วันเสาร์ที่ 29 ธ้นวาคม 2555 เวลา 08:00 น.
ไปเที่ยววันสิ้นปีถึงปีใหม่ ปีนี้ไประนอง เป็นจังหวัดที่ 13 (สุดท้ายของภาคใต้ ไม่รวม จ.นราธิวาส)
ที่เราจะไปเยือน เพราะไกลจากหาดใหญ่ที่สุดเลยค่ะ
ออกเดินทางแต่เช้ากลัวรถหนาแน่นเพราะเป็นวันหยุดยาวขับยาวไปทางสายเอเชีย แวะทานอาหารเที่ยงที่ เวียงสระ สุราษฎร์
แล้วก็ขับต่อมาจนถึงหลังสวน จะเห็นป้ายบอกทางไประนอง เลี้ยวซ้ายผ่านตลอด เส้นทางในตอนแรกเป็น 4 เลนกว้างใหญ่ ขับสบาย จนถึงเขตเทือกเขาก็จะเป็นทาง 2 เลนแคบๆ คดเคี้ยว เราจะเห็นสัญลักษณ์"ลูกศรยึกยือ" ตลอดเส้นทางเป็นระยะยาวประมาณ 60 กม.จนมาถึงสามแยกตัดกับ ถ.เพชรเกษม เลี้ยวขวาไประนองเลยค่ะ
ใกล้ถึงเมืองระนองแล้ว ทางขวามือจะมองเห็นน้ำตกหงาวจากริมถนนเลยค่ะ.. ตอนนี้น้ำน้อย
ทางซ้ายมือคือแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของระนอง
"ภูเขาหญ้า"
ลงไปเก็บภาพ ท่ามกลางแสงแดดแผดเผา
เหมือนภูเขาหัวโล้นค่ะ ไม่มีต้นไม้ใหญ่เลย
เข้าไปในเมืองระนองกันค่ะ
ส่วนที่แคบที่สุดของ ถ.เพชรเกษม อยู่ตรงซอกตึก รถผ่านได้เลนเดียว
ตอนนี้เวลาประมาณ 15:00 น.คุณป๋าพาไปเที่ยว ก่อนเข้าที่พัก
สุสานเจ้าเมืองระนอง(คอซู้เจียง)
สุสานนี้ตั้งอยู่ที่เนินเขาระฆังทอง ต.บางบอน ห่างจากเทศบาลเมืองระนองประมาณ 1 กิโลเมตร
ไปตามทางหลวงหมายเลข 4004 (ระนอง – ปากน้ำ ) อยู่ทางซ้ายมือ
- เสาศิลาด้านซ้ายมือ มีตัวอักษรภาษาจีน มีความหมายว่า “ระนองมีภูเขาสลับซับซ้อนสวยงาม”
เป็นศรีแก่เมืองระนอง ป้องกันภัยพิบัติมิให้เกิดขึ้น ทำให้ชาวเมืองระนองได้รับความร่มเย็นเป็นสุข
- เสาศิลาด้านขวามือ มีตัวอักษรภาษาจีน มีความหมายว่า “ระนองมีน้ำเป็นสีทอง”
เป็นที่ทำมาหากินของชาวระนอง เป็นเมืองที่มีภูมิประเทศสวยงาม เป็นแหล่งกำเนิดของอัจฉริยบุคคล
ตุ๊กตาหินแกรนิตโบราณที่นำมาจากเมืองจีน อันประกอบด้วย
-รูปปั้นแพะ หมายถึง โภคทรัพย์ ความมั่นคง
-รูปปั้นสิงโต หมายถึง พลังอำนาจ ความยิ่งใหญ่
-รูปปั้นม้า หมายถึง ข้าทาสบริวาร คนรับใช้
-รูปขุนนางฝ่ายบู๊ หมายถึง ขุนนางทำหน้าที่นักรบ
-รูปขุนนางฝ่ายบุ๋น หมายถึง ขุนนางทำหน้าที่ในราชสำนัก
เป็นสุสานแบบจีนของพระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี (คอซู้เจียง) สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2426
โดยบริเวณสุสานเป็นที่ดินได้รับพระราชทานจาก ร.5 เพื่อเป็นเกียรติประวัติแก่ตระกูล ณ ระนอง
ขากลับ คุณป๋าแวะไหว้พระที่สำนักสงฆ์ บนเนินเขา
ปีนเขาขึ้นไปนั่งยองๆไหว้พระตอนเย็นๆ
เวลา 16:30 น.เดินทางมาถึงที่พักในตัวเมืองระนองค่ะ
