TUKEMD

__TUKEMD__ชื่อบ้าน อ่านว่า ตุ๊ก-เอ็ม-ดี นะจ๊ะ เป็นชื่อในเน็ตของแม่ตุ๊กเองค่ะ

บ้านหลังน้อย หลังนี้เป็นของแม่ตุ๊ก,น้องมะปราง และ คุณป๋า

เป็นบล็อกเพื่อบันทึกความสุข ความทรงจำ ในการท่องเที่ยวที่ต่างๆของครอบครัวเราค่ะ



2565/06/06

'Hello Turkiye' Fly to Istanbul

วันเสาร์ที่ 4 มิถุนายน 2565
ตุรกีได้แจ้งต่อสหประชาชาติว่าขอเปลี่ยนชื่อประเทศเป็น "ตุรเคีย" อย่างเป็นทางการ
ตั้งแต่วันที่  1 มิ.ย. 2565 โดยชื่อใหม่เป็นภาษาอังกฤษสะกดว่า Turkiye 
เหตุผลเพราะชื่อประเทศจะได้ไม่ไปเหมือนกับคำว่า Turkey ทีแปลว่าไก่งวง

ทริปนี้พวกเราจะเดินทางไปเที่ยวเตอร์เคีย(อ่านตามเสียงในเครื่องบิน)กันค่ะ
บินตรงสู่เมืองหลวง Istanbul ด้วยสายการบินแห่งชาติ Turkish Airline
เครื่องออกจากสุวรรณภูมิเวลา 23:00 น. ใช้เวลาในการบินประมาณ 10.5 ชม.

ที่นั่งบนเครื่องเป็นแบบ 2-4-2 เราสามคนได้นั่งตรงกลางค่อนข้างแคบและอึดอัดนิด แต่ละที่นั่งจะมีกระเป๋า ด้านในประกอบด้วย ผ้าปิดตา ถุงเท้า สลิปเปอร์ ยาสีฟัน ที่อุดหู

มีอาหารเสิร์ฟสองครั้งคือตอนเครื่องขึ้นเป็นอาหารจานหลัก และเสิร์ฟอีกครั้งก่อนเครื่องลง

วันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน 2565
เวลา 5:00 น.เดินทางมาถึง Istanbul Airport เวลาที่นี่ช้ากว่าเมืองไทย 4 ชม.

ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง คนน้อยค่ะเพราะตอนนี้ยังไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยว คนไทยไม่ต้องใช้วีซ่า 
เจ้าหน้าที่แค่ดูหน้าแล้วก็ปั๊มตราไม่ถามอะไรเลยค่ะ ใช้เวลาประมาณ 10 นาที

รับกระเป๋าเดินทางแล้วก็เดินทางเข้าเมืองด้วยรถบัส

สนามบินอยู่ห่างจากตัวเมือง 45 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม.

เวลา 7:30 น. ทานอาหารเช้าที่ Golden Tulip Hotel

บุฟเฟต์อาหารเช้า

มื้อแรกของอาหารเตอร์เคีย

ทานอาหารเสร็จก็ออกมาเดินเล่นรอบๆโรงแรม


กุหลาบดอกใหญ่และหอมมาก

เช้าวันหยุด บนถนนแทบไม่มีรถวิ่งเลยค่ะ

เดินทางไปเที่ยวในตัวเมืองกันค่ะ

กำแพงในเขตเมืองเก่า

ในเมืองนี้เราจะเห็นมัสยิดเยอะมากทั้งมัสยิดเก่าและที่สร้างใหม่

ข้ามสะพาน Galata ไปยังฝั่งเมืองใหม่ที่อยู่ทางเหนือ

Vodafone Park Arena

Beşiktaş
สโมสรฟุตบอลเบซิกทัชเป็นสโมสรชื่อดังของประเทศตุรเคีย ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ.1903

ด้านหน้ามีรูปปั้นนกอินทรี ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทีมฟุตบอล

ขอเก็บภาพสนามเหย้าเป็นที่ระลึก

มัสยิดโดลมาบาเช (Dolmabahçe Mosque)
อยู่ตรงประตูด้านนอกของพระราชวังโดลมาบาเช

ไปชมพระราชวังกันค่ะ เปิดเวลา 9:00-17:30 น.
ด้านล่างคือราคาค่าเข้าชม

เข้าแถวต่อคิวและตรวจตั๋วเพื่อเข้าไปชมด้านใน

ผ่านห้องสแกนกระเป๋า

City of Cats

หอนาฬิกาโดลมาบาเช (Dolmabahçe Clock tower)
ตั้งอยู่ด้านหน้าประตูทางเข้าหลัก  เป็นหอนาฬิกาทรงสี่เหลี่ยม สูง 27 เมตร สร้างในปี 1890-1895 

It was erected in front of the Imperial Gate on a square along the European waterfront of Bosporus next to the mosque. The tower was ordered by Sultan Abdülhamid II and designed by the court architect Sarkis Balyan between 1890 and 1895. 

เข้าไปด้านในกันค่ะ

ซุ้มประตูด้านหน้าเป็นเขตพระราชวัง


ประตูคลัง (Treasury Gate)
สร้างแบบประตูชัยโรมันตกแต่งด้วยลวดลายศิลปะบาโรค
สมัยก่อนใช้เป็นทางผ่านสำหรับผู้ที่จะมาเข้าเฝ้าสุลต่านเท่านั้น

It feautures two iron doors sitting in an archway between two double columns.
 It leads to the courtyards of the Furnishings Department and the Treasury Department.

เหนือซุ้มประตูมีพระปรมาภิไธยย่อของสุลต่าน Abdülmecid I

The medallion above the gate contains the monogram of Sultan Abdülmecid I. 
Underneath is a poem by Ziver dated 1855. The poem was inscribed by Ottoman calligrapher Kazasker Mustafa İzzet Efendi (1801-1876).

