TUKEMD

__TUKEMD__ชื่อบ้าน อ่านว่า ตุ๊ก-เอ็ม-ดี นะจ๊ะ เป็นชื่อในเน็ตของแม่ตุ๊กเองค่ะ

บ้านหลังน้อย หลังนี้เป็นของแม่ตุ๊ก,น้องมะปราง และ คุณป๋า

เป็นบล็อกเพื่อบันทึกความสุข ความทรงจำ ในการท่องเที่ยวที่ต่างๆของครอบครัวเราค่ะ



2560/01/01

1.มุยเน่ ทะเลทราย White and Red Sandunes ,Fairy Stream

วันศุกร์ที่ 30 ธันวาคม 2559

เวลา 8:30 น.ออกเดินทางจากหาดใหญ่ด้วยสายการบิน Thai smile ไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เวลาประมาณ 10:40 น.พอรับกระเป๋าเสร็จก็รีบไปเช็คอินที่เคาน์เตอร์สายการบิน Vietnam Airline เพื่อเดินทางไปโฮจิมินห์ เวียดนามใต้ South Vietnam



ได้ตั๋วเครื่องบินแล้ว แม่ตุ๊กก็รีบวิ่งไปเอาเครื่อง pocket wifi ที่ ปณ.สุวรรณภูมิ




เวลา 11:20 น. ออกเดินทางโดยเที่ยวบิน VN600
พวกเราได้นั่งแถวหน้าสุดติดกับชั้นบิซิเนส กว้างขวางสบายมากๆค่ะ
เครื่องขึ้นสักพักก็แจกอาหารเที่ยง เป็นเมนูซีฟู้ด.... มันคือปลาดิบ😳😳 
ไม่เคยทานมาก่อนเลย แต่ก็พยายามทานจนหมดเพราะหิวมาก



เวลา 13:00 น.เดินทางถึงสนามบินโฮจิมินห์ซิตี้ 
ไม่ต้องปรับนาฬิกานะคะ เพราะใช้เวลาเดียวกับประเทศไทย  เข้าไปผ่าน ตม.และออกมารอรับกระเป๋า



ภายในสนามบินกว้างขวาง สะอาดมากค่ะ



เวลา 14:00 น.ออกเดินทางสู่มุยเน่ (Mui Ne) จ.ฟานเทียด (Phan Thiet) โดยรถบัสปรับอากาศ 
ชมบรรยากาศของตัวเมืองโฮจิมินห์ซิตี้ หรือเรียกอีกชื่อว่าไซ่ง่อน(Saigon) เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุด
และเป็นศูนย์กลางทางการค้าของประเทศเวียดนาม



การจราจรบนถนนที่นี่จะเต็มไปด้วยรถจักรยานยนต์ ซึ่งมีมากที่สุดในโลกประมาณ 7 ล้านคัน 
แต่ก็ไม่ค่อยเห็นมีอุบัติเหตุนะคะ เพราะเค้าขับรถไม่ไว



นั่งรถบัสมาได้สักพักรถเสียค่ะ ต้องจอดซ่อมรถอยู่นานมาก สุดท้ายต้องเปลี่ยนรถ
พวกเราเลยมาเดินเล่นที่ห้าง Parkson (คล้ายๆห้างโรบินสันบ้านเรา) 
เข้าห้องน้ำและซื้อขนมทานก่อนขึ้นรถบัสคันใหม่




เวลา 16:30 น.ออกเดินทางสู่มุยเน่จริงๆแล้วค่ะ 😄
ระยะทางประมาณ 250 กม.ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4-5 ชม.เพราะสภาพถนนทีนี่ไม่ค่อยดี




ระหว่างทางนั่งชมวิวได้สักพักก็เริ่มมืด เวลาประมาณ 19:00 น.รถบัสจอดให้ลงไปเดินเล่นและเข้าห้องน้ำ
มะปรางขอลองอาหารเวียดนามมื้อแรกของวันนี้ค่ะ BANH MI (บั๋นหมี่) หรือก็คือแซนด์วิชเวียดนาม
เป็นขนมปังฝรั่งเศส baguette ผ่าครึ่ง ใส่หมูกรอบ ไข่ หมูยอ แตงกวา ราดด้วยซอสพริกเผ็ดนิดๆ
มะปรางหิวจัดค่ะรีบกินก่อน แม่ตุ๊กเพิ่งถ่ายรูปแบบมีรอยแทะไปแล้ว55 ขนมปังแข็งและเหนียวไปหน่อย




