วันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคม เวลาประมาณ 14:00 น.
เดินชมซากุระจนหมดแรง จนมาถึงประตูทางทิศตะวันออก
เลี้ยวขวาไป 100 ม.เพื่อไปพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์กันค่ะ
มีรูปปั้นวาฬตัวใหญ่ เป็นสัญลักษณ์ของพิพิธภัณฑ์
National Museum of Nature and Science
ราคาค่าเข้าชม
ผู้ใหญ่คนละ 600 เยน
เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี..ฟรีค่ะ
รวมทั้ง 2 ส่วนคือ Global Gallery และ Japan Gallery
opening hours 9.00-17.00 (every friday 9.00-20.00)
closed every monday
พวกเราเข้าชมส่วน Japan Gallery ก่อนค่ะ( มี 3 ชั้น)
มาญี่ปุ่นก็ควรดูเรื่องราวของคนญี่ปุ่นก่อนนะคะ
Nature of the Japanese Islands
สิ่งมีชีวิตในทะเล ตามระดับความลึก
คำบรรยายเป็นภาษาญี่ปุ่นหมดเลยนะคะ ดูแต่รูปแล้วกันค่ะ
พืชและแมลง
หอยชนิดต่างๆ
จัดแสดงเป็นห้อง แยกกันเป็นแต่ละเรื่องๆ
ห้องหิน
ลักษณะหินในแต่ละภูมิภาคของญี่ปุ่น
สัตว์ที่สตัฟไว้
Animals of the Earth
ทุกตัวอยู่ในตู้กระจก จับไม่ได้นะคะ
สุนัขของชาวญี่ปุ่น
น่ารักดีค่ะ
Evolution of Life-Solving the Mysteries of the Dinosaurs
กวาง
โครงกระดูกมนุษย์
เหมือนตอนเรียน กายวิภาคศาสตร์เลยค่ะ
เกษตรกรรม
การตั้งถิ่นฐานของชาวญี่ปุ่นในอดีต
สัตว์ปีก
เวลา 16:00 น.หมดแรงกันทุกคน เหนื่อยและเพลีย เลยมานั่งทานของว่างที่แคนทีนชั้นล่างค่ะ
มีแต่ขนมกับน้ำ อาหารขายหมดแล้ว
ยังเหลือส่วน Global Gallery( มี 4 ชั้น) ไม่ได้เดินไปชมค่ะ เพราะเด็กหมดแรง
คุณป๋าบอกว่ากลับกันดีกว่า จะพาไปเดินตลาด(ของถูก)
เดินผ่าน Art Museum แต่ไม่มีแรงแล้วค่ะ อากาศเริ่มหนาว
ถึงแล้วค่ะ ตลาดของถูกกลางกรุงโตเกียว ที่มีคนแนะนำมา
ตลาด Ameyayokocho
เป็นทางเดินเล็กๆอยู่ตรงซอกตึก 2 ข้างทางเต็มไปด้วยอาหาร ผลไม้
ราคาไม่แพงเลยค่ะ คนมาเดินเยอะมาก
กระเป๋ากองๆเป็นตะกร้า ใบละ 500 เยน
All are 500 JPY
ใครอยากซื้อของฝาก ก็ซื้อที่นี่ได้เลยค่ะ ถูกที่สุดแล้ว ชาวบ้านเอามาขาย ลดและแถมกันไป
โดยเฉพาะของกิน อาหาร แพ็คเกจจะไม่สวยงามเหมือนในห้าง แต่ของอร่อยมากๆค่ะ มีให้ชิมฟรี
มีอาหารทะเลสดๆ
ปลาดิบเป็นแพ็คเรียบร้อย เอากลับไปทำอาหารได้เลยค่ะ
ปลาสดเป็นตัวขายเป็นจานๆละ 300-1000 JPY
ดูแล้วราคาถูกกว่าเมืองไทยอีกค่ะ
