TUKEMD

__TUKEMD__ชื่อบ้าน อ่านว่า ตุ๊ก-เอ็ม-ดี นะจ๊ะ เป็นชื่อในเน็ตของแม่ตุ๊กเองค่ะ

บ้านหลังน้อย หลังนี้เป็นของแม่ตุ๊ก,น้องมะปราง และ คุณป๋า

เป็นบล็อกเพื่อบันทึกความสุข ความทรงจำ ในการท่องเที่ยวที่ต่างๆของครอบครัวเราค่ะ

2557/01/01

2.โรงไฟฟ้าขนอม-ชมโลมาอ่าวท้องชิง-เจดีย์ปะการัง-พิพิธภัณฑ์ปลาหิน-วัดเขาสุวรรณประดิษฐ์-ต้นธารรีสอร์ท

วันอังคารที่ 31 ธ.ค.2556

เวลา 9:00 น.ขับรถออกจากที่พักที่หาดหน้าด่าน แล้วเลี้ยวขวาไปหาดคอเขา

หาดคอเขา อยู่ทางตอนเหนือสุดของอ่าวขนอม ติดกับเขาคอเขา ปัจจุบันบางส่วนถูกจัดเป็นท่าเทียบเรือน้ำลึกใช้ขนถ่ายแร่ของเอกชน และมีบันไดเดินขึ้นไปบนเขาเป็นที่ตั้งของศาลกรมหลวงชุมพร

ลมแรงมาก กลัวฝนตกค่ะ รีบไปโรงไฟฟ้าขนอมกันดีกว่า
http://www.khanom.egco.com/th

สถานที่ตั้ง โรงไฟฟ้าขนอม ในกลุ่มเอ็กโก ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 484 ไร่ บริเวณปากแม่น้ำขนอม

ต.ท้องเนียน อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช

ที่นี่มีสภาพภูมิประเทศเหมาะสมทั้งด้านการคมนาคมและการขนส่ง

ใกล้แหล่งก๊าซธรรมชาติ(เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า)

และพร้อมรองรับการขยายตัวของโรงไฟฟ้าในอนาคต

โรงไฟฟ้าพลังความร้อนขนอมเป็นโรงไฟฟ้าแบบพิเศษที่ประกอบสำเร็จรูปจากต่างประเทศ

โดยก่อสร้างบนเรือขนาดใหญ่ แล้วนำมาติดตั้งบริเวณปากน้ำขนอม

สถานที่สะอาด อากาศดี ลมแรง

บ.ผลิตไฟฟ้าขนอม จำกัด ก่อตั้งเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2538 ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มแรก 100 ล้านบาท โดยบริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO ได้รับซื้อโรงไฟฟ้าขนอมมาจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) มาดำเนินการเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2539 ในสัดส่วนการถือหุ้น ร้อยละ 99.99

นอกเหนือจากโรงไฟฟ้าแล้ว ที่นี่ยังเป็นสถานที่พักผ่อนชายทะเลด้วยค่ะ

อ่าวแขวงเภา หรือชื่อเดิมอ่าวท้องตะเภา เป็นท้องอ่าวอีกแห่งหนึ่งที่มีความสวยงามตามธรรมชาติ มีมุมมองที่สวยงามขนาบด้วยภูเขาขนาดกลาง น้ำทะเลใส มีทิวทัศน์ท้องทะเลที่เห็นเกาะต่างๆ เช่นเกาะวังนอก เกาะวังใน และเกาะสมุย

อ่าวแขวงเภานี้เคยใช้เป็นท่าเรือเฟอร์รี่ ขนอม-เกาะสมุย ของบริษัทเฟอรี่ไลน์ ปัจจุบันเลิกใช้แล้ว มีกลุ่มชาวประมงชื่อ "กลุ่มรักบ้านเกิด" ให้บริการนักท่องเที่ยวนำเที่ยวทะเลขนอม ดูปลาโลมา และเกาะแก่งต่างๆ

พวกเราเคยมานั่งเรือแล้วค่ะ. เป็นเรือหางยาวพาออกไปกลางทะเล ต้องออกแต่เช้านะคะ

จะมีโลมาสีชมพู และสีเทา มาว่ายเล่นอยู่ข้างๆเรือหางยาว เพราะชาวประมงชอบโยนปลาที่จับได้ให้มันกิน

ครั้งนี้เรามาถึงสายมากแล้ว เลยไม่ได้นั่งเรือค่ะ.