เวลา 21:00 น.เดินทางมาถึงฟานเทียดแล้วค่ะ เหนื่อยล้ากันทุกคน
ที่พักของเราคืนนี้เป็นโรงแรม 4 ดาว TTC PREMIUM PHAN THIET HOTEL ตั้งอยู่ริมทะเล




ทานอาหารที่ภัตตาคารข้างๆโรงแรมเลยค่ะ อาหารอร่อยทุกอย่าง(หิวมากด้วยค่ะ)



ทานอาหารเสร็จก็เอาของเข้าเก็บในที่พัก ด้านในโรงแรมสวยหรูหรา




ห้องพักเป็นแบบ tripple bedroom ห้องนอนและห้องน้ำกว้างมาก อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบ



เก็บของเสร็จ ลงมาเดินเล่นด้านล่างกันก่อนค่ะ มาเที่ยวทั้งทีต้องนอนดึกหน่อย
บริเวณล็อบบี้เตรียมจัดงานปีใหม่



ด้านหน้าโรงแรมพอข้ามถนนไปจะพบกับสวนสาธารณะริมทะเล ชื่อ Doi Duong Park
คืนนี้เป็นคืนวันศุกร์มีกลุ่มวัยรุ่นเวียดนามมานั่งเล่นริมทะเลกันมากมาย
เดินเล่นสักพักคุณป๋าบอกว่าควรกลับเข้าโรงแรมกันได้แล้วมันมืดกลัวไม่ปลอดภัย



วันเสาร์ที่ 31 ธันวาคม 2559 เวลา 6:00 น. ตื่นเช้ามาอากาศเย็นสบาย ท้องฟ้ามีเมฆบางๆ




จากห้องพักของเรา มองเห็นวิวได้ไกล ด้านล่างมีคนมาออกกำลังกายกันมากมาย




เวลา 6:30 น.อาบน้ำ แต่งตัว ลงมาทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารชั้นล่างค่ะ




ทานอาหารเสร็จก็เดินเล่นกัน เมื่อคืนเดินไปได้นิดเดียวเพราะมืดมาก
ด้านหลังโรงแรมมีสระว่ายน้ำและสนามเทนนิสด้วยค่ะ




โรงแรมที่เราพักเมื่อคืนนี้เป็นโรงแรมที่ดีที่สุดของ จ.ฟานเทียด



ไปเดินเล่นริมทะเลกันค่ะ




Doi Duong Park เป็นสวนสาธารณะริมทะเล สะอาดร่มรื่นดีค่ะ



มีทางเดินยาวตลอดชายหาด คนมาเล่นน้ำกันเยอะมากๆ




ชาวบ้านจับปลาเอาขึ้นมาขายกันสดๆจากทะเลเลยค่ะ ปลายังดิ้นอยู่ทุกตัว



คนเล่นน้ำก็เล่นไป คนจับปลาก็จับไป




เรือที่นี่จะมีลักษณะแปลกมากค่ะ คือเป็นเรือทรงกลมเหมือนอ่าง ถ้าพายไม่เป็นมันก็จะหมุนไปรอบๆ




เวลา 8:00 น.ออกเดินทางไปมุยเน่กันค่ะ ระหว่างทางผ่าน Sea Link Golf Course




นั่งรถเลียบชายทะเลไปประมาณ 60 กม.



