วันพฤห้สบดีที่ 30 มีนาคม 2560
ออกเดินทางไปมอสโก ด้วยสายการบินเอมิเรตส์แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ EK371 เวลา 2:00 น.
วันศุกร์ที่ 31 มีนาคม 2560
เวลา 6:00 น.เดินทางถึงสนามบินเมืองดูไบ แวะเปลี่ยนเครื่อง ระหว่างนั้นก็เข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัว ทานอาหารเช้า แล้วก็ไปนอนคอยที่เกท สนามบินนี้มี free wifi ให้เล่นด้วยค่ะ นอนเล่นจนเพลินกันทั้งคุณป๋าและมะปราง
ผ่าน ตม.รัสเซีย และรับกระเป๋า เปลี่ยนเสื้อผ้ารับอากาศหนาวเรียบร้อยใช้เวลาประมาณ 1 ชม.ก็ออกมาด้านนอกสนามบิน ฝนหยุดตกแล้ว แต่หิมะยังตกเล็กน้อย
อุณหภูมิ ประมาณ 2-3 องศา กำลังเย็นสบายมากๆๆ มะปรางขอวิ่งไปจับหิมะของรัสเซียก่อนค่ะ
เวลา 16:00 น. ขึ้นรถบัสเพื่อเดินทางเข้าใจกลางเมืองมอสโก
พวกเราจองโต๊ะไว้ที่ชั้น 3 พอนั่งที่โต๊ะเรียบร้อย พนักงานก็นำอาหารมาเสิร์ฟทีละจาน
จานแรกเป็นสลัดแตงกวา มะเขือเทศ น้ำราดเค็มๆ จานที่สองคือซุปน้ำใสรสหวานๆ
จานหลักคือหมูอบซอสอร่อยดีค่ะ แต่ข้าวแข็งมาก
จานสุดท้ายคือไอศกรีมราดแยมสตรอเบอรรี่หอมอร่อยมาก
วันเสาร์ที่ 1 เมษายน 2560
เวลา 7:30 น.ตื่นเช้าอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ก็ลงมาทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารชั้นล่าง
รถบัสจอดส่งพวกเราตรงประตูทางเข้า
หอนาฬิกาซาวิเออร์ อยู่ตรงกำแพงของพระราชวังเครมลิม ตั้งอยู่บนป้อมสปาสกายาที่มียอดเป็นนาฬิกา
เวลา 20:30 น. ชมละครสัตว์เสร็จก็ไปทานอาหารเย็นเป็นร้านอาหารเวียดนาม(ที่นี้ทำเหมือนอาหารไทยเลยค่ะ) ทานเสร็จก็กลับที่พัก
เครื่องบินลำนี้ใหม่และใหญ่มาก มีสองชั้น แต่ละที่นั่งมีจอทีวีส่วนตัวขนาดใหญ่
ดูหนัง ฟังเพลงได้ตลอดการเดินทาง
ขึ้นเครื่องได้สักพัก พนักงานก็นำเมนูอาหารมาให้เลือก มีไก่และเนื้อวัว
พวกเราเน้นไก่ค่ะ อาหารอร่อยดี(คงจะเพราะใกล้เที่ยงเลยหิวด้วยค่ะ)
ตอนนี้ฝนและหิมะกำลังตกเลยค่ะ
ผ่าน ตม.รัสเซีย และรับกระเป๋า เปลี่ยนเสื้อผ้ารับอากาศหนาวเรียบร้อยใช้เวลาประมาณ 1 ชม.ก็ออกมาด้านนอกสนามบิน ฝนหยุดตกแล้ว แต่หิมะยังตกเล็กน้อย
อุณหภูมิ ประมาณ 2-3 องศา กำลังเย็นสบายมากๆๆ มะปรางขอวิ่งไปจับหิมะของรัสเซียก่อนค่ะ
เวลา 16:00 น. ขึ้นรถบัสเพื่อเดินทางเข้าใจกลางเมืองมอสโก
ที่นี่รถติดมากค่ะ ระยะทาง ประมาณ 40 กม.แต่ใช้เวลาเดินทาง 1 ชม.กว่าๆ
ลงไปซื้อซิมรัสเซียที่ร้านบนถนนอารบัทได้เลยค่ะ ซื้อแล้วก็ให้ที่ร้านเปิดใช้บริการเลย
ที่มอสโกไม่ค่อยมีฟรีไวไฟค่ะ
หิมะกำลังตก เย็นสบายมากๆค่ะ ขอเดินตากหิมะกันสักหน่อย
พื้นถนนลื่นมากต้องเดินเล่นอย่างระมัดระวัง
