วันพุธที่ 8 มิถุนายน 2565
เวลา 16:30 น. เดินทางมาถึงเมือง Denizli เราจะเห็นภูเขาสีขาวขนาดใหญ่โดดเด่นอยู่นอกเมือง ภูเขานี้คือปามุคคาเล่ เราจะยังไม่แวะตอนนี้เพราะจะเลยไปชมเมืองโบราณก่อนค่ะ
The ancient city of Hierapolis was located on the top of the white terraces.
It is about 2700 m. long and 160 m. high. It has 14000 year-old existence.
Pamukkale is in Denizli Province (southwestern Turkiye).
Ancient Hierapolis
It was added as a UNESCO World Heritage Site in 1988.
ค่าเข้าชมคนละ 185 TL
North Gate
พวกเราเข้าชมเมืองโบราณทางประตูทิศเหนือที่อยู่ด้านบนสุด แล้วไปสิ้นสุดที่ปามุคคาเล่
ระยะทางในการชมเมืองโบราณไกลมากเดินชมคงไม่ไหว คุณป๋าเลยเช่ารถกอล์ฟค่ะ
จุดเช่ารถพร้อมคนขับ
รถมีหลายแบบให้เลือก คันนี้นั่งได้ 2 คน
เราได้คันนี้ค่ะ ค่ารถคนละ 14 US$ (500 บาท)
จ่ายเงินเสร็จก็ออกเดินทางเลยค่ะ คนขับจะพาไปจอดตามจุดสำคัญ
สองข้างทางค่อนข้างแห้งแล้ง แดดจัดมาก
Hierapolis means "Holy City" (Hieros = Holy in Greek) because of its religious importance
and also temples together with other religious buildings.
Ancient Hierapolis have been founded by King Eumenes II of Pergamon.
Another meaning of the city could be derived from Hiera, the wife of King Telephos, the legendary founder of Pergamon.
เมืองโบราณแห่งนี้ก่อตั้งโดยกษัตริย์ยูเมเนสที่ 2 แห่งเปอร์กามอน คาดว่ามีอายูประมาณ 2,200 ปี
คำว่าเฮียราโปลิส หมายความว่า เมืองอันศักดิ์สิทธิ์
แท่งหินที่วางกระจัดกระจายมากมายเหล่านี้คือสุสานโบราณ
ทั้งเนินเขาเต็มไปด้วยสุสาน
ทางฝั่งขวามือคือปามุคคาเล่
หน้าผาหินปูนสีขาวสูงประมาณ 200 เมตร
Pamukkale and Hierapolis Map
คนขับจอดให้แวะชมจุดแรกค่ะ
Northern Necropolis
Necropolis means cemetery. In Greek language it means city of dead. Necro=dead, polis=city.
เนโครโปลิส มีความหมายว่า เมืองแห่งความตาย หรือที่เราเรียกว่าสุสาน
Hierapolis cemetery is one of the widest cemeteries in Anatolia and one of the best-preserved in Turkey.
It has three different parts, north, south and west.
สุสานที่เฮียราโปลิสมีขนาดกว้างใหญ่ที่สุดในดินแดนอนาโตเลีย
The north one is the largest in Hierapolis with more than 1200 tombs extends over 2 kilometres.
สุสานแบ่งเป็นสามโซน คือ เหนือ ใต้ และตะวันตก
โซนทิศเหนือนี้มีขนาดใหญ่ที่สุดโดยมีสุสานกว่า 1200 อัน ในระยะทางประมาณ 2 กม.
Hierapolis was not very big settlement in itself but it has huge necropolis lands because it was a holy city and old people used to come to benefit from the thermal baths and spend their last days here
and many of them died and buried here.
ตัวเมืองเฮียราโปลิสแต่เดิมมีขนาดไม่ได้ใหญ่โตเช่นนี้ แต่เนื่องจากมีประชาชนจำนวนมากเดินทางมาที่บ่อน้ำร้อนเพื่อรักษาโรคและใช้เวลาช่วงสุดท้ายของชีวิตที่เมืองนี้พอตายก็ฝังและสร้างสุสานที่นี่
Necropolis is a large burial site generally it was located outside the settlement.
