เวลา 06:00 น. เช้านี้พวกเราจะเดินทางไปเมือง Füssen เลยต้องตื่นเช้ากันนิดค่ะ รีบอาบน้ำแต่งตัว
โรงแรมนี้ตั้งอาหารเช้าตั้งแต่เวลา 05:45 น.
พวกเราลงมาทานอาหารเช้าเป็นกลุ่มแรกเลยค่ะ
อาหารมีหลากหลายมาก ถือว่าดีที่สุดตั้งแต่พักในเยอรมนีเลยค่ะ
ผลไม้สด ตู้กดน้ำผลไม้ เครื่องชงกาแฟ นมสด
ทานมื้อเช้ากันเยอะหน่อยค่ะ
เวลา 06:30 น.เดินไปสถานีรถไฟ Munich Hbf (อยู่ตรงข้ามโรงแรมเลย)
เมื่อคืนพวกเราซื้อตั๋ว Bayern-Ticket ที่ตู้ขายตั๋วแล้วค่ะ ราคา 3 คน = 42 ยูโร
วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายนและเป็นวันหยุด (All Saints' Day on November 1)
จึงเริ่มใช้ตั๋วนี้ได้ตั้งแต่เที่ยงคืน ถือว่าคุ้มมากเพราะจะได้ออกเดินทางไปเที่ยวตั้งแต่เช้า
Bayern-Ticket (Regional day ticket for Bavaria)
The ticket allows up to 5 adults traveling together to use unlimited all regional trains in Bavaria
for one day. It is valid on all regional trains in 2nd class.
for one day. It is valid on all regional trains in 2nd class.
The ticket is valid
weekdays Mon - Fri from 9 a.m. to 3 a.m. the following day (18 hours)
Saturdays, Sundays and public holidays from midnight to 3 a.m. the following day (27 hours).
Price of the Bayern-Ticket 1 traveller EUR 26,-*, for every person more additionally EUR 8
valid for 1 person EUR 26,-*
valid for 2 persons EUR 34,-*
valid for 3 persons EUR 42,-*
valid for 4 persons EUR 50,-*
valid for 5 persons EUR 58,-*
เวลา 6:50 น.ออกเดินทางไปเมือง Füssen โดยรถไฟขบวน RE57580
เช้าวันหยุดแบบนี้แทบไม่มีคนเลยค่ะ เลือกที่นั่งกันได้ตามสบาย
Buchloe station จะลงไปรอเปลี่ยนขบวนรถไฟที่สถานีนี้ก็ได้ค่ะ
เวลา 07:50 น. เดินทางมาถึง Kaufbeuren station ลงไปรอเปลี่ยนขบวนรถไฟที่ชานชลาเดิมค่ะ
มีเวลาอีก 10 นาที เดินเล่นถ่ายรูปข้างๆสถานี
ทางใต้มีใบไม้เปลี่ยนสีเยอะแล้วค่ะ
เวลา 08:00 น.ขึ้นรถไฟท้องถิ่นขบวน BRB62739 ปลายทางเมือง Füssen
ใช้เวลาเดินทางต่ออีกประมาณ 1 ชั่วโมง
ผ่าน 7 สถานี
วิวข้างทางสวยมากค่ะ
ใกล้จะถึงจุดหมายแล้ว มาเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยก่อนลงจากรถไฟค่ะ
เวลา 09:00 น.เดินทางมาถึง Füssen station
เดินออกจากสถานีทางถนน Bahnhofstrasse จะเห็นป้ายรถบัสอยู่ด้านหน้าเลยค่ะ
Füssen Bahnhof
รอขึ้น Bus 78 เพื่อไปเมือง Schwangau (via castles)
ใช้ตั๋ว Bayern-Ticket ขึ้นรถบัสได้ฟรีค่ะ
เมืองฟืซเซิน เป็นเมืองเล็กๆเต็มไปด้วยอาคารสีหวานๆและมีโรงแรมที่พักหลายแห่ง
Mainstation Hostel
Kur-Café Hotel
Monument of Luitpold Karl Joseph Wilhelm of Bavaria
Prince Regent of the Kingdom of Bavaria from 1886.
Tourist Information Füssen
Hotel Hirsch
เดินทางออกนอกเมืองเพื่อไปปราสาทนอยชวานสไตน์ ระยะทางประมาณ 4 กม.
