เช้านี้อากาศยังหนาวเย็นเหมือนเดิม วันนี้พวกเราจะเดินทางไปเบลเยี่ยมกันค่ะเลยต้องตื่นแต่เช้า
เวลา 7:00 น.ออกจากที่พักไป Amsterdam Centraal Station เพื่อรอขึ้นรถไฟไปเบลเยี่ยม
รถไฟขบวนนี้เป็นรถไฟความเร็วสูงระหว่างประเทศ (Thalys High-Speed Train) ใช้ Eurail pass ไม่ได้ค่ะ
รอขบวนรถไฟ Intercity Train
เวลา 8:30 น.รถไฟก็มาถึงตรงตามเวลารีบขึ้นไปหาที่นั่งและที่วางกระเป๋า(ขนาดใหญ่) 3 ใบ
เช้านี้คนน้อยมากมีที่นั่งว่างเยอะสบายเลยค่ะ พวกเราเลือกที่นั่งใกล้ๆประตูจะได้เฝ้ากระเป๋าด้วย
รถไฟออกเดินทางลงใต้ไปเบลเยี่ยม
บรรยากาศชานเมืองอัมสเตอร์ดัมตอนเช้า
ทุ่งทิวลิปและกังหันลม
เวลา 9:30 น.เดินทางถึงเมือง Breda Netherland มองเห็นยอดหอคอยของโบสถ์ (The Great Church)
เลยจากสถานีนี้ก็เข้าสู่ประเทศเบลเยี่ยมแล้วค่ะ
เลยจากสถานีนี้ก็เข้าสู่ประเทศเบลเยี่ยมแล้วค่ะ
เวลา 10:30 น.เดินทางมาถึง Antwerp Central Station พวกเราจะแวะเที่ยวที่เมืองนี้ก่อนค่ะ ลงจากรถไฟก็เดินหาล็อกเกอร์ฝากกระเป๋าแบบหยอดเหรียญ กระเป๋าใบใหญ่ต้องใช้ตู้ใหญ่ราคา 5 ยูโร
ฝากกระเป๋าเสร็จก็เดินเล่นสบายแล้วค่ะ
Antwerp Central Station
สถานีรถไฟกลางแอนต์เวิร์ป
เป็นสถานีรถไฟที่ใหญ่โตและหรูหราที่สุดในยุโรป
The station has 4 levels and 14 tracks.
เวลา 11:00 น.ออกไปเที่ยวในเมืองแอนต์เวิร์ปกันค่ะ
ไปที่ De Lijn Counter ซืื้อตั๋ว 1 day pass ราคาคนละ 7 ยูโร ใช้ได้ทั้งรถบัส รถราง รถไฟใต้ดิน
1 Day pass € 7,00 Your pass is valid from first use on the vehicle:
1.Insert the pass in the yellow reader at the entrance.
2.You do not have to select zones.
3.You must again validate your day pass every time you get on and off.
การใช้ตั๋วที่นี่จะยุ่งยากกว่าที่เนเธอร์แลนด์เพราะต้องสอดตั๋วเข้าเครื่องทุกครั้งเมื่อขึ้นและลงรถ
บางครั้งเครื่องไม่อ่านก็ขึ้นไปบนรถก่อนแล้วค่อยๆลองสอดหลายๆครั้ง
นั่งรถไฟใต้ดินมาลงที่ Groenplaats Station (3 สถานี)
The Groenplaats (Green Place)
One of Antwerp's most prominent squares, is located in the heart of the city's historic district, near the cathedral. At its center stands a statue of Antwerp's most famous painter, Pieter Paul Rubens.
เกรินพลาตส์เป็นจตุรัสที่สำคัญของเมืองตั้งอยู่ใจกลางเมืองเก่ามีอนุสาวรีย์รูเบนส์อยู่กลางจตุรัส
Groenplaats not as green as its name suggests,it is a square bordered mainly by cafés. The café terraces are very popular with both tourists and locals.
จตุรัสนี้ล้อมรอบไปด้วยคาเฟ่ ร้านค้า ร้านขายของและต้นไม้สีเขียวร่มรื่น
Until the eighteenth century, the Groenplaats was Antwerp's main cemetery.
During the Austrian occupation, Emperor Joseph II abolished cemeteries inside the city walls,
so it was converted into a square. Locals continued to call the square 'green cemetery'.