All types of graves and belong to the late Hellenistic, Roman and Eastern Roman periods.
Each grave is a different size, depending on people’s income. In addition some people who lived nearby were also buried here on their own wishes.
สุสานที่นี่ใช้ฝังศพมาตั้งแต่ยุคหินใหม่จนถึงยุคโรมัน แบ่งเป็น 4 แบบ ตามฐานะทางสังคม
Among these all types just sarcophaguses were made from marble all others made from limestone.
โลงศพส่วนใหญ่สร้างด้วยหินปูนยกเว้นของคนรวยและชนชั้นสูงจะสร้างจากหินอ่อน
Each grave has an inscription about name, life of the deceased, social clubs in the city
and their activities are mentioned.
There are 4 different types of graves
Sarcophagus (It means in Greek =flesh eating), Public, Family and Tumulus type
All sarcophagus type of graves was made from marble because they were belonging to the upper social class such as riches, heroes, noble people and they were large decorative coffins.
Sarcophaguses stand on ground, on a podium or on top of a cell.
สุสานหลังนี้คือ sarcophagus สร้างด้วยหินอ่อน มีขนาดใหญ่สภาพค่อนข้างสมบูรณ์
มีประตูทางเข้า ด้านในเป็นห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ
ที่พื้นเป็นหลุมสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดเท่าโลงศพ
Public Graves
Simple graves for common people were underground. They have box shape.
สุสานส่วนใหญ่เป็นของคนธรรมดาจะถูกฝังใต้ดิน มีเพียงป้ายชื่อสลักบนแผ่นหินตั้งอยู่ด้านบน
Family type graves
These graves were made for all individuals of a family.They have several rooms, roofs and windows.
Tumulus Graves
They have a round plan and very large. They are mound raised over a grave.
Inside of them there are grave rooms and it is possible to enter this inside rooms with a small doors. Tumulus type graves look like small hill for wealthy.
สุสานแบบสุดท้าย มีลักษณะเป็นเนินดินขนาดใหญ่ คล้ายฮวงซุ้ยของคนจีน
มีประตูทางเข้า ด้านในเป็นห้องเก็บโลงศพสำหรับคนรวย
บนแท่งหินนี้เคยมีโลงศพหินวางอยู่
สุสานนี้มีขนาดกว้างใหญ่มาก พวกเราเดินชมได้ไม่หมดค่ะ
นั่งรถไปชมจุดต่อไป
ถัดจากสุสานคือโรงอาบน้ำโรมันสมัยโบราณ
The Roman Bath or Basilica Bath is located near the northern necropolis of Hierapolis.
It was built in the 3rd century AD, Roman time. Classical architectural features which have large stone blocks were used in the construction. When the effects of Christianity had increased and accepted by everyone in Hierapolis in the 4th century AD, Roman baths were converted into a church.
คนขับไม่ได้แวะจอดให้ลงไปชม ด้านหน้ามีรั้วตาข่ายกั้นอยู่เพราะด้านในกำลังมีการบูรณะ
โรงอาบน้ำโรมันแห่งนี้สร้างมาตั้งแต่คริสตศตวรรษที่ 2
และต่อมาได้เปลี่ยนเป็นโบสถ์ของศาสนาคริสต์ในศตวรรษที่ 6
ด้านหน้าคือประตูเมือง
แวะลงเดินชมถ่ายรูป
ประตูเมืองหลักทางทิศเหนือ
Agora
This is marketplace and place for public meetings.It was set up near the Roman baths.
Agora area was surrounded by shops.
ตลาดประจำเมืองเฮียราโปลิสมีพื้นที่ตั้งแต่โรงอาบน้ำโรมันจนถึงประตูเมืองทิศเหนือ
เมื่อก่อนมีร้านค้าจำนวนมากสังเกตได้จากซากเสาและแท่งหินจำนวนมาก
Domitian Gate
This gate is the best preserved one. It has has two round towers and three openings so is also known
as the three gates. One of the towers of the gate is still in good condition today.
