TUKEMD

__TUKEMD__ชื่อบ้าน อ่านว่า ตุ๊ก-เอ็ม-ดี นะจ๊ะ เป็นชื่อในเน็ตของแม่ตุ๊กเองค่ะ

บ้านหลังน้อย หลังนี้เป็นของแม่ตุ๊ก,น้องมะปราง และ คุณป๋า

เป็นบล็อกเพื่อบันทึกความสุข ความทรงจำ ในการท่องเที่ยวที่ต่างๆของครอบครัวเราค่ะ



2566/02/13

Daibutsu of Nara -Todaiji Temple - Nara Park (เที่ยวเมืองนารา-ชมกวาง-ไหว้หลวงพ่อโตวัดโทไดจิ)

 วันพุธที่ 7 ธันวาคม 2565

เวลา 14:50 น. นั่งรถไฟสาย Yamatoji Rapid มาถึง JR Nara Station สัญลักษณ์ของเมืองนี้คือกวางค่ะ

ดูจากแผนที่จะเห็นว่าสถานที่ท่องเที่ยวของเมืองนี้อยู่ทางฝั่งตะวันออกของสถานี JR

ลงบันไดเลื่อนไปชั้นล่างเพื่อเดินออกจากสถานี

เวลา 15:00 น.ด้านหน้าสถานีตอนนี้ท้องฟ้าก็เริ่มครึ้มๆไม่มีแดด

Tourist Information Center อยู่ทางฝั่งซ้ายของสถานี

มีโรงแรมตั้งอยู่ด้านหน้าสถานีเลยค่ะ

เดินข้ามไฟแดงไปที่ถนนสายหลักเพื่อไปยังสวนสาธารณะนารา ระยะทางประมาณ 2 กม.
แนะนำว่าวิธีที่ดีที่สุดคือควรนั่งรถบัสหรือแท็กซี่ไปแล้วตอนค่อยเดินกลับเพื่อประหยัดแรง

Sanjo dori is the top shopping street of Nara City.

พวกเราอยากเดินชมเมืองก่อนค่ะเพราะตอนกลับน่าจะมืดถ่ายรูปไม่สวย
สองข้างถนนเป็นร้านค้ามากมายถือว่าเป็นถนนช็อปปิ้งหลักของเมือง


Joukyoji Temple ' s Sago palm

Higashimuki Shopping Street

มีรูปกวางอยู่ทั่วเมืองเลยค่ะ

The Golden Daibutsu Ice Cream

 Nakatanidou 
ร้านนะคะทะนิโดะอุมีชื่อเสียงโด่งดังในด้านการทำขนมโมจิ (Kousoku Mochi Tsuki)
ที่ร้านมีการจัดแสดงวิธีการโขลกขนมโมจิที่รวดเร็วที่สุดในญี่ปุ่นทุกวัน เป็นการทำขนมโมจิที่สดใหม่
ครั้งละหลายร้อยลูก ลูกละ 150 เยน มีคนต่อแถวกันยาวเลย ตอนขากลับเราค่อยแวะซื้อค่ะ 


ร้านขายขนมและของที่ระลึก

ใกล้ถึงสวนสาธารณะแล้วค่ะ

Nara มาจากคำว่า Narasu (ทำให้แบนราบ) เนื่องจากพื้นที่ของเมืองนาราตั้งอยู่บนที่ราบ 
เมืองนาราเคยเป็นเมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่นในปี ค.ศ. 710-784 จึงมีวัดและศาลเจ้าเก่าแก่อยู่หลายแห่ง

