เวลา 16:30 น.ขึ้นเครื่องเดินทางไปอู่ตะเภา ปีใหม่นี้พวกเราจะไปเที่ยวภาคตะวันออกกันค่ะ
เวลา 18:00 น.เดินทางถึงสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา เป็นสนามบินที่เปิดเป็นแห่งล่าสุดของไทย
สนามบินมีพื้นที่กว้างพอสมควร
รอรับรถเช่าค่ะ ตอนแรกคุณป๋าจองรถของ บ.Hertz แต่เลือกที่รับรถผิดเป็นสุวรรณภูมิเลยต้องยกเลิก
แล้วมาหารถเช่าของคนที่นี่แทนค่ะ ยังโชคดีมีรถให้เช่าช่วงปีใหม่
เวลา 18:30 น.รับรถเสร็จก็ออกเดินทางไปทานอาหารเย็นค่ะ
ถึงแล้ว สโมสรหาดน้ำหนาว กรมก่อสร้างและพัฒนา ฐานทัพเรือสัตหีบ ต.แสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
ร้านอาหารสโมสรหาดน้ำหนาว วิวสวยมากอยู่ริมทะเลเลยค่ะ
พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว ฟ้าเริ่มมืด
อากาศเย็นสบาย มีลมพัดตลอด
ในร้านมีที่นั่งจำนวนมาก พวกเราเลือกโต๊ะนั่งริมทะเลกันเลยค่ะ
มื้อนี้เน้นอาหารทะเลกันนะคะ สดอร่อยทุกอย่างเลย
ปลาทอดกระเทียม ปลาหมึกผัดไข่เค็ม ต้มยำทะเล
ปลาทอดกระเทียม ปลาหมึกผัดไข่เค็ม ต้มยำทะเล
อาหารอร่อยวิวสวย ทานกันหมดเรียบทุกอย่างค่ะ
ทานอาหารเสร็จท้องฟ้าก็มืดสนิท
เวลา 20:00 น.เดินทางกลับที่พัก เรือนนาวี สัตหีบ ทานไอศกรีมคนละถ้วยเสร็จก็อาบน้ำเข้านอนค่ะ
วันอาทิตย์ที่ 30 ธันวาคม 2561
เวลา 7:00 น.ตื่นเช้าออกมาเดินเล่นถ่ายรูปด้านหน้าที่พักก่อนค่ะ เพราะเมื่อคืนมาถึงมืด
สั่งอาหารเช้ามานั่งทานหน้าห้องพัก ข้าวต้มทะเล และข้าวผัดปูค่ะ
เวลา 8:00 น.เดินทางมาถึงท่าเทียบเรือจุกเสม็ด ฐานทัพเรือสัตหีบ มาชมเรือหลวงจักรีนฤเบศร
ยืนเคารพธงชาติพร้อมทหารเรือเลยค่ะ55
เปิดให้เข้าชมทุกวันเวลา 09.00-16.00น. โดยไม่เสียค่าเข้าชม
อ่านข้อปฏิบัติในการเยี่ยมชมเรือก่อนค่ะ
พวกเรามาถึงแต่เช้ายังไม่เปิดให้เข้าชมค่ะ
ด้านหน้าเป็นร้านขายของที่ระลึก
เรือลำใหญ่ทางซ้ายมือคือ เรือหลวงสิมิลัน รหัสประจำเรือ 871 (H.T.M.S. SIMILAN)
เป็นเรือส่งกำลังบำรุงขนาดใหญ่ที่สุดของกองทัพเรือไทยที่มีอยู่ในปัจจุบัน
ทำหน้าที่ลำเลียงของไปยังเรือรบลำอื่น เติมเชื้อเพลิง ฯลฯ
เรือลำนี้ต่อจากอู่ต่อเรือหูตง (Hudong) นครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน
มีขนาดกว้าง 24.60 ยาว 171.45 เมตร ลำเล็กกว่าเรือหลวงจักรีนฤเบศรเล็กน้อย
เรือหลวงจักรีนฤเบศร ( H.T.M.S. Chakri Naruebet) ชื่อย่อ CVH-911
เป็นเรือธงและเรือบรรทุกอากาศยานลำแรกและลำเดียวของราชนาวีไทย
