วันเสาร์ที่ 27 พฤษภาคม 2566
เวลา 8:30 น. ทริปปิดเทอมนี้พวกเราจะไปเที่ยวเยอรมนีกันค่ะ ออกเดินทางจากหาดใหญ่โดยการบินไทยเช็คทรูไปถึงแฟรงก์เฟิร์ต ผ่าน ตม.ที่หาดใหญ่สะดวกรวดเร็ว ไปถึงสุวรรณภูมิก็เข้าไปนั่งรอที่เกทได้เลย
เวลา 12:30 น.ออกเดินทางจากสุวรรณภูมิด้วยเที่ยวบิน TG922 ใช้เวลาในการบินประมาณ 11 ชม. 20 นาที
พอเครื่องขึ้นประมาณ 1 ชม.ก็เสิร์ฟอาหารเที่ยง แกงเขียวหวานไก่ ผัดฟักทองใส่ไข่ อร่อยทานจนหมดเลย
อีก 6 ชม.ก็เสิร์ฟอาหารเย็น ปลาสามรส ผักลวก พอใกล้ๆเครื่องลงก็แจกแซนวิช น้ำ ขนมปัง
เวลา 24:00 น.(เวลาเมืองไทย) ก็เดินทางทางมาถึงแฟรงก์เฟิร์ต เยอรมนี มองออกไปเห็นวิวสวยฟ้าใส
เดินทางมาถึงท่าอากาศยานนานาชาติแฟรงก์เฟิร์ตเวลาตอนนี้คือ 19:30 น. ช้ากว่าเมืองไทย 5 ชม.
พวกเรารีบออกจากเครื่องเพื่อไปผ่าน ตม.ใช้เวลาแค่ 15 นาที ก็ไปรอรับกระเป๋าค่ะ ยังไม่มีใครออกมาเลย
เวลา 20:30 น. รีบลงไปขึ้นรถไฟเพื่อเดินทางไปที่พัก (วันนี้ใช้เวลารอรับกระเป๋า 40 นาที นานมากๆค่ะ)
คุณป๋าซื้อตั๋วรถไฟออนไลน์สำหรับ 1 วัน เป็นตั๋วกรุ๊ป 1-5 คน ใช้ได้จนถึงเที่ยงคืน
Group day tickets for adults : 12.60 Euros.
For journeys between the city area (Stadtgebiet) (5000) and the airport (Flughafen) (5090)
Frankfurt(M) Flughafen Regional
เวลา 21:30 น. ใช้เวลา 25 นาทีก็เดินทางมาถึง Frankfurt (Main) Hauptbahnhof ข้างนอกยังสว่างมาก
คุณป๋าจองที่พักไว้ด้านข้างสถานีรถไฟเพื่อความสะดวกในการเดินทาง ที่พักชื่อ The Corner hotel
เมื่อ 4 ปีที่แล้วพวกเราก็พักย่านนี้เหมือนกัน แต่รอบนี้ขอเปลี่ยนโรงแรมนิดค่ะ
Comfort Triple Room
ห้องขนาด 24 ตรม.มี 3 เตียงนอน ทีวี ตู้เย็น กาน้ำร้อน ไวไฟ ห้องสะอาด กะทัดรัดดีค่ะ
เก็บของเสร็จออกมาเดินเล่นแถวสถานี
เวลา 22:30 น. พระอาทิตย์ตกแล้วท้องฟ้าเริ่มมืด อากาศก็เริ่มเย็น เดินกลับโรงแรมไปพักผ่อนค่ะ
วันอาทิตย์ที่ 28 พฤษภาคม 2566
เวลา 6:30 น. ตื่นเช้าอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วก็ออกเดินทางกันค่ะ พวกเรามาช่วงนี้จะเช้าเร็วตอนนี้เริ่มมีแดดออกแล้ว ในเมืองจะมีตึกสูงๆเยอะมากข้างหน้าคือตึกทรงดินสอ (MesseTurm)