มองเห็นปราสาทอยู่บนเนินเขาแล้วค่ะ
Neuschwanstein Castles, Schwangau
ใช้เวลาประมาณ 10 นาที ก็เดินทางมาถึงป้าย Hohenschwangau / Neuschwanstein
รีบเดินไปที่ป้ายรถบัสเพื่อขึ้นเขากันก่อนค่ะ เลี้ยวขวาเดินไปตามถนน Alpseestrasse
Restaurant Kainz
มาถึงป้ายรถบัสขึ้นเขา เค้าท์เตอร์ยังไม่เปิดให้ไปซื้อตั๋วบนรถได้เลยค่ะ
มองเห็นปราสาทโฮเฮนชวานเกาอยู่บนเนินเขาคนละฝั่งกับปราสาทนอยชวานสไตน์
Hohenschwangau castle
The Christ the King chapel in Hohenschwangau
It was built in the former orangery of Hohenschwangau Castle. Due to the construction of this millennium, it is the newest religious site in the community of Schwangau.
The chapel is right next to Hohenschwangau Castle.
รถบัสขึ้นเขามาแล้วค่ะ รีบไปยืนต่อคิว แถวยาวมากกลัวว่าจะขึ้นไม่พอจังค่ะ
Bus to Neuschwanstein Castle:
Valley station: at Alpseeparkplatz P4 (below Hohenschwangau Castle)
Top station: Marienbrücke
Prices per person:
Ascent: € 2.50 Descent: € 1.50
Ascent and descent: € 3.00
ข้างในคนยืนกันแน่นมาก แล้วคนขับก็เรียกพวกเราสามคนให้ขึ้นไปยืนด้านหน้าข้างคนขับเลยค่ะ55
ค่าโดยสารไปและกลับ คนละ 3 ยูโร
โชคดีได้ชมวิวขึ้นเขาแบบชัดๆเลยค่ะ
เส้นทางคดเคี้ยวมากเลยค่ะต้องยืนจับราวแน่นๆเพราะคนขับค่อนข้างซิ่ง55
เส้นทางรถบัสจะคนละทางกับเส้นทางคนเดินค่ะ
ใช้เวลาประมาณ 5 นาทีก็มาถึง Top station: Marienbrücke
ทางแยกไปสะพานและปราสาท
เดินตรงไปสะพานก่อนค่ะ เพราะตอนพวกเรามาหน้าหนาวปีที่แล้วสะพานปิด หิมะตกหนัก
เดินขึ้นเขาไปอีกประมาณ 100 เมตร
Marienbrücke (Queen Mary's Bridge)
Marienbrücke ( Pöllat Bridge) is a bridge across Pöllat gorge.
It is situated right behind and in clear line of sight of Castle Neuschwanstein.
The bridge was named by Ludwig II of Bavaria after his mother, Marie of Prussia.
It is situated right behind and in clear line of sight of Castle Neuschwanstein.
The bridge was named by Ludwig II of Bavaria after his mother, Marie of Prussia.
This unique bridge is one of the most popular destinations for tourists wishing to get photos of Neuschwanstein Castle, because this footbridge offers one of the best views of the castle.
From the Marienbrücke we have a unique view of Neuschwanstein Castle.
ได้มาเห็นภาพนี้จริงๆแล้วประทับใจมากค่ะ สวยกว่าในรูปมากมาย
In 1845, King Maximilian II ordered a wooden footbridge to be built across Pöllat gorge.
The resulting building, stretching to 35 meters in length.
King Ludwig II’s reason to have this footbridge replaced by a filigree iron structure in 1866.
At an altitude of 90 meters above Pöllat cascade, the girders were erected from the anchorings in the rock on either side by pre-constructing the individual support frames.
In 1984, the bridge was restored and the girders had to be renewed.
In early August 2015, the bridge was temporarily closed for visitors, due to restoration work on the anchorings in the rock. On 04 August 2016, the district administrator of the rural district of Ostallgäu and Bavarian Chancellor of the Exchequer Markus Söder officially declared Marienbrücke re-opened.
สะพานแมรี่ (Marienbrücke) สร้างขึ้นเหนือหุบเขาพอลลัทตั้งแต่ปี ค.ศ.1845
ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของปราสาทนอยชวานสไตน์ มีการซ่อมแซมและปรับปรุงหลายครั้ง
เป็นมุมถ่ายรูปปราสาทนอยชวานสไตน์ได้สวยที่สุด
หมอกเริ่มมาแล้วค่ะ
เก็บภาพหมู่ลำบากนิดเพราะคนยืนบนสะพานกันหนาแน่น
Pöllat gorge
ด้านล่างของสะพานคือหุบเขาและน้ำตกพอลลัท
หมอกในหุบเขา
พวกเรามาถึงแต่เช้าคนเลยยังไม่มาก
Neuschwanstein Castle is one of the most beautiful castles in the world.
This palace inspired the castle of the Sleeping Beauty.
เดินย้อนกลับทางเดิมค่ะ
ไปชมปราสาทกันต่อค่ะ
เดินต่อไปอีกประมาณ 300 เมตร
ระหว่างจะพบกับจุดชมวิวอยู่ทางซ้ายมือ
Panoramablick Schwangau
จุดชมวิวมุมกว้างด้านหลังปราสาท มองเห็นเทือกเขาแอลป์โอบล้อมเมือง
Alpsee with locality of Hohenschwangau in front.