จากอ่าวแขวงเภามีทางแยกไปยังอ่าวท้องชิงที่มีชื่อเสียงว่าเป็นอ่าวที่สวยงามมากอีกแห่งหนึ่งด้วย

พื้นที่นี้เป็นส่วนหนึ่งของ อุทยานแห่งชาติขนอม-หมู่เกาะทะเลใต้

"เจดีย์ปะการัง" หรือ "เจดีย์ปะการังเขาธาตุ"

ตั้งอยู่บนยอดเขาธาตุ หลังวัดจันธาตุทาราม ( วัดท่าจันทน์) ต.ท้องเนียน อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช

เป็นปูชนียสถานคู่บ้านท้องเนียนและของเมืองขนอม

เจดีย์ปะการัง เป็นโบราณสถานเก่าแก่ของเมืองขนอม เชื่อกันว่ามีอายุมากกว่า 1000 ปี

ชั้นบัลลังก์และส่วนยอดหักหายไป องค์ระฆังทางด้านทิศใต้ถูกลักลอบขุดเจาะเสียหาย

มีรูปแบบเดียวกับกับพระบรมธาตุเจดีย์ วัดมหาธาตุวรมหาวิหาร นครศรีธรรมราช

จากการขุดในปี 2549 ได้พบชิ้นส่วนปล่องไฉนซึ่งเป็นส่วนยอดของเจดีย์ และได้มีการบูรณะจนสวยงาม

เป็นเจดีย์ที่มีความโดดเด่นทางด้านลักษณะทางสถาปัตยกรรมและศิลปกรรม

โดยเจดีย์มีลักษณะเป็นทรงกลมแบบลังกา มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 5-6 เมตร

ประกอบด้วยฐานเขียงรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส รองรับฐานบัวแก้วอกไก่กลม และองค์ระฆังทรงกลม

สร้างขึ้นโดยนำหินปะการัง มาจัดสร้างเป็นเจดีย์ทั้งองค์ รอบๆเจดีย์ มีพระพุทธรูปแกะสลักด้วยหินทรายแดง แสดงให้เห็นว่าที่นี่เป็นแหล่งอารยธรรมทางด้านพุทธศาสนาสมัยหนึ่ง

บนยอดเขานี้มีศาลาให้นั่งพักผ่อนด้วยค่ะ

ทำบุญ-ไหว้พระ

มีพิธีพุทธาภิเษกเมื่อ พ.ศ. 2554

จากบนยอดเขาธาตุนี้ สามารถชมทิวทัศน์ของอ่าวท้องเนียนได้

เดินทางต่อไปที่...แหลมประทับ

ที่นี่เป็นจุดนั่งเรือชมโลมาอีกแห่งหนึ่งค่ะ. นักท่องเที่ยวนิยมมากันมาก

สัญลักษณ์ของที่นี่.....โลมาสีชมพู

โลมาสีชมพู สัญลักษณ์แห่งท้องทะเลขนอม ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรทางธรรมชาติในทะเลและป่าชายเลน ทำให้อำเภอขนอมเป็นถิ่นอาศัยของโลมาสีชมพูซึ่งชอบกินปลากระบอก ปลาเล็ก ๆ

โดยช่วงเวลาที่เหมาะแก่การดูโลมา คือ ช่วงเช้าไปจนถึงเที่ยง

มีการใช้โลมาสีชมพูเป็นจุดดึงดูดด้านการท่องเที่ยวในแถบนี้ถึง 3 อำเภอด้วยกัน คือ อ.ดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี อ.ขนอมและ อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งมีพื้นที่ติดต่อกันทั้งทางบกและทางทะเล

ขอบคุณข้อมูลจาก http://khanom.siamfreestyle.com/tourist-attractions

สำนักปฎิบัติธรรมถ้ำเขาพระ อ.ขนอม

ขึ้นไปไหว้พระในถ้ำบนเขาค่ะ

มีพระพุทธรูปหลายองค์เลยค่ะ

วันนี้เป็นวันสิ้นปี ร้านอาหารปิดกันเยอะ. เลยต้องแวะทานร้านข้างทางกันค่ะ. ขนมจีน และ ราดหน้า

พิพิธภัณฑ์ปลาหิน

การเดินทางใช้ทางหลวงหมายเลข 4142 (ดอนสัก-ขนอม) ตรงหลัก กม.23

พิพิธภัณฑ์อยู่ซ้ายมือติดกับ รพ.ดอนสัก โทร. 0 7737 1197 เปิดบริการทุกวัน

เกิดจากแรงบันดาลใจของคุณลุงกิตติ สินอุดม ซึ่งเดิมทำอาชีพประมงทั้งออกเรือหาปลาและทำแพปลา เมื่ออายุมากจึงเกษียณตัวเอง