เดินไปสถานีรถไฟ อยู่ห่างไปแค่ 200 เมตร
ด้านหน้าโรงแรมเป็นป้ายรถราง
เดินเข้าสถานีรถไฟทางประตูทิศเหนือ ด้านข้างกำลังมีการก่อสร้าง
อาหารเช้าเป็นขนมปังอบใหม่หอมๆจากร้านในสถานีรถไฟค่ะ
สำหรับการเดินทางในทริปนี้คุณป๋าซื้อตั๋ว Eurail Global Pass 7 days : 2 Adult and 1 Youth E-ticket
วันนี้พวกเราจะเริ่มใช้งานเป็นวันแรก
เราจะต้องโหลดแอปยูเรล (Eurail/Interrail Rail Planner) ลงในมือถือของแต่ละคน แล้วล็อกอิน ตั้งรหัสผ่าน ลงทะเบียนข้อมูลส่วนตัวตามพาสปอร์ต ใส่หมายเลขยูเรลพาสที่เราซื้อไว้
หลังจากนั้นก็เริ่มสร้างแผนการเดินทางผ่านแอปได้เลยค่ะ
คุณป๋าจะวางแผนการเดินทางไว้จนครบ 7 วันแล้วก็เซฟไว้ใน My Trip จะได้ง่ายต่อการค้นหา เราเซฟไว้หลายๆอันได้เลยค่ะ พอถึงเวลาเราค่อย activate ขบวนที่เราใช้เดินทางจริง
เมื่อเราเลือกขบวนที่ต้องการเดินทางเสร็จแล้วจะมีให้กดโชว์ตั๋วเพื่อให้ จนท.รถไฟตรวจค่ะ
เมื่อเริ่มใช้วันแรก จนท.จะขอดูพาสปอร์ตด้วยว่าชื่อและหน้าตรงกัน
คุณป๋าดูชานชลารถไฟผ่านเวป DB แล้วบันทึกไว้ พอเข้ามาในสถานีรถไฟจะได้เดินไปรอที่ชานชลาเลย
เช้านี้เราจะไปเที่ยวเมืองดาร์มสตัดท์ ตั้งอยู่ห่างจากแฟรงก์เฟิร์ตลงไปทางใต้ประมาณ 40 กม.
ขบวนรถไฟเข้าและออกตรงเวลา ตอนเช้าคนไม่มากพวกเราไม่ได้จองที่นั่งค่ะ เลือกที่นั่งว่างได้เลย
เวลา 7:25 น.เดินทางมาถึง Darmstadt Hauptbahnhof ใช้เวลาประมาณ 20 นาที
เปลี่ยนขบวนรถไฟเพื่อไป Darmstadt Nordbahnhof
เวลา 7:40 น. ใช้เวลาประมาณ 5 นาทีก็มาถึง Darmstadt Nord เป็นสถานีเล็กๆไม่มีคนเลยค่ะ
ไม่มีรถโดยสารและแท็กซี่ อากาศตอนเช้าเย็นสบายพวกเราเลยออกเดินไปกันค่ะ
จุดหมายคืออาคารรูปทรงสวยแปลกนี้ค่ะ(ภาพจาก wikipedia)
เดินตามกูเกิ้ลแมพลงไปทางใต้ ระยะทางประมาณ 1 กม.
ดอกหญ้าสวยๆริมทาง
เมืองเงียบสงบ
ช่วงนี้ดอกไม้กำลังผลิบาน กุหลาบข้างทางดอกใหญ่และหอมมาก
เวลา 8:00 น.พวกเราก็เดินมาถึงจุดหมายแล้วค่ะ ด้านหลังคืออาคารวาลด์สไปรัล
The Waldspirale lies at the cross-way between Friedberger Straße and Büdinger Straße.
Waldspirale is a unique architectural residential building complex.
