เวลา 20:00 น. เดินทางมาถึงเมืองเชสกี้ครุมลอฟ ประเทศสาธารณรัฐเชค คนที่นี่จะเรียกว่าเช็คเกีย
รถบัสจอดด้านนอกเมืองเก่า ต้องเดินลากกระเป๋ามาที่โรงแรมค่ะ
ที่เห็นโดดเด่นท่ามกลางความมืดข้างหน้าคือโบสถ์เซนต์วิตุส
ที่พักของเราคืนนี้คือโรงแรมเก่าแก่ Hotel Gold ดูด้านนอกจะมืดๆทึมๆดูน่ากลัวนิดๆ
ห้องพักเป็นแบบทริปเปิลรูม ห้องใหญ่มากๆ ตกแต่งแบบเดิมๆเหมือนเข้ามาอยู่ในอดีตเลยค่ะ
รูปห้องพักมีหลายแบบ หลายขนาด
เก็บกระเป๋าเสร็จก็ออกไปเดินเล่นในเมืองเก่ากันค่ะ
จากโรงแรมเดินข้ามสะพานไปถึงย่านกลางเมืองประมาณ 400 เมตร
คืนนี้ดูเงียบๆ อาจเป็นเพราะดึกแล้วและอากาศเย็นมาก คนเลยไม่ออกมาเดินเล่นกัน
แสงไฟตอนกลางคืนทำให้บ้านเรือนดูแปลกตาไปอีกแบบ
บางครั้งเดินๆอยู่ก็ต้องคอยหันมามองด้านหลังด้วยความระแวง 55
Hotel Grand อยู่ในจตุรัสกลางเมืองเก่า
เดินผ่านจตุรัสคอนคอร์ด แล้วเลี้ยวขวาเข้าซอยเล็กๆก็มาถึงร้านอาหารเย็นของเราแล้วค่ะ
ด้านในตกแต่งเหมือนอยู่ในถ้ำ ตรงกลางร้านมีเตาไฟขนาดใหญ่ที่กำลังปิ้งย่างเนื้อสัตว์ตลอดเวลา
มีคนนั่งทานเบียร์เต็มร้านเลยค่ะ
อาหารมื้อนี้ของเราก็เริ่มด้วยซุปเหมือนเดิม
เมนคอร์สคือ ปลาเทร้าต์ย่างไฟหอมกรุ่น อร่อยดีค่ะ ไม่คาว แต่เนื้อน้อยไปนิด ก้างเยอะไปหน่อย
ปิดท้ายด้วยขนมหวาน ขนมปังอบกรอบใส้แยมแอปเปิ้ล ( Apple Strudel ) ก็อิ่มพอดีเลยค่ะ
เวลา 22:00 น.ทานอาหารเสร็จก็ออกมาเดินเล่นในตัวเมืองเก่า แต่เดินได้แป๊บเดียวก็ทนไม่ไหวกันแล้วเพราะทั้งหนาวและง่วงมากๆ อุณหภูมิตอนนี้ประมาณ 0 องศา
คุณป๋าเลยพาเดินกลับโรงแรมค่ะ
ข้างหน้าคือแม่น้ำวอลตาวา (Vltava) เป็นแม่น้ำสายหลักของเมืองนี้ คดเคี้ยวล้อมรอบเมืองเก่า
พอข้ามสะพานไปแล้วเลี้ยวซ้ายก็ถึงโรงแรมแล้วค่ะ อาคารหลังใหญ่ข้างหน้าคือโรงเรียนประถมศึกษา
โบสถ์งดงามยามค่ำคืน
มองจากที่พักของเราเห็นโบสถ์เด่นชัดมาก
วันพุธที่ 21 มีนาคม 2561
เวลา 7:00 น.ตื่นนอน อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เปิดประตูออกมาจากห้องนอน มีหิมะเต็มไปหมดเลย
(อยากจะบอกว่าประตูห้องที่นี่เปิดยากมากๆ ที่ล็อกประตูเป็นแบบโบราณต้องหมุนๆและหมุนจนกว่าจะมีเสียงปลดล็อก ถึงจะเปิดเข้าไปได้)
(อยากจะบอกว่าประตูห้องที่นี่เปิดยากมากๆ ที่ล็อกประตูเป็นแบบโบราณต้องหมุนๆและหมุนจนกว่าจะมีเสียงปลดล็อก ถึงจะเปิดเข้าไปได้)
สงสัยหิมะน่าจะตกตั้งแต่เมื่อคืน ตอนนี้อากาศเย็นมาก
ไปทานอาหารเช้าที่ด้านในกันก่อนค่ะ