ประจำการในส่วนกำลังรบของกองทัพเรือ
เป็นเรือธงและเรือบรรทุกอากาศยานลำแรกและลำเดียวของราชนาวีไทย
ประจำการในส่วนกำลังรบของกองทัพเรือ
เรือลำนี้มีทั้งหมด 11 ชั้น มีความยาว 182 เมตร กว้าง 30.5 เมตร
เป็นเรือที่มียุทโธปกรณ์ที่ทันสมัย มีระบบเรด้าร์ตรวจการณ์ระยะไกล
ในยามปกติ เรือจักรีนฤเบศรจะเป็นฐานปฏิบัติการคุ้มครองประโยชน์ของชาติทางทะเล
ช่วยเหลือผู้ประสบภัย และรักษาสิ่งแวดล้อมในทะเล
ภารกิจที่สำคัญในยามสงคราม เรือจักรีนฤเบศรจะเป็นเรือธง คือ เรือที่ทำหน้าที่ควบคุมและบังคับบัญชากองเรือในทะเล เพื่อควบคุมการปฏิบัติงานป้องกันภัยทางอากาศ การต่อสู้ ทางน้ำและปราบเรือดำน้ำของผู้ที่เข้ามารุกรานประเทศ และยังเป็นเรือบรรทุกเครื่องบินควบคุมการปฏิบัติการป้องกันภัยทางอากาศอีกด้วย
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
พระราชทานชื่อเรือหลวงลำนี้ว่า เรือหลวงจักรีนฤเบศร แปลว่า ผู้เป็นใหญ่แห่งราชวงศ์จักรี
และใช้คำขวัญว่า ครองเวหา ครองนที จักรีนฤเบศร
เรือจักรีนฤเบศรต่อขึ้นจาก อู่ต่อเรือบาซาน เมืองโรตา ประเทศสเปน เมื่อปี 2537 และได้เดินทางถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2540 เข้าประจำการวันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ.2540
เดินชมความใหญ่โตและถ่ายรูปด้านนอกค่ะ ต้องรอเวลา 9:00 น.ถึงจะขึ้นไปชมด้านในได้
เรือจักรีนฤเบศรบรรทุกเครื่องบินขึ้นลงทางดิ่งและเฮลิคอปเตอร์ของราชนาวีไทย
เป็นเรือรบที่มีขนาดใหญ่ที่สุดที่มีมาในกองทัพเรือไทย
พวกเราเคยขึ้นไปชมด้านในเรือรบลำอื่นทั้งของไทยมาแล้ว วันนี้เลยไม่รอเวลาเข้าชมแล้วค่ะ
อาคารขนาดใหญ่ตรงทางเข้าเป็นร้านค้าและร้านอาหาร
เวลา 8:30 น.ออกเดินทางไปเมืองแกลง จ.ระยองค่ะ
ใช้เส้นทางตาม Google Map ขับผ่านป่ายางร่มรื่นมากค่ะ
เวลา 10:00 น.เดินทางมาถึง บ้านกร่ำ อ.แกลง จ.ระยอง
ด้านหน้าคืออนุสาวรีย์สุดสาครทรงมังกร หาที่จอดรถริมถนนได้เลยค่ะ
บริเวณอนุสาวรีย์สุนทรภู่ จะเป็นพื้นที่โล่ง ไม่มีรั้วกั้น พื้นที่โดยรอบปลูกต้นไม้ประดับไว้อย่างสวยงาม
รูปปั้นของสุนทรภู่ตั้งอยู่ตรงกลางเป็นประธานบนเนินดินสูง ด้านล่างเป็นสระน้ำ
รูปปั้นของสุนทรภู่ตั้งอยู่ตรงกลางเป็นประธานบนเนินดินสูง ด้านล่างเป็นสระน้ำ
อนุสาวรีย์สุนทรภู่ เป็นอนุสาวรีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แด่มหากวีแห่งกรุงรัตนโกสินทร์