สมัยก่อนที่นี่เป็นสุสานใหญ่ประจำเมืองแต่ช่วงที่ออสเตรียเข้ามาปกครองได้มีการรื้อกำแพงสุสานออกจนกลายเป็นจตุรัสขนาดใหญ่
Rubens Statue (Peter Paul Rubens)
Since 1843 a bronze statue of artist Rubens graces the center of the Groenplaats. It replaced a large crucifix that stood here. The statue honors Antwerp's most famous citizen, the prolific painter Pieter Paul Rubens, whose dramatic Baroque paintings are displayed in churches and museums all over the world. He lived here from 1587 until his death in 1640.
รูเบนส์ เกิดที่เยอรมนีแต่มาใช้ชีวิตที่เมืองแอนต์เวิร์ป เป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงในคริสต์ศตวรรษที่ 17
มีผลงานในแบบศิลปะบาโรค
The square's current appearance stems from the 1990s when an underground parking garage was built below the square. A multi-storey parking lot was replaced by a postmodern building and a derelict 1920s building which formerly housed a large department store was renovated; it is a Hilton Hotel
โรงแรมหรูหราตั้งอยู่ด้านข้างจตุรัส
The square offers great views of the Cathedral, which borders the Groenplaats to the north.
โบสถ์งดงามตั้งโดดเด่นอยู่ทางทิศเหนือของจตุรัส
It is the starting place of a tourist tram, which offers a ride along some of Antwerp's most interesting sights.
บริเวณนี้เป็นที่ขึ้นรถรางนำเที่ยวชมเมือง
A great place to try some of the many specialty beers.
มีร้านเบียร์หลายร้านเลยค่ะ
ประตูโบสถ์ด้านข้าง
เดินไปด้านข้างโบสถ์ตามถนน Jan Blomstraat
ร้านอาหารอิตาเลียน
The Cathedral of Our Lady
The Cathedral of Our Lady (Onze-Lieve-Vrouwekathedraal) is a Roman Catholic cathedral. In Gothic style, its architects were Jan and Pieter Appelmans. The Cathedral is an iconic treasury.
The belfry of the cathedral is included in the Belfries of Belgium and France entry in the list of UNESCO World Heritage Sites.
The Cathedral of Our Lady (Onze-Lieve-Vrouwekathedraal) is a Roman Catholic cathedral. In Gothic style, its architects were Jan and Pieter Appelmans. The Cathedral is an iconic treasury.
The belfry of the cathedral is included in the Belfries of Belgium and France entry in the list of UNESCO World Heritage Sites.
It took 169 years (1352-1521) of labour to raise the 123 metres high, the highest church tower in the Benelux. Charles V, Holy Roman Emperor commented that the spire should be kept under glass, and Napoleon compared the spire to Mechlin lace.The largest bell in the tower requires 16 bell ringers.
มหาวิหารแม่พระใช้เวลาสร้างตั้งแต่ ค.ศ.1352-1521 นานถึง 169 ปี ในสไตล์โกธิค
หอระฆังสูง 123 เมตร ถือว่าสูงที่สุดในเบเนลักซ์และเป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นของเมือง
หอระฆังสูง 123 เมตร ถือว่าสูงที่สุดในเบเนลักซ์และเป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นของเมือง
ด้านหน้าโบสถ์ปิดกั้นทางเข้าไว้เพราะกำลังมีการซ่อมแซมหอคอย
พวกเราเลยเข้าประตูเล็กด้านข้างค่ะ
ด้านในวิหารมีขนาดใหญ่มาก
ต้องเสียค่าเข้าชมด้านในคนละ 6 ยูโร พวกเราเลยเดินถ่ายรูปเฉพาะด้านหน้าค่ะ
Jesu
The Virgin and Child
น้ำมันเทียนขวดละ 4 ยูโร
ด้านหน้าเป็นร้านขายของที่ระลึก
It contains a number of significant works by the Baroque painter Peter Paul Rubens.
ด้านในจัดแสดงภาพวาดของรูเบนส์
เดินเล่นสักพักก็ออกไปด้านนอกกันค่ะ
ประตูใหญ่ด้านหน้ามีลวดลายละเอียดงดงามมาก
ด้านหน้าวิหารเป็นลานกว้างมีนักท่องเที่ยวเดินกันมากมาย
หอคอยสูงมาก ด้านบนเป็นหอระฆังขึ้นไปชมวิวได้ค่ะ
Statue of Nello and Patrasche
Nello and Patrasche are the main characters in the 1872 novel A Dog of Flanders.
The story takes place in Hoboken and Antwerp. The Cathedral of Our Lady and various paintings
by Rubens play an important role in the novel.
The story takes place in Hoboken and Antwerp. The Cathedral of Our Lady and various paintings
by Rubens play an important role in the novel.
Nello, a poor orphan boy, becomes friends with Patrasche, an abandoned cart dog. They walk to town together every day. They often visit the cathedral, where Nello admires the paintings by Rubens. Due to a series of setbacks, the lives of Nello and Patrasche end in that same cathedral. They die together from hardship.
