วันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม 2556 เวลา 10:00 น.
วันนี้ต้องเดินทางกลับแล้วค่ะ ตอนแรกคุณป๋าวางแผนจะไปเดินเล่นชมซากุระที่ Shinjugu koen park และ ไปศาลเจ้า Meji (ชื่อดังในโตเกียว) แต่รู้สึกว่าพวกเราจะดูซากุระมากเกินไปแล้ว
จึงเปลี่ยนแผนการเดินทางไปเที่ยว Naritasan ใกล้สนามบินดีกว่า
เลยเช็คเอ้าท์ และนั่งรอ Airport Limousine Bus เพื่อไปสนามบินค่ะ
ใกล้เวลารถจะมาถึงก็ลงมายืนคอยหน้า รร.เลยค่ะ มีพนักงานมาติดแท็กที่กระเป๋าและเอาขึ้นรถให้
การซื้อตั๋วรถนี้ จะต้องระบุเวลาให้แน่ชัด เพราะรถจะมาตรงเวลา ซื้อที่ล็อบบี้ของ รร.ได้เลยค่ะ
จะมีจุดจอดรับอยู่ 3 รร. เราจองเวลา 10:15 น.(เที่ยวถัดไปคือ 13:00 น.)
เวลา 12:00 น.ก็มาถึงสนามบินนาริตะ รถจอดตรงที่เช็คอินของสนามบินเลยค่ะ ลากกระเป๋าเข้าไปแสนสะดวก พวกเราเดินทางกลับเที่ยวบิน JAL เวลา 18:05 น. แต่สามารถเช็คอินและโหลดกระเป๋าได้เลย ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีก็เรียบร้อย ตัวเบาออกไปเที่ยวได้เลยค่ะ
ลงไปขึ้นรถไฟที่ชั้นล่าง เพื่อไป Narita station (นั่งสายไหนก็ได้เลยค่ะ 1 สถานี)
ถึงแล้ว..Welcome to Narita
อากาศหนาวมากๆ เจ็บจมูก-เจ็บปากหมดเลยค่ะ...อุณหภูมิต่ำกว่า 10 องศา
ตุ๊กตาสัญลักษณ์ของเมืองนาริตะ..เครื่องบินสีฟ้า..มีหลายขนาดให้เลือกซื้อเป็นที่ระลึกค่ะ
แวะทานอาหารเที่ยงกันก่อนค่ะ จะได้หลบลมหนาวด้วย
มะปรางขอเป็นข้าวผัดไก่+สลัดผัก
คุณป๋ากับแม่ตุ๊กทาน Ramen(ชามยักษ์มากๆ)
ไม่รู้ชื่อร้านค่ะ แต่อาหารอร่อยถูกปากและปริมาณเยอะมาก
ทานอาหารเสร็จร่างกายก็เริ่มอบอุ่น ออกเดินชมเมืองกันต่อค่ะ
ดูแผนที่เมืองก่อน จะได้ไม่หลงทางค่ะ
มีโรงพยาบาลด้วยค่ะ เป็นตึกเล็กๆเก่าๆ 4 ชั้น
ที่เมืองนี้มีร้าน 1000 เยน เยอะมาก
ที่เมืองนี้มีร้าน 1000 เยน เยอะมาก
สองข้างทางจะเป็นบ้านเรือนเก่าๆ ส่วนมากเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น
เดินไปเจอหนุ่มญี่ปุ่นเชื้อสายอเมริกันรูปร่างสูงใหญ่และหล่อมากๆๆๆ แม่ตุ๊กรีบเข้าไปทักทายเลยค่ะ
ได้ถ่ายรูปคู่และจูงเดินด้วย..แต่น่าจะขี้อายนะคะ ไม่กล้าสบตาสาวไทย..555
เดินต่อ...สองข้างทางมีแต่ร้านขายของ
นักท่องเที่ยวเยอะพอสมควร
อาหารทะเลแห้งแพ็คเป็นห่อๆ ราคาประมาณ 500-2000 เยน
แวะซื้อขนมทานไปเดินไป ก็สบายดีนะคะ(ไม่เหนื่อย)
ทางเดินจะค่อยๆขึ้นเขาไปเรื่อยๆ ถ้ารีบเดินจะเหนื่อยมาก
แล่ปลาไหลให้ดูกันสดๆ
แล้วก็เอามาเสียบไม้-ย่างจนหอมไปทั้งถนน
ร้านซอฟครีมหลากรส โคนละ 250 เยน
แต่ละร้านก็จะมีคนออกมาเชิญชวนให้แวะตลอดทางเลยค่ะ
สุภาพสตรีชาวญี่ปุ่น
เดินขึ้นเขาไปเรื่อยๆ ใกล้ถึงวัดแล้วค่ะ..แฮ่กๆๆๆ
ถึงแล้วค่ะ
ประตูทางเข้าวัดอันที่ 1
ยังมีอีกประตูอยู่ข้างบนค่ะ
มีโคมแดงห้อยอยู่ น่าจะเป็นประตูหลัก
แวะล้างมือ-ล้างหน้า ก่อนเข้าวัด น้ำเย็นเหมือนน้ำแข็งเลยค่ะ