ภูเขาด้านหน้าคือที่มาของชื่อมุยเน่ ( Mui Ne) ซึ่งแปลว่าจมูก ดูๆไปก็คล้ายนะคะ
เป็นภูเขาที่เรือเอาไว้จอดหลบลมมรสุม




จุดหมายเราอยู่ข้างหน้าแล้วค่ะ ทะเลทรายมุยเน่ white sandunes




มีบริการให้เช่า รถจี๊บตะลุยทะเลทราย ราคา 1300 บาทต่อคัน นั่งได้ 5-6 คน




คนไม่เช่ารถ ก็เดินเล่นถ่ายรูปใกล้ๆได้ค่ะ






รอคิวรถจี๊บนานมากเพราะนั่งท่องเที่ยวเยอะ คุณป๋าเลยเช่ารถ ATV คันใหญ่สุดเลยค่ะ
นั่งได้ 4 คน รวมคนขับ คันละ 1 ล้านVND คิดเป็นเงินไทยประมาณ 1600 บาท




คนขับพาพวกเราขึ้นมาบนจุดสูงสุดของทะเลทราย 
One of the only desert areas in Southeast Asia



ลมแรงมากๆ ยิ้มทีทรายปลิวเข้าปากเต็มๆ



ถ่ายรูป เดินเล่น ขับรถเล่นได้ตามสบาย



ถ่ายรูปเสร็จก็พาพวกเราไปลุยทะเลทราย ขึ้น ลงเนิน กันทีละคน
ดูหน้าคุณป๋าจะเห็นว่าคนขับซิ่งมากๆๆๆ ต้องกอดแน่นๆไม่งั้นหล่นแน่ๆค่ะ




ตื่นเต้นเหมือนเล่นรถไฟเหาะเลยค่ะ โดยเฉพาะตอนขึ้นไปบนจุดสูงสุดแล้วขับลงมาแบบเร็วๆ




ขึ้นเนิน ลงเนิน ทั่วทั้งทะเลทราย


คนที่เช่ารถจี๊บมาก็จะอยู่ได้แค่เนินทรายด้านล่าง แต่ถ้าเป็นรถ ATV จะขึ้นมาชมวิวบนจุดสูงสุดได้



เห็นคุณป๋าซิ่งอยู่บนเนินไกลๆ






พอคุณป๋ากลับมาแม่ตุ๊กก็ไปต่อ กรี๊ดเกือบตลอดทาง กลัวหล่นแต่ก็สนุกมากๆค่ะ





ถ้าไม่เอาคนขับมาด้วย จะขับผาดโผนแบบนี้ไม่ได้เพราะอันตรายเหมือนกันค่ะ



มะปรางไปเป็นคนสุดท้าย



จริงๆที่นี่ไม่ใช่ทะเลทรายนะคะเพราะขนาดยังไม่กว้างใหญ่ขนาดนั้น จึงเรียกว่า White sand dunces



ทั้งทะเลทรายมีแต่ ATV ของพวกเราคันเดียวได้ขับไปทั่วทุกเนิน




เนินทรายด้านล่างไม่ค่อยสวย พื้นทรายมีแต่รอยล้อรถและรอยเท้า



เนินทรายด้านบนทรายเรียบละเอียดมากค่ะ  ยิ่งสูงก็ยิ่งลมแรงมากๆ เม็ดทรายแทรกเข้าทุกรูในร่างกายเลยค่ะ😁😁



บริเวณนี้เป็นอีกจุดชมวิว คนเวียดนามเรียกว่า Bau Trang (White Lake)
ด้านล่างเป็น small lagoon ถ้ามาช่วงดอกบัวบาน ในบึงนี้จะเต็มไปด้วยดอกบัวสีแดง




สรุปมาเที่ยวทะเลทรายแบบนี้ควรเช่ารถ ATV ที่สุดค่ะ เพราะขับไปได้ทั่วทุกที่ 
และที่สำคัญถ่ายรูปสวยค่ะ มีนั่งท่องเที่ยวมาขอยืนถ่ายรูปกับรถกันเยอะเลย😄😄😄




ทรายที่นี่เม็ดเล็กละเอียดแห้งมากถอดรองเท้าเดินเล่นได้เลยไม่เหนียวเท้า



ลงไปนั่งนอนกลิ้งบนพื้นทรายได้เลยค่ะเพราะทรายสะอาด






ใช้เวลาที่เนินทรายประมาณ 40 นาที คนขับก็พาเรากลับมาที่เดิม
ขอถ่ายรูปกับรถจี๊บคันนี้หน่อยค่ะ สีแดงสดมาก



