดับน้ำทะเล 3100 เมตร
ช็อคโกแลตรูปยอดเขามัทเทอร์ฮอร์นขาดใหญ่ที่สุดในโลก มีน้ำหนัก 4478 กรัม
ที่ระลึกจากการจัดงาน Gornergrat Schwingfest 2014
ด้านมีร้านขายของที่ระลึก
แวะเข้าไปซื้อของก่อนค่ะ ด้านในมีเสื้อผ้า กระเป๋า ของใช้ และของที่ระลึกหลายอย่าง
Gornergrat chapel "Bernhard von Aosta"
It was built in blocks with a concave choir, a double roof and a lantern bell tower over the entrance.
It was built in 1950 dedicated to Saint Bernard.
ด้านหน้าโรงแรมมีโบสถ์เล็กๆชื่อ Bernhard von Aosta
โบสถ์นี้สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1950 เพื่ออุทิศให้กับเซนต์เบอร์นาร์ด ตัวโบสถ์มีสีขาวกลมกลืนกับหิมะ
เดินออกไปชมวิวที่ลานด้านหน้าโรงแรม
วิวยอดเขาสวยๆ
น้องใส่ชุดจัดเต็มมีแว่นตาพร้อม น่ารักมาก
เดินย้อนลงกลับทางเดิม ด้านหน้าคือจุดถ่ายรูป ต้องต่อคิวกันยาวเลยค่ะ
Grand Tour of Switzerland ViewPoint Gornergrat-Matterhorn
น้องซามอยด์ขนหนาฟูไม่ต้องใส่เสื้อก็อุ่นแล้ว
เดินกลับไปที่ลานกว้างด้านข้างสถานีรถไฟ
มีกล้องส่องดูยอดเขาด้วยค่ะ
รถไฟมาแล้ว
คนรอขึ้นเยอะมากกลัวไม่มีที่นั่ง ขบวนนี้ออกเวลา 12:17 น. แต่ถ้าขบวนถัดไปต้องรออีก 35 นาที
คุณป๋าบอกว่าเรากลับขบวนนี้ดีกว่า จะได้ลงไปทานอาหารเที่ยงและเดินเล่นในเมืองแซร์มัทด้วย
เวลา 12:17 น.นั่งรถไฟลงเขากลับไปสถานี Zermatt โชคดีมีที่นั่งว่างพอดีไม่ต้องยืนค่ะ
ตอนลงได้นั่งฝั่งซ้ายวิวสวยงามค่ะ
เวลา 12:23 น. ถึงสถานี Rotenboden
เวลา 12:30 น.ถึงสถานี Riffelberg
เวลา 12:39 น.ถึงสถานี Riffelalp
เวลา 12:55 น.มาถึงสถานี Zermatt เดินออกจากสถานีไปหาอาหารเที่ยงทานค่ะ
เดินดูแต่ละร้านต้องรอนาน สรุปพวกเราเลยซื้อพิซซ่าใน COOP ทานกันคนละชิ้น เพื่อความรวดเร็ว
เวลา 13:30 น. ทานอาหารเสร็จก็ไปเดินเล่นในเมืองกันค่ะ
เดินลงใต้ไปตามถนนด้านหน้าสถานีรถไฟ Bahnhofstrasse
Hotel-Restaurant Derby Zermatt
สองข้างทางเต็มไปด้วยโรงแรม ร้านอาหาร คาเฟ่ และร้านค้า
OMEGA Shop
Hotel Walliserhof Zermatt
โรงแรมเก่าแก่อายุร้อยกว่าปีเปิดให้บริการตั้งแต่ปี 1896
HUBLOT Shop
"Hotel Garni Testa Grigia" โรงแรมสีขาวตัดด้วยหน้าต่างสีฟ้าสดใส
"Walliserkanne restaurant" ร้านอาหารเก่าแก่ตั้งอยู่ตรงหัวมุมถนน เปิดให้บริการตั้งแต่ปี 1934
Zermatterstübli and Haus Darioli Apartment
Grampi’s Bar & Restaurant
"Unique Hotel Post" โรงแรม 4 ดาว มีรถไฟฟ้ารับส่ง
ทางซ้ายมือคือโรงแรม 5 ดาว ตั้งอยู่ใจกลางเมืองแซร์มัท "Grand Hotel Zermatterhof"
This hotel has been a landmark at the heart of Zermatt since 1879.
The citizens of Zermatt constructed the hotel themselves, without payment.
โรงแรมนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1879 ด้วยความร่วมมือร่วมแรงของชาวเมืองโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในการสร้าง
และเป็นโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในเมือง มองเห็นวิวยอดเขามัทเทอร์ฮอร์น ด้านข้างคือโบสถ์คาทอลิก
Parish Church of St. Mauritius, Zermatt
ฝั่งตรงข้ามคือโรงแรม 4 ดาว "Hotel Monte Rosa"
"Hotel Monte Rosa"
อาคารสีขาว 6 ชั้นมีหน้าต่างสีแดง เป็นโรงแรมเก่าแก่ที่สุดในเมืองแซร์มัทสร้างตั้งแต่ปี 1839
Gemeindebibliothek Zermatt (Zermatt community library)
ด้านข้างโรงแรมคือห้องสมุดประจำเมือง นักท่องเที่ยวเข้าไปใช้บริการได้ฟรี
ลานกว้างด้านหน้าพิพิธภัณฑ์
กำแพงมีหินแกะสลักเป็นรูปยอดเขามัทเทอร์ฮอร์น
Matterhorn Museum - Zermatlantis
It shows the triumph and tragedy surrounding the first ascent of the Matterhorn.