ผ่านซุ้มประตูเข้ามาจะพบกับสระน้ำขนาดใหญ่ตรงกลาง ตอนนี้ล้อมรั้วปิดปรับปรุงอยู่ค่ะ


ริมทางเดินทางซ้ายมือก่อนถึงพระราชวังมีประตูสวยงามเหมือนด้านหน้า เรียกว่า ประตูสุลต่าน

Sultan Gate, also known as the Royal and Imperial Gate
Exterior facade of the Gate of the Sultan on Dolmabahçe Avenue. 

ใส่หูฟังเสียงบรรยายก่อนเข้าชมพระราชวัง

สวนหย่อมรอบๆพระราชวัง

อาคารหลักของพระราชวังอยู่ด้านหลังสระน้ำ

ก่อนเข้าชมให้นำถุงพลาสติกในถังตรงประตูมาสวมรองเท้าเพื่อป้องกันไม่ให้พื้นเสียหาย

ด้านในห้ามถ่ายรูปโดยเด็ดขาดมีเจ้าหน้าที่ยืนเฝ้าทุกจุดเลยค่ะ
หยิบโบชัวร์มาอ่านเล่น มีให้เลือกหลายภาษา
Dolmabahçe Palace เป็นพระราชวังที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ สร้างโดย Sultan, Abdülmecid I ในปี 1843 ใช้เวลาสร้าง 30 ปี สร้างด้วยหินอ่อน ได้รับการออกแบบผสมผสานกันของสไตล์บาร็อค (Baroque), รอคโคโค (Rococo), นีโอคลาสสิก (Neoclassical) และออตโตมันแบบดั้งเดิม (Ottoman) ตัวอาคารยาว 600 เมตร 
ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเลมาร์มาราในช่องแคบบอสฟอรัสบนฝั่งทวีปยุโรป มีพื้นที่ประมาณ 45,000 ตารางเมตร ประกอบไปด้วยห้องพัก (Room) 285 ห้อง, ห้องโถง (Hall) 46 ห้อง, ห้องอาบน้ำ (Bath) 6 ห้อง
 และห้องสุขา (Toilet) 68 ห้อง

ตัวพระราชวังแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ใช้รูปจากในโบชัวร์ค่ะ
ส่วนแรกคือ State Apartment (Imperial Mabeyn) 
เป็นห้องทำงาน ส่วนบริหารราชการ ห้องสีน้ำเงิน ห้องสุลต่าน

ห้องการทูต

จุดเด่นของวังแห่งนี้คือ มีการประดับตกแต่งด้วยความประณีตวิจิตรตระการตา มีทั้งเฟอร์นิเจอร์ พรม โคมไฟ เครื่องแก้วเจียระไน และรูปเขียน รูปถ่ายต่างๆ และที่มีชื่อเสียงมาก ได้แก่  พรมทอมือผืนเดียวที่ใหญ่ที่สุดในโลก พรมราคาแพงที่สุดในโลก เครื่องแก้วเจียระไนจากโบฮีเมียดีที่สุดในโลกของสาธารณรัฐเช็ก 

ส่วนที่ 2 คือ Ceremonial Hall (Muayede Salon)
ห้องโถงพิธีขนาดใหญ่และงดงาม มีพื้นที่มากกว่า 2000 ตรม.
โคมไฟแชนเดอเลียร์ ของขวัญจากอังกฤษ ทำจากแก้วคริสตัลขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
หนักถึง 5,000 กิโลกรัม ประดับดวงไฟ 750 ดวง

บันไดคริสตัล
 เสาหินอ่อนบันไดทางขึ้นห้องโถง ตรงราวทำด้วยไม้วอลนัต ลูกกรงราวบันไดทำด้วยแก้วคริสตัล

ห้องอาบน้ำของสุลต่าน
นำหินอ่อนจากอียิปต์มาทำห้องอาบน้ำ แบบที่เรียกว่า เตอร์กิชบาธ

ส่วนสุดท้ายคือที่ประทับของสุลต่านและครอบครัว (Harem) 
ทางเข้าจะอยู่อีกฝั่งของอาคารหลักต้องซื้อตั๋วเข้าชมแยกต่างหาก

นอกตัวอาคารยังมีอีกหลายอาคาร เช่นพิพิธภัณฑ์นาฬิกา

Crystal Pavillion


ใช้เวลาในการเดินชมภายในพระราชวังประมาณ 1 ชม. ก็เดินออก ย้อนกลับทางเดิม

ซุ้มประตูด้านในตรงทางเข้าเขตพระราชวัง

ห้องน้ำอยู่ทางซ้ายมือ เข้าฟรีค่ะ

ด้านหลังของ Teasury Gate ทางออกอยู่ทางขวามือ

เดินชมร้านขายของที่ระลึกของพระราชวังแล้วก็ออกมาด้านนอกค่ะ

รูปสุดท้ายก่อนออกจากพระราชวัง

เวลา 11:00 น. เดินทางมาช็อปปิ้งที่ห้าง Zorlu Shopping Mall


ห้างใหญ่ มีช็อปแบรนด์เนม ร้านอาหาร คนเดินน้อยมาก

Supermarket

เวลา 12:00 น.ไปทานอาหารเที่ยงที่บริเวณสะพาน Galata
สะพานนี้สร้างข้ามปากอ่าว Golden Horn เป็นสะพานคอนกรีต 2 ชั้น ยาว 490 เมตร กว้าง 80 เมตร
เชื่อมระหว่างเมืองเก่าของอิสตันบูลที่อยู่ทางใต้กับเขตเมืองใหม่ที่อยู่ทางเหนือ

Galata Bridge is the bridge built on the Golden Horn in Istanbul, 
connecting from Karaköy on the north to Old Istanbul and Eminönü on the south.
It was completed and put into service in December 1994. It is a 490 meter long and 80 meter wide.