เลอสริน ชาเล่ย์ รีสอร์ท
ด้านหลังของที่พัก เป็นลานจอดรถ อยู่ใกล้กับทางเข้าห้องพัก จอดรถแล้วลากกระเป๋าเข้าห้องได้เลย
ตรงนี้เป็นล็อบบี้อยู่ด้านหน้า ติดถนนเดินเข้ามาได้(แต่รถต้องไปจอดด้านหลังค่ะ)
จองห้อง suit ค่ะ ห้องกว้างหน่อย
ด้านในตกแต่งแบบไทยๆเรียบๆดูอบอุ่นดีค่ะ
ตอนนี้มะปรางโตมากแล้วนอนเบียดกันไม่ไหว ต้องมีเตียงเดี่ยวเพิ่มพิเศษจะได้นอนสบาย
ในห้องมีแสงไฟน้อยไปนิดค่ะ เลยดูมืดๆ เอาไว้นอนพักผ่อนจริงๆ
เก็บของ ล้างหน้าเสร็จ ก็ออกไปหาอาหารเย็นทานกันค่ะ
มีร้านอาหารอยู่ใกล้ๆที่พัก เดินออกไปสะดวก
วันอาทิตย์ที่ 30 ธันวาคม 2555 เวลา 07:30 น.
ฝนตกทั้งคืนเลยค่ะ แม่ตุ๊กรอจนฝนซา ก็ออกไปเดินตลาดสด อยู่ห่างจากที่พักประมาณ 300 ม.
ได้อาหารและขนมมามากมาย(เก็บไว้ทานตอนสายๆค่ะ)
ทาง รร.มาเสิร์ฟ อาหารเช้า ให้ที่ห้องเลยค่ะ..จานเล็กๆไม่อิ่ม แต่แม่ตุ๊กตุนเสบียงไว้แล้ว
เวลา 08:30 น.อาบน้ำ-แต่งตัวเสร็จ ก็ออกเดินทาง ไปไหว้พระที่"วัดสุวรรณคีรี"
ชาวบ้านเรียกกันว่า"วัดหน้าเมือง"เป็นวัดแห่งแรกของ จ.ระนอง
พระเจดีย์ดาธุ....เป็นสถาปัตยกรรมแบบพม่า
ประวัติของพระเจดีย์..อายุประมาณ 100 ปี
ส่วนยอดของเจดีย์ทำจากทองเหลือง,ประดับเพชรที่ฉัตร
ข้างๆกันก็มีพระพุทธรูป...ดูเหมือนศิลปะของพม่านะคะ
พระพุทธรูป 4 องค์ รอบๆต้นโพธิ์
เข้าไปสักการะ รูปเหมือนหลวงพ่อติ้ว สุวณโณ
เจ้าอาวาสองค์ที่ ๔ ของวัดสุวรรณคีรี เป็นพระเกจิผู้ทรงคุณมากและเป็นหมอยา ปฏิบัติในพระธรรมวินัยเคร่งครัดมาก ชาวระนองให้ความเคารพนับถือและมากราบไหว้ขอพรในเรื่องของสุขภาพ
เจ้าอาวาสองค์ที่ ๔ ของวัดสุวรรณคีรี เป็นพระเกจิผู้ทรงคุณมากและเป็นหมอยา ปฏิบัติในพระธรรมวินัยเคร่งครัดมาก ชาวระนองให้ความเคารพนับถือและมากราบไหว้ขอพรในเรื่องของสุขภาพ
เวลา 9:00 น.ขับรถไปต่อ..ใกล้กับพระราชวังรัตนรังสรรค์...ข้างหน้าคือหอพระ 9 เกจิอาจารย์
เป็นหอที่ประดิษฐานรูปเหมือนของพระเกจิอาจาร์ยชื่อดังภาคใต้ ได้แก่ หลวงพ่อจันทร์,หลวงปู่ทวด, หลวงพ่อนุ้ย,หลวงพ่อรื่น,หลวงพ่อเบี้ยว,หลวงพ่อติ้ว,หลวงพ่อลอย,หลวงพ่อน้อย และหลวงพ่อบรรณ ซึ่งถือเป็นสถานศักด์สิทธิ์ อีกแห่งหนึ่งซึ่งชาวระนอง
เป็นหอที่ประดิษฐานรูปเหมือนของพระเกจิอาจาร์ยชื่อดังภาคใต้ ได้แก่ หลวงพ่อจันทร์,หลวงปู่ทวด, หลวงพ่อนุ้ย,หลวงพ่อรื่น,หลวงพ่อเบี้ยว,หลวงพ่อติ้ว,หลวงพ่อลอย,หลวงพ่อน้อย และหลวงพ่อบรรณ ซึ่งถือเป็นสถานศักด์สิทธิ์ อีกแห่งหนึ่งซึ่งชาวระนอง
พระราชวังรัตนรังสรรค์ (จำลอง)
ด้านในเป็นสวนสาธารณะ เปิดให้เข้าไปเดินเล่นตั้งแต่ 05:00-20:30 น.
