TUKEMD

__TUKEMD__ชื่อบ้าน อ่านว่า ตุ๊ก-เอ็ม-ดี นะจ๊ะ เป็นชื่อในเน็ตของแม่ตุ๊กเองค่ะ

บ้านหลังน้อย หลังนี้เป็นของแม่ตุ๊ก,น้องมะปราง และ คุณป๋า

เป็นบล็อกเพื่อบันทึกความสุข ความทรงจำ ในการท่องเที่ยวที่ต่างๆของครอบครัวเราค่ะ



2556/01/01

2.วัดหาดส้มแป้น-ระนองแคนย่อน

วันอาทิตย์ที่ 30 ธันวาคม 2555 เวลา 11:00 น.

ออกเดินทางต่อไปวัดหาดส้มแป้น-ระนองแคนย่อน
ขับไปตามถนนชลระอุจากบ่อน้ำพุร้อนรักษะวารินขึ้นไปบนเขาประมาณ 7 กม.(เลียบไหล่เขา)




วัดหาดส้มแป้นเป็นวัดเล็กๆที่มีชื่อเสียงมากวัดหนึ่งของจังหวัดระนอง




จอดรถแล้วก็แวะสักการะหลวงพ่อน้อย(อดีตเจ้าอาวาสรูปแรก)




ภายในบริเวณวัดมีสิ่งก่อสร้างที่น่าสนใจคือ เจดีย์ทรงหกเหลี่ยม




เจดีย์ตั้งอยู่บนเขาต้องเดินขึ้นบันไดสูงชันพอสมควร ด้าบนวิวสวยค่ะ




เจดีย์ทรงหกเหลี่ยม สันนิษฐานว่าสร้างเมื่อประมาณ 100 กว่าปีที่แล้ว




ใน พ.ศ.2535 พระครูไพบูลย์วุฒิญาณ มีความเห็นว่าหากปล่อยไว้อาจถูกโจรกรรมของมีค่าและ
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในเจดีย์ จะต้องดำเนินการบูรณะขึ้น 
โดยสร้างเจดีย์ครอบองค์เก่า ลักษณะรูปทรงหกเหลี่ยม แต่ละเหลี่ยมกว้างประมาณ 3 ม.






ภายในเจดียบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และรอยพระพุทธบาทจำลองไว้ให้ผู้คนได้เข้ามานมัสการ





ไหว้พระเสร็จก็ลงไปสักการะรูปเหมือนหลวงพ่อคล้าย อดีตเจ้าอาวาสวัดหาดส้มแป้นรูปที่ 2 
เป็นพระที่มีความรู้เรื่องสมุนไพรและยา ท่านได้ช่วยชีวิตคนไว้มากมาย เป็นศูนย์รวมจิตใจชาวบ้าน
 ให้อาหารปลาพลวงที่มีอยู่อย่างมากมายในคลองหาดส้มแป้นภายในวัด



ขับรถออกจากวัดหาดส้มแป้นขึ้นเขาไปทางทิศใต้ประมาณ 3 กม. ก็มาถึง"ระนองแคนย่อน"



มีความสวยงามแปลกตา คือ เป็นสระน้ำขนาดย่อม ที่โอบล้อมด้วยหุบเขา เกิดจากที่นี่เคยเป็นเหมืองแร่เก่ามาก่อน ลักษณะเป็นเหมืองแบบฉีดโดยฉีดน้ำให้กัดเซาะดินปนแร่จากตัวภูเขาให้ลงมาสะสมในแอ่งน้ำด้านล่าง หลังจากนั้นก็จะสูบน้ำในแอ่งขึ้นตามท่อเพื่อนำมาผ่านกระบวนการทางกายภาพ เพื่อทำการแยกแร่ออกจากทรายที่ไม่มีค่า ทำให้สภาพภูเขาเกิดลักษณะเว้าๆ แหว่งๆ สวยงาม



เราสามารถนั่งชมวิวความสวยงามของระนองแคนย่อนได้ตลอดทั้งวัน เพราะมีต้นไม้ร่มรื่น




ระนองแคนย่อนไม่มีค่าธรรมเนียมเข้าชม เข้าไปเดินเล่นได้เลยค่ะ



กิจกรรมหลักคือให้อาหารปลา(ถุงละ 10 บาท)





เดินเล่นรอบๆสระเลยค่ะ




เดิมเรียกที่นี่ว่า บึงมรกต เพราะเมื่อมองจากเนินเขาข้างบนลงมาจะเห็นน้ำในบึงใส
สะท้อนสีของฟ้าและต้นไม้เป็นสีเขียวอมฟ้าดุจดังมรกต



ปลาที่อาศัยอยู่ได้แก่ ปลาพลวง ปลาตะเพียนแดง ปลาดุก ฯลฯ





เวลา 12:30 น.กลับเข้ามาในเมืองระนองแวะทานอาหารเที่ยงที่ร้านข้างทางค่ะ
มีสุนัข(ตุ๊กตา?) นอนมองด้วย




เวลา 13:00 น.เดินไปน้ำพุร้อนพรรั้ง 




ตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาว หมู่ที่ 3 ต.หงาว อ.เมืองระนอง จ.ระนอง 
อยู่ห่างจากตัวเมืองระนอง ประมาณ 10 กิโลเมตร



