เวลา 6:00 น.ตื่นเช้าเปิดหน้าต่างรับอากาศด้านนอกเย็นสบายมาก
อาบน้ำ แต่งตัวเสร็จลงไปทานอาหารเช้าด้านล่าง
อาบน้ำ แต่งตัวเสร็จลงไปทานอาหารเช้าด้านล่าง
เวลา 8:00 น.ออกเดินทางไปเที่ยวเมืองบรูจส์กันค่ะ (ใช้ Benelux rail pass day 3)
ที่จอดจักรยานบริเวณสถานีรถไฟ
เวลา 9:00 น.เดินทางมาถึง Brugge Centraal Station
Bruges ( Flemish: Brugge)
is the capital and largest city of the province of West Flanders in the Flemish Region of Belgium,
in the northwest of the country, and the seventh largest city of the country by population.
บรูจส์เป็นเมืองที่อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเบลเยี่ยม มีนักท่องเที่ยวมาเป็นจำนวนมาก
พวกเรามาถึงตั้งแต่เช้าตอนนี้คนยังไม่มากค่ะ
ระยะทางจากสถานีรถไฟไปถึงใจกลางเมืองเก่าประมาณ 1.5 กม.
พวกเราไม่ซื้อตั๋วรถโดยสารแต่จะเดินเข้าเมืองกันค่ะ เพราะอยากเดินถ่ายรูปไปเรื่อยๆ
ข้ามถนนไปตามป้ายบอกทาง
คลองเล็กๆที่ต่อมาจากทะเลสาบ
เดินไปตามถนน Oostmeers
เมืองสวยน่ารักแวะถ่ายรูปกันได้ตลอดทางค่ะ
โรงแรมและร้านอาหาร
Hotel Bagientje and Restaurant
Hotel 't Keizershof
ในซอยเล็กๆก็มีโรงแรมและร้านอาหาร
เห็นยอดหอคอยของโบสถ์โดดเด่นอยู่ตรงหน้า
ตอนเช้าแบบนี้บรรยากาศในเมืองเงียบสงบมากเลยค่ะ
ออกไปยืนถ่ายรูปกลางถนนได้เพราะนานๆทีจะมีรถผ่านมา
อาคารที่นี่ส่วนมากเป็นอิฐสีแดง หลังคาก็สีน้ำตาลอมแดง
อากาศเย็นๆไม่มีแดด เดินไปถ่ายรูปไปไม่เหนื่อยเลยค่ะ
หงส์ขาวสัญลักษณ์ของเมืองบรูจส์
เดินเลี้ยวขวาเข้าสู่ถนน Zonnekemeers
ถนนเส้นนี้สวยมากค่ะ
ซุ้มโค้งสวยเหมือนเป็นประตูเมืองเก่าเลยค่ะ
เดินผ่านซุ้มโค้งจะเป็นสะพานข้ามคลอง
พวกเราเดินเลี้ยวซ้ายไปที่ลานจอดรถ
กลุ่มอาคารเก่าแก่ มองเห็นยอดโบสถ์แม่พระโดดเด่น
Oud Sint-Jan (Old St. John) Site
The Hospital of St. John was a medieval hospital in Bruges. It was founded in the mid-12th century. Located next to the Church of Our Lady (Church O.L.V. ).Today part of the hospital complex holds the popular Hans Memling museum.
This is the spot where one of the earliest infirmaries in medieval Europe once stood. During the 19th century, it was home to the St. John’s Hospital, with its large communal wards. Following the closure of the hospital in 1976, these spacious wards were restored and since 1989 have formed part of the Old St. John Congress and Event Centre. The different halls are ideally suited for the organization of congresses, trade fairs, events and social functions of all kinds.
เมื่อก่อนอาคารเหล่านี้เป็นที่ตั้งของโรงพยาบาลเซนต์จอห์น มีหอผู้ป่วยขนาดใหญ่
(โรงพยาบาลที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรปยุคกลาง) ในปี 1976 โรงพยาบาลได้ปิดตัวลง
และในปี 1989 หอผู้ป่วยได้รับการบูรณะได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของรัฐสภาและเป็นศูนย์จัดงานประชุม
งานแสดงสินค้า งานอีเวนต์และงานทางสังคมทุกชนิด
อาคารสวยๆนี้เป็นส่วนราชการ
เดินไปชมด้านในกันค่ะ
เลี้ยวขวาไปเดินเล่นริมน้ำ
ทางขวามือคือโรงพยาบาลเก่าปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ ตั้งอยู่ติดกับโบสถ์แม่พระ
ร้านอาหารริมน้ำ B-In restaurant
อาคารเก่าแก่และบ้านสวยๆริมน้ำ
#visit bruges
เดินชมรอบนอกอาคาร
Site Oud Sint-Jan
Old St. John Congress and Event Centre.
