เวลา 8:00 น.เก็บกระเป๋าแล้วเช็คเอ้าท์ เย็นนี้เราต้องเดินทางกลับแล้วค่ะ ฝนก็ตกตลอดตั้งแต่เมื่อคืน
ตอนเช้าเราไปไหว้พระกันก่อนค่ะ วัดแฮดอง ยงกุงซา (HAE DONG YONG GUNG TEMPLE)
วัดนี้ตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองปูซาน
สัญลักษณ์ของวัดนี้คือมังกร
พอลงจากรถก่อนเข้าไปในวัด จะมีร้านขายของจำนวนมากสองข้างทาง
มีทั้งของกิน ของฝาก
ของที่ระลึก เครื่องราง
ร้านอาหาร น่าทานทุกร้านเลยค่ะ
พอถึงภายในบริเวณวัดจะพบกับรูปปั้น 12 นักษัตรตั้งเรียงรายตลอดทาง
หินสลักรูปเจ้าแม่กวนอิมขนาดใหญ่
มีหินคุณปู่ฮารูบังด้วยค่ะ
ช่วงนี้ในวัดประดับด้วยโคมไฟหลากสีสันสวยงามมากๆค่ะ
โคมสีสันนี้จะมีเฉพาะเทศกาลวันสำคัญทางศาสนา
เจดีย์สีขาว
บันไดทางลง เป็นบันไดหิน 108 ขั้น
วันนี้ฝนตก ทางเดินจะลื่นมากค่ะ มีคนลื่นหกล้มหลายคนเลย
ลงบันไดสักนิดมาจะพบกับจุดชมวิว
ฝนตกแต่มะปรางก็ยังถ่ายรูปไม่หยุด
จุดชมวิวความงดงามของทะเลและโขดหิน
วัดนี้สร้างอยู่บนโขดหินริมชายหาด แตกต่างจากวัดส่วนใหญ่ในเกาหลีที่สร้างอยู่ตามเชิงเขา
สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1376 และได้รับการปรับปรุงอีกครั้งในปี 1970
เจ้าแม่กวนอิมหันหน้าออกสู่ทะเล
ลงมาถึงด้านล่างแล้วเลี้ยวซ้ายไปไหว้พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ริมทะเลก่อนค่ะ
ชายหาดเป็นโขดหินหมดเลยค่ะ
ทางซ้ายมีทางเดินไป พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และการประมง(Fisherless Science Museum)
พิพิธภัณฑ์คือตึกสีแดงเลือดหมูด้านหลังค่ะ ข้ามสะพานไปก็ถึงแล้ว
เสียดายพวกเรามีเวลาน้อยเลยไม่ได้เข้าไปชมด้านในค่ะ
เดินย้อนกลับมาทางเดิม ข้ามสะพานไปชมวิหารหลักกันค่ะ
บ่อโยนเหรียญนำโชค
วิหารหลักตั้งอยู่บนเชิงเขา หันหน้าออกสู่ทะเล
ไม่สามารถถ่ายรูปวิหารเต็มๆได้เลยค่ะ(โคมสีสันบังหมด)
ด้านหลังเป็นเจดีย์สีทอง 3 ชั้น(โดนบังมองไม่ค่อยเห็น)
พระสังกัจจายน์สีทององค์ใหญ่
เข้าไปไหว้พระในวิหารค่ะ
เดินขึ้นบันไดไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมด้านบนค่ะ
บนนี้เป็นจุดชมวิวที่สูงที่สุดของวัด
ไหว้เจ้าแม่กวนอิมก่อนค่ะ
ถ่ายรูปและชมวิวสักพักก็เดินลงกันค่ะ
มีทางลงไปด้านใน เป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ค่ะ
ขอลงไปดูสักนิด
ด้านในมืดๆมีบ่อน้ำเล็กๆ เห็นคนเค้าเอามาดื่มและล้างหน้ากันค่ะ
เดินชมจนทั่วก็ได้เวลากลับแล้วค่ะ ฝนก็ยังตกตลอดเวลา
เดินออกมาหาขนมทานกันค่ะ
"ขนมฮอตต็อก" ขนมแป้งทอดเกาหลีใส้ถั่วลิสงอบเชย ชิ้นละ 1000 วอน
มะปรางบอกว่าหวานนุ่มอร่อยค่ะ แป้งร้อนๆเข้ากับอากาศเย็นๆ
เวลา 10:00 น.ออกเดินทางไปยัง Narimaru APECHouse
ศึกษาแผนที่ด้านหน้าก่อนเข้าชมด้านในค่ะ เรายืนอยู่ตำแหน่งสีแดง เดินขึ้นเนินเขาตามทางริมทะเล
สถานที่นี้ตั้งอยู่ในสวน Dongbaek เป็นสวนร่มรื่นมีต้นสนเรียงราย คนเกาหลีนิยมมาวิ่งออกกำลังกายกัน
ถึงทางเข้าแล้วค่ะ(ไม่ต้องเสียค่าเข้านะคะ)ต้องเดินขึ้นเนินเขาเข้าไปอีก
ทางเดินสะอาดร่มรื่นมากๆ ถ้าฝนไม่ตกก็ดีค่ะ