ประตูเมืองทางทิศเหนือของเมืองนี้คือประตูโดมิเชียน มีลักษณะเป็นซุ้มประตูโค้ง 3 ช่อง
ขนาบข้างด้วยหอคอยทรงกลม อันทางขวามืออยู่ในสภาพค่อนข้างสมบูรณ์
This is the monumental entrance to the Roman city and leads onto the large plateia, 14 m. wide,
which crosses the whole settlement, exiting a gate at the opposite side, to connect with the road
that goes to Laodicea on the Lykos and then Colossae.
It is also known as Frontinus Gate because it was built by Julius Frontinus (84-86 AD ), proconsul of Asia Minor. Then it was dedicated to the Emperor Domitian by Frontinus.
ประตูนี้ตั้งชื่อตามจักรพรรดิโดมิเชียนแห่งโรมัน ผู้สร้างประตูนี้คือจูเลียส ฟรอนตินัส วิศวกรและนักการเมืองของโรมัน บางครั้งก็เรียกว่าประตูฟรอนตินัส
Frontinus Street
The Latrine along Frontinus Street
ห้องสุขาตั้งอยู่ข้างถนนเส้นหลัก สร้างในช่วงปลายศตวรรษที่ 1 มีประตูทางเข้าออกสองทาง
It built in the end of the 1st century AD. The room is divided longitudinally by a row of columns
that supported a roof composed of travertine blocks.
ด้านในมีเสาหินกั้นเป็นห้องเล็กๆ ด้านบนมีหลังคาปกคลุมกันแดดและฝน
ออกมาเดินเล่นบนถนนสายหลัก
Frontinus Street (main street) ran from north to south close to a cliff with the travertine terraces.
It was about 1,500 m. long and 13.5 m. wide and was bordered on both sides by an arcade.
ถนนเส้นหลักของเมืองเชื่อมระหว่างประตูทิศเหนือและใต้ มีความกว้าง 13.5 เมตร ยาวประมาณ 1.5 กม.
Along the sides are a number of buildings including houses, shops and warehouses,
unified by a travertine facade that is 170 m.long.
ริมถนนเต็มไปด้วย บ้าน ร้านค้า โกดังสินค้า สังเกตุได้จากมีซากเสาและหลังคา
ร้านค้ายาวเรียงรายประมาณ 170 เมตร ขนานไปกับหน้าผาหินปูนปามุคคาเล่
This street was lined with columns and shops.
The side streets were about 3 metres wide.
Colonnaded street
North Byzantine Gate
Gates in the middle of the street which were built in the 4th century AD
as a monuments of Christianity period and are shaped like triumphal arches.
ประตูเมืองอันที่สองถัดมาจากประตูหลักทิศเหนือ สร้างในคริสตศตวรรษที่ 4
เราสามารถเดินผ่านประตูนี้ไปตามถนนหลักจนถึงประตูเมืองทิศใต้ระยะทาง 1.5 กม.
เดินย้อนออกมาทางเดิมเพื่อไปนั่งรถกอล์ฟ
หน้าประตูเมืองมีเครื่องมือสกัดน้ำมันมะกอกในสมัยโบราณ ตอนนี้เหลือเป็นเพียงกองหิน
The structure of an oil press for olive processing
The gate at the south end of the main street is the oldest one and was built in 65-86 AD.
The lower parts of it are still under ground waiting for excavation.
ประตูทางทิศใต้จะอยู่ที่สุดถนนอีกฝั่ง พวกเรายังไม่ได้ไปชมค่ะ
หน้าผาฝั่งตะวันตกก็คือปามุคคาเล่
Frontinus Gate and Colonnaded Street
Hierapolis had many destructive strong earthquakes and each earthquake razed the city.
(First destructive one in 17 AD, second one in 60 AD, third and last one in 1354)
เส้นทางขับรถขนานไปกับถนนสายหลัก
แดดร้อนจัดแต่ก็มีนักท่องเที่ยวเดินเล่นตามถนนสายหลักด้วยค่ะ
The ancient city of Hierapolis was settled in an area of 1000 x 800 m.
