ออกเดินทางจากหาดใหญ่ด้วยสายการบินนกแอร์ เวลา 8:00 น. ถึงสนามบินดอนเมืองเวลา 9:30 น.
รอต่อเครื่องไปน่าน เวลา 12:45 น. เมื่อถึงเวลาก็เดินไปขึ้นเครื่องได้เลยค่ะ พอเห็นเครื่องลำที่จะพาเราบินไปน่านแล้วตื่นเต้นนิดนึงเพราะลำเล็กมากๆ ขนาดประมาณรถบัสคันใหญ่ ด้านในที่นั่งเป็นแบบ 2-2 คุณป๋าจองที่นั่งด้านหน้าติดกับห้องนักบินเลยค่ะ
ต้นสูงมาก ต้องซูมถึงจะเห็นชัดๆ
ใช้เวลาบินประมาณ 1.5 ชม.ก็เดินทางมาถึงท่าอากาศยานน่านนครค่ะ
ลงจากเครื่องก็เดินเข้ามาในตัวอาคารได้เลย สนามบินเล็กๆน่ารัก อากาศตอนนี้ลมเย็นสบายมากค่ะ
รอรับกระเป๋าแป๊บเดียวค่ะ เพราะมีเครื่องเราลงลำเดียว
เวลา 15:00 น. เดินออกมารับรถเช่าที่หน้าอาคาร ครั้งนี้เราใช้บริการของ บ. Nan at love รถใหม่ดีค่ะ
เอาสัมภาระใส่ท้ายรถเสร็จ ก็ออกเดินทางท่องเที่ยวกันได้เลย
จุดหมายของวันนี้คือ อุทยานแห่งชาติขุนสถาน อ.นาน้อย จ.น่าน
คุณป๋าใช้เส้นทางสายแพร่ ทางหลวงหมายเลข 101 ถนนดีค่ะขับสบาย ระยะทางประมาณ 90 กม.
แวะถ่ายรูปข้างทาง เพราะมะปรางเริ่มเวียนหัวนิดๆ เส้นทางขึ้นเขาจะคดเคี้ยวพอสมควร
แดดอ่อนๆแต่อากาศสดชื่นเย็นสบายค่ะ
หยุดถ่ายรูปตลอดทางที่ขึ้นเขาเลยค่ะ
ภูเขาแถวนี้ต้นไม้น้อยมาก ส่วนใหญ่เป็นภูเขาหัวล้านมีแต่ทุ่งหญ้าแห้งๆ
ตลอดเส้นทางบนเขาจะมีร้านขายกาแฟแบบนี้หลายร้านค่ะ
แวะพักชมวิวสวยๆ
ชาวเขา(ม้ง)จะปลูกสตรอเบอรรี่ริมถนนตรงไหล่เขา เข้าไปอุดหนุนได้ค่ะ
สตอรเบอรี่ไร้สารเคมี ลูกเล็กๆ
เด็ดจากต้นมาลองชิมก่อนซื้อค่ะราคาไม่แพง ถุงละ 100 บ.(ประมาณครึ่ง กก.)
ถ้ามีอาหารขายด้วยก็ดีนะคะ นั่งทานไปชมวิวไป
พักหายเหนื่อยแล้วก็ออกเดินทางต่อค่ะ ยิ่งสูง ยิ่งหนาว หมอกเริ่มหนา
เวลาประมาณ 17:00น.เดินทางมาถึงสถานีวิจัยต้นน้ำขุนสถาน
ตอนแรกแม่ตุ๊กจองที่พักหลังสวยนี้ค่ะ แต่วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ที่พักเต็มหมดเลย
อุณหภูมิตอนนี้ประมาณ 20 องศา
บ้านพักหลังนี้ ชื่อ บ้านเงาไม้ เป็นหลังที่สวยที่สุดอยู่บนเนินสูง
ช่วงดอกพญาเสือโคร่ง(ซากุระเมืองไทย)บาน ประมาณเดือน ธ.ค.-ม.ค.บริเวณนี้จะสวยงามเหมือนอยู่เมืองนอกเลยค่ะ
มองจากบ้านพักลงมาจะเห็นวิวของภูเขาด้านล่าง
มะปรางขอลองพิสูจน์กลิ่นหญ้าหอม กลิ่นเย็นๆคล้ายมิ้นท์ค่ะ
สตรอเบอรรี่ลูกใหญ่ถุงละ 120 บาท
จุดเด่นที่สำคัญของที่นี่คือ ต้นชมพูภูคา ออกดอกประมาณเดือน ก.พ.-มี.ค.