วาลด์สไปรัล เป็นหมู่อาคารที่อยู่อาศัยรูปทรงพิเศษตั้งอยู่ในเมืองดาร์มสตัดท์
It was designed by Austrian artist Friedensreich Hundertwasser, planned and implemented by architect Heinz M. Springmann, and constructed by the Bauverein Darmstadt company.
The building was built in the 1990s and completed in 2000. It has 12 floors.
อาคารนี้ออกแบบโดยศิลปินชาวออสเตรียชื่อ Friedensreich Hundertwasser มีการดูแลแบบโดยสถาปนิก Heinz M. Springmann และก่อสร้างโดยบริษัท Bauverein Darmstadt สร้างเสร็จปี ค.ศ. 2000 สูง 12 ชั้น
เดินลอดใต้อาคารเข้าไปชมด้านในค่ะ
ที่ผนังตกแต่งตามสไตล์ของ Hundertwasser โดยใช้กระเบื้องเคลือบสีสันสดใสมาประดับเป็นลวดลาย
The name translates into English as "forest spiral".
วาลด์สไปรัล แปลเป็นภาษาอังกฤษคือ "Forest Spiral" มีความหมายว่า "เกลียวป่า"
รูปทรงของอาคารเป็นวงกลมโค้งไล่ระดับความสูงลงไปเหมือนเกลียว แต่ละชั้นเชื่อมต่อด้วยทางลาดเอียงเป็นทางเข้าอาคารได้ทุกชั้นโดยไม่ต้องใช้บันใด และมีสวนต้นไม้ทุกชั้นจึงเหมือนป่า
There are 105 different apartments and a parking garage. In the past, the topmost part of the building has had restaurants, cafes and bars for people to visit.There are no open amenities for visitors.
อาคารนี้ประกอบด้วยห้องชุดที่แตกต่างกันจำนวน 105 ห้องและที่จอดรถ เมื่อก่อนชั้นบนสุดของอาคารมีร้านอาหาร ร้านกาแฟ และบาร์ แต่ตอนนี้ได้ปิดไปแล้ว ไม่อนุญาติให้คนนอกเข้าไปชมด้านในอาคาร
The inner courtyard contains a playground for the children of the residents.
The tower, resembling Russian onion domes.
ลานด้านในอาคารเป็นสวนหย่อมและสนามเด็กเล่น มีหอคอยยอดโดมทรงหัวหอม
It features gilded onion domes on the roof, like the the Russian Orthodox churches and colorful ceramic columns.
ด้านบนสุดของอาคารมีโดมทรงหัวหอมสีทองเหมือนโบสถ์รัสเซียเลยค่ะ
It has more than 1000 windows and they are all unique shaped.
หน้าต่างของอาคารนี้มีแบบแตกต่างกันมากกว่า 1000 แบบ โดยที่ไม่ซ้ำกันเลย
The façade subverts the notion of regular grid organization.
เดินออกทางเดิมค่ะ ที่พื้นและผนังมีลวดลายสวยงาม
The Waldspirale was the last of Hundertwasser’s creations. He died in 2000.
Many more Hundertwasser creations can be seen in Vienna.
อาคารนี้เป็นผลงานชิ้นสุดท้ายของ Hundertwasser เพราะเขาเสียชีวิตลงก่อนที่อาคารหลังนี้จะสร้างเสร็จเพียงไม่กี่เดือน
แถวนี้เป็นย่านที่พัก เดินชมอาคารสวยๆค่ะ
ต้นไม้ร่มรื่น
บางอาคารมีภาพวาดบนผนัง
เดินลงใต้ไปตามถนน Heinheimer Str.
เมืองเงียบมากเลยค่ะ เดินมาไม่เจอผู้คนเลยร้านค้าก็ปิดทุกร้าน
ทางซ้ายมือคือถนน Kaupstrasse มีร้านอาหาร ร้านเบเกอรี่ ร้านกาแฟ แต่ตอนนี้ยังไม่เปิดค่ะ
อาคารสวยมากขอเก็บภาพเป็นที่ระลึก
Martinskirche, Darmstadt
(Evangelische Martinskirche Darmstadt - Evangelische Martin-Luther-Gemeinde Darmstadt)
St. Martin's Church was built in 1883-85 based on a design by the Danish architect Aage von Kauffmann, who lives in Frankfurt. It was named after Martin of Tours and Martin Luther.
