เวลา 13:00 น. ออกเดินทางไปจังหวัดตรัง ระยะทางประมาณ 150 กม. ถนนค่อนข้างโล่งเพราะอยู่ในช่วงวันหยุดยาว ฟ้าครึ้มๆขับรถสบาย พอไปถึงทางขึ้นเขาพับผ้า ต้องขับช้าลงหน่อยกำลังมีการขยายถนน
เวลา 15:00 น.เดินทางถึงที่พัก รร.เรือรัษฎา อยู่ก่อนเข้าเมืองตรังประมาณ 1 กม.
โดดเด่นด้วยอาคารเป็นรูปเรือขนาดใหญ่ทางซ้ายมือ มะปรางนอนหลับสบายตลอดทาง
เมื่อก่อนเป็นโรงแรมเก่าชื่อ เอ็ม พี รีสอร์ท แต่ต่อมาได้ปรับปรุงใหม่
และเปลี่ยนชื่อเป็น รร.เรือรัษฎา เมื่อ ปี 2554 เช็คอินแล้วไปชมห้องพักกันค่ะ
และเปลี่ยนชื่อเป็น รร.เรือรัษฎา เมื่อ ปี 2554 เช็คอินแล้วไปชมห้องพักกันค่ะ
ห้องกว้าง ใหญ่ ใหม่และสะอาดดีค่ะ
เครื่องอำนวยความสะดวกครบ
จากห้องนอนมองเข้ามาในห้องน้ำได้เพราะมีผนังเป็นกระจกใสบานใหญ่
มีอ่างอาบน้ำด้วยค่ะ
เมนูอาหารของโรงแรม
เดินออกไปชมวิวที่ระเบียงห้อง เห็นฝนกำลังตกเลยค่ะ
เวลา 17:00 น.รอจนฝนหยุด ขับรถเข้าไปทานอาหารเย็นในตัวเมืองตรังกันค่ะ
นั่งเล่นระหว่างรออาหาร
อาหารมื้อเย็น พร้อมด้วยไอศกรีมปิดท้าย
เวลา 19:00 น.กลับที่พัก
เก็บภาพหน้าโรงแรมยามค่ำคืน
ฝนเริ่มตกอีกแล้ว เข้าไปเดินเล่นในโรงแรมกันค่ะ
ล็อบบี้ของโรงแรมอยู่ในอาคารส่วนที่เป็นรูปเรือ
ผนังอาคารเป็นแนวเอียงตามรูปตัวเรือ
ทุกมุมตกแต่งสวยไปหมดเลยค่ะ
ตรงประตูทางเข้ามีรถสามล้อเป็นพร็อบไว้ให้ผู้มาพักได้ถ่ายรูปเล่น
เดินชมจนทั่วก็กลับห้องพัก อาบน้ำ พักผ่อนค่ะ
รีบนอนพักผ่อน เพราะพรุ่งนี้เช้าต้องออกเที่ยวกันต่อค่ะ
เวลา 6:30 น. ตื่นสายนิด พระอาทิตย์ขึ้นไปแล้วค่ะ
เช้านี้อากาศกำลังเย็นสบาย ออกไปถ่ายรูปรอบๆโรงแรมกันก่อนค่ะ
โรงแรมเรือนี้ เป็นโรงแรมที่มีลักษณะคล้ายเรือสำราญขนาดใหญ่มาจอดเทียบท่า
เป็นโรงแรมที่มีลักษณะโดดเด่นสวยงามมาก เรือสีขาวตัดกับพื้นหญ้าสีเขียวสด
ด้านในมีห้องออกกำลังกาย
ด้านหลังมีสระว่ายน้ำเด็กเล็ก
มีสระว่ายน้ำใหญ่ มะปรางเตรียมชุดว่ายน้ำมาพร้อมแต่เช้านี้ไม่มีคนมาว่ายน้ำเลย
บาร์ในน้ำ
เวลา 7:30 น.ไปทานอาหารเช้ากันค่ะ
ทานอาหารเสร็จ ก็ขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ออกเดินทางกันต่อ
เวลา 8:30 น. ขับรถเข้าไปในเมืองตรังโดยใช้ถนนเพชรเกษมเป็นหลัก ผ่านสวนสาธารณะเมืองตรัง
ผ่านวงเวียนพะยูน
ออกจากถนนเพชรเกษม ไปตามเส้นทาง 4046 เลี้ยวเข้า ถ.ท่ากลาง
แวะไหว้พระที่ วัดตันตยาภิรมพระอารามหลวง เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดตรัง
โดดเด่นด้วยเจดีย์สีขาวองค์ใหญ่
วัดเก่าแก่สร้างตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5
ออกเดินทางต่อไปยัง อ.กันตรังใช้เส้นทาง 403 สายตรัง-กันตรัง แวะสักการะศาลหลักเมืองตรัง
ชาวตรังให้ความเคารพบูชาและศรัทธาในความศักดิ์สิทธิ์มาก โดยเฉพาะเรื่องหน้าที่การงาน
เดินทางต่อโดยใช้เส้นทางเดิม ขับไปอีกประมาณ 15 กม.ก็มาถึงวัดตรังคภูมิพุทธาวาส
วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่ของ อ.กันตัง ห่างจากตัวเมืองตรัง 28 กม. สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อ พ.ศ.2436 ตอนแรกมีชื่อว่า วัดกันตัง และได้เปลี่ยนเป็นชื่อวัด ตรังคภูมิพุทธาวาส เมื่อปี พ.ศ.2455
ด้านในวัดมีปูชนียวัตถุหลายอย่างที่สำคัญคือพระประธานในอุโบสถ
พวกเราไม่ได้เข้าไปชมเพราะโบสถ์ปิดค่ะ
พวกเราเลยเดินเล่นที่บริเวณลานธรรมหน้าวัดกันค่ะ พระพุทธชัยมงคลประดิษฐานอยู่ตรงกลางลาน
ออกจากวัดขับบนถนนเส้นเดิมต่อไปอีก 1 กม.ก็มาถึง สวนสาธารณะ ควนตำหนักจันทน์
ขับรถขึ้นไปได้เลยมีลานจอดรถอยู่ด้านบนค่ะ
สวนนี้มีชื่อมาจากตำหนักเล็กๆที่สร้างขึ้นบนควน(เนินเขาเตี้ยๆ) ในการรับเสด็จรัชกาลที่ 6
เมื่อครั้งเสด็จประพาสเมืองกันตัง ปี พ.ศ.2452
ด้านบนเป็นจุดชมวิวเมืองกันตัง มองเห็นทิวทัศน์และแม่น้ำชัดเจน
เดินขึ้นบันไดไปชมด้านบนค่ะ
ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่นี่ถูกใช้เป็นที่ตั้งทัพของกองกำลังทหารญี่ปุ่น
แต่พอสิ้นสุดสงครามโลกอาคารต่างๆก็ถูกรื้อถอนจนไม่เหลือร่องรอย
ส่วนเนินเขาก็ปรับปรุงเป็นสวนสาธารณะที่สวยงาม
ชมวิวและเดินเล่นด้านบนเสร็จก็ขับรถลงมา ด้านล่างมีสระน้ำขนาดใหญ่และศาลาพักผ่อนริมน้ำ
ขับรถออกจากสวนสาธารณะ ไปอีกประมาณ 500 เมตร
มาถึง พิพิธภัณฑ์พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี
ที่นี่คือ จวนเก่าเจ้าเมืองตรัง หรือบ้านพักอดีตเจ้าเมืองตรังพระยารัษฎานุประดิษฐ์ (คอซิมบี้ ณ ระนอง)
เปิดให้เข้าชมทุกวัน หยุดวันจันทร์
และวันนี้เป็นวันจันทร์ค่ะประตูปิดสนิท พวกเราเลยได้แต่ยืนเกาะรั้วมองเข้าไป555
เวลา 11:00 น.แวะทานอาหารเที่ยง
เวลา 12:00 น.เดินทางไปยังสถานีรถไฟกันตัง
ตัวสถานีเป็นอาคารไม้ชั้นเดียวทาสีเหลืองมัสตาร์ดสลับสีน้ำตาลสีสวยสดใสมากๆค่ะ
ข้างๆสถานีมีร้านกาแฟและมุมถ่ายรูปน่ารักมาก
เข้าไปชมด้านในสถานีกันค่ะ ด้านหน้ามีมุขยิ่นประดับมุมเสาด้วยลวดลายไม้ฉลุ