ข้างหน้าคือทางขึ้นเขา เพื่อไปชมซากโบราณสถานอีกหลายจุด
ถ้าเดินมาตามถนนสายหลักก็เดินเลี้ยวซ้ายขึ้นเขาต่อได้เลยค่ะ
หลายพื้นที่มีรั้วตาข่ายกั้นเพราะยังมีการขุดค้นซากกันอยู่
นั่งรถกอล์ฟขึ้นเขาสบายไม่ต้องเดินค่ะ ขับผ่านชมซากโบราณสถาน
The Nymphaeum is located inside the sacred area in front of the Apollo temple.
It was a shrine of the nymphs, a monumental fountain distributing water to the houses of the city.
น้ำพุขนาดใหญ่สร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพธิดานิมฟ์ และเป็นแหล่งส่งน้ำเข้าไปในเมือง
The temple of Apollo is located on a slope between the sacred pool and the theatre.
It has a marble staircase, lies within a sacred area, about 70 m.long.
วิหารอะพอลโลสร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพอะพอลโล สร้างตามแบบวิหารกรีก ตอนนี้เหลือแต่เสาและบันได
Plutonium
Pluto's Gate or Plutonium, means a shrine to the Greek god Pluto.It is the oldest local sanctuary.
It is a small cave and from which emerges suffocating carbon dioxide gas.
ประตูพลูโต อยู่ใกล้กับวิหารอะพอลโล เป็นช่องแคบๆเชื่อมลงไปใต้ดิน
ในสมัยโบราณเชื่อว่าเป็นประตูสู่นรก(ดินแดนของเทพเจ้าแห่งความตาย=พลูโต)
ปัจจุบันช่องนี้ถูกปิดเพราะมีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาเป็นอันตรายมาก
ขับรถขึ้นไปบนเขาต่อค่ะ
มาถึงบนยอดเขาแล้ว
ทางขวามือคือโรงละคร
ทางซ้ายมือเป็นเนินเขามีซากโบราณสถานอีกแห่ง แต่ไม่ได้ไปชมค่ะ
เข้าไปชมโรงละครประจำเมืองเฮียราโปลิส
The Roman Theatre
This well preserved theater was built during the reign of Emperor Hadrian in 2nd century AD.
In Emperor Severus period the cavea and the stage of theatre were restored by using the remains
of another old theatre built earlier on the north of the city.
The theatre of Hierapolis today is a Museum-Theatre,
that presents itself as a large open-air book of Architecture.
โรงละครกลางแจ้งขนาดใหญ่ สร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิเฮเดรียนในศตวรรษที่ 2
ได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหวและได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ในสมัยจักรพรรดิเซเวอร์รัส
It has three Building phases.
This Roman Theatre had a capacity of 8,500 – 10,000 spectators.
โรงละครนี้จุผู้ชมได้ประมาณ 8,500-10,000 คน
The facade is 91 m. long, the full extent of which remains standing.
In the cavea there are 50 rows of seats divided into 7 parts by 8 intermediate stairways.
The diazoma divided the cavea into two, entered by two vaulted passages (the vomitoria).
There is an Imperial loge at the middle of the cavea and a 1.83 m. wall surrounding the orchestra.
โรงละครสร้างแบบโรมัน อัฒจันทร์เป็นรูปครึ่งวงกลม มีที่นั่ง 50 แถว แบ่งเป็น 7 ส่วนมีบันไดคั่น
โรงละครแบ่งเป็น 2 ชั้นด้วยระเบียงทางเดิน (มีรั้วเหล็กกั้น) ตรงกลางคือเวที
ตอนนี้ที่เวทีด้านล่างกำลังจัดเตรียมงานแสดง มีการขายบัตรเข้าชมด้วยค่ะ
The stage, which is 3.7 m. high, had 5 doors and 6 niches. In front of these there were 10 marble columns, decorated with alternate rectilinear and curved segments. .
เวทีด้านล่างสูง 3.7 เมตร มี 5 ประตู ด้านหน้าประดับด้วยเสาหินอ่อน 10 ต้น หัวเสาตกแต่งสวยงาม
Since the theater has been restored, it is now possible to see the friezes of mythological scenes depicting Apollo and Artemis in their original positions.
