เวลา 13:30 น.ออกเดินทางจากเมืองซาลซ์บวร์ก ลงใต้เพื่อไปเมืองฮัลล์สตัทท์
ระยะทางประมาณ 70 กม. ใช้เวลา 1.5 ชม.
มีหิมะตลอดการเดินทาง ตอนนี้เริ่มเข้าสู่ภูมิภาค Salzkammergut
ทะเลสาบฮัลล์สตัทท์ : Lake Hallstatt : Hallstatter Sea
เวลา 15:00 น. เดินทางถึงเมืองฮัลล์สตัทท์
อยู่ในรัฐ Upper Austria ซึ่งเป็น 1 ใน 9 รัฐของประเทศออสเตรีย
Hallstatt เป็นเมืองท่องเที่ยวเล็กๆ อยู่ทางฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของ Hallstatter Sea
หิมะกำลังตกหนักและมีลมพัดจากทะเลสาบ หนาวจับใจเลยค่ะ
ฮัลล์สตัทท์ได้ชื่อว่าเป็นเมืองริมทะเลสาบที่สวยที่สุดในโลก
ซูมๆมองเห็นยอดโบสถ์อยู่ไกลๆ
บริเวณนี้เป็นลานจอดรถ อาคารไม้ด้านหลังคือ Hallstatt Tourism Office
ดูแผนที่ประกอบการเดินชมเมือง พวกเราจะเดินขึ้นไปทางเหนือ เพื่อไปถ่ายรูปที่โบสถ์ก่อนค่ะ
แล้วค่อยแวะที่ต่างๆตอนเดินกลับมา
รีบเดินไปที่จุดชมวิว แวะถ่ายรูประหว่างทางนิดหน่อย
จุดหมายคือโบสถ์ด้านหน้า
มาถึงแล้วค่ะ "มุมมหาชน" ระยะทางจากที่จอดรถมาถึงตรงนี้ประมาณ 1 กม.
เหนื่อยและหนาวมากค่ะเพราะต้องเดินขึ้นเนินและหิมะก็ยังตกไม่หยุด
พอได้เห็นวิวแล้วหายเหนื่อยค่ะ ถ่ายรูปกันแบบรัวๆ
เมืองนี้สวยทุกฤดู ตอนนี้ก็สวยแบบหน้าหนาวมีหิมะขาวๆ
เมืองฮัลล์สตัทท์และเขตภูมิภาคซาลซ์คัมเมอร์กุทได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในปี 1997
ยังไม่มีนักท่องเที่ยวขึ้นมา พวกเราเลยถ่ายรูปได้อย่างสบายใจ555
Classic Village Viewpoint
พวกเราเก็บภาพตรงนี้ร่วมร้อยรูปเลยค่ะ (3 กล้อง 3 มือถือ) เพราะคงอีกนานกว่าจะได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง
Postcard Angle
เริ่มมีนักท่องเที่ยวขึ้นมาแล้วค่ะ ทั้งไทย จีน ญี่ปุ่น เกาหลี
ได้เวลาไปเที่ยวที่จุดต่อไปแล้วค่ะ เดินย้อนกลับทางเดิม
ถนนสายนี้ชื่อ Gosaumühlstraße เดินตามทางลงเขาไปเรื่อยๆ
บันไดขวามือคือทางขึ้นไบน์เฮาส์ และโบสถ์คาทอลิก
ทางขึ้นค่อนข้างสูง แคบและชัน ยิ่งมีหิมะแบบนี้จะลื่นมาก
ด้านบนนี้ไม่มีคนขึ้นมาเลยค่ะ
Katholische Pfarre Hallstatt : โบสถ์คาทอลิกประจำเมือง
โบสถ์นี้เริ่มสร้างตั้งแต่ปี 1181 ในสไตล์โรมาแนสก์ ต่อมาก็มีการปรับเปลี่ยนไปจนเป็นสไตล์โกธิค
การก่อสร้างใช้เวลานานมากเพราะสร้างบนไหล่เขาสูงชัน จนเสร็จสมบูรณ์ในปี 1505
มีรูปปั้นพระเยซูอยู่เหนือทางเข้าโบสถ์