ชื่อถนนนี้ปรากฎมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 เดิมเป็นที่อยู่ของตำรวจลับ ต่อมาในสมัยศตวรรษที่ 17 เป็นที่อยู่ของชนชั้นขุนนางและศิลปิน พอมาสมัยสหภาพโซเวียต ถนนอารบัทกลายเป็นที่พักของชนชั้นใหม่
ตึกที่นี่จะดูเก่าๆและคลาสสิกดีค่ะ
แวะชมนิทรรศการสองข้างทาง
ตึกยอดแหลมสูงๆด้านหลังคือ 1 ใน 7 ของตึก seven sisters
เป็นชื่อที่ชาวต่างชาติตั้งให้ตึกสูง สถาปัตยกรรมสไตล์สตาลิน
ส่วนบ้านสีฟ้าสดใสทางซ้ายมือคือบ้านของพุชกิ้น (Alexander Sergeyevich Pushkin)
ซึ่งเป็นนักเขียนชื่อดังของรัสเซีย
ฝั่งตรงข้ามมีรูปปั้นของพุชกิ้นและภรรยา ตั้งเป็นจุดเด่นของถนนสายนี้เลยค่ะ
ปกติตามริมถนนนี้จะมีศิลปินมานั่งวาดรูปเหมือน และภาพต่างๆ แต่วันนี้หิมะตกเลยไม่มีคนค่ะ
ที่นี่เป็นย่านการค้าและแหล่งรวมวัยรุ่น จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค ของที่ระลึกต่างๆ
ของที่ระลึกย่านอารบัทจะมีคุณภาพสูง สวยงามมาก และราคาก็แพงมากเช่นกัน
หิมะตกหนักขึ้นเรื่อยๆ แต่มะปรางก็ยังเดินเล่นแบบสบายใจมาก
พ่นสีและเขียนกำแพงข้างทางเหมือนที่บ้านเราเลยค่ะ
เดินเล่นบนถนนอารบัท ระยะทางประมาณ 1 กม.มีร้านค้ามากมายสองข้างทาง
เวลา 19:00 น. มาทานอาหารเย็นที่ร้าน Hard Rock Cafe อยู่บนถนนอารบัทเลยค่ะ ไม่ต้องเดินไกล
ด้านในตกแต่งด้วยธีมเพลงร็อค มีทั้งรูปภาพ และของสะสมมากมาย
พวกเราจองโต๊ะไว้ที่ชั้น 3 พอนั่งที่โต๊ะเรียบร้อย พนักงานก็นำอาหารมาเสิร์ฟทีละจาน
จานแรกเป็นสลัดแตงกวา มะเขือเทศ น้ำราดเค็มๆ จานที่สองคือซุปน้ำใสรสหวานๆ
จานหลักคือหมูอบซอสอร่อยดีค่ะ แต่ข้าวแข็งมาก
จานสุดท้ายคือไอศกรีมราดแยมสตรอเบอรรี่หอมอร่อยมาก
ขณะนั่งทานอาหารก็ฟังเพลงไปด้วยค่ะ มีวงดนตรีเพลงร็อคเล่นที่ชั้นสอง
เพลงจังหวะสนุกสนาน มีคนเต้นกันรอบๆฟลอร์หลายคนเลย
เวลา 20:30 น.ทานอาหาร ฟังเพลงเสร็จก็ออกมาเดินเล่นข้างนอก
หิมะหยุดตกแล้ว แต่อากาศเย็นมากค่ะ ตอนนี้อุณหภูมิประมาณ 0 องศา ยิ่งดึกยิ่งหนาว
เวลา 21:30 น.เดินทางถึงที่พัก ทริปนี้พวกเราพักที่ Holliday Inn ทุกคืนค่ะ
ห้องพักแบบ tripple bedroom สะอาด เตียงนุ่มนอนสบายมากค่ะ
วันเสาร์ที่ 1 เมษายน 2560
เวลา 7:30 น.ตื่นเช้าอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ก็ลงมาทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารชั้นล่าง
ทานอาหารเสร็จก็ออกมาเดินเล่นบริเวณหน้าโรงแรม
เมื่อคืนหิมะตกหนักสองข้างถนนเต็มไปด้วยหิมะอุณหภูมิตอนนี้ประมาณ 2 องศา
ป้ายโฆษณาภาพยนตร์ เป็นภาษารัสเซียอ่านชื่อเรื่องไม่ออกค่ะ
บนถนนมีรถมากวาดหิมะสะอาดเลยค่ะ
เวลา 9:00 น.ออกเดินทางไปเมืองโบราณซากอร์ส (Zagorsk) โดยรถบัส
เมืองนี้ห่างจากมอสโกไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 70 กม. ใช้เวลาเดินทาง 1.5 ชม.