This is one of the many historic churches in the city.
The church was renovated both inside and out, returning to neo-Gothic design in 1985-1998.
The church tower is 32m high.
โบสถ์เซนต์มาร์ตินเป็นโบสถ์นิกายโปรเตสแตนต์ สร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 1883 ออกแบบโดยสถาปนิกชาวเดนมาร์ก ต่อมาได้มีการปรับปรุงให้เป็นแบบนีโอ-โกธิค หอคอยสูง 32 เมตร
เดินต่อไปตามถนน Heinheimer Str.
ข้ามสี่แยกแล้วเดินตรงต่อไป
Kessel pub & bar
เดินเลี้ยวซ้ายตรงข้างภัตตาคาร Glasschrank Mediterrano Restaurant
เดินไปตามถนน Nikolaiweg
เดินต่อมาประมาณ 200 เมตรจะถึงสวนที่อยู่บนเนิน
The " Mathildenhöhe Darmstadt "
It has been recognized as a UNESCO World Heritage Site since July 24, 2021 .
ที่นี่คือแหล่งมรดกโลกและเป็นแลนด์มาร์กประจำเมือง
Lilienbecken : Lily pool is a fountain
ด้านหลังน้ำพุคือโบสถ์รัสเซีย
The Russian Chapel in Darmstadt
It is a historic Russian Orthodox church.
โบสถ์รัสเซียออร์โธดอกซ์ มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า"โบสถ์เซนต์แมรี่แมกดาเลน"
Formerly known as the Russian Orthodox Church of St. Maria Magdalena Darmstadt
The chapel is open Tuesdays to Saturdays 10 a.m. - 4 p.m. and on Sundays from 2 p.m. - 4 p.m.
ตอนนี้เป็นเช้าวันอาทิตย์ยังไม่เปิดให้คนทั่วไปเข้าชม ด้านในกำลังทำพิธีกันอยู่ค่ะ
The Russian revival style church with gold Onion domes.
Alexandra Feodorovna (wife of Tsar Nicholas II) was born in Darmstadt. She was required to convert to Orthodoxy before the marriage. Nicholas arranged for this Russian Orthodox chapel to be constructed three years after taking the throne.
Leon Benois, a Russian architect, designed and constructed the chapel. Soil and stones from across the Russian empire were imported to be included in the design. The entire chapel was constructed between 1897-1899, all paid for from Nicholas’s personal funds.
โบสถ์แห่งนี้สร้างในปี ค.ศ.1897-1899 ออกแบบโดยสถาปนิกชาวรัสเซีย มีการนำหินและดินจากรัสเซียมาตกแต่ง สร้างด้วยเงินส่วนตัวของพระเจ้าซาร์ นิโคลัสที่ 2 เพราะภรรยาของท่านเป็นชาวเมืองดาร์มสตัดท์ โบสถ์นี้จึงเป็นเหมือนโบสถ์ส่วนตัวของครอบครัว
It is named in honor of the patron saint of Nicholas II's mother. It was dedicated to St. Mary Magdalene.