Clock Tower

เดินขึ้นเนินตรงไปตามแนวกำแพงหิน

Sarusawa-Ike Pond Park

ทางซ้ายมือคือพื้นที่ของวัดโคฟุคุจิ มองเห็นเจดีย์ห้าชั้นอยู่ข้างหน้า

ใบไม้สีแดงสวยมากค่ะ

เดินเลี้ยวซ้ายเพื่อไปสวนสาธารณะ

ร้านอาหาร 柳茶屋


ป่าสนเก่าแก่ร่มรื่นมีธารน้ำเล็กๆไหลผ่าน

น้องกวางเดินมาหา พี่ขอถ่ายรูปหน่อยจ้า


น้องเข้ามาดมๆพี่มป เพื่อขออาหาร

เสียดายพวกเราไม่ได้ซื้อขนมติดมือมาเลยค่ะ

พอไม่มีขนม น้องก็เดินจากไป

บริเวณนี้มีกวางอยู่ไม่มาก เพราะคนน้อยไม่มีขนมให้กิน

Nara Park Information Map

กวางแม่ลูกเดินตามไปด้วยค่ะ

น้องน่ารักและเรียบร้อยมาก แนะนำว่าควรซื้อขนมก่อนเข้ามาในสวนค่ะจะได้แจกน้องๆบริเวณนี้

กวางตัวผู้จะโดนตัดเขาเพื่อป้องกันอุบัติเหตุแก่นักท่องเที่ยว


ทางไปพิพิธภัณฑ์แห่งชาตินารา

มีการจัดนิทรรศการพิเศษที่พิพิธภัณฑ์นี้ในวันที่ 12 ธ.ค.2565-22 ม.ค.2566

สนามกว้างด้านหน้าพิพิธภัณฑ์มีกวางอยู่เต็มเลยค่ะ

The sacred deer, which are designated as national natural treasures, date back to the Nara period when the Kasuga Grand Shrine was built in the city of Nara. 

According to legend, the enshrined deity Takemikazuchi-no-Mikoto appeared on top of Mount Mikasa while riding a white deer after leaving Kashima Shrine in the Ibaraki Prefecture city of Kashima in eastern Japan to protect the ancient capital of Heijokyo.

 It is said that deer in Nara had since been viewed as sacred entities serving deities.

ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่ากวางคือผู้รับใช้เทพเจ้าและมีกวางอยู่ในสวนนารามายาวนานกว่า 1,300 ปีแล้ว
ความเชื่อนี้เกี่ยวข้องกับตำนานการสร้าง "ศาลเจ้าคาสุกะ" 

ตำนานเริ่มต้นเมื่อ "เทพทาเคมิคาซูจิ" ได้เสด็จลงมาจากยอดเขาคาสุกะในปี 710 ท่านได้นั่งกวางขาวมา และกวางขาวที่เดินทางมายังเมืองนาราในฐานะผู้รับใช้เทพเจ้าก็มาออกลูกออกหลานที่คาสุกะ 
ตำนานนี้เป็นต้นกำเนิดของกวางนาราที่ถูกเล่าขานต่อๆ กันมาจนถึงปัจจุบัน

ในปีนี้ประชากรกวางนารามีประมาณ 1,500 กว่าตัว

The Nara Deer Preservation Foundation has announced that the population of deer at the park in the city of Nara stood at 1,522.The decline in deer killed by cars is possibly due to lower tourist vehicle numbers amid the COVID-19 pandemic, and that drivers were more careful thanks to awareness campaigns by the deer conservation group.

ปกติกวางจะกินพืชกินหญ้า น้องๆน่าจะเล็มจนหญ้าเตียนเลยค่ะ

The Nara National Museum is an art museum which primarily displays Japanese Buddhist art. Established in 1889, the museum retains its original building and is joined by a new wing 
that is connected to the original building by an underground passage.

Both wings display the museum's permanent collection, which includes Buddhist statues, paintings, scrolls and ceremonial objects mainly from Japan. 

พิพิธภัณฑ์แสดงศิลปะทางพุทธศาสนา สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1889 อาคารหลักยังคงรูปแบบดั้งเดิมเอาไว้ 
มีการสร้างอาคารใหม่ขึ้นโดยมีทางเดินใต้ดินเชื่อมถึงกัน ภายในพิพิธภัณฑ์ จะมีการจัดแสดงโบราณวัตถุทางพุทธศาสนา เช่น พระพุทธรูป ภาพวาด คัมภีร์ และโบราณวัตถุอื่นๆ

อาคารที่สองที่สร้างขึ้นใหม่มักจะมีการจัดนิทรรศการที่หมุนเวียนไปตามฤดู 
ช่วงฤดูใบไม้ร่วงจะมีนิทรรศการประจำปีที่นำสมบัติของวัดโทไดจิออกมาจัดแสดง

The new wing also houses temporary exhibitions,
 including an annual exhibition every autumn of treasures from Todaiji Temple. 