เดินเลยไปชมประภาคารก่อนค่ะ
ประภาคารไม่ได้เอียงนะคะ...ตั้งกล้องเอียงค่ะ
บริเวณนี้เป็นจุดชมวิว ข้างหลังที่เห็นคือ Nurimaru APEC House
เป็นอาคารรูปกรวยหลังคาทรงโดม โดดเด่นอยู่ริมหาดแฮอึนแด ถือว่าเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของเมืองปูซาน
เป็นอาคารรูปกรวยหลังคาทรงโดม โดดเด่นอยู่ริมหาดแฮอึนแด ถือว่าเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของเมืองปูซาน
วันนี้ฝนตกมีหมอกหนาส่องกล้องมองวิวได้ไม่ไกลค่ะ
เลยจากประภาคารมีทางลงไปชมวิวด้านล่าง
ลมและคลื่นค่อนข้างแรง เลยยืนชมวิวดีกว่าค่ะ
เดินย้อนกลับมาที่ APEC House เข้าไปชมด้านในฟรีค่ะ
ด้านในอาคารตกแต่งเรียบหรู โปร่งโล่งสว่างด้วยกระจกใสรอบตัวอาคาร
สถานที่แห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อจัดการประชุมความร่วมมือกลุ่มประเทศแถบเอเชีย-แปซิฟิก (APEC) ครั้งที่ 13 เมื่อปี 2005 โดยเมืองปูซานเป็นเจ้าภาพ
ด้านในเป็นที่นั่งของผู้นำประเทศ เห็นที่นั่งของผู้นำประเทศไทยด้วยค่ะ
จำลองโต๊ะอาหารของผู้เข้าประชุม
ที่นั่งพักผ่อนของผู้นำ เห็นวิวทะเลสวยงาม
ลงมาเดินเล่นริมทะเลค่ะ
ลานด้านหน้าเป็นที่ถ่ายรูปหมู่ของผู้นำประเทศที่มาประชุม
อาคาร 3 ชั้นผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมแบบสมัยใหม่และแบบดั้งเดิมของเกาหลี
เราจะเห็นสะพานกวางฮันเดโย(Gwangandaeyeo Bridge) เปรียบเสมือนสะพานโกลเด้นท์เกท
เชื่อมต่อสองฝั่งของปูซานเข้าด้วยกัน นับเป็นสะพานที่สร้างในทะเลที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลี
ยาว 7.4 กม. มีสองชั้น วันนี้ปกคลุมไปด้วยหมอก มองเห็นสะพานเลือนราง
เดินย้อนทางเดิมกลับกันค่ะ
มีบันไดขึ้นไปชมวิวด้านบนได้ค่ะ
เหมือนเราเดินอยู่ในเมืองหมอกเลยค่ะ
บริเวณนี้น่าจะเป็นท่าเรือ
ขึ้นรถบัส ออกเดินทางต่อค่ะ
แวะชมชายหาดแฮอึนแด เมื่อคืนเราชมบรรยากาศของชายหาดยามค่ำคืนไปแล้ว
ชายหาดนี้โด่งดังมากที่สุดแห่งหนึ่งของเกาหลี เปรียบเสมือน ฮาวายเกาหลี มีความยาว 1.5 กม.
เป็นสถานที่สำหรับจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรม และงานเทศกาลต่างๆตลอดปี
แม้ฝนจะตกแต่ก็ยังมีคนมาเดินเล่นมากพอสมควร
เนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุดของคนเกาหลีและฝนตกหนัก ทำให้รถติดมาก
พวกเราเลยไม่ได้ไปที่ ปูซานทาวเวอร์เลยค่ะ ทำได้แค่เพียงมองผ่านกระจกและสายฝน
เวลา 13:00 น.แวะทานอาหารเที่ยงก่อนขึ้นเครื่อง เมนูมื้อนี้คือ " คาลบี้ "เป็นอาหารปิ้งย่างที่มีชื่อเสียงของเกาหลี โดยนำหมูชิ้นใหญ่ๆที่หมักจนนุ่มแล้วนำไปย่างบนแผ่นโลหะที่ถูกเผาจนร้อน พอใกล้สุกก็ใช้กรรไกรตัดเป็นชิ้นพอดีคำทานกับผัก และเครื่องเคียง กิมจิ อร่อยมากๆค่ะ
ตบท้ายด้วยไอติมแสนอร่อยคนละอัน ทานไปก็ปากสั่นเพราะอากาศเย็นมาก
เวลา 14:00 น.เดินทางไปสนามบินกิมแฮ เช็คอินกลับเมืองไทย
เวลา 17:00 น.ออกเดินทางกลับเมืองไทย ทานมื้อเย็นบนเครื่องบิน...มาม่าเกาหลีค่ะ
เวลา 20:30 น.ถึงเมืองไทยโดยสวัสดิภาพ