โบสถ์จะเปิดทุกวันในเดือนพฤษภาคม-ตุลาคม ไม่เสียค่าเข้าชม
โบสถ์จะเปิดทุกวันในเดือนพฤษภาคม-ตุลาคม ไม่เสียค่าเข้าชม
จากบนนี้มองเห็นโบสถ์โปรแตสแตนท์ด้านล่างชัดเจน
ลานด้านหน้าโบสถ์เป็นระเบียงชมวิวทะเลสาบ
Cementery : ลานหินด้านข้างโบสถ์มีสุสานวางเรียงรายกันหนาแน่นมากกว่าร้อยหลุม
อาคารขนาดเล็กที่แยกออกมาจากโบสถ์ก็คือ ไบน์เฮาส์
Beinhaus : Bone House in Michael's Chapel
โรงเก็บกระดูกของโบสถ์นักบุญไมเคิล
ภายในเป็นที่เก็บหัวกะโหลกมากกว่า 1,200 กะโหลก ส่วนใหญ่เป็นคนที่เสียชีวิตในศตวรรษที่ 18-19 มีการขุดโครงกระดูกขึ้นมาจากหลุมแล้วเอากะโหลกมาเก็บไว้ที่นี่ เพราะต้องมีการเวียนใช้หลุมฝังศพให้กับคนที่เพิ่งตาย สุสานนี้มีกฎว่าให้ฝังได้ไม่เกิน 10-15 ปี เนื่องจากปัญหาการมีพื้นที่จำกัด และสมัยนั้นไม่อนุญาตให้มีการเผาศพ
เสียค่าเข้าชมคนละ 1.5 ยูโร แต่ตอนนี้ปิดค่ะ
ถ้าเปิดประตูเข้าไปจะพบกับภาพด้านในแบบนี้ค่ะ
ภาพจาก https://www.hallstatt.net/
รูปถ่ายที่ติดไว้หน้าไบน์เฮ้าส์
ด้านในมีหัวกระโหลกจำนวนมากมาย มากกว่าครึ่งมีการวาดลวดลายลงบนกะโหลกด้วยค่ะ
กะโหลกชิ้นสุดท้ายที่นำมาเก็บคือในปี 1995 เพราะปัจจุบันมีการเผาศพกันแล้ว
สุสานวางเรียงรายเป็น 2 ระดับ แต่ละแปลงก็มีต้นไม้และดอกไม้เล็กๆประดับสวยงาม
เดินลงมาด้านล่างจะพบกับป้ายบอกทาง เหมือนทางที่ต้องขึ้นเขาไปอีก
แหงนมองขึ้นไปเห็นโบสถ์ตั้งอยู่ริมหน้าผาสูงชัน
เดินลงมาจนสุดถนน Gosaumühlstraße แล้วเลี้ยวซ้ายมายืนอยู่บริเวณท่าเรือ
มองขึ้นไปเห็นโบสถ์ที่หน้าผาชัดเจน เห็นการตกแต่งสไตล์โกธิคโดยมีหน้าต่างทรงแคบสูง
ด้านหลังคือร้านอาหารและโรงแรม
Boat Rental Office ที่นี่มีบริการให้เช่าเรือลำเล็กๆไว้พายเล่นในทะเลสาบ คนมักนิยมเช่าเรือรูปหงส์
บริการนี้จะเปิดในเดือนเมษายน-กันยายน ค่าเช่ามีหลายราคาตามขนาดและชนิดของเรือ
ประมาณชั่วโมงละ 11-18 ยูโร
เดินเลยมานิดเป็นท่าเรือเฟอร์รี่ Stefanie Ferry Boat Dock (Schiffstation)
สำหรับคนที่เดินทางโดยรถไฟแล้วลงที่ฝั่ง Obertraun จะต้องข้ามเรือเฟอร์รี่เพื่อมาเมืองนี้
จากท่าเรือมองไปจะเห็นด้านข้างของโบสถ์ มีหอนาฬิกาสูงโดดเด่น
ตรงนี้เป็นมุมถ่ายรูปโบสถ์ได้ชัดและสวยที่สุด
แผนที่เมืองฮัลล์สตัทท์
เมื่อเดินตรงขึ้นมาจากท่าเรือขึ้นมาจะพบกับโรงแรมและร้านอาหาร
Heritage Hotel Hallstatt
ลานกว้างรอบๆโบสถ์คือ Landungsplatz เข้าไปชมด้านในโบสถ์กันค่ะ
