วันจันทร์ที่ 23 ตุลาคม 2560
เวลา 6:00 น.ตื่นแต่เช้าอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ลงมาด้านล่าง
เวลา 6:00 น.ตื่นแต่เช้าอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ลงมาด้านล่าง
ทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารในโรงแรม
เวลา 7:30 น.ออกมาเดินเล่น ในตัวเมืองอินเตอร์ลาเคน ฟ้ายังมืด อากาศหนาวเย็นมากๆค่ะ
ตามแผนที่จะเห็นผังของเมืองแบ่งได้เป็น
3 ส่วนคือ Interlaken
Ost (ฝั่งตะวันออก) Interlaken West (ฝั่งตะวันตก) และฝั่ง Unterseen (อยู่อีกฝั่งของแม่น้ำคนละฝั่งกับสถานีรถไฟตะวันตก)
ด้านหลังคือถนนสายหลัก Hoheweg ซึ่งเชื่อมฝั่งตะวันออกและตะวันตกอยู่ห่างกันประมาณ 1 กิโลเมตร
บนถนนนี้จะเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหารและโรงแรม
ด้านหลังทางซ้ายมือยอดแหลมนั้นคือโรงแรมระดับห้าดาว Grand Hotel Victoria Jungfrau ที่มีความสวยงามและและใหญ่โตสามารถเห็นยอดเขาJungfrauได้จากห้องพักได้ชื่อว่าเป็นโรงแรมชั้นเลิศของยุโรป
ร้านนาฬิกา Kirchhofer ร้านขายนาฬิกาหรูและกระเป๋าแบรนด์เนม เป็นร้านที่ใหญ่ที่สุดใน Interlaken
สวนสาธารณะขนาดใหญ่ใจกลางเมืองคือสวน Hohematte สามารถชมวิวยอดเขา
Jungfrau ได้ชัดเจน
ถ้าอากาศดีๆจะเห็นคนมากระโดดร่มและเล่นparaglidersเยอะมาก
เดินย้อนกลับมาฝั่งตะวันตก บริเวณใกล้ๆที่พัก
ด้านหลังคือภูเขา Harder Kulm อยู่ทางตอนบนของเมืองมีร้านอาหารและยังเป็นจุดชมวิวของเมืองด้วย
ร้าน Swiss Chocolate Chalet ขายช็อคโกแลตสด
เวลา 8:00 น. ออกเดินทางโดยนั่งรถบัสขึ้นไปยังหมู่บ้าน Grindelwald
หมู่บ้านนี้อยู่ห่างจากเมืองอินเตอร์ลาเคนประมาณ 20 กม.ใช้เวลาเดินทาง 40 นาที
ตั้งอยู่ที่ระดับความสูง 1034 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล
หมู่บ้าน Grindelwald เป็นหมู่บ้านเล็กๆค่อนข้างเงียบสงบ มีโรงแรมเล็กๆ ร้านค้า และร้านอาหาร
หมู่บ้านในหุบเขามีฉากหลังหลังเป็นเทือกเขาแอลป์ มีแม่น้ำเล็กไหลลงมาจากบนเขาไหลผ่านกลางเมือง
ที่นี่จะมีนักท่องเที่ยวเยอะมากเพราะมานั่งรถไฟเพื่อขึ้นไปสู่ยอดเขาจุงเฟรา
ด้านหลังคือภัตตาคารขนาดใหญ่ อยู่ใกล้สถานีรถไฟ
จาก Grindelwald ไปยัง Junfraujoch เราต้องนั่งรถไฟแวะมาออกตั๋วที่สถานีนี้ก่อนค่ะ
เส้นทางรถไฟที่จะขึ้นสู่ยอดเขา
อีก 6 นาทีรถไฟจะมาถึงแล้ว ออกไปคอยด้านนอกกันค่ะ
รถไฟมาแล้ว สีเขียว-เหลืองสดใส
รถไฟสาย Wengernalpbahn(WAB)
ขึ้นไปนั่งตามที่ที่จองไว้ เก็บตั๋วไว้ดีๆนะคะ เพราะเป็นตั๋วไป-กลับ
Jungfrau Travel Pass แผนที่เส้นทางรถไฟ
ชมวิวธรรมชาติสวยๆของเทือกเขาแอลป์
รถไฟวิ่งช้าๆสามารถเก็บภาพได้ตลอดทางไม่มีเบื่อเลยค่ะ
รถไฟแล่นไต่ระดับตามความสูงของภูเขาไปเรื่อยๆ
ยิ่งสูงก็ยิ่งหนาว มีหิมะมากขึ้นๆ
วิวสวยไปคนละแบบกับตัวเมืองด้านล่าง
เส้นทางรถไฟคดเคี้ยวไปตามไหล่เขา
รางรถไฟสายภูเขาจะเป็นรางที่มีฟันเฟืองแบบพิเศษอยู่ตรงกลางเพื่อการยึดเกาะในการไต่เขา
พวกเราต้องลงที่สถานี Kleine Scheidegg (Heart of Alps) เพื่อเปลี่ยนเป็นรถไฟสายภูเขา
เดินฝ่าลมและหิมะที่กำำลังตก หนาวจับใจเลยค่ะ