ด้านหน้าวิหารมีรูปปั้นของเด็กชายและหมาของเขานอนอยู่ด้วยกัน
ลานด้านข้างวิหารเต็มไปด้วยร้านอาหาร ร้านช็อคโกแลต ร้านเบียร์
วันนี้มีเด็กไฮสกูลมาทัศนศึกษาหลายกลุ่มเลยค่ะ มือถือกระดาษปากกาเดินจดข้อมูลกัน
เดินเลี้ยวซ้ายตรงบ่อน้ำสวยๆ ขึ้นเหนือไปตามถนน Maalderijstraat ประมาณ 50 เมตร
มาถึงจตุรัสขนาดใหญ่กลางเมืองเก่า"โกรตมาร์ค" ที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว
The Grote Markt
The Grote Markt (Great Market Square) of Antwerp is a town square situated in the heart of the old city quarter.
The Stadhuis
The Stadhuis (City Hall) of Antwerp stands on the western side of Antwerp's Grote Markt.
Erected between 1561 and 1565 after designs made by Cornelis Floris de Vriendt and several other architects and artists, this Renaissance building incorporates both Flemish and Italian influences.
The Stadhuis is inscribed on UNESCO's World Heritage List along with the belfries of Belgium and France.
ศาลาว่าการเมืองตั้งอยู่ทางตะวันตกของโกรตมาร์ค สร้างตั้งแต่ ค.ศ.1561
สถาปัตยกรรมแบบเรอเนสซองส์
ตอนนี้กำลังปิดปรับปรุงคาดว่าจะเสร็จในปี 2020
Brabo Fountain
The Brabo Fountain is located in front of the Town Hall. The ceremonial inauguration of the sculpture took place in 1887. Jef Lambeaux realized the set of the bronze fountain.
The legend of the name of the city, in which it is said that the giant Druon Antigoon cut off a hand to all the ship captains who moored in the area and refused to pay toll, then throwing it to the Scheldt. The captain of the Roman army Brabo cut off the giant's hand imitating what he had done. The fountain reflects the moment when the Brabo throws the giant's hand into the river. According to this legend, the etymology of the name of the city Antwerp is a composition of the Dutch words
"(h)ant" (hand) and "werpen" (launch).
ตรงกลางจตุรัสด้านหน้าศาลาว่าการเมืองมีน้ำพุขนาดใหญ่ด้านบนเป็นรูปหล่อโลหะ
บราโบกำลังขว้างมือยักษ์
เป็นตำนานของเมืองแอนต์เวิร์ปว่ามีทหารโรมัน กัปตันบราโบ เป็นผู้มาปราบยักษ์แล้วตัดมือยักษ์แล้วขว้างลงแม่น้ำเชลดต์
The Grote Markt is filled with an extravagant city hall, numerous elaborate 16th century guildhalls, many restaurants and cafés.
The Grote Markt is bordered on two sides by a series of Renaissance-style guildhalls,
the majority of which were renovated during the 19th century.
ทางทิศเหนือของจตุรัสมีอาคารสมัยศตวรรษที่ 16 รูปทรงหน้าจั่วสวยงามสไตล์เรอเนสซองส์
ด้านบนประดับด้วยรูปปั้นสีทอง สมัยก่อนเป็นอาคารของสมาคมการค้าอาชีพต่างๆ(Guildhall)
Among those on the north side are the Gildehuis der Kuipers (Coopers’ House; No. 5), the Huis van de Schutters (Archer’s House; No. 7. This is the tallest building, crowned with a statue of St. George) and the Huis van de Kruideniers (Grocers’ House; No. 11).
อาคารหลังที่โดดเด่นและสูงที่สุดคือของสมาคมกีฬายิงหน้าไม้ ด้านบนเป็นรูปเซ็นต์จอร์จทรงม้า
รูปปัั้นสีทองโดดเด่นมาก
ด้านหน้าของอาคารแต่ละหลังตกแต่งแตกต่างกัน
A large part of the Grote Markt burned down in 1576. Most of the houses were rebuilt afterwards by Hans Vredeman, the town architect, in Flemish Renaissance style.
ในปี ค.ศ.1576 เพลิงไหม้อย่างหนักทำให้อาคารเหล่านี้เสียหายมากแต่ก็ได้รับการบูรณะใหม่จนสวยงาม
On the southeast side stand the Huis van de Kleermakers (Tailors’ House; No. 38)
and the Huis van de Timmerlieden (Carpenters’ House; No. 40).