Mummies, Secrets of Ancient Egypt” is a fascinating temporary exhibition
มองเห็นยอดโบสถ์อยู่ไม่ไกล
เดินชมสวนด้านใน
เดินเลี้ยวขวา
บริเวณนี้เป็นสวนเล็กๆล้อมรอบด้วยอาคารเก่าสวยงาม
เป็นมุมถ่ายรูปด้านหน้าโบสถ์ที่มองเห็นยอดหอคอยชัดเจน
Old St. John's Hospital
ด้านหลังคือโรงพยาบาลเก่าปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์
นักท่องเที่ยวเริ่มเยอะแล้วค่ะ
เดินย้อนกลับออกมาทางเดิมเลี้ยวเข้าสู่ถนน Heilige Geesttraat
Manna Art Center
อาคารจัดแสดงงานศิลปะ
รูปปั้นสวยๆที่มุมอาคาร
มองเห็นโบสถ์แม่พระอยู่ทางทิศใต้
โรงแรมอยู่ตรงหัวมุมถนนด้านหลังโบสถ์
Sint-Salvatorskathedraal
The Saint-Salvator Cathedral, the main church of the city.
St. Saviour’s Cathedral is Bruges’ oldest parish church (12th-15th century).
โบสถ์เก่าแก่สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 เป็นอิฐสีแดงทั้งหลัง
โบสถ์เปิดให้เข้าชมเวลา 10:00 น. ตอนนี้ยังไม่ถีงเวลาพวกเราค่อยแวะอีกทีตอนกลับค่ะ
เดินต่อไปตามถนน Steenstraat เป็นถนนช็อปปิ้งสายสำคัญของเมืองเริ่มตั้งแต่โบสถ์ไปถึงจตุรัสมาร์ค
สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้า
Simonstevinplein
ลานกว้างตรงกลางมีอนุสาวรีย์ของ Simon Stevin รอบๆเป็นร้านอาหาร
มองเห็นยอดโบสถ์แม่พระอยู่ทางทิศใต้
Simon Stevin (Stevinus), was a Flemish mathematician, physicist and military engineer.
เดินต่อไปตามถนน Steenstraat
The Markt
มาถึงจตุรัสกลางเมืองแล้วค่ะ อาคารหลังใหญ่สไตล์นีโอโกธิคหลังนี้คือที่ทำการรัฐ
The Provinciaal Hof (Province Court)
It is a Neogothical building on the market place.
It is the former meeting place for the provincial government of West Flanders.
It is the former meeting place for the provincial government of West Flanders.
The Belfry of Bruges
หอระฆังสูงตั้งอยู่ทางทิศใต้ของจตุรัส
แบบจำลองโลหะรูปหอระฆังและประวัติตั้งอยู่ที่ลานด้านหน้า
แผนที่แสดงสถานที่สำคัญของเมือง
ประตูทางเข้าด้านในหอคอย
รูปปั้นพระแม่มารีอุ้มบุตรอยู่เหนือซุ้มทางเข้า
เปิด 9:30 น.-18:00 น.
เข้าชมพิพิธภัณฑ์และขึ้นหอคอยต้องเสียเงินค่ะ
แผนผังด้านในอาคารสองชั้น
The Belfry of Bruges (Belfort van Brugge)
is a medieval bell tower in the centre of Bruges. One of the city's most prominent symbols, the belfry formerly housed a treasury and the municipal archives, and served as an observation post for spotting fires and other danger.
A narrow, steep staircase of 366 steps, accessible by the public for an entry fee,
leads to the top of the 83 m. high building, which leans 87 cm. to the east.
หอระฆังสูง 83 เมตร เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่โดดเด่นของเมืองบรูจส์
หอระฆังนี้เคยเป็นคลังเก็บสมบัติ,หอจดหมายเหตุของเมืองและทำหน้าที่เป็นหอสังเกตการณ์
บันไดที่สูงชัน 366 ขั้น ให้เดินขึ้นไปชมวิวด้านบน
To the sides and back of the tower stands the former market hall, a rectangular building only 44 m broad but 84 m deep, with an inner courtyard. The belfry is also known as the Halletoren
(tower of the halls).