เดินชมรอบๆโบสถ์ด้านนอก โบสถ์มีขนาดเล็กสีหวาน ยอดโดมทรงหัวหอมสีทองเด่นมาก
"Wedding Tower"
The name "Wedding Tower" refers to the wedding between the Grand Duke Ernst Ludwig and Princess Eleonore zu Solms-Hohensolms-Lich in the year 1905. It was a widely visible monument in commemoration of this event. The shaped crown has earned the tower the name "Five-Finger-Tower"
หอคอยงานแต่งงาน
ทางซ้ายมือของโบสถ์มีหอคอยรูปนิ้วมือ 5 นิ้ว มองเห็นแต่ไกล ถือว่าเป็นแลนด์มาร์กของเมืองค่ะ
สร้างในปี ค.ศ.1907-1908 เพื่อระลึกถึงงานแต่งงานของ Grand Duke Ernst Ludwig
หอคอยสูง 48.5 เมตร สร้างด้วยอิฐสีแดงดำ ด้านบนเป็นหน้าต่างโค้งยาวรูปนิ้วมือ
The tower is 48.5m high, designed by Viennese architect Josef Maria Olbrich.
It was erected in 1907-1908. The western facade adjoining the plane tree grove.
The tower consists of a multi-stage pedestal. Tower body built with dark-red clinker brick, stylish bands of windows carrying around the corners and a five-spired crown. Four semi-nude female figures symbolize the virtues of the Grand-Ducal couple: Strength, Wisdom, Justice and Mercy.
On the southern side a large sundial is embedded in the wall above the sixth pair of windows.
Sun beams touch the numerals and the dial is surrounded by the twelve zodiac signs depicted against the background of a blue glass mosaic frieze with golden stars.
ผนังด้านข้างหอคอยมีนาฬิกาแดดขนาดใหญ่ ล้อมรอบด้วยสัญลักษณ์ 12 ราศีและดวงดาวสีทอง
ผนังด้านหน้ามีรูปปูนปั้นผู้หญิง 4 คน แสดงถึงความแข็งแรง ฉลาด ยุติธรรมและความเมตตา
Ausstellungsgebäude (Exhibition Hall)
ด้านข้างหอคอยคืออาคารจัดแสดงนิทรรศการ ลานด้านหน้ามีน้ำพุแต่ตอนนี้กำลังปิดปรับปรุงค่ะ
ทางทิศเหนือคือสวนต้น Plane trees
Renovation of the plane tree grove
ด้านหลังของสวนคือโรงพยาบาล Alice-Hospital Darmstadt
ตอนนี้สวนกำลังปิดปรับปรุงห้ามเข้า พวกเราเลยเดินไปชมสวนที่ริมกำแพงด้านบน
The Platanenhain : A grove of plane trees
Platanus are often known in English as planes or plane trees.
The plane trees grove was laid out around 1830. It has been preserved to this day with its regularly planted and cut trees as part of the Mathildenhöhe park. To the east and south, the grove is partly bordered by a retaining wall and to the north and west it is framed by an ivy-covered trellis wall. It was decorated by the sculptor Bernhard Hoetger with a row of sculptures and reliefs, which symbolise the circle of life.
Plane trees used to be considered sacred in Greece, and they were even worshiped on the island of Crete. They were considered a symbol of healing and marked sources of water (the source of all life).
สวนนี้สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1830 ได้รับการดูแลตกแต่งและปลูกต้นใหม่ทดแทนต้นที่ตาย
Plane trees เป็นต้นไม้เก่าแก่ เคยมีเอ่ยถึงในนิทานอีสป ลำต้นที่อายุมากจะมีลักษณะเป็นปุ่มคดงอ ใบแฉก ต้นไม้นี้มีความหมายในการเยียวยา ต้นกำเนิดแห่งสายน้ำ จุดกำเนิดของชีวิต
Russian Orthodox Church and Platanenhain
ออกเดินทางกันต่อค่ะเราจะไป Rosenhöhe Park ระยะทางประมาณ 400 เมตร
เดินผ่านด้านหลังพิพิธภัณฑ์ Museum Künstlerkolonie Darmstadt (Museum Artists' Colony)
Museum shop
ดอกกุหลาบบานทั่วเมืองเลยค่ะ
เดินไปทางทิศตะวันออกตามถนน Olbrichweg
ทางฝั่งขวาของถนนมีบ้านเก่าแก่หลายหลัง (Artists' houses)
กุหลาบข้างทางต้นใหญ่มาก
สะพานข้ามทางรถไฟ
Löwentor
The Lion Gate is the entrance to Rosenhöhe.