ออกเดินทางต่อมายังทะเลทรายแดง หรือที่เรียกว่า Red Sand Dunes
ด้านหน้าจะมีชาวบ้านให้เช่าแผ่นพลาสติก(plastic sled)
เพื่อเล่นสไลด์ลงมาจากเนินทรายราคาประมาณ 10,000-20,000 VND






เนินทรายที่นี่ไม่สูงมาก ลมเลยไม่ค่อยแรง



ทรายที่นี่จะสีเข้มออกส้มๆหน่อยค่ะ



คนนิยมมาชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกที่นี่ค่ะ



เม็ดทรายเล็กละเอียด




เดินเล่นถ่ายรูปประมาณ 15 นาทีก็เสร็จแล้วค่ะ แต่ถ้าเล่นสไลเดอร์ จะเสียเวลามาก





ของฝากจากมุยเน่




ออกเดินทางต่อไปยังที่เที่ยวยอดนิยมอีกแห่งของมุยเน่



 Fairy Stream หรือ ธารนางฟ้า จอดรถแล้วเดินไปตามทางประมาณครึ่ง กม.






ระหว่างทางจะเห็นโอ่งแบบนี้จำนวนมาก มีกลิ่นแรงเฉพาะตัว 
มันคือโอ่งหมักน้ำปลา สินค้าขึ้นชื่อของเมืองนี้เลยค่ะ



ถึงแล้วค่ะ ฝากรองเท้าไว้ที่บ้านริมตลิ่ง เสียค่าฝากประมาณคู่ละ 10 บาทพอกลับมาจะได้ล้างเท้าด้วยค่ะ
แม่ค้านั่งขายของกันในธารน้ำเลย มีทั้งของกินและของฝาก






" ศิลปะทรายในขวดแก้ว"เป็นของฝากของที่นี่ มีหลายขนาด ซื้อแล้วต้องห่ออย่างดีกลัวแตกค่ะ




เดินไปตามธารน้ำนี้เรื่อยๆเลยค่ะ น้ำเย็นพื้นด้านล่างเป็นทรายละเอียดเดินสบายเท้า



เดินไปสักพักจะเจอลักษณะแบบนี้อยู่สองข้างทางเลยค่ะ คล้ายแกรนด์แคนยอนเล็กๆ





 แกรนด์แคนยอนแห่งเวียดนาม 





รอยพวกนี้เกิดจากการกัดเซาะของน้ำและลมเป็นเวลานาน






รูปร่างแตกต่างกันตลอดสองข้างทาง



สลับกับเนินทรายเป็นช่วงๆ มีเด็กๆขึ้นไปสไลด์ลงมาด้วยค่ะ




ดินทรายมีทั้งสีแดงและขาวสลับกัน ดูแปลกตาดีค่ะ







เดินเล่นถ่ายรูปไปเรื่อยๆระยะทางประมาณ 2 กม.







เดินไปสักพักก็เริ่มเมื่อย นั่งพักก่อนค่ะ








พอเริ่มเหนื่อยและร้อนก็เดินย้อนกลับทางเดิมนะคะ




เวลา 12:30 น.ไปทานอาหารเที่ยงที่ภัตตาคารริมทะเล ร้านอาหารนี้มีชื่อว่า Canh Buom Vang
 มื้อนี้ยกทะเลมาทั้งโต๊ะ กุ้ง หอย ปลาหมึก ปลา ปู(ปลาหมึกชุบแป้งทอด อร่อยที่สุด)




ทานอาหารเสร็จ เปิดประตูออกไปก็เป็นชายทะเลเลยค่ะ ออกไปเดินเล่น ลมแรงและแดดร้อนจัดมาก




เรืออ่างเวียดนามเต็มทะเลเลยค่ะ



เวลา 14:00 น.ออกเดินทางต่อไปยังเมืองดาลัท ระยะทางประมาณ 180 กม.