Nineteenth century Hohenschwangau Castle on a hill with Schwansee behind it on the right (west).
มองเห็นตัวเมือง Schwangau
Neuschwanstein castle
ด้านหลังปราสาท
อากาศเย็นสบายมากเดินขึ้นเขาไม่เหนื่อยเลยค่ะ
ที่นั่งพักด้านหลังปราสาท
Neuschwanstein back façade
Knight statue on top of roof of Neuschwanstein Castle.
ด้านข้างปราสาท
Staircase Tower
In its angles there are two stair towers, the northern one surmounting the palace roof by several storeys with its height of 65 metres. With their polymorphic roofs, both towers are reminiscent of the Château de Pierrefonds.
schloss neuschwanstein : open daily
The palace complex is entered through the symmetrical Gatehouse flanked by two stair towers.
The eastward-pointing gate building is the only structure of the palace whose wall area is fashioned in high-contrast colours; the exterior walls are cased with red bricks, the court fronts with yellow limestone. The roof cornice is surrounded by pinnacles. The upper floor of the Gatehouse is surmounted by a crow-stepped gable
The passage through the Gatehouse, crowned with the royal Bavarian coat of arms.
ประตูทางเข้าปราสาทด้านนอกตกแต่งด้วยอิฐสีแดง ด้านบนประดับด้วยตราอาร์มของกษัตริย์บาวาเรีย
เดินเข้ามาด้านในลานปราสาท (Courtyard) ซึ่งเป็นทางเข้าชมด้านในปราสาท
เข้าชมตามรอบเวลาที่จองไว้ (มีระบุไว้บนตั๋ว)
ทุกคนจะได้รับแจก Audio Guide คนละเครื่อง ต้องเอาหูฟังไปเอง มีเสียงบรรยายภาษาไทยด้วยค่ะ
ใช้เวลาประมาณครึ่ง ชม.ด้านในห้ามถ่ายรูปเดินชมไปแต่ละห้องตามลำดับสิ้นสุดที่ร้านขายของที่ระลึก
ใช้เวลาประมาณครึ่ง ชม.ด้านในห้ามถ่ายรูปเดินชมไปแต่ละห้องตามลำดับสิ้นสุดที่ร้านขายของที่ระลึก
เช้าๆแบบนี้คิวชมปราสาทไม่ยาวเพราะคนยังน้อย
เดินขึ้นมาชมวิวด้านบนค่ะ : Upper Courtyard
Gatehouse ด้านในตกแต่งด้วยสีเหลืองตัดกับด้านนอก มีหอคอยขนาบสองข้าง
View from location of unrealised chapel along upper courtyard level.
ด้านบนมีอาคารสามหลังเชื่อมต่อกัน คือ Bower (ladies' house) , Palace และ Knights' House
ด้านบนมีอาคารสามหลังเชื่อมต่อกัน คือ Bower (ladies' house) , Palace และ Knights' House
Bower (left), palace front, and Knights' House (right)
The Patrona Bavariae and Saint George on the court face of the Palas (main building)
are depicted in the local Lüftlmalerei style, fresco technique.
ด้านหน้าอาคารหลักประดับด้วยภาพเฟรสโก บนหลังคามีรูปปัั้นสิงโต
The northern end of the upper courtyard is defined by the Knights' House.
The south side of the courtyard is the Bower,
which complements the Knights' House as the "ladies' house".
The most striking structure of the upper court level is the Rectangular Tower (45 metres).
หอคอยทรงสี่เหลี่ยมโดดเด่น
เดินออกทางประตูเดิม Gatehouse
เดินลงเขาไปตามป้าย
ด้านล่างเป็นร้านกาแฟ ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก
Skywalk Neuschwanstein
ระเบียงชมวิวด้านหน้าปราสาท
Neuschwanstein front façade
วิวด้านข้างทางฝั่งตะวันตกมองเห็นตัวเมืองชวานเกาและทะเลสาบ
เดินชมด้านบนเสร็จก็ลงเขากันค่ะ
วิวปราสาทด้านข้าง
Schlossrestaurant Neuschwanstein
ร้านอาหารวิวสวย
จุดรอรถม้าลงเขา คนละ 3.5 ยูโร
มะปรางเห็นม้าเหนื่อยมากเพราะต้องบรรทุกคนหนักแล้วสงสาร เลยชวนกันเดินลงค่ะ
เดินลงก็สบายดีค่ะ
แวะชมวิวและถ่ายรูปได้ตลอดทาง
เมื่อปีที่แล้วพวกเราเดินขึ้นและลงเขา เหนื่อยทรมานมากเพราะหิมะตกถนนก็ลื่น
ทางลัดลงไปลานจอดรถ
ทางเดินขึ้นไปสะพาน Marienbrücke
Schloss Hohenschwangau
King Max II, acquired this castle in 1832. During the following 5 years
Maximilian had the castle converted into today's Hohenschwangau Castle.