โรงละครหันหน้าไปทางทิศตะวันตก เห็นปามุคคาเล่อยู่ไม่ไกล
โรงละครแห่งนี้มีสภาพค่อนข้างสมบูรณ์และสวยงามมาก
นั่งรถลงเขาย้อนกลับทางเดิม
The Archaeological Museum of Hierapolis and The Southern Bath (Great Bath Building)
พิพิธภัณฑ์โบราณคดีแห่งเฮียราโปลิส อาคารนี้ในสมัยก่อนคือโรงอาบน้ำโรมัน
โซนประตูทิศใต้
เวลา 18:00 น. จุดสุดท้ายที่คนขับแวะให้ลงคือ ปามุคคาเล่
ภาพแสดงคุณสมบัติของธารน้ำแร่ปามุคคาเล่และโรคที่ใช้น้ำแร่รักษาได้
หมาน้อยนอนเล่นอาบแดดสบาย
บริเวณนี้เป็นจุดที่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวลงไปเดินและเล่นน้ำได้
ต้องถอดรองเท้าก่อนลงไปเดินค่ะ พวกเรากลัวรองเท้าหายเลยเอาใส่ถุงผ้าสะพายไปด้วย
พื้นหินมีทั้งส่วนที่ลื่นและแหลมคม ต้องเดินแบบระวังมากๆค่ะ
ตอนเย็นจะมีคนหนาแน่นมาก นักท่องเที่ยวมากันเป็นกลุ่มใหญ่ๆ
พื้นหินปูนที่โดนกัดเซาะและมีคนเดินเหยียบบ่อยๆจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล
Pamukkale is one of Turkiye’s natural wonder with the calcium cascade terraces of snow white stalactites and is known as 8th wonder of the World by Turkish people.
หน้าผาบางส่วนมีการสร้างจำลองขึ้นมาทดแทนอันเก่าที่เสื่อมโทรม
Upper pool
มีคนลงไปเล่นน้ำในแอ่งใหญ่
น้ำแร่ค่อนข้างอุ่นและมีตะกอนขาวขุ่น น้ำในแอ่งลึกประมาณครึ่งน่อง
Pamukkale means "Cotton Castle"
Pamukkale is well known with the beauty of its unique geological formation .
The blinding white color of these travertines look like a natural fortress.
ปามุคคาเล่ (Pamukkale) ในภาษาตุรกี แปลว่า ปราสาทปุยฝ้าย (Cotton Castle)
Pamuk แปลว่า ปุยฝ้าย Kale แปลว่า ปราสาท
ในอดีตชนเผ่ากรีก-โรมันได้เข้ามาสร้างเมืองอยู่บนบ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้ และขนานนามเมืองว่า เฮียราโปลิส อันหมายถึงเมืองศักดิ์สิทธิ์ ส่วนปามุคคาเล่ ก็เป็นสปาบำบัดโรคมานานกว่าพันปี
There are the half-circle shaped terraces hold pools of water at the upper levels.
ด้านบนจะมีแอ่งหินปูนรูปครึ่งวงกลมวางเรียงลดหลั่นลงมาตามหน้าผา ปกติจะมีน้ำอยู่เต็มแอ่ง
ภาพสวยๆจากวิกิพีเดีย ตอนนี้หน้าแล้งน้ำน้อยเราเลยไม่ได้เห็นภาพแบบนี้ค่ะ
แอ่งใหญ่มีน้ำมากมีคนลงไปแช่ตัวด้วยค่ะ แต่สถานการณ์โควิดแบบนี้เราขอแช่เท้าพอค่ะ
The white cotton-like terraces are mineral deposits which come from Cal Mountain’s rich spring waters and volcanic springs that were saved since thousand years.
เดินต่อไปตามหน้าผา บริเวณนี้ค่อนข้างลื่นต้องเดินแบบระวังกลัวกลิ้งตกเขาค่ะ
หินปูนบริเวณนี้สีขาวสะอาด
Pamukkale's terraces are made of travertine,
a sedimentary rock deposited by mineral water from the hot springs.
The water that emerges from the spring is transported 320 metres to the head of the travertine terraces and deposits calcium carbonate. When the water, supersaturated with calcium carbonate, reaches the surface, carbon dioxide de-gasses from it, and calcium carbonate is deposited.