สถานีนี้คือจุดเริ่มต้นของรถไฟสาย Jungfraubahn ที่มีความยาวประมาณ 9 กิโลเมตร
ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 16 ปี เปิดใช้ครั้งแรกเมื่อปีค.ศ. 1912
ขบวนรถไฟนี้มีสีแดงเด่นตัดกับหิมะสีขาว
สถานีไคลน์ไชเด็คตั้งอยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 2,061 เมตร (6,762 ฟุต)
รถไฟสายนี้จะวิ่งช้ามากเพราะต้องวิ่งไต่ขึ้นไปตามภูเขาที่สูงชัน มีคนบอกว่าเป็นรถไฟสายที่วิ่งช้าที่สุดในโลก
ส่วนมากจะวิ่งอยู่ในอุโมงค์ที่ชาวสวิสฯได้ขุดเจาะไว้
แปลกมากเลยค่ะว่าอุณหภูมิเย็นแบบนี้แต่น้ำในแอ่งไม่เป็นน้ำแข็ง
สถานี Eigergletscher อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 2,320 เมตร (7,612 ft.)
รถไฟจอดประมาณ 10 นาที เราสามารถลงไปเดินเล่นชมวิว และเข้าห้องน้ำได้ค่ะ
ชมวิวจากหน้าต่างที่สถานี Eigerwand (Eiger Wall)
วันนี้มีพายุหิมะมองออกไปมีแต่หิมะขาวโพลน
ไม่ได้ชมวิวก็ขอถ่ายรูปกับหัวรถไฟค่ะ
สถานีต่อไปคือ Eismeer (Sea of Ice) อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 3,160 เมตร (10,368 ft.)
รถไฟไม่ได้จอดสถานีนี้ค่ะ
สถานีสุดท้ายคือ Jungfraujoch ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆ
Jungfraujoch ได้ชื่อว่าเป็น Top of Europe สถานีรถไฟที่สูงที่สุดในยุโรป
ที่ระดับความสูง 3,454 เมตร (11,332 ฟุต) เหนือระดับน้ำทะเล ยอดเขาจุงเฟราได้รับการประกาศให้เป็นพื้นที่มรดกโลกทางธรรมชาติแห่งแรกของยุโรปโดยองค์การยูเนสโกเมื่อปีค.ศ. 2001
ทางเข้าไปที่อาคารหลัก Berghaus (main building complex)
ทางขวามือจุดแสตมป์ Jungfrau Passport ที่ได้รับมาพร้อมกับตั๋วรถไฟ
เพื่อยืนยันการมาถึงยอดเขาจุงเฟรา
ตัวอาคารจะมีทั้งหมด 4 ชั้น
ชั้นที่ 1 (ชั้นล่างสุด) จะเป็นห้องน้ำ
ชั้นที่ 2 จุดจำำหน่ายของที่ระลึกและตู้ไปรษณีย์ เอาไว้ให้เราส่งกลับบ้านได้
ชั้นที่ 3 ร้านอาหาร แบบ Self-Service
ชั้นที่ 4 ภัตตาคาร Gletscher Restaurant
แผนที่บอกตำำแหน่งการชมจุดต่างๆ โดยการเดินเป็นวงกลมแล้วจะกลับมาสิ้นสุดทัวร์ที่จุดเริ่มต้น
ทางซ้ายมือเป็นป้าย “TOUR” ตกแต่งด้วยไฟสีฟ้าเด่น เดินไปตามป้ายนี้ได้เลยค่ะไม่หลงทางแน่นอน
ไม่ควรแบกของหนักๆ,ไม่ควรวิ่งและเดินเร็วๆ เพราะบนนี้อากาศเบาบางมากจะทำำให้เหนื่อยง่ายหัวใจเต้นเร็ว มีนักท่องเที่ยวหลายคนซื้อออกซิเจนกระป๋องไว้สูดดมเวลาเดินเล่นด้วยค่ะ
จุดแรกคือ Jungfrau Panorama
เป็นการฉายภาพยนตร์ 360 องศา ความยาว 4 นาที แนะนำำให้เรารู้จัก Jungfrau มากขึ้น
จุดที่ 2 Sphinx Terrace
จากรูปใหญ่ข้างล่าง ลานสฟิงซ์นี้จะเป็นจุดชมธารน้ำแข็งอเล็ทช์(The Aletsch Glacier)
ซึ่งเป็นธารน้ำแข็งที่ยาวที่สุดในแอลป์ยาวถึง 22 กิโลเมตร
ด้านนอกเป็นลานเล่นสกีกว้างใหญ่ ในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส เราจะสามารถมองเห็นวิวไปได้ไกลมาก
โดยสารลิฟท์คู่จากตัวอาคารด้านล่างขึ้นมายังระเบียงชมวิวใช้เวลา 27 วินาทีต่อเที่ยวที่ความสูง 110 เมตร แล้วเดินขึ้นบันไดวนอีกนิด
บนนี้มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 3,571 เมตร (11,782 ft.)