ประตูบานเฟี้ยมแบบเก่าคงเอกลักษณ์เดิมตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6
และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานจากกรมศิลปากร ตั้งแต่ พ.ศ.2539
สถานีรถไฟกันตังเป็นสถานีรถไฟสุดทางของทางรถไฟสายใต้ฝั่งทะเลอันดามัน
เปิดใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2456
ในอดีตใช้เป็นที่รับส่งสินค้ากับประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย
และเคยมีรางรถไฟต่อไปถึงท่าเทียบเรือกันตัง
ปัจจุบันสถานีนี้มีรถไฟวิ่งแค่ 2 ขบวนคือ ขบวนรถเร็ว ไปและกลับ กรุงเทพ-กันตัง
ห้องข้างๆห้องขายตั๋วจัดแสดงเป็นพิพิธภัณฑ์เล็กๆที่รวบรวมของเก่าที่ยังหลงเหลือมาถึงปัจจุบัน
จัดแสดงรูปภาพเก่าเหตุการณ์สำคัญต่างๆ และความเป็นมาของสถานีรถไฟแห่งนี้
อีกฝั่งของรางรถไฟ มีตู้รถไฟเก่าตั้งอยู่ พวกเราเลยเดินข้ามไปดูกันค่ะ เป็นห้องสมุดในตู้รถไฟ
เวลา 13:00 น.ขับรถออกจากตัวเมืองกันตัง ไปยังบ้านควนแคง ต.บ่อน้ำร้อน ระยะทางประมาณ 15 กม.
วนอุทยานบ่อน้ำร้อนกันตัง หรืออีกชื่อคือ บ่อน้ำร้อนควนแคง
ตรงทางเข้ามีเด็กๆมายืนต้อนรับ เพื่อเป็นมัคคุเทศก์พาเดินชมบ่อน้ำร้อน
ไปเดินชมบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติกันค่ะ
บ่อนี้มีขนาดใหญ่อุณหภูมิ 40 องศาเซลเซียส คนนิยมมาแช่เท้ากันค่ะ ลองเอามือจุ่มแล้วร้อนมากๆค่ะ
บ่อใกล้ๆกันมีขนาดยาว น้ำสีเขียวเข้มสังเกตุดูจะเห็นว่ามีสาหร่ายในน้ำจำนวนมาก
บริเวณรอบๆของอุทยานเป็นป่าร่มรื่นมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติจำนวน 3 เส้นทาง
วันนี้อากาศร้อนมาก พวกเราเดินไม่ไหวค่ะ
บริเวณนี้ก็เป็นบ่อน้ำร้อนเหมือนกันค่ะ เดินเล่นรอบๆสักพักก็เริ่มหมดแรง
เดินย้อนกลับมาที่สำนักงานด้านหน้า มีบริการนวดฝ่าเท้าด้วยค่ะ คนละ 150 บาท
คุณป๋ากับแม่ตุ๊กขอนวดเท้าก่อน จะได้นอนพักเหนื่อยด้วยค่ะ
คุณป๋าสบายจนหลับไปเลย มะปรางนั่งเล่นอยู่เตียงข้างๆ
เวลา 14:00 น.ขับรถกลับเข้ามาในเมืองกันตัง ไปจนถึง ถ.ตรังคภูมิ
มาชมต้นยางพาราต้นแรกของประเทศไทย ตั้งอยู่ริมถนน หน้าสหกรณ์การเกษตรกันตัง
ยางพาราต้นแรกถูกปลูกขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ.2444 ปัจจุบันเหลืออยู่เพียงต้นเดียวมีอายุร้อยกว่าปีแล้วค่ะ
The First Para Rubber Tree of Thailand
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น