อาหารเช้ามีไม่มาก เบคอนทอดและไข่ถ้วยอร่อยดีค่ะ
วิวนอกห้องอาหารโรแมนติกมากๆค่ะ
มื้อเช้าต้องจัดหนักหน่อย เพราะวันนี้เราต้องเดินชมเมืองทั้งวัน
ทานอาหารเสร็จ แต่งกายให้หนาและอบอุ่นที่สุด ข้างนอกตอนนี้อุณหภูมิเริ่มติดลบแล้วค่ะ
โรงแรมนี้เก่าแก่มาก สร้างขึ้นตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 16 โครงสร้างและการตกแต่งภายในยังคงแบบเดิมเพราะเมืองนี้ไม่ได้รับความเสียหายตอนสงครามโลก
บรรยากาศต่างจากที่พวกเราเดินเล่นเมื่อคืนเลย ทั้งเมืองขาวโพลนไปหมด
พื้นถนนขาวสะอาดตาน่าเดินเล่นมากๆ
โบสถ์เซนต์วิตุส : Church of St.Vitus : Kostel sv.Vita
เป็นโบสถ์ประจำเมืองสไตล์โกธิค สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 มีอายุร่วม 700 ปี
ด้านหลังคือสวนสาธารณะริมแม่น้ำวาลตาวา (Vltava River) ที่คดเคี้ยว
ทางเข้าสวนสาธารณะ Mestsky Park
ด้านในสวนกว้างขวางมาก
ด้านนอกของสวนจะเลียบแม่น้ำไปเป็นแนวยาว
ด้านหลังคือโรงแรมที่อยู่อีกฝั่งแม่น้ำ
หิมะเพิ่งตกยังนิ่มและสะอาด มะปรางขอลองนอนอีกแล้วค่ะ55
ตอนนี้เวลา 8:00 น.ไปเดินเล่นในเมืองกันดีกว่าค่ะ
เดินเลียบแม่น้ำเพื่อไปข้ามสะพานข้างหน้า
ยอดหอคอยของโบสถ์เป็นจุดเด่นอย่างหนึ่งของเมืองนี้เลยค่ะ มองเห็นได้จากทุกมุม
ฝั่งตรงข้ามมีโรงแรมมากมาย เพราะเมืองนี้มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมเยียนมากเลยค่ะ
วิวแม่น้ำทางฝั่งขวา
สีสันต่างจากเมื่อคืนมากๆค่ะ พวกเรามาเที่ยวก็ควรได้เห็นวิวกลางคืนและกลางวัน
วิวแม่น้ำฝั่งซ้าย
บ้านหลังเล็กๆสีหวานๆหลังคาสีขาว สวยเหมือนภาพวาด
หิมะยังตกตลอดเวลา หนาวจนปากแข็งแล้วค่ะ
เดินลงจากสะพานตรงไปเลี้ยวขวาจะพบกับด้านหน้าโบสถ์เซนต์วิตุส
มองขึ้นไปจะเห็นหอคอยสไตล์นีโอโกธิค ทรงแปดเหลี่ยม เพิ่งสร้างเพิ่มในศตวรรษที่ 19
ทางขึ้นไปชมโบสถ์
เดินไปจุดชมวิวเมืองกันค่ะ
ถึงจุดชมวิวแล้วค่ะ เป็นสวนขนาดเล็กชื่อ Seminarni zahrada
สวนนี้อยู่ด้านหน้าอาคารขนาดใหญ่ดูจากกูเกิ้ล คือ Former Jesuit dormitory
ผนังวาดเป็นภาพสามมิติเหมือนอิฐนูนขึ้นมาเลยค่ะ
วิวด้านหน้าสวยงามค่ะ มองเห็นยอดหอคอยปราสาทครุมลอฟโดดเด่นสูงที่สุดในเมือง
ยอดหอคอยสีเขียวด้านหน้าคือ St.Jost Church
ล้อมรอบด้วยบ้านหลังเล็กๆน่ารักๆ
วิวของเมืองจะแตกต่างจากหน้าร้อนสวยไปคนละแบบ
หิมะตกหนักขึ้นเรื่อยๆ บนนี้แทบไม่มีนักท่องเที่ยวขึ้นมาเลยค่ะ แต่พวกเราก็ยังถ่ายรูปกันไม่หยุด