Nara Buddhist Sculpture Hall

ฝั่งนี้คือประตูทางเข้าทิศตะวันตกตอนนี้ปิดอยู่ให้ใช้ประตูอีกฝั่งแทน



Himuro Jinja (ศาลเจ้าฮิมุโระแห่งเมืองนารา)

Okumura Commemorative Museum

Map of Pedestrian Entrance to Todaiji Temple

ทางเดินเท้าเข้าสู่ประตูใหญ่ของวัดโทไดจิเต็มไปด้วยร้านค้ามากมาย

ร้านขายของที่ระลึกเป็นรูปกวางหลากหลายแบบ

Map of Restaurants and Cafes

แวะซื้อขนมเซมเบ้ (Sembei) ไปฝากน้องกวางก่อนค่ะ แพ็คละ 200 เยน

บริเวณนี้มีร้านค้าและคนเยอะ น้องกวางก็เลยมารออยู่กันเต็มไปหมดเลยค่ะ

แค่มีขนมเซมเบ้อยู่ในมือ น้องกวางก็มารุมรอบตัวเลยค่ะ

น้องเชื่องและไม่กลัวคนเลย ป้อนขนมไปถ่ายรูปไป

น้องตามติดประชิดตัวเพื่อขอขนม

ป้ายเตือนให้ระวังกวางค่ะ บางตัวอาจกัด เตะหรือพุ่งชนแรงๆ

วันนี้มีเด็กนักเรียนมาทัศนศึกษาเยอะมาก

เวลา 16:00 น.เดินมาถึงประตูใหญ่ทางเข้าวัดโทไดจิ มีกวางเดินปะปนกับคนไปทั่วทุกมุม

กวางแต่ละตัวดูอ้วนสมบูรณ์ดีค่ะ

Nandai-mon (Great South Gate)
It is the main gate of Tōdai-ji. The original, erected during the Nara period, was destroyed by a typhoon during the Heian period. The present structure, which dates to the Kamakura period, was built using what is known as the Daibutsu style. A type of construction based upon Sung Chinese models. 
The ridgepole was raised in 1199 and the structure was completed in 1203.
The gate with its double hip-and-gable roof is five bays wide and two bays deep. Originally there were three pairs of doors. The eighteen giant pillars that support the roof measure twenty-one meters and the entire structure rises 25.46 meters above the stone plinth on which it rests. 
The Great South Gate is the largest temple entrance gate in Japan,

 ประตูนันไดมง
ซุ้มประตูไม้ขนาดใหญ่ สร้างขึ้นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 962 ได้รับความเสียหายจากพายุไต้ฝุ่น ต่อมามีการซ่อมแซมเใหม่เป็นสถาปัตยกรรมแบบจีนในสมัยราชวงศ์ซ่ง สร้างด้วยไม้ซุงขนาดใหญ่ถึง 18 ต้น 
ประตูมีความสูง 25.46 เมตร เป็นประตูทางเข้าวัดที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น

Kongō Rikishi
The two muscular guardians in the Great South Gate, known as the "Ni-ō (Two Kings) of Tōdai-ji",
 are monumental works said to have been sculpted in just sixty-nine days under the direction of the sculptors Unkei and Kaikei. Both statues measure just over 8.4 meters in height
In 1988 , a number of documents and sutras (sacred texts) were discovered inside the statues. 