คือ พระสุนทรโวหาร (ภู่) หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า สุนทรภู่
รูปปั้นหล่อของท่านสุนทรภู่อยู่ตรงกลาง ท่านั่ง ในมือมีดินสอและสมุดข่อย เสมือนกับว่าท่านกำลังแต่งโคลงกลอน ถัดมาทางด้านล่าง มีรูปปั้นพระอภัยมณี อยู่ในท่านั่งยกขาด้านนึงไขว้ ในมือถือปี่ทำท่าเป่า
ด้านล่างในสระน้ำ มีรูปปั้นนางเงือกและนางยักษ์ผีเสื้อสมุทร อยู่คนละมุม หันหน้าไปยังพระอภัยมณี
ประติมากรรมรูปปั้นหล่อของตัวละครในวรรณกรรมเอกของสุนทรภู่ เรื่อง พระอภัยมณี
ได้แก่ พระอภัยมณี นางผีเสื้อสมุทร และนางเงือก ออกแบบโดยศาสตราจารย์ ศิลป์ พีระศรี
ได้แก่ พระอภัยมณี นางผีเสื้อสมุทร และนางเงือก ออกแบบโดยศาสตราจารย์ ศิลป์ พีระศรี
กราบไหว้และบูชาท่านสุนทรภู่เพื่อความเป็นสิริมงคล
สระน้ำด้านหลังมีรูปปั้นของสุดสาครและท่านฤาษี
อนุสาวรีย์สุนทรภู่ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงให้ความรู้ด้านศิลปะ วัฒนธรรม
ถือเป็นอนุสาวรีย์กวีแห่งแรกของประเทศไทย และเป็นสัญลักษณ์ของอำเภอแกลง จังหวัดระยอง
ภาพฝาผนังแสดงเรื่องราวชีวิตของสุนทรภู่
ฝาผนังด้านนี้แสดงเรื่องราววรรณคดีชิ้นเอกของท่านสุนทรภู่ "พระอภัยมณี"
สุนทรภู่มีความผูกพันกับพื้นที่ในเขตจังหวัดระยอง และเชื่อกันว่าท่านได้แรงบันดาลใจในการเขียนเรื่องพระอภัยมณี จินตนาการเกาะแก้วพิศดารขึ้นจากเกาะเสม็ด
ตามประวัติของสุนทรภู่กล่าวถึงบิดาที่มีภูมิลำเนาอยู่ที่ ต.กร่ำ อ.แกลง จ.ระยอง
และได้ปรากฏอยู่ในบทกวีนิพนธ์ในนิราศเรื่องแรกที่แต่งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2349 คือเรื่อง "นิราศเมืองแกลง"
สินสมุทร และ ชีเปลือย
รูปปั้นสินสมุทรขี่สิงโต
ปี พ.ศ. 2529 ซึ่งเป็นวาระครบรอบ 200 ปี ของสุนทรภู่ องค์การยูเนสโก้ได้เห็นผลงานอันโดดเด่นของกวีเอกสุนทรภู่ ที่เสมือนเป็นเชกสเปียร์ประเทศไทย จึงประกาศยกย่องให้เป็นบุคคลสำคัญของโลก ในสาขาวรรณกรรม ทุกวันที่ 26 มิถุนายนของทุกปี จึงถือเป็น "วันสุนทรภู่" ซึ่งตรงกับวันเกิดของท่าน
คำกวี สุนทรภู่ จากเรื่องพระอภัยมณี
ด้านหน้าทางเข้า มีบ้านไม้ทรงไทยหลังเล็ก เป็นเรือนจำลอง กุฏิบิดาสุนทรภู่
รูปปั้นนางผีเสื้อสมุทรจากบางตอนในเรื่องพระอภัยมณี
เดินชมจนรอบบริเวณ วันนี้แดดจัดมากค่ะต้องหาที่หลบร้อน
รูปที่ระลึกก่อนออกเดินทางต่อ
เวลา 10:30 น. ขับรถไปตามถนนสุนทรภู่ 3161 ห่างจากอนุสาวรีย์สุนทรภู่ 1 กม.