Calcium carbonate is deposited by the water as a soft gel which eventually crystallizes into travertine.
ปามุคคาเล่ สีขาวนี้เกิดจากสีของหินปูนทราเวอร์ทีนที่เกิดจากการตกตะกอนทางเคมีตามธรรมชาติ
ของแร่ธาตุแคลเซียมคาร์บอเนต พบที่บริเวณน้ำพุร้อนมากที่สุด
White Terraces : natural travertine formations and hot pools
หน้าผาหินปูนนี้เกิดจากธารน้ำร้อนใต้ดิน ซึ่งมีแร่หินปูนแคลเซียมคาร์บอเนตผสมอยู่ในปริมาณที่สูงมาก ไหลมาจากภูเขาคาลดากี ที่ตั้งอยู่ห่างออกไปทางทิศเหนือ เอ่อล้นขึ้นมาเหนือดินและทำปฏิกิริยา
จับตัวแข็งเกาะกันเป็นริ้ว เป็นแอ่ง เป็นชั้น ลดหลั่นกันไปตามภูมิประเทศดูสวยงามแปลกตา
แคลเซียมขาวจะเกาะเต็มพื้นหินบนภูเขา มีรูปร่างและรูปทรงตามพื้นหินที่เกาะอยู่
Travertineในประเทศตุรเกียมีมากถึง 13.9 พันล้านตัน
เมือง Denizli เป็นหนึ่งในภูมิภาคที่มีหินทราเวอร์ทีน และเหมืองหินอ่อนส่วนใหญ่ตั้งอยู่
In this area, there are 17 hot springs with temperatures ranging from 35 °C to 100 °C
น้ำแร่บนนี้มีอุณหภุมิ 33-35 องศาเซลเซียส
ในสมัยโบราณมีความเชื่อว่า ปามุคคาเล่ คือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
น้ำแร่ที่ปามุคคาเล่ มีกิตติศัพท์เลื่องลือว่าสามารถรักษาโรคต่างๆเช่นโรคหัวใจ โรคผิวหนัง โรคปวดข้อ
โรคปอดและอีกหลายโรค ทำให้มีผู้คนเดินทางมาใช้น้ำแร่เพื่อบำบัดรักษาโรคกันเป็นจำนวนมาก
หน้าผาบริเวณนี้ขาวสวยเหมือนกำแพงหิมะเลยค่ะ
ระยะทางปามุคคาเล่ยาวร่วม 3 กม. พวกเราเดินไปสักพักก็เดินย้อนกลับแล้วค่ะ
ปี พ.ศ.2531 องค์การยูเนสโก้ ขึ้นทะเบียนให้ปามุคคาเล่และเฮียราโปลิสเป็นมรดกโลกอย่างเป็นทางการ
มีการปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวลงไปอาบแช่น้ำแร่เพื่อป้องกันไม่ให้สถานที่แห่งนี้เกิดความเสียหาย
To keep the travertine white and to prevent crush and damage on them, in 1997 it was forbidden to walk on them and the water is allowed to reach the terraces periodically according to weekly watering schedule. But it is possible to walk on the south part of the travertine with naked foot.
ตอนเย็นเริ่มมีนักท่องเที่ยวมากันมากขึ้นเรื่อยๆ
แสงอาทิตย์ที่เริ่มต่ำลงกระทบกับหินปูนสีขาวเป็นประกายสวยดีค่ะ
The travertine formation which is in total about 2,700 m. long, 600 m. wide and 160 m. high.
Panoramic view of travertine terraces at Pamukkale
ถ้าซื้อตั๋วที่ออฟฟิศด้านล่างก็ต้องเดินเท้าขึ้นเขาตามทางหินปูนมาด้านบนค่ะ
สวนหย่อมและบึงสวยด้านล่าง
ถ้ามาตอนน้ำมาก บริเวณแอ่งนี้จะกลายเป็นขั้นบันไดสีฟ้าสวยงาม
หน้าผาสีขาวเหมือนปุยฝ้ายแต่แข็งเหมือนหินค่ะ
ช่วงนี้เป็นหน้าร้อนพระอาทิตย์จะตกประมาณ 21:00 น. มีนักท่องเที่ยวมารอชมจำนวนมาก
พวกเราไม่ได้รอชมค่ะเลยเดินกลับขึ้นไปด้านบน
There is a wooden walkway on the top of the hill.
