เวลา 7:00 อาบน้ำแต่งตัวแล้วลงมาทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารด้านล่าง
อากาศตอนเช้ายังหนาวอยู่เลยค่ะ
ทานอาหารเสร็จออกมาเดินเล่นด้านนอกโรงแรม ลมหนาวพัดเย็นสบายมากๆค่ะ
ตึกที่นี่สวยทุกหลัง
ดอกไฮเดรนเยียใหญ่เท่าหัวมะปรางเลยค่ะ😄😄
เวลา 8:00 น.ออกเดินทางไปเที่ยวในเมืองดาลัทกันค่ะ เมืองนี้อยู่บนเขาสูงประมาณ 1500 เมตรเหนือน้ำทะเล จึงมีอากาศหนาวเย็นอุณหภูมิประมาณ 15-25 องศาเซลเซียส ตลอดปี
ในปีค.ศ. 1893 ผู้ว่าการชาวฝรั่งเศสในภูมิภาคอินโดจีนได้ให้คณะสำรวจหาพื้นที่ที่จะสร้างบ้านพักตากอากาศ และเห็นว่าเมืองดาลัทมีอากาศเย็นสบายเหมือนประเทศยุโรปจึงเริ่มสร้างบ้านพักเป็นหลังเล็กๆจนต่อมาจึงเป็นเมืองตากอากาศในที่สุด
ขับรถผ่านทะเลสาบตอนเช้า อากาศสดชื่นมาก
แวะชมสวนดอกไม้เมืองหนาวของดาลัทค่ะ " Dalat Flower Park"
ค่าเข้าชมคนละ 30,000 VND
พวกเรามาแต่เช้า สวนเพิ่งเปิด คนยังไม่เยอะมาก เดินขึ้นมาชมวิวสวนจากบนเนินเขา
สวนดอกไม้แห่งนี้ใหญ่ที่สุดในเมืองดาลัท มีพื้นที่ประมาณ 7000 ตารางเมตร
ดอกไม้สีสวยทุกมุม
ตรงกลางสวนมีนำ้พุ
จัดดอกไม้เป็นรูปธงชาติเวียดนาม
ดาวเหลืองบนพื้นแดง
เดินเล่นรอบๆบึง มีมุมให้ถ่ายรูปมากมาย
ตรงนี้มีท่อน้ำพุด้วยค่ะ
สวนบอนไซ
ในสวนละลานตาไปด้วยดอกไม้ทุกมุม
มีบริการถ่ายรูปกับรถม้า
เวลา 9:00 น.ออกเดินทางไปยังวัดเจดีย์มังกร (Linh Phuoc Pagoda) หรือบางคนก็เรียกว่า Dragon Pagoda อยู่ห่างจากตัวเมืองดาลัทประมาณ 8 กม.
ไม้แต่ละชิ้นมีขนาดใหญ่มากๆ
รากไม้แกะสลักเป็นรูปเทพเจ้า ฮก ลก ซิ่ว
ไม้แกะสลักรูปเจ้าแม่กวนอิม
เข้าไปชมด้านในวิหารเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่
เจ้าแม่กวนอิมประดับจากดอกบานไม่รู้โรยทั้งองค์
ด้านหลังนี้คือมังกรซึ่งเป็นที่มาของชื่อวัด
หัวมังกรอยู่ด้านหน้าวัด
เวลา 10:30 น.ออกเดินทางต่อไปยัง Dreaming Hill หรือเรียกอีกชื่อว่า Mong Mo Hill
ห่างจากตัวเมืองดาลัทประมาณ 4 กม.
สวนนี้มีขนาดใหญ่มากประมาณ 120,000 ตารางเมตร เดินชมได้ไม่ทั่วแน่ๆค่ะ
เดินผ่านป่าสนและรีสอร์ท
สวนกุหลาบ
รูปปั้น 12 นักษัตร(ถ่ายรูปมาไม่ครบค่ะ)
สวนนี้มีขนาดกว้างใหญ่มาก พวกเราใช้เวลาเดินเล่นประมาณ 1 ชม.ก็เริ่มหมดแรงแล้วค่ะ
เวลา 11:30 น. ไปร้านโอทอปของเมืองดาลัทเพื่อซื้อของฝากกันก่อนค่ะ
กาแฟ ผลไม้อบแห้ง และชาอาร์ติโชค เป็นสินค้าขึ้นชื่อของเมืองนี้ ลองชิมก่อนซื้อ
เวลา 12:00 น.ทานอาหารกลางวัน
ไก่ย่างอร่อยมากค่ะ
อยู่ห่างจากตัวเมืองดาลัทลงไปทางใต้ประมาณ 5 กม.