ใกล้กับต้นเลียบ (ตลาดนัดต้นเลียบ) มาถึง "พิพิธภัณฑ์ บ้านครูกัง"
เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09:00 – 16:00 น.
โดยมีค่าเข้าชม : กำนัน 190 บาท ผู้ใหญ่ 80 บาท เด็ก 30 บาท ชาวต่างชาติ 150 บาท
พวกเรามากันสามคน คิดราคารวม 200 บาท
พิพิธภัณฑ์นี้เป็นบ้านไม้เก่าโบราณซึ่งเป็นบ้านที่ใช้อยู่อาศัยของครูกัง
ที่นี่เป็นแหล่งเรียนรู้ที่ได้รวบรวมของสะสม ของเล่น ของเก่าโบราณไว้มากมาย
โดย ครูกัง ผู้เป็นเจ้าของใช้เวลาสะสมของเก่านานกว่า 40 ปี
ภายในบ้านชั้นล่างจัดแสดงเป็นห้องต่างๆ
ร้านตัดผมหญิง
ร้านตัดผมชาย
มะปรางน่าจะมานั่งทำผมผิดห้องนะคะ55
ครูกังใช้ชีวิตหลังเกษียณเริ่มต้นทำบ้านของตนเองบนเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ สร้างเป็นพิพิธภัณฑ์
ให้นักท่องเที่ยวได้ชม ด้วยเหตุผลที่ว่าครูไม่อยากเก็บไว้ดูคนเดียว
ร้านกาแฟโบราณ
มะปรางขอลองชงดูหน่อยค่ะ เหมือนเล่นขายของเลย
ชงกาแฟเสร็จก็มานั่งดื่มเอง
มอเตอร์ไซค์คันใหญ่มาก
ร้านถ่ายรูป
ร้านตัดเสื้อ
ขึ้นไปชั้นบนกันค่ะ
บันไดไม้ค่อนข้างสูงชันนิด
ชั้น 2 จัดแสดงสิ่งของสะสมต่างๆแยกเป็นห้องเล็กๆ
ห้องนาฬิกาเก่า
เถาปิ่นโต หม้อ จาน ช้อน
โอ่งมังกร
โทรศัพท์หยอดเหรียญ
ลูกคิด กล้องจุลทรรศน์
ครุฑ
ตะเกียงห้อยอยู่เต็มเพดาน
ธนบัตร
สลากกินแบ่ง
ตาชั่ง
ทุ่นตกปลา
เครื่องเล่นแผ่นเสียง ทีวีในตู้ไม้ปิดฝาได้
ห้องดนตรี
ระเบียงไม้หน้าบ้าน
เดินลงมาชั้นล่างด้านหลังจัดแสดงเป็นร้านค้า โรงภาพยนต์
ร้านก๋วยเตี๋ยว
ร้านไอศกรีม
บ่อน้ำอยู่ตรงกลางบ้าน เป็นลานซักล้าง
ห้องนอนอยู่เรือนด้านหลัง
ร้านขายของชำ
ห้องครัว
ห้องเรียน
กระปุกออมสิน
ห้องช่าง
ตู้ซ่อมนาฬิกา
ใช้เวลาประมาณ 1 ชม.ก็เดินชมด้านในบ้านจนทั่วแล้วค่ะ
ออกมาเดินเล่นด้านนอกมีรถเก่าหลายคัน
รถม้า
เวลา 11:30 น.ไปทานอาหารเที่ยงกันค่ะ คุณป๋าพาไปกินปูนิ่มที่ฟาร์ม
ขับรถเข้ามาในซอยประมาณ 2 กม.มีป้ายบอกตลอดทางมาถึง มีดีฟาร์มปูนิ่ม
ที่นี่เปิดเป็นร้านอาหารด้วยค่ะ มีเมนูหลายอย่าง
เลือกที่นั่งริมน้ำเลยค่ะ ด้านล่างเป็นน้ำในบึงบางคนก็นั่งห้อยขาแช่น้ำ
