เวลา 14:30 น.ไปรับมะปรางที่ ร.ร.สตรีวิทยา หลังจากสอบ IJSO เสร็จ ก็รีบเดินทางมายังสนามบินสุวรรณภูมิ
เวลา 16:00 น.เดินทางมาถึงสนามบิน ให้มะปรางเปลี่ยนเสื้อผ้า และเอาของที่ใช้แล้วใส่กล่องส่ง ปณ.กลับบ้านจะได้ไม่เปลืองน้ำหนักเวลาเดินทาง เสร็จแล้วก็ไปทานอาหารเย็น
เวลา 18:00 น.เช็คอินเพื่อเดินทางไปมิวนิค ประเทศเยอรมัน โหลดกระเป๋าและผ่าน ตม.ยังเหลือเวลาอีก 2 ชม.คุณป๋าเลยพาไปนั่งเล่น ทานขนมที่ King power lounge
เวลา 20:40 น.ออกเดินทางสู่เมืองมิวนิค โดยเที่ยวบิน QR 835 มีอาหารมื้อเย็นและเครื่องดื่มบริการ
เวลา 00:15 น.เดินทางถึงสนามบินโดฮา การ์ต้า แวะเปลี่ยนเครื่อง
ได้พักครึ่งทางก็สบายดีค่ะ เข้าห้องน้ำ เดินเล่นสักพักให้หายเมื่อยขา
เวลา 02:40 น.ออกเดินทางต่อด้วยเที่ยวบิน QR 059
ใกล้จะถึงเมืองมิวนิคแล้ว ทานอาหารเช้าบนเครื่องก่อนลงค่ะ
ต้องปรับเวลานาฬิกาด้วยนะคะ ตอนนี้ที่เยอรมันช้ากว่าประเทศไทย 6 ชม.
เห็นเทือกเขาแอลป์เป็นแนวยาว
เวลา 7:00 น.เครื่องลงจอดที่สนามบิน หิมะกำลังตกอากาศหนาวมากๆประมาณ 0 องศา
ใช้เวลาในการผ่าน ตม.ที่มิวนิคนานพอสมควรร่วมๆชั่วโมงเพราะการจัดระเบียบไม่ดี นักท่องเที่ยวไม่มีการต่อแถว แซงคิวกันวุ่นวายมากๆ
สนามบินมีขนาดไม่ใหญ่ คนก็ไม่มากดีค่ะ
วิวสองข้างทางสวยงามดูเหมือนอยู่ในเทพนิยาย
ทำให้พวกเราไม่เบื่อกับการนั่งรถนานๆเลยค่ะ ถ่ายรูปกันไปตลอดทาง
เวลา 10:30 น.เดินทางมาถึงหมู่บ้านชวานเกา แวะรับประทานอาหารเที่ยงก่อนค่ะ
ท้องเริ่มหิวมากแล้ว เพราะจริงๆตอนนี้ที่เมืองไทยก็เป็นเวลา 16:30 น.