ตรงกลางด้านในเป็นโถงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ากว้าง 44 เมตร ลึก 84 เมตร
Halletoren (หอคอยแห่งห้องโถง)
อาคารรอบๆโถงทั้งสามด้านเป็นพิพิธภัณฑ์
The belfry is a key component of the UNESCO world heritage site of the historic centre of Bruges.
วันนี้อากาศเย็นสบายไม่มีแดด ออกมานั่งพักทานขนมด้านหน้าหอระฆัง
The Markt (Market Square) of Bruges
is located in the heart of the city and covers an area of about 1 hectare. Some historical highlights around the square include the 12th-century belfry and the West Flanders Provincial Court (originally the Waterhall, which in 1787 was demolished and replaced by a classicist building that from 1850 served as provincial court and after a fire in 1878 was rebuilt in a neo-Gothic style in 1887.
The Markt เป็นจตุรัสที่อยู่ใจกลางเมือง เป็นศูนย์รวมนักท่องเที่ยวและชาวเมืองที่มาจับจ่ายซื้อของ
รอบๆจตุรัสมีอาคารที่สำคัญและสวยงาม
In the center of the market stands the statue of Jan Breydel and Pieter de Coninck.
ตรงกลางจตุรัสมีอนุสาวรีย์ของ Jan Breydel and Pieter de Coninck
สองผู้นำในการต่อต้านการปกครองของดยุคแห่งเบอร์กันดี
Bruges Wednesday Market in The Markt
วันนี้เป็นวันพุธมีตลาดนัดที่จตุรัส คนเลยหนาแน่นกว่าวันอื่น
Every Wednesday The Markt in Bruges is home to the most traditional of old European town traditions, the market. Overflowing with stalls selling all types of foods, flowers and gifts.
Buy fruit and vegetables direct from the farm, local cheeses, meats, plants, freshly baked bread, sweets and hot rotisserie chicken. Depending on the season buy flowering plants, seedling vegetables.
This is very much the market to go to for atmosphere and a real Flemish feeling.
Time: 10AM to 1PM
Buy fruit and vegetables direct from the farm, local cheeses, meats, plants, freshly baked bread, sweets and hot rotisserie chicken. Depending on the season buy flowering plants, seedling vegetables.
This is very much the market to go to for atmosphere and a real Flemish feeling.
Time: 10AM to 1PM
ในตลาดเต็มไปด้วยอาหาร ผัก ผลไม้ และต้นไม้
ผลไม้สดและถูกมาก
Guildhalls
อาคารหน้าจั่วสีสดใสทางทิศเหนือของจตุรัส
เป็นอาคารเก่าแก่จากยุคกลางเคยเป็นสมาคมของกลุ่มอาชีพต่างๆ
อาคารเก่าแก่เหล่านี้ปัจจุบันเป็นร้านค้าและร้านอาหาร
ออกจากจตุรัสก็เดินไปตามถนน Breidelstraat ที่อยู่ด้านข้างอาคารที่ทำการรัฐ
ข้างทางมีร้านขนมและร้านค้าเรียงรายตลอดแนว
เดินจนสุดถนนจะพบกับจตุรัสใหญ่ The Burg
Bruges’ City Hall (1376) is one of the oldest in the Low Countries.To the left of city hall you will find the old Court of Justice, a rare example of Renaissance architecture in Bruges. To the right, you will find the Basilica of the Holy Blood, where the relic of the Holy Blood is kept.
The second oldest building in the square is the city hall of Bruges.This building was built in Flamboyant Gothic style, between 1376 and 1426 and it is the oldest city hall in the country. The most remarkable points are the three façade towers and the large number of sculptures and shields covering the front of the city hall. The masterpiece inside is the Gothic Hall, richly decorated and with a polychrome wooden vault.
ศาลาว่าการเมือง สร้างระหว่างปี ค.ศ.1376-1420 ในสไตล์โกธิคมียอดหอคอยสามหลัง
และมีรูปปั้นประดับด้านหน้าอาคารจำนวนมาก
The palace of the Liberty of Bruges
It is in Renaissance style on the left of the city hall. A gold trimmed building on the burg square and dates from 1722 to 1727. Nowadays, the building hosts the museum Het Brugse Vrije, where you can find the city’s history and the masterpiece of the building, a magnificent black fireplace in Renaissance style decorated with wooden statues.