แต่คุณป๋าบอกว่าน้ำดูไม่สะอาดห้ามเอาเท้าลงไปเด็ดขาด
สั่งอาหาร 4 อย่าง จัดมาในถาดสวยงาม
ก๋วยเตี๋ยวปูนิ่ม ข้าวปูนิ่มผัดผงกระหรี่ ข้าวคลุกพริกเกลือทะเลรวม ปูนิ่มชุบแป้งทอด
ที่นี่เป็นฟาร์มปูนิ่มขนาดใหญ่ของจังหวัดระยอง เลี้ยงปูนิ่มด้วยวิธีที่เป็นธรรมชาติและปลอดสารเคมี
ทานอาหารเสร็จก็นั่งพักรับลมเย็นๆก่อนออกเดินทางต่อ
เวลา 12:30 น.เดินทางต่อไปยัง ต.เนินฆ้อ อ.แกลง ไปชมสะพานแขวนกันค่ะ
แผนผังโครงการสะพานรักษ์แสม
คนในชุมชนต้องการจะอนุรักษ์และเพิ่มจำนวนสัตว์น้ำในช่วงฤดูวางไข่ ประกอบกับดูแลรักษาผืนป่าชายเลนซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำให้มีความอุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะปูแสม จึงมีการสร้างธนาคารปูแสม
เพื่อเพาะขยายพันธุ์ปูให้มีจำนวนเพิ่มขึ้น
มีบริการนั่งเรือชมวิวในคลองท่าตาโบ๊ย
แหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์มีป่าชายเลนเป็นเขตอนุรักษ์และเพาะพันธุ์สัตว์น้ำ
ด้านหลังคือสะพานแขวน มีชื่อว่า สะพานรักษ์แสม
ตอนนี้คนบนสะพานแขวนเยอะมากค่ะ พวกเราเลี่ยงเดินไปชมวิวทางซ้ายมือกันก่อน
สะพานไม้ขนาดใหญ่เป็นแนวยาวรอบๆป่าโกงกาง
น่ามาเดินเล่นตอนเย็นๆค่ะ
ด้านหลังคือหอชมวิว
คลองนี้จะไหลออกสู่ปากน้ำประแส
การทำบ้านปลาเทียม หรือการทำซั้งเชือกเป็นการสร้างบ้านเทียมให้สัตว์ทะเล เช่น กุ้ง ปู ปลา หอย ฯลฯ
เดินย้อนกลับไปที่สะพานแขวนกันค่ะ
ในปี พ.ศ. 2554 ได้รับการจัดสรรงบประมาณจากจังหวัดระยองเพื่อก่อสร้าง สะพานรักษ์แสม
เป็นสะพานไม้เดินชมทัศนียภาพและระบบนิเวศน์คลองท่าตาโบ๊ย
ระยะทางของสะพานยาวประมาณ 100 เมตร ส่วนทางเดินไม้ยาว 200 เมตร
สามารถเดินชมความงดงามของป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์ และ ดูปูแสมได้
พวกเราไม่มีแรงเดินแล้วค่ะเนื่องจากอากาศร้อนมาก ถ่ายรูปบนสะพานเสร็จก็กลับกันเลย
เวลา 13:00 น.เดินทางไปทุ่งโปรงทอง
ทุ่งโปรงทอง เปิดให้เข้าเที่ยวชมได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00-18.00 น.