ร้านอาหารของเรามื้อนี้อยู่นอกเมือง แต่วิวรอบๆสวยมากๆ
ขอเดินเล่นถ่ายรูปก่อนระหว่างรออาหารค่ะ
เป็นร้านเล็กๆแต่มีลูกค้าเยอะค่ะ เห็นได้จากมีรถจอดหลายคัน
เข้าไปนั่งทานในร้านดีกว่าค่ะ ข้างนอกอากาศเย็นมาก
อาหารพื้นเมืองเริ่มด้วยซุป ปิดท้ายด้วยไอศกรีมวนิลาฟรุตสลัด หวานหอมอร่อย
รั้วที่กั้นก็เป็นรั้วระแนงไม้เตี้ยๆ มองเข้าไปเห็นภายในบริเวณบ้านหมดเลย
หมู่บ้านชวานเกาอยู่ใกล้เมืองฟุสเซน (Fussen) ทางตอนใต้ของแคว้นบาวาเรีย
เดินทางต่อไปยังปราสาทนอยชวานสไตน์ อยู่ห่างจากร้านอาหารนี้เพียง 5 กม.เองค่ะ
ค่าตั๋วคนละ 13 € พวกเราชมแค่ปราสาทนอยชวานสไตน์อย่างเดียว
ตั๋วจะระบุเวลาที่เข้าชมด้วยค่ะ ต้องไปต่อแถวเข้าชมตามเวลาเท่านั้น มีแผ่นพับแถมให้ 1 อัน
ปกติรถบัสจะวิ่งตามเส้นสีเหลืองไปจอดให้ลงที่จุดชมวิวตรงสะพานมาเรียด้านหลังปราสาท
แต่พวกเราเดินขึ้นเองก็ไปตามเส้นลายจุด เหมือนกับเส้นทางรถม้า
ปราสาทสีเหลืองด้านหลังคือ ปราสาทโฮเฮนชวานเกา (Schloss Hohenschwangau)
ปราสาทนี้เดิมสร้างโดยครอบครัวของอัศวิน ต่อมาพระเจ้าแม็กซิมิลเลียนที่ 2 ทรงซื้อและทำการก่อสร้างขึ้นมาใหม่ เพื่อใช้เป็นพระราชวังฤดูร้อน สำหรับพระองค์ พระชายา และลูกชายทั้งสองคน คือเจ้าชายลุดวิก(Ludwig) และเจ้าชายออทโท(Otto)
หิมะเริ่มละลายทำให้พื้นถนนค่อนข้างลื่นแฉะ ต้องเดินแบบระมัดระวัง
มองลงไปก็มีคนเดินตามมาเยอะค่ะ ด้านล่างคือร้านขายของที่ระลึก และโรงแรม
มะปรางบอกว่าอากาศเย็นสบายมากๆ หน้าตาสดชื่นไม่เหนื่อยเลยค่ะ
กำแพงหิมะสองข้างทาง คล้ายๆ Japan Alps นิดๆค่ะ
ม้าที่นี่ตัวใหญ่มาก คงแข็งแรงสุดๆเพราะวิ่งขึ้นลงเขาวันละหลายรอบ
เดินมาถึงครึ่งทางแล้วค่ะ
ตรงนี้จะเป็นที่พักครึ่งทางมีร้านอาหารบริการด้วยค่ะ ร้านสวยมาก
Schlossrestaurant Neuschwanstein
ด้านข้างมีร้านขายขนมคล้ายๆโดนัทราดน้ำเชื่อมกลิ่นหอมมากๆ มีคนรอต่อคิวกันยาว
ตรงนี้เป็นจุดที่คนนิยมมาถ่ายรูปเพราะเป็นมุมกว้างมองเห็นตัวปราสาททั้งหลัง
Castle in Snow ขาวไปหมดเลยค่ะ คิดว่าอยู่ในเรื่อง Frozen เลยคะ
ข้างหลังคือทางขึ้นไปสะพานมาเรีย ( Marienbrucke ) เป็นมุมที่คนนิยมขึ้นไปถ่ายรูปปราสาท
แต่ตอนนี้เค้ากั้นไว้ห้ามขึ้นเพราะหิมะตก ทางจะลื่นมาก กลัวเกิดอันตราย
แต่ตอนนี้เค้ากั้นไว้ห้ามขึ้นเพราะหิมะตก ทางจะลื่นมาก กลัวเกิดอันตราย
จุดจอดรถม้า เพื่อลงไปด้านล่าง ค่าบริการคนละ 3 €
รถม้าจอดรอผู้โดยสาร คันนึงนั่งได้หลายคน
เบื้องหลังค่ะ555
จากจุดจอดรถม้าเดินขึ้นอีก 10 นาที ในที่สุดพวกเราก็มาถึงยอดเขาแล้วค่ะ
ตอนนี้เวลา 13:01 น. พวกเราใช้เวลาเดินขึ้นเขามาประมาณ 40 นาที
ยังมีเวลาเหลืออีกมากเพราะรอบที่เราเข้าชมปราสาทคือ 468 เวลา 13:40 น.