Evangelische Pfarrkirche Hallstatt เป็นโบสถ์โปรแตสแตนท์ประจำเมือง
ด้านในโบสถ์มีขนาดไม่ใหญ่ แต่อบอุ่นมากๆค่ะ
โบสถ์เริ่มสร้างเมื่อปี ค.ศ.1785 ตอนแรกเป็นเพียงอาคารหลังเล็กๆเรียกว่า Prayer House
ประวัติเมืองฮัลล์สตัทท์ตั้งแต่สมัยโบราณที่ยังใช้เรือในการสัญจร
โบสถ์นี้ได้รับการก่อสร้างใหม่ในปี 1859-1963 มีขนาดใหญ่ขึ้นและมีหอนาฬิกาด้วย
ด้านในโบสถ์ตกแต่งด้วยไม้เรียบง่าย เพดานก็เป็นไม้หมดเลยค่ะ หน้าต่างทรงสูงสไตล์นีโอโกธิค
ออกจากโบสถ์ก็เดินลงใต้ไปตามถนน มีร้านคาเฟ่และร้านขายของที่ระลึกสองข้างทาง
ในซอยเล็กๆก็ยังมีโรงแรมอีกมากมาย
ธารน้ำเล็กๆไหลจากภูเขาลงสู่ทะเลสาบ
เดินเลยโบสถ์มาจะเห็นอาคาร 3 ชั้นสีเหลืองสดใสคือโรงแรมชื่อดังของเมือง ราคาค่อนข้างสูง
ด้านหลังมีระเบียงชมวิวทะเลสาบ และเป็นร้านอาหารหรูหรา
Seehotel Grüner Baum Boutiquehotel am Hallstättersee
Gasthof Grüner Baum : Imperial and royal accommodation of salt manufactures of Wagendorf.
Market Square : Marktplatz
ฝั่งตรงข้ามโรงแรมคือ จตุรัสกลางเมืองเก่า
ด้านหน้าจตุรัสมีอนุสาวรีย์ Statue of Holy Trinity ตอนนี้มีไม้ปิดคลุมอยู่เพราะหิมะตกมาก
รอบๆจตุรัสเป็นร้านอาหาร ร้านขายของ และที่พัก
ข้างหลังอนุสาวรีย์เป็นน้ำพุเล็กๆ ตอนนี้ก็ปิดไว้เหมือนกันค่ะ
จตุรัสนี้มีความสำคัญเพราะเมื่อก่อนเป็นศูนย์กลางการค้าขายเกลือ และสินค้าอื่นๆ
ปัจจุบันไม่มีการค้าขายแบบนั้นแล้ว แต่ก็ยังเป็นศูนย์กลางของเมืองนี้เหมือนเดิม
คนนิยมมาชมความงามของอาคารรอบๆจตุรัส ทุกหลังมีการตกแต่งที่เป็นเอกลักษณ์
เดินออกจากจตุรัส มองกลับไปเห็นโบสถ์ อาคารด้านขวามือคือ Gasthof Simony
อาคารนี้เป็น Guest house และเป็นร้านอาหาร เดินเข้าไปด้านในมีระเบียงติดทะเลสาบ
และมีเรือแคนูไว้บริการผู้มาพัก
ที่ชั้นล่างของอาคารนี้ยังเป็นสถานที่เช่าชุดพื้นเมืองเพื่อไปถ่ายรูปบริเวณทะเลสาบด้วยค่ะ
Dirndl-To-Go Rentals
ตอนนี้พวกเราอยู่บนถนน Seestraße ซึ่งเป็นถนนสายหลักของเมือง
เดินผ่านซุ้มโค้งไปพิพิธภัณฑ์
Hallstatt City Museum : Stadtmuseum
พิพิธภัณฑ์นี้เริ่มก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ.1884 และเปิดให้คนทั่วไปเข้าชมในปี 2002
เปิดทุกวัน ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่คนละ 7.5 ยูโร
ด้านในมีการจัดแสดงของเก่าที่มีอายุมากกว่า 7000 ปี
The World Heritage museum of Hallstatt.