เส้นทางสู่ดาลัทเป็นภูเขาหลายลูกขึ้นๆลงๆและคดเคี้ยวมาก ถ้าเมารถควรทานยาก่อนนะคะ
เส้นทางสวยงามวิวสองข้างทางมีแต่ต้นไม้เขียวสดชื่น




เมืองนี้มีการทำไร่มากมาย จึงมีอ่างเก็บน้ำไว้บนภูเขา มีขนาดใหญ่เหมือนเขื่อนเลยค่ะ




เวลา 18:00 น.เข้าสู่ตัวเมืองดาลัทแล้วค่ะ 
บ้านหลายหลังที่นี่มีลักษณะสวยงาม เพราะได้รับอิทธิพลจากฝรั่งเศส




ผ่านสถานีรถไฟดาลัท (Dalat Train Station)
ตอนที่ฝรั่งเศสปกครองเวียดนาม ได้สร้างเส้นทางรถไฟมายังเมืองดาลัทตั้งแต่ ค.ศ.1932 เพราะที่นี่เป็นเมืองตากอากาศของชาวฝรังเศส ปัจจุบันเวียดนามได้ยกให้เป็นอาคารสถาปัตยกรรมของชาติ



เข้าสู่ใจกลางเมืองดาลัท เห็นอาคารรูปทรงแปลกตาสวยดีค่ะ อยู่ในสวนสาธารณะ Cong vien Yersin




ทะเลสาบซวนเฮือง (Xuan Huong Lake) อยู่ใจกลางเมืองดาลัท 
เป็นสถานที่พักผ่อนของคนเมืองนี้ ระยะทางโดยรอบประมาณ 7 กม.




ทานอาหารเย็นที่ Dalat House Restaurant 
อากาศตอนนี้เย็นมากๆค่ะ



ร้านอาหารเป็นบ้าน 2 ชั้น ตกแต่งสวยน่ารักทั้งด้านนอกและด้านใน




มื้อนี้ทานอาหารเวียดนามค่ะที่หลักๆคือ แหนมเนือง กุ้งพันอ้อย เฝอ รสชาติจะไม่เหมือนเมืองไทยเลยค่ะ




ทานอาหารเสร็จก็มืดแล้ว อากาศที่นี่หนาวค่ะเลยมืดเร็ว



ไปเดินเล่นย่อยอาหารกันก่อนดีกว่าค่ะ วันนี้วันเสาร์มีถนนคนเดินเมืองดาลัท Dalat night market 
อยู่ไม่ไกลจากทะเลสาบ คนเยอะมากเพราะเป็นวันสิ้นปีด้วยค่ะ คนมาเที่ยวแล้วรอเค้าท์ดาวน์กัน




ของที่ขายส่วนมากเป็นเสื้อกันหนาว ผ้าพันคอ ของที่ระลึก




ในแก้วนี้น่าจะเป็นน้ำเต้าหู้เวียดนามมั้งคะ(อ่านป้ายไม่ออกค่ะ) มีคนบอกว่าอร่อย




พิซซ่าเวียดนาม ย่างกันสดๆทีละแผ่นมีหลายหน้าค่ะ คนนิยมทานกันมาก



ร้านสารพัดหอย สั่งเสร็จก็นั่งกินกันตรงนี้เลย



ตรงนี้น่าสนใจที่สุดค่ะ ขายผัก ผลไม้เมืองหนาว 
สตรอเบอรรี่มีหลายขนาด หลายราคา เริ่มต้นที่ กก.ละประมาณร้อยบาท




ขึ้นไปมุมสูงมองลงมาด้านล่าง คนเยอะมากๆๆเดินเบียดกันหนาแน่น ต้องระวังกระเป๋าไว้อย่างดีเลยค่ะ




วันนี้มีมาสคอตมายืนหลายตัวเลยค่ะ


เวลา 21:00 น. กลับเข้าที่พักคืนนี้กันค่ะ 
LA SAPINETTE เป็นโรงแรม 4 ดาว ที่สำคัญคือเป็นโรงแรมที่มีแอร์เพียงแห่งเดียวของเมืองนี้



ห้องสวยสะอาดค่ะ




เก็บของเสร็จลงมาเดินเล่นด้านล่างกันค่ะ 
คืนนี้มีงานส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เลยมีการประดับแสงไฟมากมาย




ด้านนอกโรงรมสวยมาก เหมือนอยู่ยุโรปเลยค่ะ
เดินเล่นสักพักก็ทนหนาวไม่ไหวรีบกลับเข้าห้องนอนกันค่ะ




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น