อาคารสีเหลืองหลังนี้คือพิพิธภัณฑ์ : Regional Museum
ในสวนนี้มีม้านั่งเล่นชมวิวด้วยค่ะ แต่หิมะหนาขนาดนี้ไม่มีใครอยากนั่งแน่ๆ
แผนที่เมืองเชสกี้ ครุมลอฟ
ตอนนี้เราอยู่ที่ตำแหน่งจุดสีแดงค่ะ จะเห็นว่าแม่น้ำวาลตาวานั้นคดเคี้ยวมาก
เดินย้อนกลับทางเดิม จะเห็นภาพวาดสามมิติที่ผนังอาคารเป็นแนวยาว
มองจากมุมไหนก็มองเห็นยอดหอคอยของปราสาทครุมลอฟ
เดินตามทางตรงมาเรื่อยๆจะพบกับจตุรัสคองคอร์ด : Namesti Svornosti
บริเวณนี้ถือว่าเป็นศูนย์กลางของเขตเมืองเก่า
กลางจตุรัสมีเสาพระแม่มารี ( Marian Plaque Column )
เสานี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1716 ด้านบนยอดเสามีรูปปั้นพระแม่มารี
ด้านล่างมีรูปปั้น St.Roch ซึ่งเป็นนักบุญที่ช่วยให้ชาวเมืองรอดพ้นจากการระบาดของกาฬโรค
รอบๆจตุรัสมีตึกเก่าสีหวาน รูปทรงสวยมากมาย
รอบๆจตุรัสมีทั้งโรงแรม ร้านค้า ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ธนาคาร ในอดีตที่นี่เคยเป็นตลาดที่สำคัญ
อาคารสีขาวด้านหลังคือศาลาว่าการเมือง : Town Hall
ด้านหน้าอาคารมีตราสัญลักษณ์ของตระกูล EggenBerg อยู่ทางซ้าย ตระกูล Schwarzenberg อยู่ทางขวา ตรงกลางคือตราสาธารณรัฐเชค ด้านล่างคือตราเมือง Cesky Krumlov
ชั้นใต้ดินเป็นพิพิธภัณฑ์ : Museum Tortury
ด้านหน้าอาคารมีตราสัญลักษณ์ของตระกูล EggenBerg อยู่ทางซ้าย ตระกูล Schwarzenberg อยู่ทางขวา ตรงกลางคือตราสาธารณรัฐเชค ด้านล่างคือตราเมือง Cesky Krumlov
ชั้นใต้ดินเป็นพิพิธภัณฑ์ : Museum Tortury
เดินต่อไปตามทางข้างๆศาลาว่าการเมือง
เห็นหอคอยปราสาทครุมลอฟชัดขึ้น
ข้างหน้าเป็นสะพานข้ามแม่น้ำวาลตาวา : Barber 's bridge : Lazebnicky Bridge
St.Jost Church เป็นโบสถ์เล็กๆมีหอคอย 5 ชั้น ที่ยอดหอคอยมีไฟส่องมาที่ถนนลาทราน
โบสถ์นี้เริ้มก่อตั้งเมื่อประมาณ ค.ศ.1334 โดย Peter I. von Rosenberg
วิวทางฝั่งขวาของสะพาน
รูปปั้นนักบุญอยู่ตรงกลางสะพาน : statue of St.John of Nepomuk
มองย้อนกลับไปคือย่าน old town ที่เราเพิ่งเดินผ่านมา
ฝูงเป็ดในแม่น้ำที่เย็นจัด
แม่น้ำช่วงนี้เหมือนเป็นลำธารเล็กๆ
ทางฝั่งซ้ายของสะพานมีรูปปั้นพระเยซูตรึงไม้กางเขน
มองเห็นตัวปราสาทครุมลอฟ
ปราสาทครุมลอฟ เป็นปราสาทที่ใหญ่อันดับ 2 ของประเทศรองจากปราสาทปราก
ข้ามสะพานมาแล้วก็ถึงย่านลาทราน (Latran) หรือหมู่บ้านช่าง
ในอดีตเป็นย่านที่พักของช่าง,คนรับใช้ และพ่อค้า