กุ้งและปู....ถ้ามีบ้านอยู่ที่นี่ จะได้ทำกับข้าวทานเอง..อร่อย
ร้านอาหารเล็กๆนั่งกันริมถนน 2 ข้างทาง
..บรรยากาศเหมือนตลาดโต้รุ่ง ตามต่างจังหวัด แต่นี่คือโตเกียวนะคะ
รองเท้ามีทุกแบบ ตั้งแต่รองเท้าแตะ จนถึงรองเท้าบู๊ทหนัง
ร้านขายยา-เครื่องสำอางค์ อยู่เรียงรายติดกันกันหลายร้าน ของหนาแน่นเต็มชั้น แข่งกันลดราคา
เพื่อนแม่ตุ๊กส่งรูปมาให้ดูว่าควรซื้ออะไรบ้าง
...แต่หาไม่เจอเลยค่ะ อ่านไม่ออก ของห้อยและกองกันระเกะระกะ
เดินเล่นไปเรื่อยๆ จนสุดถนนจะเป็นสถานีรถไฟ Okachi-machi station สามารถนั่งรถไฟสาย Yamanote line จากที่นี่ไปลง Yoyogi station ได้เลยค่ะ นั่งนานหน่อย เพราะเป็นรถไฟที่วิ่งวนรอบโตเกียว จอดทุกสถานี
แวะทานอาหารเย็น ในร้านเล็กๆมื้อนี้ทานข้าวแกงกระหรี่-ข้าวหน้าหมูทอด-ข้าวหน้าไก่สาหร่าย
คุณป๋าชอบบอกว่าอร่อยดี มีน้ำชาเย็นฟรีให้ 1 เหยือกใหญ่ๆ แถมถูกมาก
ทั้งหมด 3 คน 1100 เยน
เวลา 18.30 น. เดินทางมาถึง รร.ก็เข้า check in ที่นี่จะมีเฉพาะพนักงานที่ลอบบี้ สัมภาระต้องขนขึ้นห้องเอง โรงแรมนี้ไม่ค่อยมีคนพูดถึงเลยค่ะ โดยเฉพาะคนไทย-บ.ทัวร์ แต่คุณป๋าบอกว่าดี เพราะอ่านรีวิวของต่างประเทศมีแต่คนชื่นชมว่าดีมากไม่มีใครตำหนิเลย วิวสวยที่สุดเพราะเป็นตึกสูงที่สุดในย่านชินจูกุ คุณป๋าจองกับเวปของ รร.เอง คืนละ 5,030 บาท (ไม่แพง)
พวกเราได้ห้อง 3259 คือชั้น 32 ปีกตะวันออก จะได้ดูพระอาทิตย์ขึ้น
พอมาถึงก็ไม่ผิดหวังห้องใหญ่พอควร สวยและใหม่มาก คุณป๋าบอกว่าเพิ่ง renovation
เข้าไปดูภายในห้องค่ะ..ทางเข้า ด้านขวาเป็นห้องน้ำ ด้านซ้ายเป็นตู้เสื้อผ้า
พื้นเป็นพรมอุ่นเท้าดีค่ะ ของทุกอย่างในห้องใหม่และสะอาดมาก ไม่มีกลิ่นอับเลยค่ะ
เตียงเดี่ยวขนาดใหญ่ 2 เตียง(นอน 4 คนยังได้เลยค่ะ) พร้อมชุดคลุมอาบน้ำ
มีโซฟาริมหน้าต่างให้นั่งชมวิวด้วยค่ะ
วิวกลางคืนจากห้องพัก มองเห็น Tokyo Skytree
ในตู้เสื้อผ้า มีสเปรย์ฉีดดับกลิ่นเสื้อผ้า(ชอบจังเลยค่ะ) ไฟฉาย รองเท้า
โต๊ะพับได้ (คงไม่เอาไว้ตีปิงปองหรอกนะคะ) น่าจะใช้รองรีดผ้า ไม่ได้ลองดึงค่ะ..กลัวพัง
ห้องน้ำค่ะ สะอาดและใหม่มาก อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบทุกอย่าง
ชักโครกก็เป็นแบบที่นิยมใช้กันในญี่ปุ่น มีปุ่มกดข้างซ้าย อ่านไม่ออก แต่มีรูปบอกไว้ค่ะ
ที่ชอบที่สุดคือที่รองนั่งจะมีปุ่มกดให้อุ่นได้ เวลาเข้าห้องน้ำกลางคืนจะสบายไม่เย็นขา