มีคนมาตกปลาจำนวนมาก แอบดูเห็นปลาที่ตกได้ตัวเล็กขนาดเท่าหัวนิ้วโป้งเองค่ะ

Crossing the bridge you look west toward Europe and east across the Bosphorus to Üsküdar and Asia.
Right at the northern end is Karaköy (Galata).
จากบนสะพานมองไปทางตะวันตกคือฝั่งยุโรป ส่วนตะวันออกคือฝั่งเอเชีย

The Golden Horn Metro Bridge ( Haliç Bridge ) is a cable-stayed bridge carrying the M2 line of the Istanbul Metro across the Golden Horn in Istanbul. It connects Karaköy and Küçükpazarı on the European side of Istanbul, and is located between the Galata Bridge and Atatürk Bridge, entered service on February 15, 2014

สะพาน  Golden Horn เป็นสะพานที่ทอดข้าม  Golden Horn และยังเป็นสะพานรถไฟใต้ดินด้วย
ตั้งอยู่ระหว่าง Galata Bridge และ Atatürk Bridge เปิดใช้งานในปี 2014

Karakoy Beach Park สวนสาธารณะริมทะเลตรงเชิงสะพาน

ด้านหลังคือทางลงไปใต้สะพาน


ทางลงมีสองฝั่งแยกกันเพราะใต้สะพานมีเรือผ่านจำนวนมาก


ทางเดินด้านล่างแยกเป็นสองฝั่งไม่ต่อกัน

ชั้นล่างของสะพานเป็นร้านอาหารท้องถิ่นยาวตลอดแนว ทุกร้านมีระเบียงด้านหน้ามองเห็นวิวทะเล
อาคารยอดแหลมทางซ้ายมือ คือหอคอย Galata

Galata Tower , one of the icon of Istanbul
Among the oldest towers in the world, Galata Tower was included in the UNESCO World Heritage Temporary List in 2013. It is one of the most important structures that make up the silhouette of Istanbul, was used as a long-term fire watchtower and was named Galata Fire Tower.
Galata Tower was first built by the Byzantine Emperor Justinianos in 507-508 AD. 
The Genoese rebuilt the current tower in 1348-49.  In 1831, the tower suffered another fire.
 The building was last repaired in 1967.

หอคอย Galata Tower
เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของอิสตันบูลและเป็นจุดชมวิวเมือง ยุคแรกสร้างโดยจักรวรรดิไบเซนไทน์และถูกทำลายในช่วงสงครามครูเสด มีการสร้างขึ้นใหม่และบูรณะหลายครั้งเคยเป็นหอระวังอัคคีภัย
ลักษณะเป็นหอคอยทรงกระบอก 9 ชั้น มียอดแหลม สูงประมาณ 63 เมตร

ทานอาหารเที่ยงที่ร้าน Gala life restaurant

ที่นั่งริมระเบียงชมวิวอ่าว Golden Horn

มาที่นี่ก็ต้องทานปลาค่ะ ข้าวและปลาย่าง ที่นี่ทานกันแบบไม่มีน้ำจิ้มเลยค่ะ

ทานอาหารเสร็จก็ออกมาเก็บภาพริมทะเล นกนางนวลเยอะมากๆ


นกนางนวลบินโฉบกินอาหารที่คนมาโยน

ท่าเรือ Karaköy 

ที่ท่าเรือนี้มีทั้งเรือโดยสารและเรือนำเที่ยว

เดินย้อนกลับทางเดิมบริเวณนี้เป็นจุดชมวิว


มีเรือสัญจรหนาแน่นตลอดเวลา

เดินขึ้นไปชั้นบนเพื่อจะข้ามสะพานไปอีกฝั่ง

ทางซ้ายมือคือมัสยิดใหม่ The New Mosque ตั้งอยู่ทางใต้ของสะพาน Galata

The New Mosque (New Valide Sultan Mosque) is an Ottoman imperial mosque located in the Eminönü quarter of Istanbul. It partial reconstruction and completion between 1660 and 1665. 
It is situated on the Golden Horn, at the southern end of the Galata Bridge. 
The mosque is an example of the Sultanate of Women period in Ottoman Empire.

Istanbul is known as the City on the Seven Hills ,all located in the area within the walls.

เมืองเก่าอิสตันบูลตั้งอยู่บนเนินเขา 7 ลูก และมีกำแพงล้อมรอบ
ด้านหน้าคือเนินเขาลูกที่ 3 มีมัสยิดสุไลมานีเย ตั้งอยู่โดดเด่น

 Süleymaniye Mosque
It is an Ottoman imperial mosque located on the Third Hill of Istanbul. The mosque was commissioned by Suleiman the Magnificent.Construction occurred between 1550 and 1557.
 The mosque has 4 minarets with their 10 balconies. It is one of the grandest and most beautiful.

มัสยิดสุไลมานีเย เป็นมัสยิดหลวงของออตโตมัน มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของอิสตันบูล
สร้างตามพระบรมราชโองการของสุลต่านสุลัยมานแห่งจักรวรรดิออตโตมัน 
ก่อสร้างในปี 1550-1557 มีหอมินาเร็ต 4 หอ โดมหลักสูง 53 เมตร

ลงจากสะพานกาลาต้า ก็ข้ามมาฝั่งเมืองเก่าอิสตันบูลแล้วค่ะ

บริเวณนี้คือท่าเรือ Eminönü

เดินข้ามถนนตามทางใต้ดิน เพื่อไป Spice Market

ทางใต้ดินมีร้านค้าตลอดสองข้างทาง คนเยอะมาก

เดินมาอีกประมาณ 300 เมตรก็มาถึงตลาดแล้วค่ะ

The Spice Bazaar (ตลาดเครื่องเทศ)

Built in 1664, as part of the Yeni Camii (New Mosque) complex.