เวลา 10:30 น.พวกเราก็เดินทางมาถึงเมืองซากอร์ส
เมืองสงบเต็มไปด้วยหิมะขาวโพลนตัดกับท้องฟ้าสีฟ้าสดใส สวยเหมือนเมืองในนิทานเลยค่ะ
รถบัสจอดส่งพวกเราตรงประตูทางเข้า
เมืองซากอร์ส (Zagorsk) หรือเมืองเซอร์กีเยฟ โปสาด(Sergive Posad) เปรียบเสมือนเมืองโบราณ
เป็นที่ตั้งของศาสนสถานที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุด ในคริสตศตวรรษที่ 14-17
เป็นที่แสวงบุญที่ศักดิ์สิทธิ์ของรัสเซีย
ด้านหน้ามีนกพิราบมารอกินอาหารหลายร้อยตัวเลยค่ะ
เมืองนี้เป็นถิ่นกำเนิดของตุ๊กตาแม่ลูกดก(Matryoshka doll) บริเวณหน้าประตูทางเข้าจะมีพ่อค้าแม่ค้าชาวรัสเซียมาเดินขายของที่ระลึกเต็มไปหมด บางคนพูดไทยได้ด้วย(เค้าบอกว่าคนไทยมาเที่ยวรัสเซียเยอะ)
มะปรางขอเล่นหิมะก่อนเข้าไปด้านใน
ค่าตั๋วเข้าชมคนละ 250 รูเบิล ซื้อตั๋วแล้วเข้าไปด้านในกันค่ะ
ไกด์รัสเซียของพวกเราในทริปนี้ชื่อ ทันย่า หุ่นดีสวยเหมือนนางแบบเลย
บริเวณซุ้มประตูทางเข้ามีรูปวาดเกี่ยวกับศาสนา และคำบรรยายเป็นภาษารัสเซีย อ่านไม่ออกดูรูปพอค่ะ
แผนที่ภายใน The Holy Trinity Saint-Sergius Lavra
เดินตามทาง เข้าไปด้านในสุดก่อนเลยค่ะ
ด้านหลังคือโรงทาน (Refactory Church) สร้างสมัยพระเจ้าปีเตอร์มหาราช ในคริสต์ศตวรรษที่ 16
ชั้นล่างของโรงทานเป็นห้องครัวสำหรับทำอาหารให้คนจนในฤดูหนาว
พวกเราเดินขึ้นไปที่ชั้นสองกันค่ะ
ด้านหน้าเป็นรูปภาพเกี่ยวกับมนุษย์คู่แรก
โถงด้านใน
ตกแต่งด้วยภาพนักบุญ มีแท่นสำหรับประกอบพิธีของสังฆราชและสำหรับสวดมนต์
ภาพวาดบนเพดานสวยงาม
ห้ามถ่ายรูปคนคู่กับประตูด้านในนะคะ(เป็นความเชื่อทางศาสนา)
สมัยพระนางแคทเธอรีนมหาราช ให้นำรูปภาพนักบุญมาติดตั้งที่นี่
St.Mica's Church อยู่ด้านหน้าโรงทาน
หอระฆัง (Bell Tower)
สร้างในสมัยพระนางแคทเธอลีนมหาราช เลียนแบบหอระฆังที่พระราชวังเครมลิน แต่ที่นี่สูงกว่า
สีฟ้าสดใส ทรงสี่เหลี่ยม ยอดสีทอง มีนาฬิกาอยู่บนยอด ความสูง 98 เมตร
ด้านหน้ามีเสาหิน
โบสถ์อัสสัมชัญ (Assumtion Cathedral) สร้างในสมัยพระเจ้าอีวาน ค.ศ.1559-1585
เป็นโบสถ์ที่มีความสวยงามมาก อาคารสีขาว มีโดม 5 โดม
4 โดมเป็นสีฟ้าตกแต่งด้วยดาวสีทอง โดมตรงกลางเป็นสีทอง
ด้านหน้ามีศาลาน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ (Holy Spring)
ช่วงหน้าหนาวจะไม่เปิดน้ำพุนี้ค่ะ
เราสามารถเข้าไปต่อคิวเอาน้ำศักสิทธิ์ในโบสถ์นี้ได้ค่ะ
บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ (Chapel Over the Well) มีเรื่องเล่าว่า