อาคารสีขาวประดับทองที่อยู่ทางซ้ายมือเมื่อก่อนเป็นศาลยุติธรรมเมืองบรูจส์
อาคารทางทิศตะวันตกของจตุรัส
The Basilica of the Holy Blood
It is a Roman Catholic basilica. This building has two parts: on one hand we have the oldest building in Bruges, a lower chapel from the XII century on Romanesque style and dedicated to Saint Basil. On the other hand, the upper church is a Neo-gothic Basilica built during the XIX century. The church is named after the relic kept inside this upper part, the relic of the Holy Blood. The Holy Blood is believed to be drops of Jesus Christ’s blood taken and carried to Bruges by Joseph of Arimathea in 1150, when he came back from the Crusades. Once a year, the city holds a procession dedicated to the Holy Blood along the city center.
It is a Roman Catholic basilica. This building has two parts: on one hand we have the oldest building in Bruges, a lower chapel from the XII century on Romanesque style and dedicated to Saint Basil. On the other hand, the upper church is a Neo-gothic Basilica built during the XIX century. The church is named after the relic kept inside this upper part, the relic of the Holy Blood. The Holy Blood is believed to be drops of Jesus Christ’s blood taken and carried to Bruges by Joseph of Arimathea in 1150, when he came back from the Crusades. Once a year, the city holds a procession dedicated to the Holy Blood along the city center.
อาคารทางฝั่งขวาของศาลาว่าการคือ"มหาวิหารพระโลหิต"
เป็นวิหารศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวคริสต์เข้าไปชมมากที่สุด เพราะด้านในเป็นที่เก็บกระบอกบรรจุโลหิตพระเยซู
ขึ้นบันไดเข้าไปชมด้านในวิหารกันค่ะ
Main altar of the Basilica of the Holy Blood.
The large wall-painting behind the high altar was realized in 1905.
In the upper part, The Mystery of the Cross depicts Christ shedding his blood, with, in the background, the towns of Bethlehem and Jerusalem.
The lower part depicts the transport of the relic from Jerusalem to Bruges.
แท่นบูชาสีทองอยู่ตรงกลางห้องโถงใหญ่
จิตรกรรมฝาผนังขนาดใหญ่ด้านหลังแท่นบูชาด้านบนเป็นรูปพระเยซูทรงหลั่งโลหิตลงบนพื้นของเมือง
ด้านล่างเป็นภาพการขนส่งกระบอกพระโลหิตจากเยรูซาเลมมายังเมืองบรูจส์
ผนังด้านข้างประดับด้วยหน้าต่างกระจกสีขนาดใหญ่ทั้งสองด้าน
stained glass window
The chapel consists of two side naves and a central nave continued by the choir,
which in turn is ended by a semi-circular apse.
ผนังวิหารด้านขวามีรูปปั้นพระเยซูตรึงไม้กางเขน
ทางไปชมกระบอกแก้วศักดิ์สิทธิ์ที่บรรจุพระโลหิต
ซึ่งทหารครูเสดเป็นผู้นำกลับมาจากเยรูซาเลมเมื่อปี 1150
ซึ่งทหารครูเสดเป็นผู้นำกลับมาจากเยรูซาเลมเมื่อปี 1150
Relic of the Holy Blood, Bruges.
The basilica is best known as the repository of a venerated phial said to contain a cloth with blood of Jesus Christ, brought to the city by Thierry of Alsace after the 12th century Second Crusade.
