TUKEMD

__TUKEMD__ชื่อบ้าน อ่านว่า ตุ๊ก-เอ็ม-ดี นะจ๊ะ เป็นชื่อในเน็ตของแม่ตุ๊กเองค่ะ

บ้านหลังน้อย หลังนี้เป็นของแม่ตุ๊ก,น้องมะปราง และ คุณป๋า

เป็นบล็อกเพื่อบันทึกความสุข ความทรงจำ ในการท่องเที่ยวที่ต่างๆของครอบครัวเราค่ะ



2557/06/01

ทุ่งทานตะวัน หาดใหญ่

วันอาทิตย์ที่ 1 มิถุนายน 2557

แม่ตุ๊กเห็นข่าวว่ามีทุ่งทานตะวันบานที่สงขลา นั่งท่องเที่ยวไปชมกันเยอะมาก ตั้งแต่เดือน พค.แล้ว 
ต้องรีบไปดูหน่อยค่ะก่อนที่จะร่วงโรยหมด
ออกจากบ้านตอน 15:00 น.แดดร้อนจัด ขับรถไปจนถึงห้าแยกน้ำกระจาย เลี้ยวขวาไปทางเกาะยอ จะเห็นสี่แยก รพ.สงขลา ก็เลี้ยวซ้ายไปตาม ถนนสายติณสูลานนท์ ขับตรงไปเรื่อยๆ เลียบทะเลสาบ วิวสวยค่ะ



ทางซ้ายมือ มีสวนเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา แวะถ่ายรูปประตูเมืองสงขลาก่อนค่ะ




ถึงแล้วทุ่งทานตะวัน อยู่ริมถนนสงขลาพลาซ่า 1 






ไม่มีคนเลย






นายกเทศมนตรีนครสงขลา เปิดเผยว่า สำหรับทุ่งทานตะวันแห่งนี้ เป็นหนึ่งในโครงการเมืองคาร์บอนต่ำ ของเทศบาลนครสงขลา เพื่อคืนธรรมชาติ สร้างความสดใส  ได้ทำการปลูกต้นทานตะวัน ประมาณเกือบ 2 หมื่นต้น โดยทยอยปลูกทั้งหมด 3 รุ่น ในพื้นที่กว่า 3 ไร่ โดยจะใช้ระยะเวลาปลูกทั้งหมดประมาณ 50 วัน หรือประมาณต้นเดือนพฤษภาคม 2557 ทุ่งทานตะวันแห่งนี้ จะมีดอกทานตะวันบานสะพรั่งเต็มทุ่ง




เรามาตอนดอกร่วงโรยแล้วค่ะ เก็บภาพกับมุมถ่ายรูปก็ได้





อากาศร้อนแผดเผามาก ถ้ามาตอนเช้าน่าจะดีกว่า






 ยังดีที่มีมุมกับป้ายให้ถ่ายรูป




ทานตะวันไม่ค่อยชูดอก ต้องช่วยยกนิดนึง









อากาศร้อนแต่เด็กยังยิ้มได้





มีแต่เรา 3 คน มาเดินในทุ่งนี้





ต้นโดนเหยียบ ทำลายไปมาก
 


ปีหน้าค่อยมาแก้มืออีกทีค่ะ



ไปต่อกันที่ “วัดแหลมพ้อ” จะอยู่เชิงสะพานติณสูลานนท์
พอข้ามสะพานอันแรกก็จะเห็น “องค์พระนอน”เด่น ให้ขับไปอีกประมาณ 200 เมตรก็จะเจอทางเข้าวัด เลี้ยวซ้ายเข้าไปได้เลยค่ะ





“วัดแหลมพ้อ” หรือที่หลายๆ คนเรียก “วัดพระนอนแหลมพ้อ" 

เป็นวัดที่เก่าแก่สร้างตั้งแต่เมื่อปีพ.ศ. 2330 หรือประมาณในสมัยรัชกาลที่ 3 


 “องค์พระนอน” ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางปรินิพพานที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย 




พระพุทธรูปปางมารวิชัย ที่มีชื่อว่า “สมเด็จเจ้าเกาะยอ”





ศาลา เจ้าแม่กวนอิม 



ศาลา พระถังซำจั๋ง



ศาลา พระพรหม 



                           มีมุมให้สักการะมากมายค่ะ





เจดีย์คู่สีทอง





  “หอระฆัง” ก่ออิฐถือปูน ตัวหอเป็นทรงสี่เหลี่ยมยอดปิรามิดซ้อนลดหลั่นกันขึ้นไป 



“เจดีย์” ตั้งอยู่ทิศเหนือของอุโบสถ เป็นเจดีย์ก่ออิฐถือปูนตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยม ขนาด 9x9 เมตร ฐานซุ้มต่อกับบันไดทางขึ้นเป็นลักษณะเตี้ยๆ ยกพื้นคล้ายระเบียง สามารถเดินได้รอบองค์เจดีย์ มุมขอบประดับด้วยเจดีย์องคเล็กๆ 4 องค์ องค์ระฆังของเจดีย์ประธานตั้งอยู่บนฐานปัทม์ต่อกันเป็นชั้นๆ
 ด้านล่างฐานเจดีย์มีซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้น




  “อุโบสถ” ที่มีรูปแบบศิลปกรรมตามพระราชนิยมในสมัยรัชกาลที่ 3 เป็นอุโบสถมีระเบียงโดยรอบ หลังคาชั้นเดียวต่อด้วยปีกนกมุงด้วยกระเบื้องดินเผาประดับด้วยช่อฟ้า ใบระกา และหสงหงส์ หน้าบันหลังคาทางด้านหน้าประดับปูนปั้นพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ หน้าบันด้านหลังประดับปูนปั้นรูปพระนารายณ์ทรงครุฑ ส่วนหน้าบัณช่องหน้าต่างและประตูมีรูปปั้นรูปเทพพนมอยู่ท่ามกลางลายพรรณพฤกษา




ไปเดินเล่นที่ริมทะเล ด้านข้างวัดค่ะ




 ทะเลสาบสงขลา





มองเห็นสะพานติณฯ อยู่ไม่ไกล




ลมเย็นสบายค่ะ




วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่กว่า 200 ปี ครั้งหนึ่งในอดีตพระบาทสมเด็จจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่ทรงประพาสทางน้ำขึ้นที่ท่าเรือหน้าวัด อีกทั้งมีประติมากรรมที่เก่าแก่ที่กรมศิลปากรขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน
และมี   "พระพุทธรูปปางปรินิพพานองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย"




  พระพักตร์



                                                                   พระบาท



    เข้าไปไหว้พระ ทำบุญที่ศาลาด้านข้างกันค่ะ



มีรูปหล่อเหมือนพระ 5 องค์ ถือเป็นเกจิอาจารย์ที่ชาวสงขลานับถือเป็นอย่างมาก
1. สมเด็จเจ้าเกาะยอ 
2.สมเด็จเจ้าเกาะใหญ่ 
3.สมเด็จเจ้าพระโคะ(หลวงปู่ทวด)
4.สมเด็จเจ้าจอมทอง 
5.สมเด็จโต 



                                                     สีทองอร่าม สวยงามมากจริงๆค่ะ



                                              ไหว้พระทำบุญเสร็จแล้วก็เดินทางกลับบ้านค่ะ