ชายตาบอดเดินทางมาที่โบสถ์แล้วค้นพบบ่อน้ำโดยบังเอิญ เมื่อนำมาล้างหน้า ทำให้ตามองเห็นได้
ปัจจุบันจึงมีคนนำภาชนะมารองน้ำกลับไปบ้านเพื่อความเป็นสิริมงคล
โบสถ์นี้สร้างเลียนแบบมหาวิหารอัสสัมชัญที่พระราชวังเครมลิน เป็นอาคารสีขาว
ช่องประตู หน้าต่าง เป็นวงโค้ง ต่างกันที่สีของโดม(ที่เครมลินเป็นโดมสีทอง)
ภายในตกแต่งด้วยภาพเฟรสโกและภาพไอคอน 5 ชั้น
มีโลงศพไม้ของนักบุญที่สำคัญหลายท่าน
การแสดงความเคารพต่อนักบุญ
ตอนสายคนเริ่มเข้ามาชมในนี้เป็นจำนวนมาก นักท่องเที่ยวก็มากเช่นกัน
ตรงลานด้านหน้าจะเห็นมีคนต่อแถวยาวมากๆเลยค่ะ
คนต่อแถวเพื่อเข้าไปทำพิธีภายในโบสถ์โฮลีทรินิตี้
Holy Trinity Monastery เป็นโบสถ์ที่สำคัญที่สุดและเป็นโบสถ์แห่งแรกของเมือง
สร้างในปี ค.ศ.1422-1423 โบสถ์มีสีขาว ยอดโดมสีทอง
ที่สำคัญคือด้านในมีโลงศพของนักบุญเซอร์เจียส ห้ามใช้เสียงและถ่ายรูปด้านในโบสถ์นี้ค่ะ
ตอนพวกเราไปถึงกำลังร้องเพลงสวดกันพอดี ไพเราะมากๆ ประสานเสียงกันดังกังวาน
โดยไม่มีเครื่องดนตรีสักชิ้น รู้สึกได้ถึงความศักดิ์สิทธิ์ของสถานที่เลยค่ะ
ชมความงามในโบสถ์จนครบก็ออกมาเดินเล่นด้านนอกต่อค่ะ
ที่นี่เป็นวิทยาลัยสอนศิลปะ สอนการร้องเพลงทางศาสนา สอนการวาดภาพไอคอน
และเป็นวิทยาลัยสงฆ์มีบาทหลวง 400 รูป นักศึกษา 100 คน
หิมะนุ่มขาวสะอาดจนมะปรางอยากปั้นตุ๊กตาหิมะจัง
เดินไปชมวังพระเจ้าซาร์กันค่ะ
Tsar's Chambers วังแห่งนี้สร้างในปี ค.ศ.1692 เดิมเป็นที่ประทับของพระเจ้าซาร์ เวลาเสด็จมาทำพิธีทางศาสนา ปัจจุบันเป็นที่ประทับของสังฆราชเวลาเดินทางมาประกอบพิธีทางศาสนาที่นี่
ไม่เปิดให้เข้าชมด้านในวัง มะปรางเลยขอนั่งเล่นในกองหิมะด้านนอกแทนค่ะ
เดินถ่ายรูปรอบๆโบสถ์อัสสัมชัญ
ใช้เวลาประมาณ 2 ชม.ก็เดินเล่นจนทั่วแล้วค่ะ
ตรงประตูทางออกมีของที่ระลึกขาย ส่วนมากเป็นผ้าพันคอขนสัตว์
เดินออกมาด้านนอกจะเห็น อาคารสีแดงด้านหลังคือ Tourist Center ด้านในมีของที่ระลึกขายจำนวนมาก
รูปปั้นนักบุญเซอร์เจียส
เวลา 12:30 น.เดินเลียบกำแพงด้านนอกไปร้านอาหารกันค่ะ
ชื่อร้านอ่านไม่ออกค่ะ
อาหารเสิร์ฟทีละจาน สลัด ซุป จานหลักคือไก่อบมันฝรั่งใส่มาในหม้อเล็กๆอร่อยดีค่ะ
จานสุดท้ายเป็นขนมหวานเป็นแป้งบางๆเหมือนโรตี ทานพร้อมแยมแอปเปิล
ทานอาหารเสร็จก็กลับมารอรถบัสเพื่อเดินทางกลับเข้ามอสโก
เวลา 14:30 น.เดินทางมาถึงจตุรัสแดง Red Square
ตั้งอยู่กลางกรุงมอสโก ชื่อจตุรัสแดงมาจากภาษารัสเซียดั้งเดิม มีความหมายว่า สวยงาม