ทางซ้ายของศาลาว่าการเมืองมีซุ้มโค้งเล็กที่ต่อไปยังถนน Blinde-Ezelstraat
Alley of the Blind Donkey หรือถนนลาตาบอด เป็นซอกเล็กๆจากจตุรัส Burg ไปยังตลาดปลา Vismarkt
ถนนสิ้นสุดที่คลองด้านหลังมีชื่อว่า Groenerei
ด้านหน้าอาคารมีตราสัญลักษณ์สมาคมพ่อค้าปลาเป็นรูปปลาสีทอง
ด้านล่างเป็นท่าเรือนำเที่ยวในลำคลอง มีนักท่องเที่ยวต่อแถวกันยาวเลยค่ะ
Canal Cruise
Canal Cruise
นักท่องเที่ยวนิยมนั่งเรือชมวิวเมืองสองข้างคลอง
Vanice of the North
Vanice of the North
Huidenvettersplein
จตุรัสเล็กๆริมคลองบริเวณตลาดปลา
Vismarkt ปัจจุบันเป็นร้านอาหารและร้านค้าจำนวนมาก
จากตลาดปลาเดินเลี้ยวขวาเข้าสู่ถนน Braamburgstraat
มาถึงจุดชมวิวยอดนิยมริมคลอง Dijver
บริเวณนี้เป็นจุดลงเรือนำเที่ยวอีกแห่งค่ะ คนเยอะมากเหมือนกัน
มุมนี้เป็นอีกสัญลักษณ์หนึ่งของเมืองบรูจส์
อาคารหลังสวย ต้นไม้สีเขียว และหอระฆัง
ร้านอาหารและโรงแรมสวยเหมือนปราสาทเลยค่ะ
เดินไปตามถนนเลียบคลอง Djiver
Along the Dijver are the Hotel De Tuilerieën, the College of Europe and the Groeninge Museum.
อาคารริมคลองทางซ้ายคือโรงแรม วิทยาลัยและพิพิธภัณฑ์
มองเห็นยอดหอระฆังของโบสถ์แม่พระโดดเด่น
อาคารริมคลองฝั่งขวาเก่าแก่และสวยงามมาก
Flea market along the Dijver
ตลาดนัดของมือสองริมคลอง
บริเวณนี้คือย่านพิพิธภัณฑ์
Arentshuis,Gruuthuse museum,Groeninge Museum
รถม้าชมเมือง
The Church of Our Lady (Dutch: Onze-Lieve-Vrouwekerk)
Its tower, at 122 metres in height, remains the tallest structure in the city and the second tallest brickwork tower in the world (the tallest being the St. Martin's Church in Landshut, Germany).
ด้านในโบสถ์ที่เป็นส่วนพิพิธภัณฑ์ต้องเสียค่าเข้าชมค่ะ
ภายในเป็นที่เก็บรูปสลักหินอ่อนพระแม่กับบุตร (Madonna and Child)
โบสถ์แม่พระแห่งบรูจส์ เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี 1220 ใช้เวลาสร้างนานถึง 200 ปี
พวกเราไม่ได้เข้าไปชมด้านในค่ะ
เดินชมและถ่ายรูปด้านนอกนี้ก็สวยงามมาก
ออร์แกนหลังใหญ่
Descent from the cross (Rubens)
ห้องจัดแสดงภาพวาดของรูเบนส์
ชมด้านในโบสถ์เสร็จแล้วก็เดินต่อไปตามถนน Mariastraat
เมืองนี้มีคลองเป็นจำนวนมาก
เดินต่อไปตามถนน Katelijnestraat
Diamond Museum
เลี้ยวซ้ายไปตามถนน Wijngaardstraat
ถนนเส้นนี้เต็มไปด้วยร้านอาหารและร้านขนมทั้งสองข้างทาง
Harry Potter Shop
เดินไปจนสุดถนน Wijngaardstraat จะพบกับลานกว้างริมน้ำ Wijngaardplein
Horse Head Drinking Fountain
Minnewaterpark สวนริมทะเลสาบ Minnewater
ป้ายห้ามให้อาหารสัตว์
One of the symbols of Bruges is the swan. There are always plenty to be found on the Minnewater. The legend about the swans of Bruges: In 1488 the people of Bruges had executed one of the town administrators belonging to the court of Maximilian of Austria. The town administrator ,Pieter Lanchals, family coat of arms featured a white swan. Legend has it that Maximilian punished Bruges by obliging the population to keep swans on their lakes and canals till eternity.
หงส์เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของเมืองบรูจส์ โดยเราจะเห็นหงส์จำนวนมากที่ทะเลสาบนี้
มีตำนานเกี่ยวกับหงส์แห่งบรูจส์เล่าว่าในปี ค.ศ. 1488 ชาวเมืองบรูจส์ได้ประหารชีวิตหนึ่งในผู้บริหารเมืองที่เป็นคนของกษัตริย์แมกซีมีเลียนแห่งออสเตรีย ซึ่งสัญลักษณ์ของครอบครัวเขาคือหงส์ขาว กษัตริย์แมกซีมีเลียนโกรธมากจึงลงโทษชาวเมืองบรูจส์โดยให้ชาวเมืองนี้ดูแลห้ามทำร้ายหงส์ในทะเลสาบนี้ตลอดไป
The beguinage (Begijnhof)
The Princely Beguinage of the Vineyard was founded in 1245. Nowadays there are no beguines.