ดอกชมพูภูคาพบแห่งเดียวในโลกที่จังหวัดน่าน
แหล่งดั้งเดิมแห่งแรกอยู่ที่อุทยานแห่งชาติดอยภูคา อ.ปัว แต่ทางสถานีฯได้นำมาปลูก 5 ต้น
วันนี้เราโชคดีค่ะได้มาเห็นดอกชมพูภูคา ที่เห็นประมาณ 3-4 ช่อ. ก่อนมาน่านแม่ตุ๊กโทรมาถามเจ้าหน้าที่สถานีวิจัยฯก่อนค่ะว่ากำลังออกดอกจริงๆ เพราะเป็นพันธุ์ไม้หายากจึงอยากเห็นของจริงสักครั้ง
ต้นสูงมาก ต้องซูมถึงจะเห็นชัดๆ
ออกจากสถานีเราก็มุ่งหน้าไปยังอุทยานแห่งชาติขุนสถาน
ที่ทำการอุทยานตั้งอยู่บนเนินเขาทางขวามือ ขับรถขึ้นไปได้เลยค่ะ ทางชันพอสมควร
ด้านในมีที่จอดรถ เจ้าหน้าที่กำลังกางเต๊นท์กันอยู่เพราะใกล้จะมืดแล้ว พวกเราเลยเดินชมวิวก่อนค่ะ
บ้านพักมี 4 หลัง บนเนินตรงนี้คือบ้านดอยแม่จอก 1-2
บนยอดเขานี้เรียกว่า ดอยแม่จอก เราสามารถชมทิวทัศน์รอบด้านได้ค่ะ
อุทยานแห่งชาติขุนสถาน ได้รับการยกย่องให้เป็นดินแดนแห่งขุนเขา (มองไปรอบๆมีแต่ภูเขา)
ปลุกมะปรางให้ตื่นแต่เช้าจะมาดูพระอาทิตย์ขึ้นกันค่ะ
พระอาทิตย์ขึ้นแล้วแต่อากาศยังเย็นจัดไม่อยากออกไปนอกห้อง เลยขอนั่งดูจากในห้องพักก่อนแล้วกัน
ขณะนี้เวลาประมาณ 7 นาฬิกา
ออกมาเดินเล่นรอบๆอุทยานฯ
สงสัยว่าข้างหน้านี้เป็นทะเลหมอก หรือเมฆกันแน่?
ลานกลางเต๊นท์
ไม่ได้เจอบรรยากาศแบบนี้มานานมากแล้วค่ะ รอบๆตัวเต็มไปด้วยทะเลหมอก
แอบดูภายในเต๊นท์ ถ้าเข้าไปนอนแล้วน่าจะอุ่นดีนะคะ
ถ้าไม่ต้องกลับไปทำงานอยากอยู่บนดอยนี้หลายๆวันเลยค่ะ
ขึ้นไปชมวิวบนเนินกันค่ะ
หนาวมากๆๆ ลมพัดมาแต่ละทีปากสั่นเลยค่ะ
ภาพจริงสวยกว่าในภาพถ่ายมากมาย
เมฆลอยต่ำจนเหมือนเราจะสัมผัสได้เลยค่ะ
บ้านพัก ดอยแม่จอก 1-2 ตรงนี้จะเป็นชุดชมวิวที่สวยมากๆค่ะ
มองไกลๆเหมือนบ้านอยู่บนเมฆเลยนะคะ
แวะมาหาอาหารเช้าทานที่ร้านค้าของอุทยานฯ
อาหารปรุงสดต้องสั่งล่วงหน้าค่ะ แต่ถ้าจะทานเลยก็มี มาม่า กาแฟ ไข่ต้มไว้ขาย
มะปรางขอมาเป็นแม่ค้าขายสตรอเบอรรี่แป๊บนึงค่ะ ลูกใหญ่ หวาน กรอบ
อุดหนุนซื้อของที่ระลึกก่อนกลับ
ด้านหลังนี้คือที่ทำการอุทยานแห่งชาติขุนสถาน
ธงชาติไทยโดดเด่นเหนือยอดดอย
ตอนกลางคืนนักท่องเที่ยวทุกคนจะมานั่งรวมกันในที่ทำการนี้เพื่อจะช้าตอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิด
เราจะเห็นมีเต้าเสียบวางเรียงอยู่เป็นแถวเลยค่ะ
ด้านหลังที่ทำการจะมีห้องครัวให้มาทำอาหารที่เตรียมมาเองได้ค่ะ
ปลูกไว้รอบๆดอย ต่อไปคงออกดอกสวยงามมากแน่ๆค่ะ
บ้านพักของเราเมื่อคืนนี้ค่ะ ดอยแม่จอก 4
ภายในนอนได้ 6 คน(แต่พวกเราเหมาหมดเลยค่ะ)มีห้องน้ำและเครื่องทำน้ำอุ่นพร้อม
ค่าที่พักไม่ได้กำหนดไว้แล้วแต่นักท่องเที่ยวจะให้ทางอุทยานค่ะ
เมื่อคืนนี้อากาศหนาวเย็นเหมือนนอนในตู้เย็นเลยค่ะ อุณหภูมิประมาณ 6 องศา ต้องปิดหน้าต่างหมดและใช้ผ้าห่มคนละสองผืนถึงจะนอนหลับได้ ได้ยินคนที่นอนในเต๊นท์ด้านนอกเค้าหนาวจนนอนไม่ไหวเลย
เวลา 9:00 น.ได้เวลาออกเดินทางจากขุนสถานแล้วค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น