ที่ประตูสองข้างมีรูปปั้นเทพพิทักษ์ แกะสลักจากไม้ลวดลายละเอียดงดงาม มีความสูงมากกว่า 8.4 เมตร
ในปี ค.ศ.1988 ระหว่างการบูรณะได้ค้นพบว่าในรูปปั้นนั้นมีพระสูตรเก็บอยู่

เดินผ่านประตูเข้ามาแล้วก็เดินตรงไปอีกประมาณ 200 เมตร

น้องกวางกำลังเคี้ยวโซ่อย่างอร่อย

Map of Todiji Temple

จุดหมายอยู่ข้างหน้าแล้วค่ะ

บึงน้ำอยู่ด้านหน้าทางเข้าวัด

Kagami-Ike Pond

มีมานั่งข้างทางเพื่อพักเหนื่อย(หลังจากเดินมาไกล)

Todai-ji Chumon (Central Gate)

ข้อมูลและรายละเอียดจากเวปไซต์ของวัดโทไดจิ https://www.todaiji.or.jp/en

ประตูทางเข้าวัดอันนี้ปกติไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าค่ะ จะเปิดเฉพาะเวลามีงานสำคัญ

เดินเลี้ยวซ้ายไปซื้อตั๋วเข้าชมด้านในวัดค่ะ

ค่าตั๋วคนละ 600 เยน

ซื้อตั๋วเสร็จก็เดินเข้าไปด้านในวัดได้เลยค่ะ

Todaiji is one of the most impressive temples in Japan, and plays a major role in Japanese history through the ages.


ทางเดินที่ต่อมาจากประตู Central Gate ตรงกับวิหาร

 The Daibutsuden (Great Buddha Hall) is one of the world’s largest wooden structures.
It is the Main Hall (kondō) of Tōdai-ji. Built first in the Nara period it has been destroyed twice by fire in 1180 and again in 1567. 

 The original hall and the one rebuilt in 1195, were both eleven bays wide; the present structure, however, was reduced in size to seven bays because only limited funds were available. Nevertheless, the height and depth of the structure remain the same as those of the original. 


Dimensions of Main Hall  :  Width 57.012m, Length 50.480m, Height 48.742m

วิหารไดบุทสึเด็น เป็นวิหารไม้หลังใหญ่ที่สุดในโลกและเป็นที่ประดิษฐานของพระใหญ่นาราไดบุตสึ
 สร้างขึ้นครั้งแรกในสมัยนารา ห้องโถงที่สร้างใหม่ในปี ค.ศ. 1195 มีความกว้างสิบเอ็ดช่อง ปัจจุบันลดขนาดลงเหลือเจ็ดช่องเพราะมีเงินทุนจำกัดแต่ความสูงและความลึกของโครงสร้างยังคงเท่าเดิม 
ขนาดวิหาร กว้าง 57.012 ม. ยาว 50.480 ม. สูง 48.742 ม.

The Octagonal Lantern in front of the Main Hall dates from the time of the founding of Tōdai-ji. 
The eight panels of the fire chamber are grilles of diamond shapes. The four stationary panels are ornamented with celestial musicians while the four pairs of hinged doors are decorated with lions running across clouds. 

ลานด้านหน้าวิหาร มีตะเกียงสำริดแปดเหลี่ยมอายุเป็นพันปี 
หน้าบานทั้งแปดด้านประดับด้วยรูปนักดนตรีแห่งสวรรค์ท่าทางอ่อนช้อย และรูปสิงโตวิ่งผ่านก้อนเมฆ 

The present structure, dating to the Edo period, was built under the direction of the monk Kōkei.

  โครงสร้างปัจจุบันสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยเอโดะ ถูกสร้างขึ้นภายใต้การดูแลของพระโคเค

 (Nara Daibutsu) Vairocana Buddha 
Mean ,the Buddha the light of whose knowledge and compassion illumines widely.

This is one of Japan's largest bronze statues of Buddha. 
 Daibutsu is a part of the UNESCO World Heritage Site Historic Monuments of Ancient Nara 
and National Treasure.

The temple gives the following dimensions for the statue:
Height: 14.98 m.
Face: 5.33 m. 
Eyes: 1.02 m.
Nose: 0.5 m. 
Ears: 2.54 m. 