King Max II and his family use the castle as a summer and hunting residence.
ปราสาทโฮเฮนชวานเกาสร้างขึ้นบนซากปราสาทเดิมในปี ค.ศ.1832-1836
โดยพระเจ้าแม็กซิมิลเลียนที่ 2 ซึ่งเป็นพระบิดาของพระเจ้าลุดวิกที่ 2 เพื่อเป็นพระราชวังฤดูร้อน
ตัวปราสาทเป็นสีเหลืองสไตล์นีโอโกธิค โดดเด่นบนเนินเขา
ใช้เวลาเดินประมาณ 15 นาทีก็ลงมาถึงด้านล่างแล้วค่ะ
ถนนเส้นหลัก Alpseestrasse เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว
ป้ายขึ้น-ลงรถม้า
Hotel Müller
ร้านขายของที่ระลึก
เลี้ยวซ้ายเดินต่อไปตามถนน Alpseestrasse
Schlossbiergarten Bräustüberl :Beer Garden
ตราอาร์มกษัตริย์บาวาเรียประดับด้านหน้าร้านอาหาร
มุมนี้มองเห็นปราสาทโฮเฮนชวานเกาชัดดีค่ะ
Alpseestube-Gasthaus ร้านอาหารและที่พัก
สุดถนน Alpseestrasse จะพบกับพิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ริมทะเลสาบ
Museum der bayerischen Könige ( Museum of the Bavarian kings )
The Museum opened in 2011, is housed in the historic Grand Hotel Alpenrose in Hohenschwangau and deals with the Kingdom of Bavaria, which lasted from 1806 to 1918.
The transept of the hotel has been augmented by a bold glass structure.
From King Maximilian II and his son King Ludwig II to the promotion of art and construction of the regency in the residence city of Munich, showing the industrialisation in Bavaria until the end of the monarchy and beyond, this exhibition gives an insight into the House of Wittelsbach.
พิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ในอาคารที่เคยเป็นโรงแรม Grand Hotel Alpenrose ริมทะเลสาบ
เปิดให้เข้าชมตั้งแต่ปี ค.ศ.2011 ด้านในจัดแสดงประวัติศาสตร์เกี่ยวกับราชวงศ์ Wittelsbach
เดินไปชมทะเลสาบกันต่อค่ะ
The Alpsee is a 1.9 km long lake in the Ostallgäu district,Bavaria . It has a circumference of 4.70 km and belongs to the community of Schwangau . It is located in the immediate vicinity of the Hohenschwangau and Neuschwanstein royal castles at the foot of the Säuling mountain .
ทะเลสาบแอลป์ซีมีความยาวโดยรอบ 4.7 กม. ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของปราสาท
ด้านหลังเนินเขาสีเขียวคือเทือกเขาแอลป์เป็นฉากหลัง
The Alpsee is one of the cleanest lakes in Germany . There is also a boathouse where pedal boats and rowing boats can be rented. If there is sufficient cold, the lake is also used for ice skating in winter.
น้ำในทะเลสาบใสและสะอาดมาก มีบริการเรือเช่าด้วยค่ะ
รอบทะเลสาบมีทางเดินเที่ยวชมธรรมชาติ (Trekking)
มองย้อนกลับไปเห็นปราสาทโฮเฮนชวานเกาบนเนินเขา
The Restaurant "Alpenrose am See", with a garden terrace by the lake, is an ideal place to meet and linger and allow a phantastic view of the Alpsee with its mountain scenery.
ฝูงเป็ดมารอกินอาหารจากนักท่องเที่ยว
เป็ดเชื่องมากไม่กลัวคน ป้อนอาหารกันถึงปากเลย55
เดินย้อนกลับทางเดิม
เวลา 11:30 น. เดินกลับมานั่งรอรถบัสไปเมืองฟืซเซิน
ชื้ออาหารเที่ยงง่ายๆทานก่อนขึ้นรถ.... ไส้กรอกอร่อยมากๆ
ทานอาหารเสร็จก็ขึ้นรถบัสสาย 78 กลับค่ะ
ขากลับนี้รถบัสว่างมากไม่มีคนเลย
ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีก็มาถึง Füssen station
นั่งรถไฟกลับมิวนิคค่ะ
รถไฟวิ่งตรงไม่ต้องเปลี่ยนขบวนเลยค่ะ นั่งรวดเดียวประมาณ 2 ชั่วโมงก็มาถึง Munich Hbf
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น