ประตูสิงโตอยู่ทางฝั่งทิศตะวันตกเป็นทางเข้า Rosenhöhe Park
มีลักษณะเป็นเสาสูง 6 เสา ด้านบนมีรูปปั้นสิงโต สร้างตั้งแต่ปี ค.ศ.1927
ชาวเมืองตั้งชื่อเล่นสิงโตพวกนี้ว่า "เม่นจาม" ตรงแผงคอดูแล้วเหมือนเม่นจริงๆค่ะ
It was built in 1927 on behalf of Ernst Ludwig for the 25th anniversary of the artists' colony.
It has six clinker pillars designed by Albin Müller, each of which has a lion sculpture placed on it.
The lion sculptures are called “sneezing hedgehogs”
เดินเข้าไปชมสวนด้านในกันค่ะ เข้าฟรี
สวนร่มรื่น ต้นไม้สูงใหญ่ เงียบสงบ
Ludwig-Engel-Weg
แผนที่ภายในสวน Rosenhöhe มีขนาดกว้างใหญ่มาก พวกเราคงเดินเล่นได้ไม่ทั่วทั้งสวน
เดินไปตามถนนเส้นหลักที่ผ่านกลางสวนไปทางทิศตะวันออก
Karl Krolow Statue
The poet, Büchner Prize winner and President of the German Academy for Language and Poetry.
Giant Sequoia (Sequoiadendron giganteum)
ต้นสนยักษ์ ซีคัวญา เป็นหนึ่งในต้นไม้ที่สูงที่สุดในโลก
ในสวนมีม้านั่งกระจายอยู่ทั่วทุกมุม พวกเราเลยนั่งพักทานน้ำและขนมท่ามกลางสวนดอกไม้
แล้วก็มีคนเยอรมันเดินเข้ามาคุยด้วยบอกให้พวกเราเดินเข้าไปถ่ายรูปที่เนินด้านในมีสวนดอกไม้สวยมาก
ทานขนมเสร็จพวกเราก็เดินต่อไปอีกประมาณ 200 เมตร ก็มาถึงเนินกลางสวน
"Taubenschwarm" Sculpture : Flying flock of pigeons
It was acquired by the Science City in 1992 on the occasion of its 70th birthday.
Bronze sculpture of 17 pigeons rising to the sky by the Darmstadt sculptor Gotthelf Schlotter.
ปฏิมากรรมนกพิราบ 17 ตัวตั้งอยู่กลางสวน สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1992 มีความสูงประมาณ 2 เมตร
The landmark and centerpiece is the Rosarium with the Rose Dome.
From May to November more than 10,000 roses bloom, in over 200 species and varieties.
Extensive meadows, well-developed paths ponds and benches make the park an oasis of peace.
จุดเด่นของสวนนี้คือโดมกุหลาบขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางสวน ล้อมรอบด้วยสระน้ำและทางเดิน
ในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนพฤศจิกายน ดอกกุหลาบนับหมื่นต้น มากกว่า 200 สายพันธุ์จะบานเต็มสวน
There are also perennials, flowers and some exotic trees.
ริมทางเดินตกแต่งด้วยดอกไม้สีสวย
ดอกกุหลาบในสวนยังบานไม่เต็มที่ แต่มีดอกไม้ชนิดอื่นบานเต็มสวนเลยค่ะ
แดดเริ่มร้อนพวกเราเดินออกจากสวนตามทางเดิมค่ะ เดินต่อไปทางทิศตะวันตกบนถนน Erbacher
Lake of Darmstadt
สวนสาธารณะข้างทะเลสาบ
Mercksplatz
เดินไปตามถนน Landgraf-Georg-Straße
Darmstadt University of Technology
บริเวณนี้เป็นย่านมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีเมืองดาร์มสตัดท์
อาคารด้านหน้าคือพระราชวังดาร์มสตัดท์
ทางซ้ายมือคือจตุรัสตลาด อยู่ทางทิศใต้ของพระราชวัง เป็นศูนย์กลางคมนาคมประจำเมือง
Darmstadt's Residential Palace
It was built as a moated castle in the first third of the 13th century by the Katzenelnbogen counts.