ด้วยความรักและหลงใหลสัตว์ทะเลทุกชนิด จึงคิดหาวิธีให้คนรุ่นหลังได้รู้จักปลาทะเล

ด้วยการแกะสลักลงบนหิน ทั้งๆ ที่ไม่เคยมีความรู้ในงานศิลปะแขนงนี้มาก่อน

มีตัวอย่างหิน พร้อมชื่อภาษาไทยและอังกฤษ

คุณลุงกิตติ มาคอยเดินคุยด้วยตลอดค่ะ ใจดีมาก

คุณลุงเริ่มแกะสลักปลามาตั้งแต่ปี พ.ศ.2533 กระทั่งปี พ.ศ.2535 จึงเปิดให้คนทั่วไปเข้าชม

คุณลุงจะไปเก็บหินที่มีขนาดและสีสันใกล้เคียงกับปลาที่จะแกะสลัก

แล้วร่างแบบลงหินก่อนหลังจากนั้นก็ค่อยๆแกะสลักด้วยมือ จนเป็นปลาสวยงาม

คุณลุงกิตติ หวังว่าในอนาคตจะแกะสลักปลาทะเลเท่าที่พบในทะเลไทย และจัดแสดงเป็นหมวดหมู่

ตามแบบที่ชาวประมงคุ้นเคย คือกลุ่มปลาในทะเลเปิด ปลาหน้าดิน ปลาผิวน้ำ

เท่าๆที่ดูน่าจะมีปลาที่แกะสลักแล้ว หลายพันตัวเลยค่ะ

นำปลาชนิดต่าง ๆ มาจัดอย่างเป็นหมวดหมู่ตามลักษณะของท้องทะเล

ปลาแกะสลักทั้งหมดนี้มาจากฝีมือของคนๆเดียวเท่านั้นนะคะ

นอกจากปลา สัตว์ทะเล ก็ยังมีรูปอื่นๆอีกด้วยนะคะ

มีตู้ปลาหิน และอาหาร

ปลาหลากชนิดถูกจัดเรียงในจานอย่างสวยงามและเหมือนจริงมากๆ

เดินชมจนทั่วก็หมดแรงเหมือนกันค่ะ

ช่วยค่าบำรุงให้คุณลุงก่อนกลับด้วยค่ะ...พิพิธภัณฑ์นี้จะได้อยู่อีกนานๆ

อยากให้คนมาเที่ยวชมที่นี่มากๆค่ะ. เป็นหนึ่งเดียวในเมืองไทยจริงๆ

ศาลเจ้าไต้ฮงกง อ.ดอนสัก

เป็นจุดศูนย์รวมสิ่งศักสิทธิ์ของคนจีน อ.ดอนสัก และอ.ใกล้เคียง ศาลเจ้าใหม่ที่สร้างข้นด้วยการรวมใจของคนจีนไทยทั่วสารทิศ ที่สำคัญเป็นที่ตั้งมูลนิธิกุศลศรัทธาสุราษฎร์ธานี สาขาดอนสัก คอยให้บริการช่วยเหลือประชาชน

มีความสวยงามติดอันดับต้นๆของภาคใต้ และมีผู้ศรัทธามาขอพรมากมายในแต่ละวัน

วัดเขาสุวรรณประดิษฐ์ ตั้งอยู่บนยอดเขาสูงปากอ่าวบ้านดอน ต.ดอนสัก อ.ดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี

ขับตรงไปตามถนนคอนกรีตแคบๆ อีก 300 ม. จะถึงที่ตั้งวัด

ด้านหน้าวัดมีโครงกระดูกวาฬ ตัวใหญ่มาก

สามารถขับรถยนต์ขึ้นมายังบริเวณยอดเขาได้อย่างสะดวก หรือจะเลือกขึ้นทางบันไดประมาณ200 ขั้น

เราเดินขึ้นกันค่ะ

กว่าจะเดินขึ้นมาถึงข้างบนก็เหนื่อยพอควรค่ะ มะปรางวิ่งขึ้นไปรอก่อน

พระเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2525 โดยหลวงพ่อจ้อย ธิตบุญญเถร พระอาจารย์ชื่อดังแห่งภาคใต้ โดยจำลองแบบมาจากพระบรมธาตุปลียอดทอง จ.นครศรีธรรมราช