วังนี้สร้างตั้งแต่ ค.ศ. 1933-1937 โดยกษัตริย์เบ๋าได๋ เพื่อเป็นที่พักตากอากาศของครอบครัว
ค่าเข้าชมคนละ 15000 VND
เข้าไปชมด้านในต้องใส่ถุงผ้าหุ้มรองเท้าเวลาเดินเข้าไปด้วยนะคะ ป้องกันพื้นเป็นรอย
กษัตริย์เบ๋าได๋เป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายของเวียดนาม
โทนสีแตกต่างกันแต่ละห้อง ชมพู ฟ้า เหลือง
หลังจากปี ค.ศ.1973 พระเจ้าเบ๋าได่ เสด็จออกจากประเทศเวียดนามไปพำนักที่ฝรั่งเศส พระราชวังแห่งนี้จึงเป็นที่ทำงานของพรรคคอมมิวนิสต์ และปัจจุบันก็เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้นักท่องเที่ยวเข้าชม
ออกมาเดินเล่นด้านนอกกันค่ะ วังนี้อยู่บนเนินในป่าสน
มีบริการนั่งรถม้าหรือขี่ม้าชมรอบๆวังด้วยนะคะ
ด้านล่างคือตัวเมืองดาลัทในหุบเขา
มองเห็นอยู่ไกลๆ น่าจะเป็นทะเลสาบเตวียนลาม(Tuyen Lam Lake)
ระยะทางของกระเช้าไฟฟ้ามีความยาวประมาณ 2400 เมตร
ดูจากรูปศึกษาวิธีการขับก่อนค่ะบังคับรถที่คันโยกด้วยมือสองข้าง
ดันไปข้างหน้าคือขับ ดันมาข้างหลังคือเบรก
เห็นรางแล้วมีแอบเสียวนิดๆเพราะทำจากไม้ดูบอบบางจังเลยค่ะ
รถมาแล้ว ขึ้นนั่งเลยค่ะ นั่งได้ไม่เกินคันละสองคน ประจำที่แล้วรัดเข็มขัดนิรภัยให้เรียบร้อย
ตอนแรกค่อยๆขับช้าๆก่อนค่ะ ตรงไหนที่เป็นทางโค้งจะมีตาข่ายกันไว้ป้องกันรถกระเด็นตกราง
สักพักพอเริ่มชิน มะปรางก็บอกให้ซิ่งเต็มที่ค่ะโดยเฉพาะตอนลงเนินต้องโยกให้สุดๆไปเร็วๆจะสนุกมากๆเหมือนนั่งรถไฟเหาะ กรี๊ดกันดังลั่นเลยค่ะ
ข้างหลังนี้คือกระเช้าไฟฟ้าเพื่อขึ้นไปชมน้ำตกชั้นบน แต่พวกเรามีเวลาไม่มากเลยไม่ได้ขึ้นค่ะ
เดินเล่นสักพัก ฝนเริ่มตกนิดๆ เลยกลับขึ้นข้างบนกันค่ะ
เวลาขึ้นก็ไปนั่งรถรางเหมือนเดิมแต่ไม่ต้องขับเพราะเค้าจะลากขึ้นให้เลยนั่งสบายๆแป๊บเดียวก็ถึงแล้วค่ะ
เวลา 16:00 น.เดินทางมายังสนามบินเมืองดาลัท
เวลา 19:25 น.ขึ้นเครื่องเดินทางกลับโฮจิมินห์
เวลา 21:00 น.ทานอาหารเย็นที่ร้านอาหารจีน SaiGon restaurant
เวลา 22:30 น.เข้าที่พัก โรงแรมนี้อยู่กลางใจเมืองเลยค่ะ ห้องเล็กมากแต่สะอาด
อาบน้ำเสร็จรีบเข้านอนเพราะวันนี้เหนื่อยมากค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น