ปราสาทนอยชวานสไตน์ (Schloss Neuschwanstein)
ตั้งอยู่บนยอดเขาสูงโดดเด่น ทำให้ดูเหมือนปราสาทในเทพนิยาย
ตัวปราสาทด้านนอกกำลังอยู่ในช่วงปรับปรุง
ต้นแบบของปราสาทเจ้าหญิงนิทราในดิสนีย์แลนด์
สร้างโดยพระเจ้าลุดวิคที่ 2 (Ludwig II)หรือเจ้าชายหงส์ขาว ในช่วง ค.ศ. 1845-1886
เพื่ออุทิศให้แก่ริชาร์ด วากเนอร์ (Richard Wagner ) คีตกวีเอกชาวเยอรมัน
ปราสาทสูงและใหญ่มาก ต้องถ่ายย้อนขึ้นไปจึงจะเห็นถึงยอดหอคอย
Schloss Neuschwanstein มาจากคำในภาษาอังกฤษ คือ Schloss = castle , neu=new , schwan=swan , stein=stone แปลเป็นไทยคือ ปราสาทหินหงส์ใหม่
ถ้าขึ้นบันไดตรงนี้ไปก็เป็นจุดชมวิวอีกแห่งค่ะ แต่ตอนนี้ปิด เลยมายืนต่อคิวรอเวลาเข้าชมทัวร์ปราสาทค่ะ
เวลา 13:40 น.ได้เวลาเข้าชมปราสาทแล้วค่ะ ด้านในห้ามถ่ายรูป กระเป๋าที่นำเข้าก็ต้องมีขนาดเล็กเท่านั้น
พอเดินเข้าไปจะมีเจ้าหน้าที่แจกเครื่อง audio guide มีหลายภาษาและมีภาษาไทยด้วย
แนะนำ ### ควรเอาหูฟังของเราเข้าไปด้วยค่ะ จะเป็น earphone หรือ headphone ก็ได้###
จะได้สะดวกเวลาเดินชมไม่ต้องยกลำโพงขึ้นมาแนบหูตลอดเวลา
เดินขึ้นไปชมห้องต่างๆทีละชั้น บันไดค่อนข้างแคบชันนิดหน่อย แต่ได้อรรถรสในการชมมากๆเพราะบรรยายได้ละเอียด
ด้านล่างนี้คือรูปห้องที่สำคัญในปราสาท ถ่ายจากโบชัวร์ที่เค้าแจกให้ค่ะ ห้องต่างๆตกแต่งได้อย่างงดงามโดยการออกแบบของคริสเตียน แยงค์ ( Christian Jank) ซึ่งเป็นนักออกแบบโรงละคร ไม่ใช่สถาปนิก ทำให้ปราสาทนี้ได้รับการตกแต่งตามเรื่องราวของบทประพันธ์เรื่อง Swan Knight (Lohengrin)
เดินจนครบตามบรรยายใช้เวลาในการเดินทัวร์ประมาณ 50 นาทีค่ะ
ก็คืนเครื่อง audio guide ให้เจ้าหน้าที่ แล้วจะออกมาเจอกับร้านขายของที่ระลึก
โปสการ์ดรูปถ่ายในปราสาทแผ่นละ 2.8 €
ซื้อของที่ระลึกเสร็จก็เดินออกมาด้านนอก จะพบกับแบบจำลองหอคอย
แบบจำลองของปราสาทนอยชวานสไตน์ที่เสร็จสมบูรณ์
ตอนนี้เราอยู่ชั้นบนสุดของปราสาท ต้องเดินลงกันไกลพอสมควร
ทางออกจากปราสาทอยู่ด้านหน้าค่ะ เก็บรูปสุดท้ายก่อนเดินลงเขา
ขาลงใช้เวลาเร็วกว่าตอนขึ้นเขาค่ะ แป๊บเดียวก็ใกล้ถึงด้านล่างแล้ว
มองจากตรงนี้เห็นทะเลสาบ Alpsee อยู่ไม่ไกล
เวลา 16:00 น.เดินมาขึ้นรถบัสที่ลานจอดรถ ตรงนี้มองเห็นปราสาทด้วยค่ะ
ปิดท้ายด้วยภาพมุมสูงจากอินเตอร์เน็ต
ไม่ทราบว่าขึ้นรถบัส จากสนามบินไปปราสาทเลยรึป่าวคะ รบกวนขอคำแนะนำหน่อยค่ะ
ตอบลบ