เดินขึ้นบันได สูงชันพอสมควร...ถ้ามาตอนแก่ๆคงจะหอบเหนื่อย
ที่ประตูวัดมักจะมีรองเท้าเชือกถัก ห้อยอยู่มากมาย
โคมแดงใหญ่
ถึงวัดแล้วค่ะ
ขึ้นไปไหว้พระกันก่อนค่ะ ข้างในนั้นห้ามถ่ายรูปเลยนะคะ(มีป้ายใหญ่ๆติดไว้)
ไหว้พระเสร็จก็ออกมาเดินรอบๆกันค่ะ
เจดีย์ 3 ชั้น
เดินอ้อมไปด้านหลัง
มีเรือนไม้โบราณเก่ามากๆ
มีศาลเจ้าอีกหลังอยู่ด้านใน แวะกราบไหว้ก่อนค่ะ
เดินไปที่สวนด้านในกันต่อค่ะ
แผนที่ Naritasan Shinshoji Temple
มีต้นซากุระอยู่บ้าง
เหมือนเป็นศาลเจ้าเลยค่ะ มีคนเข้าไปไหว้ด้วย
ภาษาญี่ปุ่นทั้งนั้น ถ้าอ่านออกก็น่าจะดีนะคะ
เดินเข้าไปด้านในเรื่อยๆค่ะ มีป้ายบอกไว้(อ่านจากรูป)
ถึงแล้วค่ะ เจดีย์ใหญ่ 2 ชั้น..ดูอลังการมากๆ
ชั้นล่างเป็นพิพิธภัณฑ์ เข้าไปชมภายในได้ค่ะ
เด็กไม่อยากเข้าพิพิธภัณฑ์แล้วค่ะ..บอกว่าอ่านไม่ออกเลย ขอลงไปเดินเล่นข้างล่างดีกว่า
เจดีย์นี้ตั้งอยู่บนเนินสูง เวลานั่งรถไฟก็สามารถมองเห็นได้ค่ะ
ข้างล่างมีสวนซากุระด้วยค่ะ
มะปรางขอไปเดินเล่นชมดอกซากุระ..อีกครั้งก่อนกลับบ้าน
นั่งพักเมื่อยที่สวนดอกไม้
เดินเล่นชมวิวรอบๆวัด
มองจากมุมบนเขาจะเห็นตัวเมืองนาริตะอยู่ไกลๆ
เดินอ้อมมาทางด้านหลังวัด..จะพบกับรูปปั้น(พระ?) ใส่หมวกแดง-ผ้ากันเปื้อนแดง วางอยู่เรียงราย
สุนัขจิ้งจอกคู่
เวลา 15:30 น. คุณป๋าชวนกลับแล้วค่ะ
เดินออกจากวัด มาแวะนั่งพักขานิดนึง ทานของว่างกันที่ป้ายรถบัส
ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวแล้วค่ะ เมืองเริ่มเข้าสู่ความสงบ
Bikinman(แบคทีเรียแมน)ตุ๊กตาตัวโปรดของมะปรางตอนเด็กๆ
มี City Bus วิ่งรอบๆเมืองนาริตะ
เดินไปขึ้นรถไฟที่ Narita Station
ที่สถานีนี้มี Waiting room ให้เข้าไปนั่งรอรถไฟได้ค่ะ
เวลา 16:30 น.แป๊บเดียวก็มาถึงสนามบินนาริตะ พวกเราเช็คอินมาแล้วเลยเดินเข้าไป
ผ่าน ตม.อย่างรวดเร็ว 10 นาทีก็เข้ามาเดินด้านในเรียบร้อยค่ะ
แวะซื้อของฝากยอดนิยม
นั่งรถไฟไปรอขึ้นเครื่องที่ gate 84 เครื่องออกเวลา 18:05 น.
เครื่องบินมาจอดรออยู่แล้วค่ะ
ขึ้นเครื่องสักพัก พนง.ก็เอาของมาให้มะปรางเลือก ครั้งนี้เธอขอเป็นโมเดลเครื่องบินค่ะ
เสิร์ฟ อาหารมื้อเย็น ขนม น้ำดื่ม และไอศกรีม เต็มโต๊ะไปหมดเลยค่ะ
ทานกันจนอิ่ม(จุก) คุณป๋ากะมะปรางก็เล่นเกมกันอย่างเมามัน
เดินทางมาถึงสุวรรณภูมิเวลาประมาณ 23:30 น.
นั่งลิมูซีนไปที่พักเลยค่ะ..ง่วงมากๆ
วันจันทร์ที่ 25 มีนาคม 2556 เวลา 09:00 น.
เดินทางกลับหาดใหญ่โดยแอร์เอเชีย ไปถึงดอนเมืองแล้วตกใจมาก...
คนที่เช็คอินมาแล้วแต่รอโหลดสัมภาระเยอะมาก คงไม่ทันขึ้นเครื่องเวลา 10:00 น.แน่ๆเลยค่ะ
คุณป๋าต้องวิ่งไปหา จนท.สายการบินให้ช่วยเปิดช่องโหลดสัมภาระด่วน แทบไม่ทันแน่ะค่ะ
รีบวิ่งไปขึ้นเครื่อง..ได้เวลาออกพอดี กลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น