เป็นศูนย์กลางการค้าขายเครื่องเทศมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 แรกเริ่มสร้างเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของมัสยิดใหม่ โดยนำรายได้จากค่าเช่าร้านนำมาเป็นค่าบำรุงรักษามัสยิด
สมัยก่อนเรียกว่าตลาดอียิปต์เพราะมีสินค้าที่นำเข้ามาจากกรุงไคโร

It is known in Turkish as Mısır Çarşısı (mısır means both Egypt and corn in Turkish).
And sometimes translated to "Egyptian Bazaar" or "Corn Market" 

เข้าไปเดินเล่นด้านในกันค่ะ

เพดานอาคารมีลวดลายสวยงาม

สองข้างเป็นร้านค้าตลอดแนวทางเดิน ทุกร้านจะมีพ่อค้าตะโกนเชิญชวนให้เข้าไปชมและชิมสินค้า

Spice Bazaar has a total of 85 shops selling spices, Turkish delight and other sweets, jewellery, souvenirs,dried fruits and nuts.

สินค้าต่อรองราคาได้เกือบทุกร้านค่ะ

Spice Bazaar wins the prize for being the most colorful, fragrant, and often the most fun.
We can taste the goods on offer.

ในตลาดนี้กลิ่นเครื่องเทศแรงมาก

ร้านเครื่องประดับ มีแบบสำเร็จรูปและซื้อไปประดิษฐ์เอง

ระยะทางเดินในตลาดประมาณ 200 เมตร 

ออกมาเดินด้านนอกอาคารกันต่อค่ะ

ด้านนอกก็มีร้านค้าไม่น้อยกว่าด้านในเลยค่ะ


สินค้าด้านนอกเหมือนจะราคาถูกกว่าด้านใน

หั่นให้ชิมกันสดๆเลยค่ะ

ขายกันเป็นพวงๆ

Cheese

ถ้าอากาศไม่ร้อนเราสามารถเดินเล่นกันได้หลายชั่วโมงเลยค่ะ

ด้านข้างเป็นร้านอาหาร


มองเห็น GalataTower

ด้านหน้าตลาดมีรถนำเที่ยวชมเมืองและรถแท็กซี่จอดคอยจำนวนมาก


ออกเดินทางไปเที่ยวกันต่อค่ะ 

Teddy bear

บริเวณนี้คือท่าเรือเชิงสะพาน Atatürk Bridge

ท่าเรือ Kabataş

Bosphorus Tour นั่งเรือชมช่องแคบบอสฟอรัส


เรือนำเที่ยวมีหลายแบบ ลำนี้เป็นเรือโดยสารขนาดใหญ่

เรือนำเที่ยวเข้ามาเทียบท่าแล้ว ลำของพวกเราเป็นเรือยอร์ชค่ะ

Yacht Cruise Along the Bosphorus

ขึ้นไปนั่งบนดาดฟ้าเรือชั้นสองเลยค่ะ

ท่าเรืออยู่ใกล้ Dolmabahçe Mosque

เวลา 15:00 น. เรือออกจากท่าแล่นไปตามช่องแคบบอสฟอรัส

 ช่องแคบบอสฟอรัส เป็นพรมแดนธรรมชาติที่แบ่งอิสตันบูลออกเป็นฝั่งยุโรปและเอเชีย
 เป็นช่องแคบที่เชื่อมต่อกับทะเลดำ (The Black Sea) เข้ากับทะเลมาร์มาร่า (Sea Of Marmara) 
ความยาวประมาณ 32 ก.ม. ความกว้างตั้งแต่ 500 เมตร จนถึง 3 ก.ม. 

ตอนนี้แดดร้อนมากค่ะถ่ายรูปเสร็จก็มานั่งหลบแดด

ผ่านมัสยิด Dolmabahçe Mosque

พระราชวังโดลมาบาเช Dolmabahçe Palace

ถัดจากพระราชวังคือ พิพิธภัณฑ์จิตรกรรมพระราชวังแห่งชาติ : Resim Müzesi (Milli Saraylar)

พิพิธภัณฑ์ Deniz Müzesi Sanat Galerisi 


อากาศร้อนจัดแต่ลมแรงมาก


Naval Museum


ท่าเรือเบซิกตัส Beşıktaş




Four Seasons Hotel Istanbul


Hotel Ciragan Palace Kempinski  Istanbul
5-star hotel, located in a 19th-century Ottoman palace.

โรงแรมระดับ 5 ดาวสุดหรู แต่เดิมเป็นพระราชวังสไตล์ออตโตมันที่สร้างขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 19 

Galatasaray University

Bosphorus Bridge เป็นสะพานแขวนมีความยาวประมาณ 1.5 กม. กว้าง 33 ม.
 สะพานสร้างข้ามช่องแคบบอสฟอรัสเชื่อมระหว่าง Ortakoy ในกรุงอิสตันบูลกับเขต Beylerbeyi 
เปิดใช้ในปี 1973 และเป็นสะพานแรกที่เชื่อมต่อทวีปยุโรปกับเอเชีย

ท่าเรือ Ortaköy 

The Bosphorus Bridge (15 July Martyrs Bridge , the First Bridge)
 One of the three suspension bridges spanning the Bosphorus strait in Istanbul,connecting Europe and Asia.  It is 1,560 m  long with a deck width of 33.40 m.The distance between the towers (main span) is 1,074 m  and the total height of the towers is 165 m. The clearance of the bridge from sea level is 64 m.