TRDELNIK (เทรอเดลนิค) ขนมพื้นเมืองชื่อดังของเมืองนี้ ที่นี่เรียกว่าเครป เป็นขนมประจำชาติเช็คเกีย
เอาขนมปังมาม้วนบนกระบอกทรงกลมแล้วนำไปย่างจนกรอบ ใส่ไส้ตามใจชอบ น่าทานมากๆค่ะ
แต่ตอนนี้ร้านปิดค่ะ อดทานเลย
สมัยก่อนย่านนี้เป็นบ้านห้องแถวเล็กๆเรียงรายในซอยแคบๆ จนไปถึงหน้าปราสาท
ถ้าจะไปปราสาทให้ขึ้นบันไดเล็กๆไปเลยค่ะ
ปัจจุบันย่านนี้ได้กลายเป็นร้านค้ามากมาย เสียดายตอนนี้ร้านปิดทุกร้าน
ถึงประตูทางเข้าสู่บริเวณปราสาท
ลานกว้างหน้าปราสาท:Courtyard I มีป้ายบอกทางเพราะภายในปราสาทจะเป็นกลุ่มอาคารโบราณ
Castle Complex คือมีทั้งตัวปราสาท หอคอย โบสถ์ และบ้านเก่า
ด้านหลังคือปราสาทครุมลอฟ (Krumlov Castle) ตั้งอยู่บนเนินเขา มีอายุเก่าแก่มากกว่า 700 ปี
จุดเด่นที่สุดคือหอคอยของปราสาท ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้
ด้านหลังที่มีรั้วกั้นคือบ่อหมี อยู่ที่ฐานหอคอย
หอคอยเป็นรูปทรงกลมยอดแหลม มีภาพเขียนสีระบายรอบๆหอคอยสีแปลกตา
สามารถขึ้นไปชมวิวด้านบนได้นะคะ
Statni Hrad a Zamek Cesky Krumlov
เมืองนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นเมืองมรดกโลกทางวัฒนธรรมจาก UNESCO ในปี 1992
รูปแผนผังของตัวปราสาท
เข้าไปชมด้านในปราสาทกันค่ะ
ด้านหลังคือประตูทางเข้าปราสาท
ประตูนี้อยู่ใกล้หอคอย กรงเหล็กด้านหลังคือบ่อหมี แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรอยู่เลยค่ะ
เข้ามาในลานกว้างกลางปราสาทแล้วค่ะ : Courtyard II
อาคารสีเหลืองด้านหลังคือ Old Mint เมื่อก่อนเป็นที่พักของนายพราน ทหาร
ปัจจุบันชั้นบนเป็นแกลลอรี่ ชั้นล่างเป็น Tourist Information
อาคารสีเหลืองด้านหลังคือ Old Mint เมื่อก่อนเป็นที่พักของนายพราน ทหาร
ปัจจุบันชั้นบนเป็นแกลลอรี่ ชั้นล่างเป็น Tourist Information
ซื้อตั๋วเข้าชมปราสาทที่อาคารนี้ได้เลยค่ะ
Guide Tour เปิดให้เข้าชมด้านในตัวปราสาทบางส่วน ทัวร์มีหลายแบบหลายราคา
แต่ห้ามถ่ายรูปด้านในปราสาท ดูรูปที่ป้ายนี้แทนค่ะ
ติดกับอาคาร Mint คือ หอคอย : Tower and Little Castle
เมื่อก่อนใช้เป็นป้อมปราการ และที่พักของคนรับใช้
อาคารสีดำตรงประตูทางเข้าคือ New Burgrave 's House
เมื่อก่อนคือที่ทำการปราสาท Castle Administration ,ที่พักของ Schwarzenberg Guard,Casino
ด้านล่างเป็นคุกใต้ดินเชื่อมต่อกับบ่อหมี
ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของ หอจดหมายเหตุ และหอสมุด
ผนังวาดลวดลายสามมิติ ทำให้ดูเหมือนทำมาจากหิน