ป้ายที่นักท่องเที่ยวทุกคนต้องมาเก็บภาพค่ะ ยืนต่อคิวนานนิด
อุณหภูมิภายนอกตอนนี้ติดลบ -11 องศาเซลเซียส แถมลมก็แรงมาก
ด้้านนอกคือระเบียงชมวิวยอดเขาจุงเฟราซึ่งมีความสูง 4,158 เมตร(13,642 ft.)
สามารถเปิดประตูออกไปชมวิวได้ค่ะ แต่ดูแล้วลมแรงมากเลยไม่อยากออกไป ขอชมวิวด้านในก็พอ
ขอบคุณภาพจาก Wikipedia-- รูปนี้อากาศดีมาก ออกไปเดินเล่นที่ระเบียงได้สบาย
เดินเล่นด้านบนสักพัก ก็ลงลิฟต์มาด้านล่างกันค่ะ จากป้ายชี้ไปทางขวามือคือลานหิมะไปดูกันค่ะ
Aletsch Glacier-Snow Fun-Monchsjoch Hut
เดินตามป้ายไปเรื่อยๆจนสุดทาง มีป้ายปิดทำำการค่ะ
เพิ่งเห็นในคู่มือว่าโซนนี้จะเปิดบริการในฤดูร้อน พฤษภาคม-กันยายน
ภาพกิจกรรมที่จัดในฤดูร้อน เช่นแข่งเทนนิส
เล่นคอนเสิร์ต
เล่นสกี วิ่งแข่ง
จุดที่ 3 Alpine Sensation
1st Hall : Little Dreams of Switzerland
โถงแรก สวิสมหัศจรรย์
ตื่นตาตื่นใจไปกับแสงสีและเสียงเพลง
มีมุมน่ารักให้ถ่ายรูปมากมาย
อุโมงค์โลกอัลไพน์ แสดงวิถีชีวิต วัฒนธรรมและธรรมชาติของสวิส
ทางเลื่อนแรก พบกับความงามของจุงเฟราบนภาพวาด
ภาพวาดบนผนังมีความยาวถึง 90 เมตร
2nd Hall : Guyer Zeller’s Pioneering Spirit
โถงที่ 2 ยกย่อง Adolf Guyer-Zeller ผู้บุกเบิกและก่อตั้งรถไฟสายจุงเฟรา
ทางเลื่อนที่ 2 แสดงนิทรรศการภาพถ่ายการทำำงานของคนงานขณะก่อสร้างรถไฟจุงเฟรา
แสดงเรื่องราวบอกเล่าประวัติศาสตร์การก่อสร้างทางรถไฟ
จัดแสดงอุปกรณ์และเครื่องมือที่ใช้ในการก่อสร้าง
ด้านในเป็นถ้ำ มีรายชื่อของผู้เสียชีวิตระหว่างการก่อสร้าง
ถ้ำที่อยู่สูงที่สุดในยุโรป สูงจากระดับน้ำทะเล 3,482 เมตร
จุดที่ 4 Eispalast (Ice Palace)
ปี 1934 มีการเจาะน้ำแข็งลึก 30 เมตรใต้ธารน้ำแข็งให้เป็นถ้ำขนาดใหญ่
ลอดอุโมงค์น้ำแข็ง พื้นลื่นมากค่ะ ต้องใส่รองเท้าที่พื้นยึดเกาะดีๆ มีนักท่องเที่ยวล้มหลายคนเลย
ด้านในมีประติมากรรมน้ำแข็ง
แกะสลักเป็นรูปสัตว์ต่างๆสวยใส งดงามมาก
ถ้ำนี้มีขนาดใหญ่พื้นที่ประมาณ 1,000 ตารางเมตร
มะปรางเดินมุดตามช่องเข้า-ออกสนุกสนาน
อุณหภูมิในถ้ำนี้ -3 องศาเซลเซียส
เจ้าตัวนี้หลุดมาจากเรื่อง Ice Age
เดินชมทุกซอกทุกมุมของถ้ำ
มีที่ให้นั่งพักด้วยแต่นั่งได้ไม่นานเพราะก้นเย็นมากค่ะ55
การเขียนในสถานที่ท่องเที่ยวแบบนี้มีทั่วโลกเลยนะคะ เห็นแล้วหดหู่ใจมาก
ออกจากถ้ำน้ำแข็งก็มาถึงจุดสุดท้ายแล้วค่ะ
จุดที่ 5 Glacier Plateau
ลานหิมะบนธารน้ำแข็ง