มีสิ่งก่อสร้างที่สำคัญล้อมรอบทั้ง 4 ด้าน
ที่โดดเด่นและเป็นสัญลักษณ์ของจตุรัสแดงคือ มหาวิหารเซนต์บาซิล St.Basil
จตุรัสแดงมีขนาดกว้าง 70 เมตร ยาว 695 เมตร มีขนาดพื้นที่ 23,100 ตารางเมตร
สร้างในสมัยพระเจ้าอีวานมหาราช ช่วงศตวรรษที่ 15 เพื่อปรับปรุงความปลอดภัยของพระราชวังเครมลิน
Saint Basil's Cathedral
มหาวิหารเซนต์บาซิล เป็นอาสนวิหารของศาสนาคริสต์นิกายออร์โธดอกซ์ รัสเซีย
สร้างโดยพระเจ้าอีวานที่ 4 (Ivan The Terrible) ค.ศ.1555 เพื่อฉลองชัยชนะเหนือพวกมองโกล
มีโดมทรงหัวหอม 8 โดม ล้อมรอบโดมที่ 9 ที่อยู่ตรงกลาง ทำให้อาคารมีรูปทรงแปดเหลี่ยม
โดมทั้งเก้ามีลวดลายสวยงามแตกต่างกัน
ด้านหน้าวิหารมีรูปปั้นของ Minin&Pogiarsky ผู้นำกองทัพรัสเซียในปี ค.ศ.1612
มหาวิหารนี้ออกแบบโดยสถาปนิกชื่อ Postnik Yakovlev หลังจากสร้างเสร็จพระเจ้าอีวานก็สั่งควักดวงตาทั้งสองข้างของสถาปนิกเพื่อมิให้ไปสร้างสิ่งที่สวยงามกว่านี้ได้อีก
ด้านหน้าวิหารจะมียกพื้นรูปวงกลมใช้ประกอบพิธีทางศาสนาและแถลงโองการซาร์
แต่ในช่วงศตวรรษที่ 17 มีการจลาจลหลายครั้ง พื้นที่ตรงนี้จึงใช้เป็นลานประหาร
เข้าไปเดินชมรอบๆวิหารค่ะ
Pokrovsky Cathedral Museum
ด้านล่างวิหารมีทางเข้าไปชมพิพิธภัณฑ์ด้านในค่ะ
ข้างๆวิหารเป็นจุดขายตั๋ว Moscow Citypass
รถบัสนำเที่ยวชมเมืองสีแดงสดใส
หอนาฬิกาซาวิเออร์ อยู่ตรงกำแพงของพระราชวังเครมลิม ตั้งอยู่บนป้อมสปาสกายาที่มียอดเป็นนาฬิกา
ศิลปะแบบโกธิก มีลักษณะคล้ายบิ๊กเบนที่ลอนดอน
บนยอดหอนาฬิกามีดาวแดง 5 แฉก ทำมาจากทับทิม น้ำหนัก 20 ตัน ซึ่งพรรคคอมมิวนิสต์นำมาประดับไว้เมื่อปี ค.ศ.1995 ปัจจุบันนาฬิกาบนป้อมนี้ถูกใช้เป็นนาฬิกาเทียบเวลาของประเทศ
จะมีเสียงดังทุกครึ่งชั่วโมง
ด้านหลังกำแพงที่เห็นหลังคาโดมนั้นคือที่พักของประธานาธิบดีรัสเซียค่ะ (คงเหมือนทำเนียบขาว)
สุสานเลนิน เป็นอาคารสี่เหลี่ยมสร้างเป็นชั้นๆลดหลั่นกัน ทำจากหินแกรนิตสีแดง
ภายในสุสานมีโลงแก้วบรรจุศพอาบน้ำยาของเลนิน
ห้างสรรพสินค้า Gum สร้างใน ค.ศ.1889 เป็นตึก 3 ชั้นสีเหลือง หลังคาเป็นกระจกโค้ง
ปัจจุบันเป็นห้างสรรพสินค้าเอกชนสุดหรู มีร้านค้าแบรนด์เนมกว่าร้อยร้าน
State Historical Museum พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์มอสโก
ด้านในเก็บรวบรวมของสะสมทางด้านโบราณคดี และวัตถุล้ำค่าจำนวนมาก
เดินเลียบไปตามทางข้างๆพิพิธภัณฑ์ ผ่านซุ้มประตูทางเข้าจตุรัสแดง