Ortaköy Mosque (Grand Mecidiye Mosque)


ลอดใต้สะพาน


Turkcell Kurucesme Arena คอนเสิร์ตฮอลล์ริมทะเล

Istanbul Metropolitan Municipality Cemil Topuzlu Park สวนสาธารณะริมทะเล

ธงชาติสีแดงโดดเด่นบนเนินเขา

ช่องแคบบอสฟอรัสเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญในการป้องกันประเทศตุรกีตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
 เพราะมีป้อมปืนตั้งเรียงรายอยู่ตามช่องแคบ

Galatasaray Island ด้านหลังคือเกาะเล็กๆในช่องแคบบอสฟอรัส

คนนิยมมาล่องเรือชมพระอาทิตย์ตกกันค่ะ ช่วงนี้เป็นหน้าร้อนพระอาทิตย์ตกประมาณสามทุ่ม



เรือจะแล่นไปจนถึงสะพานที่สอง Fatih Sultan Mehmet Bridge (Second Bosphorus Bridge) 
สะพานนี้สร้างเสร็จในปี ค.ศ.1988 มีความยาว 1510 เมตร กว้าง 39 เมตร
เป็นสะพานแขวนที่ยาวที่สุดเป็นอันดับ 5 ของโลก

Fatih Sultan Mehmet Bridge (Second Bosphorus Bridge)
It completed in 1988, the 5th-longest suspension bridge span in the world.
 It is 1,510 m long with a deck width of 39 m. The distance between the towers (main span) is 1,090 m and their height over road level is 105 m. The clearance of the bridge from sea level is 64 m.

เรือจะวนกลับที่สะพานสอง ถ้าเป็นล่องเรือบางโปรแกรมจะไปถึงสะพานที่สาม
Yavuz Sultan Selim Bridge ( The Third Bosphorus Bridge) เป็นสะพานสุดท้ายก่อนออกสู่ทะเลดำ

ลงไปนั่งเล่นที่ด้านในเรือกันค่ะ มีห้องนั่งเล่น ห้องขายเครื่องดื่ม ห้องน้ำ

นั่งชมวิวจากห้องนั่งเล่น


พนักงานประจำเรือไปอยู่ด้านนอกหมด ด้านในไม่มีคนเลย เรือเป็นส่วนตัวมากค่ะ 


วิวช่องแคบทางฝั่งเอเชีย

เรือใกล้ถึงท่าแล้วค่ะ พนักงานไปยืนคอยที่หัวเรือ

Camlica Tower: the Tallest Tower in Istanbul and Europe.
Camlica TV-Radio Tower  will be the new symbol of Istanbul, is opened on May 29th.2022
The tower is 369 meters tall and stands 583.5 meters above main sea level.

หอคอย Camlica เป็นหอวิทยุและโทรทัศน์ และเป็นอาคารที่มีโครงสร้างสูงที่สุดในอิสตันบูลและยุโรป
มีความสูง 369 เมตร และสูงจากระดับน้ำทะเล 583.5 เมตร จะเปิดในวันที่ 29 มิ.ย.2022


เวลา 16:30 น. เรือกลับมาถึงท่าเดิมแล้วค่ะ ใช้เวลาในการล่องเรือประมาณ 1.5 ชม.

ถ้าได้ล่องเรือตอนพระอาทิตย์ตกคงจะสวยมาก


นั่งรถบัสเพื่อไปพระราชวังทอปคาปึ

ตอนนี้เวลา 17:30 น. รถติดมาก พวกเราต้องรีบลงเดินเพราะใกล้เวลาปิดขายตั๋วเข้าชมพระราชวัง

เดินขึ้นเนินไปตามถนน Ishak Pasa ประมาณ 200 เมตร

เดินมาถึงลานจตุรัสทางเข้าพระราชวัง อาคารเล็กๆด้านหน้าคือน้ำพุแห่งสุลต่านอาห์เหม็ดที่ 3
Fountain Sultan Ahmed III is a fountain in a Turkish rococo structure in the great square
 in front of the Imperial Gate of Topkapi Palace.

 ทางเข้าชมพระราชวังอยู่ทางขวามือ ด้านข้างมหาวิหาร Hagia Sophia

Topkapi Palace

The Imperial Gate is the main entrance into the First Courtyard.

แผนที่ภายในพระราชวัง แบ่งเป็น 4 ส่วนตามรูป (Courtyard I-IV)

 Courtyard I (Courtyard of Procession)

บริเวณนี้คือลานชั้นนอกพระราชวัง มีขนาดใหญ่ที่สุด เป็นสวนธารณะเข้าชมฟรี 
มีร้านกาแฟ ร้านขายของที่ระลึก และขายตั๋วเข้าชมพระราชวัง


Hagia Irene 
โบสถ์ออร์โธดอกซ์สมัยจักรวรรดิไบแซนไทน์สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 4  ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ทหาร

สวนกว้างมีต้นไม้ใหญ่รูปทรงแปลกตายาวตลอดทางเดิน

Babusselam (Welcome Gate) 
ประตูหลักที่เข้าสู่พระราชวัง ตัวอาคารสวยงามเหมือนปราสาท

Gate of Salutation (Middle Gate) entrance to the Second courtyard 
Tughra of Mehmed II on the Gate of Salutation

ตรวจตั๋วเสร็จก็ผ่านเข้ามาด้านในได้เลยค่ะ 
ตอนนี้เวลา 18:00 น. เรามีเวลาเดินชมประมาณ 1 ชั่วโมงพระราชวังก็จะปิดแล้ว

Courtyard II
ลานพระราชวังชั้นที่สอง ดูแผนที่ภายในแล้วต้องวางแผนเดินชมให้เร็วที่สุด

ลานพระราชวังชั้นสอง (Divan Square)
อาคารขวามือคือโรงครัวหลวง เราไปชมอาคารฝั่งซ้าย(สภาอิมพีเรียล)กันก่อนค่ะ

Byzantine cisterns located in the palace.