ทางทิศใต้ของจตุรัสก็มีอาคารสวยงามเรียงราย มองเห็นหอคอยเด่นชัด
อาคารทรงหน้าจั่วมีลักษณะคล้ายบ้านริมคลองที่อัมสเตอร์ดัม
จตุรัสนี้สวยงามมากเพราะล้อมรอบด้วยอาคารสถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่ปัจจุบันเป็นร้านค้าและร้านอาหาร
เสียดายที่พวกเรามาตอนศาลาว่าการเมืองปิดปรับปรุงเลยไม่ได้เห็นความงามของอาคารหลังนี้
ปิดคลุมอาคารด้วยภาพขนาดใหญ๋
เดินไปตามถนน Zilversmidstraat ข้างศาลาว่าการเมือง
อาคารสีส้มเรียงกันตลอดแนว
ย่านที่พักอาศัยมีสวนหย่อมตรงกลาง
เดินลอดใต้ตึกออกมาจนถึงถนน Kaasstraat
เดินขึ้นมาบนระเบียงของลานจอดรถ ตรงนี้เป็นจุดชมวิวถ่ายรูปป้อมปราการ(ปิดซ่อมแซมอีกแล้วค่ะ)
Het Steen
Het Steen
Het Steen is a medieval fortress in the old city centre of Antwerp, one of Europe's biggest ports.
Built after the Viking incursions in the early Middle Ages as the first stone fortress of Antwerp.
ป้อมปราการสตีนสร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 10 เพื่อป้องกันการรุกรานจากพวกไวกิ้ง
ตอนหลังใช้เป็นที่คุมขังนักโทษ ปัจจุบันเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์
ด้านล่างคือถนนที่ขนานไปกับแม่น้ำ Scheldt
ชิงช้าสวรรค์ริมแม่น้ำ
เดินลงไปด้านล่างกันค่ะ ตรงนี้เป็นที่ขายตั๋วเข้าชมพิพิธภัณฑ์(ตอนนี้ปิดทำการ)
The age-old monument Het Steen will undergo a thorough renovation. In 2020.
ปิดปรับปรุงจะเปิดในปี 2020
รูปป้อมสตีนจาก Wikipedia
At the entrance bridge to the castle is a statue of a giant and two humans. It depicts the giant
Lange Wapper who used to terrorise the inhabitants of the city in medieval times.
ตรงทางขึ้นมีรูปปั้นยักษ์ Lange Wapper ยืนจังก้าอยู่ (เมืองนี้มีตำนานเกี่ยวกับยักษ์หลายเรื่องเลยค่ะ)
Het Steen is Antwerp's oldest building and used to be its oldest urban centre.
ป้อมนี้ถือว่าเป็นอาคารที่เก่าแก่ที่สุดของเมือง
เดินเล่นริมแม่น้ำ Scheldt เป็นท่าเรือขนาดใหญ่
Steenplein ลานกว้างริมแม่น้ำเป็นที่พักผ่อนนั่งเล่นของชาวเมือง ด้านหน้าคือท่าเรือแอนต์เวิร์ป
Ferris Wheel at Antwerp Port
The View - Giant Wheel Event Antwerpen
จุดชมวิวบนนี้ตรงกับถนนกลางเมืองเก่ามองเห็นยอดหอคอยโดดเด่น
ชิงช้าสวรรค์ชมวิวสวยงามทั้งเมือง
Statue of Minerva Goddess
Minerva was the goddess of wisdom and sciences.
The Statue created by the Italian artist Marcello Mascherini, is located in the port of Antwerp.
อนุสาวรีย์เทพเจ้า Minerva
Flandria Vlot
The Flandria Vlot (Promenade) is sits vertical to the city's busiest street.
You can also watch the ships on the river go by. There are also a lot of mechanical and industrial structures happening in the rest of the promenade because this is a city with a huge port.
บนนี้เป็นเนินสูงอยู่ติดกับท่าเรือขนาดใหญ่
Scheldt river แม่น้ำสายหลักของเมืองไหลลงที่ทะเลเหนือ ประเทศเนเธอร์แลนด์
Two sculptures of lions gating the city.