The Renaissance buildings stand behind the baroque castle facade.
Today the castle is houses various departments of the TU Darmstadt and state library.
พระราชวังสร้างตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 13 เป็นอาคารสไตล์เรอเนสซองส์ ด้านหน้าตกแต่งแบบบาโรค
ปัจจุบันตัวอาคารเป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัย ห้องสมุดและพิพิธภัณฑ์
Marktplatz, Altes Rathaus and Stadtkirche Darmstadt
The market square has been an important trading center in the city since the 14th century.
The new bus and tram stations were built in 2005, making the market square, together with Luisenplatz, the center of local public transport.
The oldest town hall in Darmstadt was first mentioned in 1397 as a spielhus.
The registry office and the Ratskeller are located in the Old Town Hall, which has been connected to a brewery since 1989.
ศาลาว่าการเมืองหลังเก่าตั้งอยู่ทางทิศใต้ของจตุรัส ปัจจุบันชั้นล่างเป็นร้านอาหาร มีลานเบียร์
ด้านหลังคือโบสถ์ประจำเมือง
ด้านข้างจตุรัสมีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่
The White Tower (Weiße Turm)
It is a former corner tower of the medieval city fortifications. It was built in the 15th Century as a defensive tower. After the city wall lost its value in defending the city, the tower was redesigned as a bell tower in 1704. It features a large wall clock and is considered to be clocktower now.
เดินต่อมาจากจตุรัส จะเห็นหอคอยสูงสีขาว ตั้งอยู่ตรงหัวมุมระหว่างห้างสรรพสินค้า
สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 เป็นส่วนหนี่งของป้อมปราการ ปัจจุบันเป็นหอนาฬิกา
หอคอยสูง 39.75 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง 6 เมตร มีบันได 125 ขั้นเพื่อขึ้นไปยังหอระฆังด้านบน
The tower has a height of 39.75 meters to the top and the tower diameter is 6 meters.
It has 125 steps lead from the entrance up to the belfry.
Ernst-Ludwigs-Platz and Equestrian statue of Grand Duke Ludwig IV, 1898
อนุสาวรีย์ Grand Duke Ludwig IV ตั้งอยู่ด้านข้างพระราชวัง
ทางเข้าพระราชวัง
เดินต่อไปตามถนน Rheinstrasse ระยะทางประมาณ 100 เมตรก็ถึงจตุรัส Luisenplatz
Luisenplatz is the center of Darmstadt . It was named in 1820 after Grand Duchess Luise Henriette Karoline of Hesse-Darmstadt (1761–1829), the wife of Ludwig I of Hesse-Darmstadt.
จตุรัส Luisenplatz เป็นจตุรัสใหญ่กลางเมืองดาร์มสตัดท์ มีอนุสาวรีย์ลุดวิกตั้งอยู่ตรงกลาง
The Ludwig Monument (39 meter high) is in the middle of the square, inaugurated in 1844.
Commemorates an important political event: the first Hessian constitution of 1820.
อนุสาวรีย์ลุดวิกที่ 1 มีความสูง 39 เมตร
Luisenplatz is now car-free: private transport runs underground through the city tunnel,
while above ground Luisenplatz is a public transport hub.
From 1933 to 1945 Luisenplatz was called " Adolf-Hitler-Platz ".
เดินต่อไปตามถนน Rheinstrasse อีก 1.5 กม.
เวลา 10:30 น.เดินมาถึง Darmstadt Central Station
ขึ้นรถไฟเพื่อออกเดินทางไปเที่ยวเมืองต่อไปค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น