ถ่ายรูปด้านนอกเสร็จก็เดินขึ้นไปต่อค่ะ
ข้างหน้าคือประตูทางเข้าสู่ Upper Castle
ผนังลายๆทางขวามือเป็นอาคารชื่อ Dairy ใช้ผลิตเนยและชีส
เหนือประตูทางเข้ามีตราสัญลักษณ์ของตระกูล Rosenberg and Eggenberg
ทางเดินไปสู่ Upper Castle
แผนผัง Upper Castle ซึ่งเป็นส่วนหลักของปราสาทนี้ ภายในมีห้องต่างๆมากมายตามรูป
เดินมาถึง Courtyard III ผนังของอาคารทั้ง 4 ด้านตกแต่งด้วยภาพวาดสามมิติสีเหลืองเหมือนเป็นอิฐจริง
และยังมีรูปวาดของเทพในตำนานกรีก
เดินต่อไปยัง Courtyard IV ผนังอาคารก็ยังตกแต่งแบบเดียวกัน แต่สีจางกว่า รูปวาดก็ไม่ค่อยชัดแล้วค่ะ
ถ่ายรูปจนเสร็จก็เดินต่อมาถึงสะพานที่เชื่อมระหว่างพระราชวังส่วน Upper Castle กับสวนของพระราชวัง
Cloak Bridge เป็นสะพาน 3 ชั้น มีหลังคาคลุม
เป็นจุดชมวิวเมือง Old Town ที่คนนิยมมาถ่ายรูปมาก
บ้านหลังเล็กๆ หลังคาปกคลุมด้วยหิมะขาวไปหมด เหมือนอยู่ในเทพนิยาย
บางคนเรียกว่าระเบียงชมวิวมรดกโลก
ข้างบนนี้ลมแรงมากๆเลยค่ะ ลมพัดมาทีหนาวจนปากแข็งเลย
จากบนสะพานมองเห็นวิวไปได้ไกลสุดสายตา
มีรูปปั้นประดับอยู่ที่ข้างสะพานทั้งสองด้าน
ตรงนี้คือวิวอีกฝั่งของเมือง
ชื่นชมวิวที่สะพานและถ่ายรูปจนจุใจก็เดินต่อไปยังลานพระราชวังส่วนที่ 5 : Courtyard V
ด้านหน้าโรงละคร Castle Theater มีกำแพงยาวตลอดแนว
และที่โดดเด่นก็คือตลอดแนวกำแพงมีหน้าต่างทรงโค้งเล็กๆ ให้เรามองผ่านเพื่อชมเมือง
วิวเดิมแต่พอมองผ่านช่องเล็กๆก็สวยไปอีกแบบ
เดินจนสุดแนวกำแพงแล้วเลี้ยวซ้ายเพื่อไปจุดชมวิวอีกแห่งค่ะ
จากมุมนี้จะมองเห็นตัวเมืองได้มุมกว้างมาก ยิ่งถ้าถ่ายภาพแบบพาโนรามาจะมองเห็นได้ทั้งเมืองเลยค่ะ
โชคดีวันนี้ไม่มีนักท่องเที่ยว พวกเราเลยถ่ายรูปได้แบบสบายใจไม่มีคนบัง
มองเห็นหอคอยและตัวปราสาทได้ครบทั้งหลัง
จากจุดชมวิวนี้ มีทางเดินเพื่อไป Castle Garden แต่พวกเราไม่ได้ไปค่ะ เพราะต้องเดินทางต่อ
เวลา 10:00 น.เดินมาถึงทางออกแล้วค่ะ
อาคารสีขาวด้านหลังคือ Baroque Castle Theater & Renaissance House
จากอาคารด้านหลังจะมีทางเชื่อมเพื่อไป Castle Garden
กำแพงสีขาวทางซ้ายมือคือ Castle Garden
พวกเราใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงในการเดิมชมเมืองเก่าและปราสาทครุมลอฟ
เดินลงไปด้านล่างเพื่อไปขึ้นรถ
ลำธารเล็กๆที่แยกมาจากแม่น้ำวาลตาวา
มารอขึ้นรถบัสเพื่อเดินทางต่อไปยังปราก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น