เมื่อคืนนี้โรงแรมมีการจัดงานคอนเสิร์ตเค้าท์ดาวน์เสียงดังมาก แต่ห้องพักในเรือของเราเก็บเสียงได้ดีเลยหลับพักผ่อนได้ค่ะ
เวลา 6:30 น.ตื่นเช้ามารับแสงแรกของปี 2559 จากระเบียงห้องพักในเรือ
ตอนเช้าริมแม่น้ำอากาศเย็นสบายสดชื่นดีค่ะ
อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ไปทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารของโรงแรม แล้วก็มาเดินสำรวจตัวโรงแรมกันค่ะ
ขึ้นไปชมวิวจากดาดฟ้าเรือ เห็นพระธาตุมุเตาอยู่ใกล้โรงแรมมาก
เดินลงมาจากดาดฟ้าก็สามารถนั่งชมวิวจากในเรือได้อีกเช่นกัน
ภายในเรือตกแต่งหรูหรามากๆค่ะ
มะปรางเดินสำรวจเกือบทุกซอกทุกมุมของเรือเลย
ออกมายืนนอกเรือจะเห็นขนาดเรือว่าลำใหญ่มากค่ะ
โรงแรมเรือจอดอยู่ในแม่น้ำย่างกุ้ง
ไกด์บอกว่าพวกเราโชคดีได้พักโรงแรมห้าดาวในช่วงปีใหม่แบบนี้
เพราะนักท่องเที่ยวเยอะมากที่พักดีๆในย่างกุ้งเต็มหมด
เวลา 8:00 น.ออกเดินทางกันค่ะ วันนี้เราต้องเดินทางไกลไปเมืองหงสาวดี หรือเมืองพะโค (Bago)
ซึ่งในอดีตเป็นเมืองหลวงที่เก่าแก่และยิ่งใหญ่ที่สุดของมอญโบราณ มีอายุมากกว่า 400 ปี
อยู่ห่างจากย่างกุ้ง 80 กม.แต่ใช้เวลาเดินทางนานร่วม 2 ชม.เพราะถนนไม่ดี
เวลา 10:00 น.แวะนมัสการพระพุทธรูปไจ้ปุ่น (Kyaik Pun Buddha)
ได้รับการบูรณะเมื่อ พ.ศ. 2019
เป็นพระพุทธรูปปางประทับนั่งทั้ง4ทิศ
มาถึงมะปรางขอไหว้พระ รดน้ำพระประจำวันเกิดก่อนค่ะ
ที่นี่ไม่เขียนวันเป็นภาษาอังกฤษให้อ่าน(มีแต่ภาษาพม่า) พวกเราเลยช่วยกันรดน้ำทุกองค์เลยค่ะ
พระพุทธรูปทั้ง 4 องค์หันพระพักตร์ไปทั้ง 4 ทิศ ประกอบด้วย
1.องค์สมเด็จพระสมณโคดม สัมมาสัมพุทธเจ้า (ทิศเหนือ)
2.พระพุทธเจ้า โกนาคมโน (ทิศใต้)
3.พระพุทธเจ้า กกุสันโธ (ทิศตะวันออก)
4.พระพุทธเจ้า มหากัสสะปะ (ทิศตะวันตก)
องค์ที่อยู่ทางทิศใต้มีพระพักตร์แปลกกว่าองค์อื่น (ตาโต จมูกโด่งเหมือนชาวยุโรป)
เวลา 11:00 น.รีบเดินทางต่อมายังวัดไจ้คะวาย
วัดนี้มีขอทานเยอะมากๆค่ะ อุ้มลูกเดินตามตั้งแต่ลงจากรถจนเข้ามาในวัด
มาร่วมทำบุญและตักบาตรข้าวสุกแก่พระสงฆ์
เป็นวัดสำคัญเพราะมีพระสงฆ์จำพรรษามากกว่า 500 รูป
ตักข้าวใส่จานแล้วมายืนรอใส่บาตรพระสงฆ์กันเลยค่ะ
ไม่ต้องรีบแย่งกันใส่บาตรพระรูปแรกๆนะคะ เพราะพระมีจำนวนมากรอใส่พระรูปหลังๆกันก็ได้
เนื่องวัดนี้มีพระสงฆ์จำนวนมาก ถ้าไม่มีคนมาทำบุญ อาหารก็จะขาดแคลน
เราสามารถทำบุญด้วยข้าวสารหรือเงินก็ได้ค่ะ