วันนี้ปิดค่ะ เสียดายมาก
ต้องดูผ่านกระจก
ลานโล่งด้านนอกอาคารเรียกว่า Plateau เป็นที่ที่นักท่องเที่ยวต้องออกไปถ่ายรูปกับธงสวิส
The Swiss Flag waves in the breeze on the Jungfraujoch Plateau
มองจากในอาคารตอนนี้ไม่เห็นธงสวิสเลยค่ะ
ชมวิวจากรูปในตัวอาคารแทนค่ะ
ตู้ทำำเหรียญที่ระลึก
เวลา 12:00 น.ทานอาหารเที่ยงที่ Panorama restaurant
อาหารมื้อนี้อร่อยมากค่ะ ซุปฟักทอง ไก่ย่าง เฟรนช์ฟรายด์ ทานหมดไม่เหลือสงสัยหิวและเดินเล่นจนเหนื่อย
ปิดท้ายด้วยไอศกรีมนมหวานหอม
แวะซื้อของที่ระลึกก่อนกลับ
อย่าลืมส่งโปสการ์ดจากที่ทำำการไปรษณีย์ที่สูงที่สุดในโลก
เวลา 13:00 น. ออกจากสถานี Jungfraujoch
รถไฟขาลงก็ยังแล่นช้าๆเหมือนขาขึ้นค่ะ
เจ้าหน้าที่รถไฟมาตรวจตั๋วแล้วก็แจกช็อคโกแลตคนละแท่งค่ะ
ใช้เวลาประมาณ 1 ชม.ก็มาถึงสถานี Kleine Scheidegg ต้องเปลี่ยนรถไฟเหมือนตอนขามา
ยังไม่ถึงเวลารถไฟออก มะปรางขอเล่นหิมะก่อนค่ะ
หิมะใหม่ขาวสะอาด นิ่มฟู
รถไฟเปิดหวูดเรียกผู้โดยสารขึ้น เตรียมเดินทางต่อ
ขากลับเราจะลงเขาอีกทางค่ะ ไปทาง Lauterbrunnen
ได้ชมวิวที่แตกต่างจากตอนขามา ถ่ายรูปกันตลอดทางไม่มีเบื่อ
แม้หิมะจะตกหนักก็ไม่เป็นปัญหาสำำหรับรถไฟรางฟันเฟือง
ที่นี่เป็นหมู่บ้านสกีรีสอร์ทชื่อดังบนเขตสูง Bermese Oberland
หมู่บ้านนี้เป็นเขตปลอดรถยนต์ส่วนบุคคล เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดมลพิษเกินกำำหนด
ทางรถไฟโค้งไปมาตามแนวเขา วิ่งตัดผ่านหมู่บ้าน
มีโรงแรมและ coop ไว้บริการนักท่องเที่ยว
มองย้อนขึ้นไปจะเห็นยอดเขาจุงเฟรา
ป้ายอำำลาเมือง wengen มีหลายภาษาเลยค่ะ
อากาศภายนอกน่าจะเย็นมาก มีหมอกเต็มไปหมด
เดินทางถึงสถานี Lauterbrunnen หมู่บ้านนี้อยู่ในหุบเขาที่ได้ชื่อว่าเป็นหุบเขาตัวยูที่ชันที่สุดในโลก
จากสถานีรถไฟสามารถมองเห็นน้ำตกชเตาบ์บาค(Staubbach fall) ซึ่งไหลผ่านหน้าผาสูง
น้ำตกนี้เป็นสัญลักษณ์ของหมู่บ้าน Lauterbrunnen
พวกเราลงที่สถานีนี้เลยค่ะ แวะทักทายแมวเจ้าบ้าน
รวมแล้วใช้เวลาเดินทางลงจากยอดเขาประมาณ 2 ชั่วโมง
เวลา 15:30 น.เดินทางโดยรถบัสต่อไปยังเมืองดีจอง ระยะทางประมาณ 300 กม.
เวลา 20:oo น.เดินทางถึงที่พัก Novotel Hotel เมืองดีจอง ฝรั่งเศส
ทานอาหารเย็นในโรงแรมเลยค่ะ เป็นอาหารชุด เมนคอร์สคือแซลมอนย่าง
ทานอาหารเสร็จก็เข้าห้องนอน อาบน้ำ-พักผ่อน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น