ไดบุทสุองค์นี้เป็นพระพุทธรูปสำริดปางสมาธิที่ใหญ่ที่สุดในโลก
 องค์พระสร้างด้วยบรอนซ์ ประทับอยู่ในปางสมาธิ แสดงธรรม 
มีความสูง 14.98 เมตร หนักประมาณ 500 ตัน สร้างเสร็จในปี ค.ศ. 752

On the lotus petals on the base of the Great Buddha are engravings of the World of the Lotus Treasury (Rengezō sekai), pictorial representations of the “world of enlightenment” described in the sutra.

ฐานขององค์พระใหญ่เป็นกลีบดอกบัว มีภาพสลักแสดงถึง "โลกแห่งการตรัสรู้" ที่อธิบายไว้ในพระสูตร

ที่ฐานมีประวัติขององค์พระใหญ่เป็นภาษาญี่ปุ่น

ข้างๆองค์พระใหญ่ทั้งสองข้างมีพระโพธิสัตว์สีทองงดงาม 
ทั้งสององค์นี้เป็นพระพุทธรูปไม้ที่สร้างขึ้นในสมัยเอโดะ

Kokuzo Bosatsu (Akasagarbha Bodhisattva) statue is on the right side.

Bodhisattva of Wisdom & Memory


Nyoirin Kannon (Avalokiteshvara) statue is on the left side.

ลวดลายด้านหลังองค์พระใหญ่

At the back of Great Buddha ,there is one special pillar has a rectangular hole at the bottom.
 It is said that the size of the hole is the same as the Great Buddha’s nostril (37 cm (h) x 30 cm (w)). According to legend, if you successfully crawl through it, you will be blessed with good health 
and your wish comes true.

มีเสาต้นหนึ่งในวิหารนี้ เชื่อว่าหากใครสามารถลอดรูที่เสาได้แล้วความฝันจะเป็นจริงและมีสุขภาพแข็งแรง  
รูนี้มีความกว้าง 30 ซม.สูง 37 ซม. ซึ่งมีขนาดเท่ารูจมูกขององค์พระใหญ่

ด้านหลังองค์พระใหญ่มีรูปสลักไม้ขนาดใหญ่ของเทพพิทักษ์ บางอันก็เหลือแต่หัว
The wooden guardian of Buddha statue : Jikoku-ten, Zocho-ten, Komoku-ten and Tamon-ten

Head of Jikoku-ten and Zocho-ten

The warrior with the writing brush and the scroll is Komoku-ten. 

Tamon-ten holds a small pagoda high.

The reconstruction of the original temple area of Todaiji on the scale of 1 to 50.

แบบจำลองของเขตวัดโทไดจิและวิหารใหญ่ ในอัตราส่วน 1:50

เดินชมจนครบรอบวิหารเสร็จก็กลับค่ะ

บริเวณข้างวิหารเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปไม้ Binzuru ที่สร้างขึ้นในคริสตศตวรรษที่ 18 
เชื่อกันว่าหากลูบไปตามส่วนต่างๆ แล้วสวดมนต์ขอพรจะช่วยให้หายจากอาการเจ็บป่วยในส่วนนั้น

Central Gate

เดินออกทางเดิม

Water for washing and drinking : closed due to COVID19

ประตูทางออกอยู่ทางซ้ายมือ

ตรงทางออกเป็นร้านขายของที่ระลึกและเครื่องราง


Todai-ji Togakumon Gate

ป้ายบอกทางเลี้ยวซ้ายเพื่อไปวัดวัดโทไดจิ นิกัตสึโดะ (Nigatsudo)

พวกเราไม่ได้ไปเลยเดินออกทางเดิม

กวางแม่ลูกน่ารัก

 The Lion Capital of Ashoka
It is a sculpture of four lions standing back to back. The original structure was placed on top 
of one of the seven great pillars of Ashoka. It was established on the 26th April, 1988, 
to commemorate the "thousand priests’ service". 