เสียค่าเข้าชมอุทยาน เด็ก 10 บาท ผู้ใหญ่ 20 บาท ชาวต่างชาติ 100 บาท



บ่อน้ำร้อนพรรั้ง เกิดจากสายน้ำแร่ร้อนที่มีอุณหภูมิสูงประมาณ 35-40 องศาเซลเซียล 
 ไหลซึมออกมาจากผิวดิน และกระจายเป็นแอ่ง มีตาน้ำมากถึง 13 ตาน้ำ อยู่ใกล้ลำธาร




มีแต่ชาวต่างชาติ(พม่า)ค่ะ




เข้าไปที่บ่อน้ำร้อนกันดีกว่าค่ะ



อ่านข้อปฏิบัติก่อนเข้าค่ะ



---บ่อแช่ตัว---คุณป๋านั่งได้แป๊บเดียวก็ทนร้อนไม่ไหวแล้วค่ะ



สะอาดดีแต่ไม่มีคนมาแช่เลยค่ะ



เสียดาย..ไม่ได้เอาชุดมาเปลี่ยน(อยู่ในรถแต่ขี้เกียจเดินออกไปเอาค่ะ)



มะปรางนั่งแช่นานมาก..จนคุณป๋าบอกให้ขึ้นได้แล้วกลัวขาเปื่อย





                                             มีคนเอาไข่มาต้ม(เป็นแผง)ด้วยค่ะ





เดินไปดูบ่อน้ำร้อนอันอื่นกันดีกว่าค่ะ




บ่อน้ำร้อน 2 บ่อ..ไม่ให้แช่แต่ให้ตักเอาไปใช้ได้ค่ะ




น้ำร้อนค่ะ



บ่อแช่ตัว ใกล้ๆกันก็มีที่อาบน้ำกลางแจ้งและห้องสุขา



มะปรางเปียกทั้งตัวแต่ยังอยากกินไอติม..อากาศร้อน



ขับรถมาจากบ่อน้ำร้อนออกมาตามถนนใหญ่อีกประมาณ 6 กม.เพื่อไปยังน้ำตกหงาว 
ซึ่งก็อยู่ในอุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาวเหมือนกันค่ะ



นับได้ว่าเป็นน้ำตกคู่เมืองระนอง เพราะทุกคนที่เดินทางผ่านตัวเมืองระนองจะต้องเห็นสายน้ำสีขาว ของน้ำตกหงาวที่ไหลตกลงมาจากหน้าผาสูง




เดินขึ้นเขาไปดูน้ำตกกันค่ะ



เดินเรื่อยๆผ่านป่าดงดิบสองข้างทางไปประมาณ 500 เมตร



มาถึงน้ำตกชั้นล่างสุดซึ่งสายน้ำไหลตกมาจากหน้าผาชัน หน้าฝนสายน้ำจะไหลหลากกว่านี้
ตอนนี้หน้าแล้งเลยเห็นแค่สายน้ำเล็กๆค่ะ



 น้ำตกหงาว  เป็นน้ำตกที่ไหลลงมาจากสันเขาสูงชันสามารถมองเห็นได้ในระยะไกล 
 ช่วงที่มีน้ำมากที่สุดคือเดือนมิถุนายน



นั่งพักเหนื่อยก่อนค่ะ..เงียบสงบมาก ไม่มีนักท่องเที่ยวเลยค่ะ



น้ำตกหงาวนี้เป็นแหล่งที่พบปูชนิดใหม่ของโลกคือ"ปูเจ้าฟ้า"
และยังมีพรรณไม้คือ"โกมาสุม หรือ เอื้องเงินหลวง"ซึ่งออกดอกในช่วงเดือน ต.ค.– ธ.ค.




ฝนเริ่มลงเม็ด..ได้เวลากลับที่พักแล้วค่ะ



เวลา 17:00 น.ออกมาทานอาหารเย็นที่ร้านแมกไม้ ร้านร่มรื่นค่ะมีไม้ไทยเต็มไปหมดเลย




เจ้าของร้านพาไปดูดอกไม้ประจำจังหวัดระนอง
 คือ โกมาสุม หรือ เอื้องเงินหลวง




อาหารที่เจ้าของร้านแนะนำ(เพราะไม่รู้จะทานอะไรกันดี?)..น่าทานมากๆ



รสชาติอร่อยถูกปาก ทานกันจนหมดเรียบเลยค่ะ




คุณป้าเจ้าของร้านอาหารแนะนำให้มาเดินเล่นที่งานปีใหม่หน้าเทศบาลค่ะ




วันที่  21 กรกฎาคม 2405 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว(ร.4) ทรงพระกรุณา
โปรดเกล้าฯ ยกฐานะเมืองระนองเป็นหัวเมืองจัตวา  แยกการปกครองจากเมืองชุมพร
 ในปีนี้ ระนองครบ 150 ปี  เทศบาลเมืองระนองและททท.จัดงานอย่างยิ่งใหญ่กว่าทุกปี
 ณ พระราชวังรัตนรังสรรค์เทศบาลเมืองระนอง




เดินเล่นได้แป๊บเดียวฝนก็ตกหนัก..เลยต้องกลับที่พักกันค่ะ
มาเที่ยวระนองต้องพกร่มด้วยนะคะ เพราะฝนจะตกๆหยุดๆทั้งวัน(ฝนแปดแดดสี่)




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น