มีอ่างอาบน้ำ มะปรางจะแช่ออนเซ็นในนี้แหละค่ะ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด เป็นของชิเซโด้ทุกอย่าง ขวดใหญ่เต็มๆขวด กลิ่นสมุนไพรหอมมากๆ(อยากเอากลับบ้านจังเลย)
คุณป๋าชอบมากที่่สุดคือ smart TV 32 นิ้ว เครื่องนี้ค่ะ ดูทีวี และเล่นเน็ตได้เลย
เข้ากูเกิ้ล, ดู you tube ได้ชัด ,อินเเตอร์เน็ตความเร็วสูง + free wifi(มีรหัสผ่านวางไว้เรียบร้อย)
แต่แป้นพิมพ์ไม่มีภาษาไทยนะคะ
19:30 น. อาบน้ำ(นานมาก นอนแช่น้ำอุ่นแก้เมื่อย..เดินเยอะ) เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วมาเดินเล่นกันค่ะ ตรงนี้คือล็อบบี้ ชั้น20 ตกแต่งสวยงาม มานั่งชมวิวโตเกียวยามค่ำคืนได้เลย
มีนักเปียโนนั่งบรรเลงเพลงด้วยค่ะ
กดลิฟท์ลงมาที่ชั้น 2 ในตึกเป็นร้านอาหาร(หรูๆ)
เดินออกมาข้างนอก รร.จะเห็นลานกว้างเป็นทางเดินเชื่อม โรงแรม - ห้าง Takashimaya
Time Square- Shinjuku station เรียกว่า Southern Terrace
เห็น Clock Tower อยู่ข้างหลัง อากาศเริ่มหนาวมาก น่าจะต่ำกว่า 10 องศา แล้วค่ะ ลมแรงด้วย
ตรงterrace นี้มีร้านอาหารหรูๆหลายร้าน, Krispykreme โดนัท, Starbucks แม่ตุ๊กอยากเข้าไปซื้อของฝากในห้างแต่เดินเข้าไปได้ 5 นาทีห้างก็ปิด รปภ.มาเชิญออก (ยังไม่ถึง2ทุ่มเลยค่ะ )
ขอแวะซื้อโดนัท Krispry kreame ก่อนเข้า รร. ราคาชิ้นละ 160 เยน กล่องละ 12 ชิ้น 1600 เยน
เป็นขนมที่อร่อยที่สุดของวันนี้เลยค่ะ
วันศุกร์ที่ 22 มีนาคม 2556 เวลา 7:00 น.
คุณป๋าตื่นมานั่งชมวิว ดื่มกาแฟ ทานอาหารเช้า มี นสพ.ใส่ถุง มาห้อยไว้ที่ประตูด้วยค่ะ
วันนี้หมอกลงจัด ข้างนอกน่าจะหนาว
สวนใหญ่ๆที่เห็นข้างล่างคือ Shinjuku Gyoen National Garden
ซูมๆแล้ว เห็นซากุระบานเยอะเชียว..ถ้าว่างๆจะไปเดินเล่นซะหน่อย
Eastside views เป็นแผนภาพแนะนำชื่อสถานที่ต่างๆที่เรามองเห็นจากห้องของเรา
ทาง รร.เอามาวางไว้ตรงริมหน้าต่างค่ะ ไม่ต้องไปขึ้นตึกชมวิวที่ไหน..ชมจากห้องนอนได้เลยค่ะ
Clock Tower ทางขวามือ ถัดมาทางซ้ายเป็นห้าง Time Square
Tokyo Skytree ,Tokyo Dome
National Stadium,Tokyo Metropolitan Gymnasium,Tokyo Tower
ห้างใหญ่ Takashimaya Time Square,Wald9 cinema,Isetan store
เห็นวิวแล้วสดชื่น พร้อมออกเดินทางท่องเที่ยวต่อค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น