เข้าชมฟรี แต่ต้องฝากรถไว้ที่ลานจอดรถด้านนอกคันละ 20 บาท
นั่งรถพ่วงข้างเข้าไปด้านใน ค่าบริการคนละ 5 บาท
ทุ่งโปรงทอง ตั้งอยู่ในเขตชุมชนบ้านแสมผู้ ปากน้ำประแส อ.แกลง มีพื้นที่กว่า 6,000 ไร่
เข้าไปชมในทุ่งกันค่ะ
สะพานไม้ข้ามคลองเชื่อมต่อเข้ามายังป่าโกงกาง
ป่าโกงกางจะเป็นพื้นที่ที่เชื่อมต่อมาจากป่าชายเลน ช่วงนี้ต้นโกงกางมีความสูงพอสมควร
ปกคลุมทางเดินให้ร่มรื่น เหมือนเป็นอุโมงค์ต้นโกงกาง ร่มรื่น ไม่ร้อนเลยค่ะ
ปกคลุมทางเดินให้ร่มรื่น เหมือนเป็นอุโมงค์ต้นโกงกาง ร่มรื่น ไม่ร้อนเลยค่ะ
มีเส้นทางเดินชมธรรมชาติแยกเป็น 4 ทิศ
เดินไปจนถึงทางแยกข้างหน้าแล้วเลี้ยวขวา
เมื่อเดินออกจากป่าโกงกางเราจะพบต้นโปรงที่ขึ้นเรียงรายกันหนาแน่นนับหมื่นต้น
มองไปได้ไกลสุดลูกหูลูกตา
แสงพระอาทิตย์สะท้อนใบสีเขียวอ่อนของต้นโปรงให้กลายเป็นสีเหลืองทองสวยงามมาก
ที่นี่จึงได้ชื่อเรียกว่า "ทุ่งโปรงทอง"
ทุ่งโปรงทอง คือบริเวณป่าชายเลนริมปากแม่น้ำประแส
แต่เดิมที่นี่เป็นพื้นที่ที่ชาวบ้านทำการประมง เลี้ยงกุ้ง ทำการเกษตร ทำสวนผลไม้
จนกระทั่งทรัพยากรธรรมชาติในบริเวณนี้ได้ถูกทำลายและสิ่งแวดล้อมป่าชายเลนเสื่อมโทรมลง
เทศบาลตำบลปากน้ำประแสได้ร่วมกับชาวบ้านในพื้นที่พัฒนาป่าชายเลนผืนที่ใหญ่ที่สุดของจ.ระยอง ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว เชิงอนุรักษ์และศึกษาเรียนรู้ ควบคู่กันไป
ด้านบนเป็นจุดชมวิวให้ถ่ายรูปในมุมกว้าง
ต้นโปรงมีอยู่ 3 ชนิด ทุ่งโปรงทองเป็นชนิดโปรงแดง
ขึ้นไปถ่ายรูปที่ระเบียงด้านบนค่ะ
ด้านบนถ่ายรูปได้สวยมาก เห็นใบของต้นโปรงหนาแน่นเหมือนพรมผืนใหญ่
ทุ่งโปรงทอง ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ให้ความรู้ สร้างความเข้าใจในเรื่องระบบนิเวศน์ของป่าชายเลน
ได้เห็นความสวยงามตาม ธรรมชาติของป่าโกงกาง ไม้โปรง และไม้ริมชายฝั่ง
ได้เห็นความสวยงามตาม ธรรมชาติของป่าโกงกาง ไม้โปรง และไม้ริมชายฝั่ง
ทุ่งโปรงทองเหมาะที่จะมาถ่ายรูปในช่วงที่มีแดด(จัดๆ)แบบนี้ค่ะ
ด้านล่างมีสะพานเดินศึกษาธรรมชาติเป็นระยะทางประมาณ 2.6 กิโลเมตร
ทางเดินไม้ลัดเลาะไปตามทุ่งโปรงทอง ให้นักท่องเที่ยวได้เดินถ่ายภาพกับทุ่งแห่งนี้กันอย่างใกล้ชิด โดยเส้นทางจะไปสิ้นสุดบริเวณอนุสรณ์เรือรบหลวงประแส
ไม่มีคนเดินเข้าไปด้านในเลย พวกเราขอเดินถ่ายรูปแค่นี้พอค่ะ
ไม่มีคนเดินเข้าไปด้านในเลย พวกเราขอเดินถ่ายรูปแค่นี้พอค่ะ
เดินย้อนกลับไปด้านหน้าตรงทางเข้ามีร้านค้า ร้านอาหารมากมาย
ถ้ามีเวลาก็สามารถไปเที่ยวที่อื่นบริเวณปากน้ำประแสได้ตามแผนที่
ถ้ามีเวลาก็สามารถไปเที่ยวที่อื่นบริเวณปากน้ำประแสได้ตามแผนที่
เวลา 15:00 น.เดินทางมาถึงที่พักในเมืองจันทบุรีแล้วค่ะ "โรงแรมท่ามาจัน"
อยู่ในย่านชุมชนเก่าริมน้ำจันทบูร
อยู่ในย่านชุมชนเก่าริมน้ำจันทบูร
ห้องพักของพวกเราอยู่ชั้น 3 (บนสุด) ที่นี่ไม่มีลิฟท์ ต้องแบกกระเป๋าขึ้นบันไดชันๆลำบากนิดค่ะ
เตียงเสริมเป็นฟูกบางๆวางที่พื้น
นอนพักผ่อนกันสักชั่วโมง พอแดดร่มค่อยออกไปเที่ยวต่อค่ะ
เวลา 16:00 น.เดินทางไปตลาดชุมชนหนองบัว ต.หนองบัว อ.เมือง จ.จันทบุรี
ห่างจากตัวจังหวัดลงไปทางใต้ ประมาณ 10 กม.