The Sisters of the religious St. Benedict Order are living there now.
ฝั่งตรงข้ามทะเลสาบคือ Beginhof อดีตสถานสงเคราะห์หญิงหม้ายที่สามีไปร่วมรบในสงครามครูเสดหรือสาวโสด ตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 ผู้ปกครองได้สร้างหมู่บ้านให้พักอาศัยและรวมกลุ่มกันทำงานหารายได้
ปัจจุบันเป็นที่พักของแม่ชี สะพานด้านหน้าที่มีคนเยอะๆคือทางเข้า
Begijnhofkerk Sint-Elisabeth
There has been a church on this site since 1245 although the first burned in 1584, and the Gothic replacement - built in 1605 - was given a Baroque facelift around 1700. It is dedicated to St. Elisabeth of Hungary.
หงส์พวกนี้เชื่องมากค่ะ ไม่กลัวคนเลย
เดินเลียบทะเลสาบลงไปทางใต้จะพบกับสะพานอีกอันที่เชื่อมต่อกับ Beginhof
สะพานชมวิวทะเลสาบ
ด้านข้างโบสถ์ใน Beginhof
Sashuis
The pink brick lockhouse which overlooks the long rectangular basin, regulates the level of the canals in the city centre.
อาคารเก่าแก่ก่อสร้างด้วยอิฐตั้งอยู่ในทะเลสาบทางทิศใต้ของสะพาน ทำหน้าเป็นประตูน้ำของเมือง
Minnewater (Lake of Love)
A legend tells the story of a young and pretty girl named Minna who was in love with Stromberg, a warrior of a neighbouring tribe. Her father did not agree with her love and arranged her to marry a man of his choice. Minna escaped and ran into the forest. When Stromberg finally found her, she died in his arms of exhaustion. The lake was named after Minna and the bridge by the lake was considered the bridge of love, in her honour.
ตำนานของทะเลสาบนี้เป็นเรื่องราวของเด็กสาวชื่อมินนาที่รักอยู่กับสตอร์มเบิร์กนักรบของเผ่าเพื่อนบ้าน
พ่อของเธอไม่เห็นด้วยต้องการให้เธอแต่งงานกับผู้ชายที่เขาเลือก มินน่าหนีการแต่งงานและวิ่งเข้าไปในป่า เมื่อสตอร์มเบิร์กตามหาก็พบเธอตายในอ้อมแขนของเขา ทะเลสาบแห่งนี้ได้รับการตั้งชื่อตามชื่อ
มินนาและสะพานที่อยู่ข้างทะเลสาบถือเป็นสะพานแห่งความรักเพื่อเป็นการระลึกถึงเธอ
พ่อของเธอไม่เห็นด้วยต้องการให้เธอแต่งงานกับผู้ชายที่เขาเลือก มินน่าหนีการแต่งงานและวิ่งเข้าไปในป่า เมื่อสตอร์มเบิร์กตามหาก็พบเธอตายในอ้อมแขนของเขา ทะเลสาบแห่งนี้ได้รับการตั้งชื่อตามชื่อ
มินนาและสะพานที่อยู่ข้างทะเลสาบถือเป็นสะพานแห่งความรักเพื่อเป็นการระลึกถึงเธอ
The benches along the lake or stroll through the calm Minnewater
ริมทะเลสาบมีร้านอาหารสวยเหมือนพระราชวังเล็กๆ
Kasteel Minnewater Restaurant
คนนิยมมาถ่ายรูปที่มุมนี้กันค่ะ
Woonzorgcentrum Minnewater
Residential care center in Bruges
Residential care center in Bruges
เดินเลี้ยวขวาเข้าสู่ถนน Sebrechtsstraat จะพบกับอาคารสีแดงขนาดใหญ่ซึ่งเป็นสถานสงเคราะห์
เวลา 12:30 น.เดินกลับทางเดิมจนมาถึง Brugge Centraal Station
มื้อกลางวันนี้เป็นอาหารกล่องของร้านสะดวกซื้อในสถานีรถไฟ ทานเสร็จก็ออกเดินทางต่อค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น