ด้านหน้าซุ้มประตูเป็นที่ตั้งของกิโลเมตรที่ศูนย์ของรัสเซีย โดยที่พื้นถนนจะมีสัญลักษณ์เป็นวงกลม
เข้าไปยืนกลางวงกลมแล้วโยนเศษเหรียญไปด้านหลังเพื่ออธิษฐานให้ได้กลับมาที่มอสโกอีกครั้ง
พอโยนเหรียญเสร็จก็มีขอทานวิ่งเข้ามาเก็บเหรียญทันทีเลยค่ะ
Kazan Cathedral เป็นโบสถ์เล็กๆแต่สวยงามค่ะ อยู่ด้านข้างพิพิธภัณฑ์
พวกเราเดินจนครบรอบจตุรัสแดงเลยค่ะ
เข้าไปเดินเล่นในห้าง Gum
ตรงกลางห้างมีน้ำพุ ตกแต่งด้วยดอกไม้สวยงาม มีที่นั่งรอบๆ
มายืนต่อคิวซื้อไอศกรีมค่ะ
เค้าบอกว่าไอศกรีมที่นี่อร่อยมากๆ น่าจะจริงนะคะเพราะคิวรอซื้อยาวมาก
ราคาไม่แพงลูกละ 50 รูเบิ้ล
อร่อยสมคำร่ำลือ อากาศหนาวกินไอศกรีมแล้วมีความสุขค่ะ
เวลา 16:30 น.ออกจากจตุรัสแดง เก็บรูปเซนต์บาซิลรูปสุดท้ายก่อนไปยืนรอรถบัสที่ป้าย
ทางลงไปรถไฟใต้ดินมีคนมานั่งวาดรูปขายด้วยค่ะ
เวลา 17:00 น.เดินทางมาถึง ยอดเขาสแปร์โรว์ฮิล (Sparrow Hill) หรือเลนินฮิลล์ หรือเนินเขานกกระจอก
ที่นี่เป็น 1 ในเนินเขา 7 แห่งของกรุงมอสโก และเป็นจุดชมวิวของเมืองที่สำคัญ
มองเห็นตึก seven sisters ครบทั้ง 7 ตึก
อาคารที่เป็นหลังคารูปโดมด้านหลังคือสนามกีฬา Luzhniki Olympic Stadium
ซึ่งเป็นที่จัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกปี 1980
จุดเด่นที่สุดของที่นี่คือมหาวิทยาลัยมอสโก
Moscow State University เป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดและใหญ่ที่สุดในรัสเซีย
(เป็นหนึ่งในตึก seven sisters) ก่อตั้งปี ค.ศ.1755 ตึกนี้สูง 240 เมตร มีดาวใหญ่บนยอดตึก
เลนิน(ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์ในอดีต) ได้มาสร้างบ้านพักอยู่บนเนินนี้
เพราะสามารถมองเห็นทัศนียภาพของกรุงมอสโกที่อยู่ด้านล่างได้ทั้งหมด
เวลา 18:00 น.เดินทางไปชมละครสัตว์ชื่อดังที่สุดของรัสเซีย และยังมีชื่อดังก้องโลกด้วย
Russian Circus
ซื้อบัตรเข้าชม คนละ 600 รูเบิ้ล วันนี้เป็นการแสดงเรื่อง"ราชินีน้ำแข็ง"
ด้านในเป็นอัฒจรรย์วงกลมล้อมรอบเวทีตรงกลาง ถ่ายรูปได้แต่ห้ามเปิดแฟลช
การแสดงใช้เวลา 2 ชั่วโมง มีพักครึ่ง 15 นาที มีการแสดงหลายแบบเพื่อไม่ให้ผู้ชมเบื่อ
เช่น กายกรรม ขี่ม้าผาดโผน การเต้นประกอบเพลง
การแสดงความสามารถของสัตว์ เช่น หมี สุนัข
ไฮไลต์ครั้งนี้คือการแสดงของหมีขาว(สัตว์ประจำรัสเซีย)
หมีขาวค่อนข้างขี้เกียจ ชอบนอนแต่ก็น่ารักดีค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น