Sorin (Set of treasures)

เดินเลี้ยวขวาออกมาที่ด้านหน้าประตูทางเข้าวัด

รูปสุดท้ายก่อนกลับ


ตอนเย็นๆอากาศดีมีคนมานั่งเล่นรอบๆบึง

ตอนเดินออกคนเริ่มน้อยเพราะวัดใกล้จะปิดแล้วค่ะ

 คิวจอดรถลาก มีบริการหลายเส้นทาง ราคาค่อนข้างแพงเพราะต้องใช้แรงคนลาก

Jin-riki-sha (Rickshaw)

ป้ายบอกทางไปวัด Kasuga Taisha Shrine แต่มืดแล้วพวกเราเลยไม่ได้ไปค่ะ

ยืนรอแท็กซี่เพื่อจะกลับไปสถานีรถไฟ รอตั้งนานก็ไม่มีรถมาสักคันคงเป็นเพราะคนน้อยวัดใกล้จะปิดแล้ว

เดินมาเข้าห้องน้ำที่ลานจอดรถ

มีร้านขายของ ขายเสื้อผ้าอยู่ด้านในด้วยค่ะ

เดินย้อนกลับทางเดิม มีคนเอาอาหารใส่กระเป๋าลากมาให้น้องกวางด้วยค่ะ

ประตูทางเข้าพิพิธภัณฑ์แห่งชาตินารา เปิด 9:30-17:00 น.

พอเริ่มมืดก็มีเสียงกวางร้องกันระงมทั่วบริเวณเลยค่ะ

เวลา 17:00 น.เดินมาถึงวัดโคฟุคุจิ ที่มีเจดีย์ห้าชั้นโดดเด่นอยู่ตรงทางเข้า

The five-storied pagoda is Japan's second tallest wooden pagoda At 50 meters.
Kofukuji's pagoda is both a landmark and symbol of Nara. It was first built in 730, 
and was most recently rebuilt in 1426. 

Kofukuji used to be the family temple of the Fujiwara. The temple was established in Nara at the same time as the capital in 710. 

สมัยก่อนที่นี่เป็นวัดประจำตระกูลฟูจิวาระ ก่อตั้งในปี ค.ศ.710
เจดีย์ห้าชั้น มีความสูง 50 เมตร สร้างเมื่อปี ค.ศ.730 เป็นเจดีย์ที่มีความสูงเป็นอันดับสองของญ๊่ปุ่น

While entrance to Kofukuji's temple grounds is free and possible around the clock, 
there are three areas that require paying an entrance fee.The Central Golden Hall, the Eastern Golden Hall and Kofukuji's National Treasure Museum

ด้านในวัดโคฟุคุจิไม่เก็บค่าเข้าชม ยกเว้นหอสมบัติ หอกลางและหอตะวันออก

Kofuku-ji Nan’endo (Southern Round Hall)

เดินออกจากวัดกลับมาที่ Sanjo dori street แวะซื้อขนมโมจิร้านดัง ตอนนี้ไม่มีคนต่อคิวแล้วค่ะ

โมจิ 6 ลูก 900 เยน




ไปเดินเล่นที่ถนนช้อปปิ้งฮิกาชิมูกิ 

Higashimuki Shopping Street

สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้าและร้านอาหารมากมายเป็นระยะทางยาวประมาณ 250 เมตร

ทานอาหารเย็นก่อนค่ะ

อากาศเย็นทานราเมนชามใหญ่ๆคนละชาม

ทานอาหารเสร็จก็ไปเดินเล่นต่อในย่าน Kintetsu Nara station

มีร้านน่ารักทั้งสองข้างทางเลยค่ะ

สถานีนี้อยู่กลางเมืองนารา ใกล้แหล่งท่องเที่ยวมากกว่าสถานี JR

แวะซื้อขนมทานระหว่างทาง

เวลา 19:00 น.เดินมาเรื่อยๆจนถึงสถานี JR Nara Station

สถานีรถไฟนาราตอนกลางคืนสวยดีค่ะ เดินทางกลับโอซาก้าระยะทางประมาณ 35 กิโลเมตร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น