เดินกลับเข้าเมือง ตรงทางขึ้นสองข้างจะมีรูปปั้นสิงโตสองตัวนั่งหันหน้าไปทางเมืองเก่า
Suikerrui
ถนนเส้นหลักเข้าสู่เขตเมืองเก่าสองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้าและร้านอาหาร
ถนนเส้นหลักเข้าสู่เขตเมืองเก่าสองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้าและร้านอาหาร
หลายร้านตกแต่งแบบมีสไตล์
เวลา 12:30 น.เดินหาร้านอาหารทานมื้อเที่ยงที่นี่เลยค่ะ
เดินตามกลุ่มเด็กๆไฮสกูลที่มาทัศนศึกษา ตัวสูงใหญ่กว่าเด็กไทยมาก
Belgium Fried
พวกเราเลือกทานที่ร้านนี้ค่ะ ร้านใหญ่ดีด้านในสวยมากตอนนี้ยังไม่มีลูกค้าน่าจะรออาหารไม่นาน
The Grillfather
The Grillfather
เมนูเป็นภาษาฝรั่งเศสหมด ดูรูปก็ยังไม่รู้ว่าเป็นอะไรต้องใช้ Google translate ช่วยค่ะ
พอสั่งอาหารเสร็จก็มีเมนูเรียกน้ำย่อยมาเสิร์ฟเลยค่ะ (ทานได้แต่ขนมปัง)
Potato Fried ร้อนๆอร่อยดี
Spaghetti Cabonara 12.5 euro
Pork Rip Eye 25.5 euro
อาหารรสชาติพอทานได้หมูมีกลิ่นนิดๆ ทานกันไม่หมดค่ะ
ทานอาหารเสร็จก็เดินเล่นซื้อของที่ระลึก
เดินกลับมาที่ Grote Markt
ร้านอาหารรอบๆจตุรัสมีคนเยอะทุกร้านเลยค่ะ
คนนิยมนั่งทานอาหารด้านนอกกันแต่พวกเราชอบนั่งทานด้านในมากกว่าเพราะอุ่นสบาย
อาคารนี้สวยดีค่ะ
มุมตึกสวยๆ
ร้านอาหารเวียดนาม
ด้านหน้าคือ Groenplatts เลี้ยวขวาไปถนน Meir
ถนนแมร์เป็นถนนสายช็อปปิ้งหรูหราคนค่อนข้างพลุกพล่าน เดินเล่นสักพักก็ลงไปนั่งรถไฟกลับค่ะ
ใช้เวลาประมาณ 5 นาทีก็มาถึง Antwerp Central Station
ออกมาเดินเล่นที่ด้านหน้าสถานี โรงแรม Radisson ตั้งอยู่ตรงข้ามเลยค่ะ
The Antwerp Central Station, also known as Middenstatie (Middle station)
or Spoorwegkathedraal (Railroad Cathedral)
The original station building was constructed between 1895 and 1905 as a replacement for the original terminus of the Brussels-Mechelen-Antwerp Railway. It was first used in 1905.
The structure is made up from a steel platform covering and a stone building in an eclectic style.
สถานีรถไฟกลางแอนต์เวิร์ป สร้างระหว่างปี ค.ศ.1898-1905 ในสไตล์นีโอ-คลาสสิค
ตัวอาคารผสมผสานระหว่างโลหะและหิน
ภายนอกสวยงามเหมือนพระราชวัง มียอดโดมสองข้างโดดเด่น
อาคารด้านข้างทางทิศตะวันตกเป็นร้านค้าและร้านอาหาร
อาคารทางทิศตะวันออกสวยงามหรูหรา ด้านหลังคือโรงละคร
Queen Elizabeth Hall
ด้านข้างคือทางเข้าสวนสัตว์แอนต์เวิร์ป เป็นสวนสัตว์ที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
Antwerp Zoo (ZOO Antwerpen)
It is the oldest animal park in the country, and one of the oldest in the world,
established on 21 July 1843.
เข้าไปด้านในสถานีรถไฟกันค่ะ ห้องโถงใหญ่โต หรูหราตกแต่งเหมือนเป็นพระราชวังเลยค่ะ
Train hall
The originally iron and glass train hall ,185 metres long and 44 metres or 43 metres high.
It was designed by Clément Van Bogaert, an engineer, and covers an area of 12,000 square metres. The height of the station was once necessary for the smoke of steam locomotives.
The roof of the train hall was originally made of steel.
In 2009 the American magazine Newsweek judged Antwerpen-Centraal the world's fourth greatest train station. In 2014 the British-American magazine Mashable awarded Antwerpen-Centraal
the first place for the most beautiful railway station in the world.
สวยงามสมกับเป็นสถานีรถไฟที่สวยงามที่สุดในยุโรป
เวลา 14:30 น.ไปเอากระเป๋าที่ล็อกเกอร์แล้วลงไปรอรถไฟ Intercity train เพื่อเดินทางต่อไป Brussel ค่ะ
รถไฟว่างมากค่ะทั้งโบกี้มีแค่พวกเรา 3 คน เลยเอากระเป๋ามาวางใกล้ๆที่นั่งเลย
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 50 นาที
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น