It offers insight into the development of Zermatt.
พิพิธภัณฑ์มัทเทอร์ฮอร์น
เป็นพิพิธภัณฑ์ใต้ดิน ด้านในจัดแสดงเรื่องราวความเป็นมาของหมู่บ้าน ความเป็นอยู่ของผู้คนในยุคแรก
และโศกนาฏกรรมในการพิชิตยอดเขามัทเทอร์ฮอร์น
ค่าเข้าชมคนละ 12 CHF เปิดเวลา 15-18 น.
ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์มีรูปบรอนซ์แพะภูเขาขนาดเท่าของจริงอยู่ตรงกลาง
ด้านข้างเป็นรูปปั้นของผู้ที่พิชิตยอดเขามัทเทอร์ฮอร์นเป็นคนแรก
Steinbock bronzeskulptur : The magnificent life-size ibex in bronze. (center)
Lucy Walker : The first women to climb the Matterhorn in 1871. (left)
Edward Whymper : The first climber of the Matterhorn (4’478 m) in 1865. (right)
ทางขวามือคือรูปปั้นของ Edward Whymper ผู้พิชิตยอดเขามัทเทอร์ฮอร์นในปี 1865
ทางซ้ายมือคือรูปปั้นของ Lucy Walker เป็นผู้หญิงคนแรกที่พิชิตยอดเขาในปี 1871
ด้านหลังรูปปั้นแพะภูเขาเป็นน้ำพุมีรูปปั้นครอบครัวตัวอ้นหลายตัว
Marmot fountain (Fontaine des Marmottes)
The fountain dates from 1906. It is also called the Prato Borni fountain, after the old name for Zermatt.
A whole family of marmots clambers over the rocks around the cascading water.
The bronze marmots is a much-loved landmark , popular with locals and visitors.
น้ำพุนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1906 มีรูปปั้นตัวตุ่นหน้าตาน่ารักหลายตัวกำลังปีนป่ายหิน
The parish church of St. Mauritius (St. Mauritius Pfarrkirche)
It was mentioned for the first time in 1285. The church was still a small, modest place of worship.
It is a symbol of community, history, and vibrant spiritual life.
There were originally three Gothic altars in the church. They were replaced by baroque altars in the 18th century. It was renovated in 1980 to celebrate the 700th anniversary of the parish.
โบสถ์คาทอลิกเซนต์มอริเชียส มีหลักฐานว่าสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1285 มีประวัติศาสตร์ยาวนาน
และเป็นสัญลักษณ์สำคัญของเมือง ยอดหอคอยมีสีเขียวโดดเด่น
เริ่มแรกเป็นเพียงโบสถ์เล็กๆ ต่อมาก็มีการปรับปรุงให้ใหญ่และทันสมัยขึ้น
ตอนนี้กำลังมีการซ่อมแซมบริเวณพื้นรอบๆโบสถ์ พวกเราเลยเดินชมด้านนอกไม่ได้เข้าไปด้านในโบสถ์
On the south side of the church were the cemetery and the ossuary from 1651.
เดินต่อไปตามถนน Kirchstrasse
ด้านหลังโบสถ์เป็นหย่อม ร่มรื่น มีม้านั่งเล่น
Church park
มีแผ่นหินจารึกเรื่องราวของการปีนยอดเขามัทเทอร์ฮอร์น
The mountaineers’ cemetery
It is a moving reminder of the accidents that have occurred in the mountains around Zermatt.
The tranquil site is a memorial to all climbers who have lost their lives here.
There are about 50 climbers who perished in the surrounding mountains. Most date from the 19th century, some from the early-20th century.
สุสานของนักปีนเขาที่เสียชีวิตขณะปีนยอดเขา Matterhorn
มาถึงสะพานโบสถ์ เป็นจุดชมวิวยอดเขามัทเทอร์ฮอร์น
Kirchbrücke
วิวทางทิศใต้ของสะพานมองเห็นยอดเขา Matterhorn สวยงาม
The Kirchbrücke bridge is the perfect location for photographing the Matterhorn.
ตอนนี้ไม่มีคนมาถ่ายรูปที่สะพาน พวกเราเลยยืนดื่มด่ำชมวิวสบายๆ
แม่น้ำ Vispa ไหลผ่านกลางเมือง (Zermatt) สองฝั่งเต็มไปด้วยโรงแรม
วิวทางทิศเหนือของสะพานมองเห็นเทือกเขาแอลป์
มีโรงแรมและร้านอาหารยาวตลอดแนวแม่น้ำ
วันนี้ไม่มีแดด เมฆค่อนข้างเยอะแต่ก็มองเห็นยอดเขาได้ชัดมากค่ะ
เดินย้อนกลับไปตามถนน Kirchstrasse ทางเดิม
มองเห็นยอดเขา Matterhorn ได้จากหลายมุมในเมือง
กลับมาที่ถนน Bahnhofstrasse
Reverend Charles Hudson was one of the most important climbers of the golden age of alpinism.
During the first ascent of the Matterhorn on 14 July 1865 Hudson was killed in a notorious accident during the descent.
เดินกลับมาที่สถานีรถไฟ Bahnhof Zermatt
เวลา 14:30 น.เดินทางกลับด้วยขบวน MGB เหมือนเดิม
เหนื่อยและหมดแรงกันทุกคน
ทุ่งหญ้าข้างทางเต็มไปด้วยดอกไม้น่ารัก
น้ำตกเล็กๆไหลจากซอกเขา
เวลา 15:50 น.เปลี่ยนขบวนรถไฟที่สถานี Visp เพื่อเดินทางกลับที่พักเมือง Bern
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น