Imperial Coucil


Tower of Justice หอคอยแห่งความยุติธรรม

สภาอิมพีเรียลเป็นอาคารชั้นเดียวมีหอคอยสูงตรงกลาง

ห้องเล็กๆนี้คือสถานที่ขุนนางใช้ประชุมและบริหารงานแผ่นดิน มีที่นั่งเป็นโซฟายาวติดผนัง
โดยสุลต่านจะคอยสังเกตุการประชุมผ่านหน้าต่างสีทองบานใหญ่

The rooms are small and long sofas line the walls for sitting.
A special golden window high on the wall of the main council chamber allowed the Sultan to observe the Imperial Council discussions.

Ottoman sultans met with their imperial councils to conduct affairs of state. 
It is also called Kubbealti (Kubbealtı), which means “under the dome”

A small golden ball hanging from the center of the dome is a that signified the earth.
เพดานห้องเป็นโดมลวดลายสวยงาม ตรงกลางมีลูกบอลสีทองห้อยอยู่

Imperial Treasury
The treasury part of the Topkapı Palace Museum is the richest collection in the world because rather than the masterpices of Turkish art of the jewellery there is  mixture of the other countries’art like  Far East,The India and Europea  . In this section, authentic and original pieces  are displayed.It consists of four room and every room reflects different  pieces. 

คลังสมบัติพระราชวังอยู่ติดกับสภาอิมพีเรียล ปัจจุบันเป็นสถานที่จัดแสดงอาวุธและชุดเกราะโบราณ
ของสุลต่านและแม่ทัพ 
เกราะประดับเพชรทั้งตัวมูลค่ามหาศาล

Topkapi Dagger :  three huge emeralds on its hilt and a watch in its pommel.
กริชประดับเพชรและมรกตเม็ดใหญ่

One of the most valuable pieces is Spoon Maker. The 86-carat Spoon Maker's (or Pigot) Diamond, one of the most famous diamonds in the world, is also to be found here.
เพชรรูปหยดน้ำขนาด 86 กะรัต

ออกจากคลังสมบัติก็ไปที่อาคารตรงกลางกันต่อค่ะ

The Gate of Felicity (Bâbüssaâde) the entrance of the Third Courtyard

ทางเข้าพระราชวังชั้นสาม เป็นสถานที่พักผ่อนและทรงงานของสุลต่าน

The lacation of the Sancak-ı Şerif 

 เดินผ่านซุ้มประตูเข้าไปอาคารด้านในคือห้องรับรองแขก

Audience Chamber (Chamber of Petitions)

หุ่นขี้ผึ้งสุลต่านจำลอง

Ceremonial Golden Throne : Ottoman,18th century

เดินออกมาด้านหลัง อาคารทางซ้ายมือคือมัสยิด Agara Mosque

Library of Ahmed III
ห้องสมุดของสุลต่านอาเหม็ดที่สาม

รอบๆลานพระราชวังชั้นในเป็นพิพิธภัณฑ์เก็บของมีค่าของจักรวรรดิออตโตมัน
เช่น เครื่องแต่งกาย อาวุธ เครื่องประดับ ภาพวาด

เดินออกมาที่ลานพระราชวังชั้นสองทางฝั่งขวาจะพบกับโรงครัวหลวง(มีปล่องไฟสูงๆ)
Palace kitchens (Saray Mutfakları) : two rows of 20 wide chimneys.

The kitchens are located on an internal street between the Second Courtyard and the Marmara Sea.
  Portico in front of the Palace Kitchens.

The entrance to this section are three doors in the portico of the Second Courtyard:
 the Imperial commissariat door, imperial kitchen door and the confectionery kitchen door. 
ทางเข้าโรงครัวหลวง

The palace kitchens consist of 10 domed buildings: Imperial kitchen, palace school, Harem, Birûn , kitchens, beverages kitchen, confectionery kitchen, creamery, storerooms and rooms for the cooks.

เข้าไปชมส่วนจัดแสดงภาชนะเกี่ยวกับการทำอาหารและภาชนะที่ใช้ในพระราชวัง

Palace kitchen Equipment and Tableware In The 19th Century

silver gifts collection

 The Ottomans had access to Chinese porcelains from the mid-fifteenth century onward.

a large collection of porcelain.

ที่นี่จัดแสดงเครื่องลายครามของสุลต่านจำนวนมาก มีทั้งที่ได้รับเป็นของขวัญและจัดซื้อเอง

มาที่ส่วนของห้องครัว

จุดเด่นของห้องครัวคือบนเพดานจะเป็นโดมสูงมีหลุมของปล่องไฟหลายอัน

They were the largest kitchens in the Ottoman Empire. Food was prepared for about 4,000 people 
and the kitchen staff consisted of more than 800 people. 
The kitchens included dormitories, baths and a mosque for the employees.

เป็นห้องครัวที่ใหญ่ที่สุดในจักรวรรดิออตโตมัน
 จัดเตรียมอาหารให้คนประมาณ 4000 คน โดยมีพนักงานครัวมากกว่า 800 คน
ภาชนะในการทำอาหารมีขนาดใหญ่มาก

Serving trays

ห้องสุขาอยู่ข้างห้องทำอาหาร

เวลา 19:00 น. พระราชวังปิดแล้วค่ะ เดินออกทางเดิม


ร้านค้าปิดหมด ไม่มีนักท่องเที่ยวแล้ว

ทางฝั่งตะวันออกของพระราชวังเป็นทะเล Marmara sea

ด้านหน้าคือมหาวิหารฮาเกีย โซเฟีย (Hagia Sophia)

เดินออกจากพระราชวังไปตามถนนด้านข้างมหาวิหาร
Soğuk Çeşme Sk.