ชุมชนขนมแปลก ริมคลองหนองบัว
เริ่มมีการเปิดตลาดนัดวันเสาร์-อาทิตย์ มาตั้งแต่เดือนกันยายน 2559
ด้านหลังคือคลองหนองบัว มีท่าน้ำไว้สำหรับขนส่งสินค้าทางเรือ
เป็นชุมชนการค้าเก่าแก่อีกแห่งหนึ่งของจังหวัดจันทบุรี
ความเป็นมาของชุมชนหนองบัว เริ่มจากคนจีนอพยพมาจากเมืองจีน มาตั้งรกรากอยู่ในชุมชนหนองบัว
ชาวบ้านในชุมชนทำการประมงเป็นอาชีพหลัก มีท่าน้ำใหญ่ที่นำปลาขึ้นมาจากทะเล
เมื่อนำปลาขึ้นท่าเสร็จก็ทำการซื้อขายกันที่ตลาดริมน้ำนี้เลย
ปัจจุบันชาวบ้านก็ยังใช้เรือขนสินค้าอยู่บ้างค่ะ มีกิจกรรมนั่งเรือชมธรรมชาติด้วยนะคะ
ตลาดเปิดทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 9:00-17:00 น.
พวกเรามาถึงตอนเย็นตลาดใกล้ปิดแล้วค่ะ บางร้านพอขายหมดก็ปิดกันแล้ว
จริงๆแม่ตุ๊กอยากมาเดินเล่นถ่ายรูป 3D Street Art มากกว่าค่ะ
ในตลาดนี้มีอยู่หลายรูป เดินทานขนมไปและหารูปไปด้วยสนุกดี
ระหว่างถ่ายรูปกันอยู่ก็มีเจ้าของภาพวาดเดินมาหา เค้าคงอยากจะบอกว่านี่รูปเค้าเอง55
ภาพวาดวิถีชีวิตของคนในชุมชน
ตลาดต้องชม ชุมชนขนมแปลก ริมคลองหนองบัว
ตลาดโบราณ ที่คงเอกลักษณ์ของชุมชนได้ยาวนานกว่า 100 ปี
“ชุมชนขนมแปลกริมคลองหนองบัว” ใช้พื้นที่ตลาดชุมชนเดิมที่มีถนน 4 สาย มาตัดกันเป็นสี่แยก
สองฟากถนนเป็นพื้นที่ขายของระยะทางรวมประมาณ 800-1,000 เมตร
ส่วนใหญ่เป็นขนมไทยพื้นบ้านโบราณที่หาทานยาก
สองฟากถนนเป็นพื้นที่ขายของระยะทางรวมประมาณ 800-1,000 เมตร
ส่วนใหญ่เป็นขนมไทยพื้นบ้านโบราณที่หาทานยาก
"ขนมควยลิง" มีที่มาว่าเมื่อก่อนตอนเริ่มทำขนม ขณะปั้นๆขนมอยู่ ก็ไปเห็นอวัยวะเพศของลิงมีรูปร่างเหมือนขนมที่ปั้นอยู่เลยเอามาตั้งชื่อ (ในสมัยก่อนมีลิงอาศัยอยู่ในชุมชนมาก)
ลูกจากลอยแก้ว สีและเนื้อคล้ายๆลูกตาล
"ขนมตังก๊วย" เป็นขนมโบราณ ทำจากข้าวพอง น้ำตาลอ้อย ฟักแช่อิ่ม