ไกด์บอกว่าส่วนมากอาหารก็จะมีแต่ข้าวเปล่าและผักดอง
วัดนี้ยังเป็นสถานที่ศึกษาพระไตรปิฎกของพระภิกษุและสามเณร
เราสามารถนำสมุด ปากกา ดินสอไปบริจาคได้ค่ะ
เวลา 12:30 น.แวะทานอาหารเที่ยงที่ภัตตาคาร มาถึงเมืองหงสาวดีก็ต้องทานกุ้งค่ะเมนูสำคัญของที่นี่
กุ้งเผา หงสาฯ คนละ 1 ตัว กุ้งหัวใหญ่มากๆเผาจนเหลือเนื้ออยู่นิดเดียว แต่อร่อยสดดีค่ะ
เวลา 14:00 น.มานมัสการ พระพุทธไสยาสน์ชเวตาเลียว
พระพุทธรูปนอนที่มีพุทธลักษณะที่สวยงามในแบบของมอญ และเป็นพระนอนที่งดงามที่สุดของพม่า
ไกด์บอกว่า คนไทยนิยมเรียกว่า พระนอนยิ้มหวาน
เดินรอบองค์พระนอนจนครบรอบค่ะ
ด้านล่างเมื่อลงบันไดไปจะพบกับร้านขายของจำนวนมาก เช่น เครื่องไม้แกะสลัก ผ้าพม่า ของที่ระลึก เลือกซื้อกันจนเพลิน
มะปรางเลือกผ้านุ่งหลายผืนเลยค่ะ(สงสัยว่าเธอจะเอามาใส่ตอนไหนนี่?)
เวลา 15:00 น.เดินทางไปชม พระราชวังบุเรงนอง
Kamboza Thadi Palace
บริเวณนี้เคยเป็นพระราชวังของพระเจ้าบุเรงนองสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2109
แต่ถูกทำลายด้วยฝีมือของพวกยะไข่กับตองอูในสมัยพระเจ้านันทบุเรง พ.ศ. 2142
ปัจจุบันพระราชวังแห่งนี้เหลือแต่เพียงร่องรอยทางประวัติศาสตร์
และมีการสร้างจำลองขึ้นมาใหม่โดยอ้างอิงจากพงศาวดารในอดีต
มีการจัดแสดงซากไม้ที่ใช้สร้างพระราชวังในอดีตที่ยังหลงเหลือ
ไม้ทุกท่อนมีตัวอักษรจารึกว่ามาจากเมืองใด
พระราชบัลลังก์ภุมรินทร์ หรือบัลลังก์ผึ้ง สร้างจากคติเรื่องจักรวาลตามความเชื่อของศาสนาฮินดู
ด้านในพระราชวังนี้ทุกอย่างทาด้วยสีทองหมดเลยค่ะ
เวลา 16:00 น.ออกเดินทางต่อ ข้ามแม่น้ำสะโตง (Sittoung River)
แม่น้ำนี้เป็นเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างเมืองหงสาวดีและรัฐมอญ
เวลา 17:00 น.เดินทางมาถึง คิ้มปูนแคมป์ ซึ่งอยู่ตรงเชิงเขาไจ้ทีโย ห่างจากย่างกุ้งประมาณ 170 กม. ทำการเปลี่ยนเป็นรถท้องถิ่น คือรถบรรทุกหกล้อขนาดเล็กไร้หลังคา
เป็นรถประจำเส้นทางชนิดเดียวที่จะพาเราขึ้นสู่พระธาตุอินทร์แขวนได้ พวกเราพยายามนั่งด้านหน้าๆ
จะได้ไม่เวียนหัวเพราะทางคดเคี้ยว ระยะทางขึ้นเขาประมาณ 10 กม....ได้ประสบการณ์แปลกใหม่ดีค่ะ
ใช้เวลาในการนั่งรถประมาณ 1 ชม.ก็ขึ้นมาถึงพระธาตุอินทร์แขวนค่ะ เดินขึ้นไปที่พักของคืนนี้อยู่ใกล้บันไดขึ้นพระธาตุเลยค่ะ เช็คอินแล้วก็ทานบุฟเฟต์ที่โรงแรมเลย อาหารอร่อยมากๆค่ะ
มีกุ้งอบเนยทานแบบไม่อั้น(ลืมถ่ายรูปมาเพราะหิวจัดค่ะ)