เดินเลียบกำแพงมหาวิหารจนสุดแล้วเลี้ยวซ้าย

ทางเข้ามหาวิหาร

ก่อนเข้าต้องแต่งตัวให้เรียบร้อย ผู้หญิงต้องมีผ้าคลุมผมทุกคน ถอดรองเท้าไว้ที่ตู้ด้านนอก

 Hagia Sophia Grand Mosque (Ayasofya)
Originally built by the eastern Roman emperor Justinian I as the Christian cathedral of Constantinople for the state church of the Roman Empire between 532 and 537. It was called the Church of the Holy Wisdom and was then the world's largest interior space and among the first to employ a fully pendentive dome. It is considered the epitome of Byzantine architecture

 ฮาเกียโซเฟีย มีความหมายภาษาอังกฤษว่า "Holy Wisdom" แปลว่า "ภูมิปัญญาศักดิ์สิทธิ์"
เป็นโบสถ์ทรงโดมที่ใหญ่ที่สุดในโลกในยุคนั้นและได้รับการขนานนามว่าเป็น "มหาโบสถ์"
มหาวิหารฮาเกียโซเฟียเป็นต้นแบบของสถาปัตยกรรมโบสถ์ของคริสต์ศาสนิกชนตะวันตก ยุคไบแซนไทน์ (Byzantine) ศาสนาคริสต์นิกายออร์โธดอกซ์ (Orthodox) และกรีกคาทอลิก (Greek Catholic)
ได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง

After the Fall of Constantinople to the Ottoman Empire in 1453, it was converted to a mosque by Mehmed the Conqueror and became the principal mosque of Istanbul.
 Islamic architectural additions included four minarets, a minbar and a mihrab. The Byzantine architecture of the Hagia Sophia served as inspiration for many other religious buildings 

มหาวิหารฮาเกียโซเฟียถูกใช้งานเป็นโบสถ์คริสต์นาน 916 ปี ก่อนที่จะกลายมาเป็นมัสยิดนาน 482 ปี
 ตั้งแต่สมัย Fatih Sultan Mehmed  ต่อมาในปี ค.ศ. 1935 ก็ได้ปรับเปลี่ยนให้เป็นพิพิธภัณฑ์
เมื่อปี ค.ศ.2020  ฮาเกียโซเฟียได้กลับไปเป็นมัสยิดอีกครั้ง แต่ยังให้คนเข้าชมได้ฟรี

บริเวณโดมตรงกลางทั้งสี่มุมประดับภาพเซราฟิม (Seraphim) ซึ่งเป็นฑูตสวรรค์มี 6 ปีกอยู่ใกล้ชิดพระเจ้าต่อมามีการปรับเปลี่ยนเพิ่มศิลปะอักษรประดิษฐ์แบบอิสลาม
บริเวณฐานทรงกลมของโดม เจาะเป็นช่องหน้าต่างโค้งจำนวน 40 ช่อง แสงอาทิตย์ลอดผ่านช่องหน้าต่างให้ความสว่างแก่ห้องโถง

โดมแห่งนี้ไม่มีเสาตรงกลาง ทำให้ภายในมีความกว้างขวาง สูง โปร่งโล่งและมีโครงสร้างที่งดงาม

ภายในตกแต่งด้วยเสาหินอ่อน และพื้นหินอ่อน ซึ่งนำมาจากเมืองโบราณหลายแห่งเช่น อนาโตเลีย (Anatolia), ซีเรีย (Syria),อัสเพนโดส เอเพสซุส (Aspendos Ephessus), บัลบีค (Baalbeek) และเมืองทาร์ซา (Tarsa) หินอ่อนสีขาวมาจากเกาะมาร์มารา (Marmara), หินโปร์ฟิรีสีเขียว (Porphyry) จากเกาะเอรีโบซ (Eğriboz Island), หินอ่อนสีชมพูจากเมืองอัฟยอน (Afyon) และหินสีเหลืองจากแอฟริกาเหนือ

The main building materials for the original Hagia Sophia were brick and mortar. 
The Hagia Sophia combines a longitudinal basilica and a centralized building in a wholly original manner, with a huge 32-metre main dome supported on pendentives and two semidomes.
 The great dome at the Hagia Sophia is 32.6 meters in diameter and is only 0.61 meters thick.

ผนังห้องด้านบนมีช่องหน้าต่างขนาดใหญ่ 12 ช่อง มีช่องที่คานบนซุ้มประตูทางทิศเหนือและใต้ และช่องประตูที่ระเบียงทางเดินชั้นบนและชั้นล่างของโบสถ์ ทำให้ด้านในมีแสงเพียงพอ

ด้านบนคือระเบียงชั้นสอง ไม่เห็นคนขึ้นไปเลยค่ะ

มหาวิหารได้รับการปรับปรุงให้เป็นมัสยิด โดยการนำระฆัง, แท่นบูชา, วัตถุทางศาสนาคริสต์ออกไป 
และเพิ่มสัญลักษณ์ทางศาสนาอิสลามเข้ามาแทนที่ เช่น มิหร็อบ (Mihrab) เป็นแท่นบูชาประกอบศาสนกิจ และมินบาร์ (Minbar) ธรรมาสน์สำหรับอีหม่าม (Imam) ขึ้นนั่งเพื่อนำละหมาดและเทศน์คำสอน
 

 The mihrab located in the apse where the altar used to stand, pointing towards Mecca. The two giant candlesticks flanking the mihrab were brought in from Ottoman Hungary by Sultan Suleiman.