หมี่กรอบ ทำเป็นรูปตุ๊กตาหมี น่ารักมากๆค่ะ
"ชมบ้านเก่า" บ้านเลขที่ 38 เป็นบ้านไม้โบราณ 2 ชั้น สร้างประมาณ พ.ศ. 2447 สมัยรัชกาลที่ 5
ลักษณะบ้านหลังคาหน้าจั่ว ปลูกติดกับแนวขนานกับถนน โครงสร้างบ้านเป็นไม้เนื้อแข็ง
หลังคามุงกระเบื้องว่าว ช่องลมมีลายฉลุ เปิดให้เข้าชมด้านในฟรีค่ะ
หลังคามุงกระเบื้องว่าว ช่องลมมีลายฉลุ เปิดให้เข้าชมด้านในฟรีค่ะ
ภายในชุมชนหนองบัว มีบ้านเรือนไม้เก่าแก่อายุนับร้อยปี หลายสิบหลังเรียงรายอยู่สองฟากถนน
มีลวดลายฉลุประดับตกแต่งสวยงาม
ภารกิจต่อไปคือเดินถ่ายรูปค่ะ
มาตอนตลาดใกล้ปิดแบบนี้ก็ดีตรงที่คนน้อยค่ะ เดินถ่ายรูปได้สบาย
แดดร่มๆทานขนมไปเดินเล่นไปสบายใจค่ะ
ตามซอยเล็กๆก็มีรูปด้วยนะคะ
ภาพวาดหลายแนว
แอบดูด้วยยย
เดินเล่นจนตลาดปิด ไม่มีคนแล้วค่ะ
เวลา 18:00 น.กลับเข้าเมือง ทานอาหารที่ร้านดัง จันทรโภชนาสาขาดั้งเดิม อยู่ไม่ไกลจากที่พัก
คนเยอะมากโชคดีมีโต๊ะว่างด้านในพอดี
สั่งอาหารมา 4 อย่าง ไข่เขียวกุ้ง แกงหมูชะมวง ผัดผักกูด ลอมาจู
จานใหญ่ ทานไม่หมดค่ะ
จานใหญ่ ทานไม่หมดค่ะ
เวลา 19:00 น.ทานอาหารเสร็จก็ไปเดินเล่นที่ชุมชนริมน้ำจันทบูรค่ะ
ตอนนี้มืดแล้วถ่ายรูปลำบากค่อยมาเดินเล่นอีกทีพรุ่งนี้เช้าดีกว่าค่ะ
ข้ามสะพานนิรมล
แม่น้ำจันทบุรี ยามค่ำคืน
เดินข้ามสะพานไปก็จะถึงโบสถ์พระแม่มารี ตอนนี้มีงานคริสตมาสแสงสีสวยงาม
ซุ้มไฟหน้าโบสถ์
โบสถ์วัดแม่พระปฏิสนธินิรมล หรือ อาสนวิหารพระแม่ปฏิสนธินิรมล
โบสถ์คาทอลิกที่สวยที่สุดในประเทศ
ด้านในกำลังมีพิธี ให้เฉพาะผู้นับถือศาสนาคริสต์เข้าได้เท่านั้นค่ะ
วันทามารีอา
ด้านข้างโบสถ์ก็มีซุ้มไฟประดับด้วยค่ะ
แอบมองด้านในโบสถ์ เห็นกระจกสีสวยดีค่ะ
เวลา 20:00 น.เดินกลับที่พักกันค่ะ บนสะพานเพิ่งเปิดไฟมีคนมารอถ่ายรูปกันเยอะเลย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น