พิพิธภัณฑ์นี้ตั้งอยู่เชิงเขาของเหมืองเกลือ
เดินลงเนินด้านหน้าพิพิธภัณฑ์
มีทั้งร้านอาหารและที่พัก
Pension Hallberg Hotel
เบียร์ยี่ห้อดังของสาธารณรัฐเชค ชื่อของเบียร์มาจากชื่อเมือง Ceske Budejovice
เราสามารถเดินขึ้นเขาไปตามถนนเพื่อชมความงามของบ้านที่สร้างอยู่ตามไหล่เขาได้
เดินออกมาสู่ถนนหลัก อาคารทางขวามือคือไปรษณีย์ : Post Partner
บ้านเรือนสร้างลดหลั่นตามริมเขา เนื่องจากเมืองนี้มีที่ราบน้อย
และเพื่อความสะดวกในการเดินทางทางน้ำเพราะสมัยก่อนยังไม่มีถนนคนยังใช้เรือเป็นหลัก
และเพื่อความสะดวกในการเดินทางทางน้ำเพราะสมัยก่อนยังไม่มีถนนคนยังใช้เรือเป็นหลัก
บริเวณนี้เป็นท่าเรืออีกแห่ง
Tightly stacked timber homes
บ้านไม้หลังเล็กๆสร้างติดกันหนาแน่น
Salzkontor Natursalz-Shop
ด้านในขายสินค้าที่ทำจากเกลือธรรมชาติ มีหลากหลายอย่างเพราะเมืองนี้เป็นแหล่งผลิตเกลือ
Bräugasthof Restaurant & Guesthouse
บ้านหลายหลังสร้างยื่นไปในทะเลสาบ
มองย้อนกลับไปเห็นยอดโบสถ์
ระหว่างทางเดินก็จะมีระเบียงชมวิวยื่นไปในทะเลสาบหลายอัน แวะถ่ายรูปได้ตลอดทาง
Lake Hallstatt Stroll ถนนทางเดินแนวยาวข้างซ้ายติดทะเลสาบ ข้างขวาติดบ้านตามไหล่เขา
บริเวณนี้ก็เป็นจุดชมวิวอีกแห่ง เห็นวิวทะเลสาบแบบพานอรามา
มีม้านั่งตลอดแนว ถ้าอากาศดีๆคนจะมานั่งเล่นเยอะมาก
โรงแรมและที่พักบนเขามองเห็นวิวสวยมาก
ถนน Seesstrasse เป็นถนนสายหลักของเมือง มีความยาวเลียบตลอดแนวทะเลสาบร่วม 1 กม.
บ้านที่อยู่ริมทะเลสาบสวยน่ารักทุกหลังเลยค่ะ และยังมีหลังคาสีขาวทุกหลังด้วย55
ตอนนี้หิมะหยุดตกแล้วค่ะ อากาศกำลังเย็นสบาย
ร้านอาหารริมทะเลสาบ
ต้นไม้เกาะติดผนังบ้านแบบนี้มีหลายหลัง ดูเป็นเอกลักษณ์ของเมืองเลยค่ะ
บางหลังติดป้ายห้ามถ่ายรูปด้วยนะคะ
ร้านขายของที่ระลึกมีให้เห็นตลอดทางเดิน
หลังนี้ก็เป็นร้านขายของฝาก ของที่ระลึก แค่หน้าร้านก็น่ารักมากมาย
เดินมาจนสุดถนน Seestraβe แล้วค่ะ
กลับมายืนที่จุดเริ่มต้น บริเวณศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยว และท่ารถ
ATO Hallstatt Lahn (Schiffstation)
Hallstatt Lahn Viewpoint
ปกติบริเวณนี้จะเห็นหงส์มาเล่นน้ำนะคะ แต่ตอนนี้น้ำเย็นจัดเลยมีแต่เป็ดออกมาว่ายน้ำหาอาหาร
พวกเราใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง เดินเล่นในเมืองนี้จนครบ
แต่ถ้าจะขึ้นไปชมเหมืองเกลือด้านบนคงต้องมีเวลามากกว่านี้ค่ะ
อาคารชั้นเดียวข้างหน้าคือซุปเปอร์มาร์เก็ต Nah&Frisch
ส่วนอาคารสีเหลืองหลังใหญ่ทางซ้ายมือคือ Technical College
เวลา 17:00 น.ออกเดินทางจากฮัลล์สตัทท์
เวลา 18:30 น.แวะพักรถที่เมือง Ansfelden พระอาทิตย์ตกดิน ท้องฟ้าสีสวยมากๆค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น