เวลา 19:00 น.เดินขึ้นพระธาตุกันค่ะ เตรียมเสื้อกันหนาวไปด้วยอากาศเริ่มหนาวแล้ว
พระธาตุอินทร์แขวน ตั้งอยู่เมืองไจ้ก์โถ่ อำเภอสะเทิม เขตรัฐมอญ บนยอดเขา Paung Luang
เหนือระดับน้ำทะเล 3615 ฟุต ตอนนี้เรามองเห็นพระธาตุสว่างไสวอยู่ไม่ไกลแล้วค่ะ
คุณป๋าเข้าไปทำพิธีกับเทพชเวนันจิน รักษาอาการปวดเมื่อย
บูชาเทพผู้ดูแลพระธาตุอินทร์แขวน
ขึ้นมาจนถึงลานด้านบนสุด แวะซื้อระฆังเพื่อไปถวายที่องค์พระธาตุ
ยืนส่งคุณป๋าเข้าไปไหว้พระธาตุและปิดทองด้านใน
ผู้หญิงห้ามเข้าไปแตะองค์พระธาตุค่ะ ต้องยืนคอยนอกรั้ว
มะปรางกับแม่ตุ๊กมายืนเกาะรั้วส่งใจไปให้คุณป๋า
พระธาตุอินทร์แขวนถือเป็นพระธาตุปีเกิดของปีจอ แทนพระเกตุแก้วจุฬามณีบนสรวงสวรรค์
เชื่อว่าผู้ใดมานมัสการพระธาตุฯครบ 3 ครั้ง ผู้นั้นจะพบแต่ความสุขความเจริญตลอดไป
เอาระฆังที่ซื้อมาเขียนชื่ออธิษฐานเสร็จก็ห้อยไว้ที่รั้วได้เลยค่ะ
เจดีย์ไจ้ก์ทีโย หรือพระธาตุอินทร์แขวน (Kyaikhtiyo Pagoda) Golden Rock หรือก้อนหินทอง
ถือเป็นหนึ่งสิ่งสักการะสูงสุดของชาวพม่า และเป็นพระธาตุที่อยู่สูงที่สุดของพม่า
คุณป๋ามีความสุขมากๆค่ะได้เข้าไปสัมผัสของจริง
เป็นเจดีย์ขนาดเล็ก สูง 5.5 เมตร ตั้งอยู่บนก้อนศิลาใหญ่ปิดทองที่วางหมิ่นเหม่อยู่บนหน้าผา
วันนี้เป็นวันขึ้นปีใหม่ จึงมีคนมาสักการะพระธาตุฯกันจำนวนมาก คนพม่าก็เอาเสื่อมาปูนอนตามลานที่ว่างเพื่อจะได้นั่งสวดมนตร์กันทั้งคืนโดยใกล้ชิดพระธาตุมากๆค่ะ
ชาวพม่าเชื่อว่าก้อนหินนี้ไม่มีทางตกเพราะพระเกศาธาตุศักดิ์สิทธิ์ที่บรรจุอยู่ภายในพระเจดีย์ด้านบน
ย่อมทำให้ก้อนหินนี้ทรงตัวอยู่ได้อย่างสมดุลเรื่อยไป
เวลา 21:00 น. อากาศเริ่มเย็นจัดคุณป๋าชวนเรากลับที่พักค่ะ
ก่อนกลับแวะไหว้พระปิดทองพระธาตุอินทร์แขวนจำลองก่อนค่ะ
แม้ผู้หญิงจะไปปิดทองที่องค์จริงไม่ได้ แต่มาปิดทององค์จำลองก็ได้บุญเหมือนกันค่ะ
วันเสาร์ที่ 2 ม.ค. 2559
เวลา 6:30 น. ตื่นมาชมวิวที่ระเบียงโรงแรม
เห็นทะเลหมอกอยู่ไกลๆ
หน้าห้องพักค่ะ
มองเห็นพระธาตุอินทร์แขวน
Kyaik Hto Hotel หน้าโรงแรมที่พักของเราเมื่อคืนนี้ค่ะ
ออกมายืนรอตักบาตรพระสงฆ์หน้าโรงแรม
พระสงฆ์ที่นี่เยอะมากๆค่ะ เดินเบียดกับฝูงชนโดนตัวผู้หญิงได้ด้วย(ไม่เหมือนบ้านเรา)
ยังมีการนั่งเสลี่ยงอยู่นะคะ เพราะผู้สูงอายุบางคนก็เดินขึ้นไปพระธาตุไม่ไหว
เข้าไปเก็บกระเป๋า เช้านี้เราต้องเดินทางลงเขากันค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น