Mihrab คือ ซุ้มสำหรับกำหนดทิศทางของการละหมาด มีเชือกกั้นให้เข้าไปด้านในได้เฉพาะผู้ชาย

 The eight calligraphic roundels of Hagia Sophia were placed by Fossatis during the Sultan Abdulmejid reign. The huge wooden panels bear the names of Allah, Mohammed and his grandsons; Hasan & Hussein and four caliphates.

บนมุมเสาของวิหารจะมีแผ่นไม้วงกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 7.5 เมตร จำนวน 8 แผ่น ติดอยู่รอบอาคาร 
แผ่นไม้พื้นสีเขียวมีตัวอักษรอาหรับสีทองเขียนแบบอักษรวิจิตร
โดยแต่ละแผ่นเขียนชื่อพระอัลลอฮ์,ศาสดามูฮัมมัด,ฮะซัน,ฮุซัยน์ และกาหลิบ 4 ท่าน

ใช้เวลาถ่ายรูปและชมความงามประมาณครี่งชั่วโมงก็ออกค่ะ ด้านในคนหนาแน่นอากาศไม่ค่อยถ่ายเท

ห้องน้ำอยู่ด้านข้างวิหาร

นั่งเล่นกับแมวเหมียว ตัวนี้เชื่องมากพอเรียกก็วิ่งมาหาเลย

เดินออกมาด้านนอก ตรงนี้จะเห็นมหาวิหารในมุมกว้าง

ตอนนี้ใกล้จะสองทุ่มแล้วแดดเริ่มร่ม ตรงสวนหย่อมด้านหน้ามีคนมานั่งเล่นกันมากมาย

Sultan Ahmet Park

สวนนี้อยู่ตรงกลางระหว่างมหาวิหารฮาเกีย โซเฟีย และ มัสยิดสุลต่านอาเหม็ด (Blue Mosque)

เดินอ้อมสวนหย่อมเพื่อไปจตุรัสสุลต่านอาเหม็ด
Sultanahmet Square (Hippodrome of Constantinople) 
It was a circus that was the sporting and social centre of Constantinople, capital of the Byzantine Empire. Horse racing and chariot racing were popular pastimes in the ancient world and hippodromes were common features of Greek cities in the Hellenistic, Roman and Byzantine eras.

The German Fountain 
An octagonal domed fountain in neo-Byzantine style, which was constructed by the German government in 1900 to mark the visit of the German Emperor Wilhelm II to Istanbul in 1898, is located at the northern entrance to the Hippodrome area, right in front of the Blue Mosque.

ตรงทางเข้าจตุรัสทางทิศเหนือมีศาลาน้ำพุเยอรมัน
ศาลาซุ้มหินอ่อนแกะสลัก รูปทรงแปดเหลี่ยม สไตล์นีโอไบเซนไทน์ ตั้งอยู่บนฐานยกสูง 
 หลังคาเป็นโดมทองสัมฤทธิ์ เพดานตกแต่งด้วยกระเบื้องเคลือบสีทอง
ตรงกลางศาลามีอ่างน้ำพุตั้งอยู่บนพื้นกระเบื้องโมเสก

สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ในวาระครบรอบครั้งที่ 2 ในการมาเยือนยังนครอิสตันบูลของจักรพรรดิวิลเฮล์มที่ 2 แห่งเยอรมนี เมื่อปี ค.ศ. 1898

จัตุรัสสุลต่านอาเหม็ด  หรือ ฮิปโปโดรมคอนสแตนติโนเปิล  
เรียกสั้นๆว่า ฮิปโปโดรม (Hippodrome) เป็นส่วนที่เก่าแก่ที่สุดของนครอิสตันบูล 
 ก่อนหน้านั้นเคยเป็นสนามแข่งม้า แห่งกรุงคอนสแตนติโนเปิล ซึ่งเป็นศูนย์กลางทั้งการกีฬาและสังคม
 และเป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิไบแซนไทน์

Obelisk of Theodosius 
Theodosius the Great, who in 390 brought an obelisk from Egypt and erected it inside the racing track. Carved from pink granite, it was originally erected at the Temple of Karnak in Luxor during the reign of Thutmose III in about 1490 BC. Theodosius had the obelisk cut into three pieces and brought to Constantinople. The top section survives, and it stands today where Theodosius placed it, on a marble pedestal. The granite obelisk has survived nearly 3,500 years in good condition.

เสาโอเบลิสก์แห่งธีโอโดซีอุส
จักรพรรดิธีโอโดซีอุสมหาราชนำมาจากอียิปต์เมื่อปลายศตวรรษที่ 4 และนำมาตั้งที่สนามแข่งม้านี้

The Walled Obelisk  (Serpent Column)
เสาโอเบลิสก์ที่อยู่ด้านหลัง เรียกว่าเสางู จักรพรรดิคอนสแตนตินนำมาจากเมืองเดลฟี(กรีก)


เดินลงใต้ออกจากจตุรัส


Sphendone Remains กำแพงเก่าที่ยังเหลืออยู่ของฮิปโปโดรม


มองเห็นทะเล Marmara sea อยู่ด้านหน้า

โรงแรมนี้มีบ้านนกหลายหลังอยู่ที่ผนังด้านนอกด้วยค่ะ

เวลา 20:30 น.ทานอาหารเย็นที่ร้าน Kebap House

ข้าว ไก่ปิ้ง รสชาติคลีนมากเลยค่ะ

เวลา 22:00 น.เดินทางมาถึงที่พักคืนนี้ค่ะ วันนี้พวกเราเที่ยวหนักมาก หมดแรงรีบอาบน้ำเข้านอน


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น