ด้านบนเป็นระเบียงไม้ มีร้านอาหาร เครื่องดื่มและที่นั่งชมวิว ถ่ายรูป
Pamukkale & Hierapolis are both recognized as UNESCO World Heritage Sites since 1988.
เก็บภาพสวยๆก่อนกลับค่ะ
We can get panoramic photos of the travertine hill and the countryside beyond.
เดินออกมาด้านนอกจะพบกับทางเข้าบ่อน้ำแร่โบราณ
ค่าลงเล่นน้ำคนละ 130 TL ต้องเปลี่ยนเป็นชุดว่ายน้ำก่อนลงสระด้วยค่ะ
Cleopatra Antique Pool
One of the beauty secrets of Cleopatra, who lived before Christ and was famous for her beauty.
It is said that the historical pool, which dates back to the 16th century, was formed by the collapse of the buildings in the region into a pit formed as a result of earthquakes, and that this pit was filled with healing and soda thermal water (36 degree).
บ่อน้ำแร่โบราณ
เป็นบ่อน้ำโบราณแห่งเดียวที่เปิดให้บริการลงไปเล่นน้ำได้ น้ำใสมากมีอุณหภูมิประมาณ 36 องศาเซลเซียส
ในน้ำมีส่วนผสมของแร่หลายชนิด ด้านล่างมีเสาโรมันและซากปรักหักพังของสิ่งก่อสร้างตอนเกิดแผ่นดินไหวเมื่อศตวรรษที่ 7 บางครั้งก็เรียกว่าสระน้ำคลีโอพัตรา เพราะมีเรื่องเล่าว่า มาร์ค แอนโทนี สร้างขึ้นเพื่อเป็นของกำนัลแด่คลีโอพัตรา
ด้านในมีร้านขายขนมและเครื่องดื่ม
ร้านขายของที่ระลึก
เวลา 19:00 น. ออกมานั่งรอคนขับรถพาไปส่งที่ประตูทางออกค่ะ
นั่งรถย้อนกลับทางเดิมไปที่ประตูทิศเหนือ
ผ่านสุสาน Necropolis
North Gate
เวลา 19:30 น.เดินทางมาถึงที่พักคืนนี้ โรงแรมอยู่ใกล้ปามุคคาเล่มากค่ะ
Pam Termal Hotel is a five star thermal facility. It also a Medical Center
Located on the foothills of the mountains covered by forests.The guests can not only make use of the thermal water that formed Pamukkale travertines and the ancient pool of Cleopatra
but also can benefit from the pools of red thermal water.
โรงแรมที่เราพักคืนนี้อยู่ตรงตีนเขาล้อมรอบด้วยป่าสน ในห้องพักมีน้ำแร่ต่อตรงมาจากปามุคคาเล่
และยังมีบ่อน้ำร้อนจากหินแร่สีแดงไว้บริการด้วย
ห้องพักของเราอยู่ชั้น 3
เช็คอินแล้วเอาของขึ้นไปเก็บบนห้องก่อนค่ะ
ห้องค่อนข้างเก่ามีกลิ่นอับนิด เนื่องจากปิดบริการมาหลายปีในช่วงโควิด
จุดเด่นคือที่อ่างอาบน้ำมีก็อกทองเหลืองพอเปิดจะเป็นน้ำแร่ที่ต่อมาจากปามุคคาเล่เลยค่ะ
เราเปิดแล้วแช่น้ำแร่ในอ่างอาบน้ำได้เลย แต่น้ำมีตะกอนเยอะและขุ่นหน่อย
เวลา 20:00 น.ไปทานอาหารเย็นที่ห้องอาหารของโรงแรม เป็นอาหารบุฟเฟ่ต์ค่ะ
เวลา 21:00 น.มาลงเล่นน้ำที่สระน้ำแร่หินแดง
สระส่วนกลางสะอาด
เล่นน้ำสักพัก พอเริ่มมืดก็กลับห้อง อาบน้ำนอนค่ะ