พระราชวังรัตนรังสรรค์ ทำด้วยไม้สักและไม้ตะเคียนทอง ตัวอาคารแปดเหลี่ยมอยู่เชิงเขารัตนรังสรรค์ใกล้ศาลากลางจังหวัดระนอง
ซึ่งปัจจุบันพระราชวังเดิมนั้นได้ชำรุด และรื้อถอนเพื่อสร้างเป็นศาลากลางจังหวัดระนองแทน
ดังนั้นในปี พ.ศ.2545 ทางจังหวัดจึงสร้างพระราชวังจำลองขึ้นใหม่เพื่อเป็นอนุสรณ์
และเป็นที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ของเมืองระนอง
นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมภายในพระราชวังรัตนรังสรรค์ ติดต่อได้จากเจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองระนอง โทร.077 811422
ในวันจันทร์ –วันศุกร์ เวลา 08.30 น. – 17.30 น. เว้นวันหยุดราชการ
วันนี้เป็นวันหยุด เลยเดินชมรอบๆค่ะ
วันที่ 24 มิถุนายน 2547
คณะกรรมการบริหารพระที่นั่งรัตนรังสรรค์จำลอง มีมติที่ประชุม ครั้งที่
1/2547 ว่าให้เรียกชื่อพระที่นั่งรัตนรังสรรค์จำลองเป็น
“พระราชวังรัตนรังสรรค์ (จำลอง)” และสามารถเรียกได้ทั้งสองชื่อ เนื่องจากคำว่าพระที่นั่งหมายถึงอาคารหนึ่งภายบริเวณในพระราชวังนั่นเอง
พระที่นั่งรัตนรังสรรค์ มีความหมายว่า พระที่นั่งที่พระยารัตนเศรษฐีเป็นผู้สร้าง
พระยารัตนเศรษฐี(คอซิมก๊อง)เจ้าเมืองระนอง ได้สร้างพระราชวังแห่งนี้เพื่อเป็นที่ประทับ
ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว(ร.5) คราวเสด็จประทับแรมที่เมืองระนอง
ระหว่างวันที่ 23–25 เมษายน พ.ศ. 2433
และได้มีโอกาสรับเสด็จ เป็นที่ประทับแรมของอีก 2 รัชกาลต่อมาคือ รัชกาลที่ 6 และ รัชกาลที่ 7
เวลา 9:30 น.เดินทางต่อไปยังสวนสาธารณะรักษะวาริน
จากเทศบาลเมืองระนองขับไปตามทางหลวงหมายเลข 4005 ห่างจากศาลากลางจังหวัดไปทางทิศตะวันออก 2 กิโลเมตร ในปี พ.ศ.2433 พระบาทสมเด็จพระเจ้าจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสเมืองระนอง ได้พระราชทานชื่อถนนที่จะไปยังบ่อน้ำร้อนว่า “ถนนชลระอุ”
ถึงแล้วค่ะ"บ่อน้ำพุร้อนเมืองระนอง"
มีอยู่ทั้งหมด 3 บ่อ คือ บ่อพ่อ-บ่อแม่-บ่อลูกสาว ทั้ง 3 บ่อมีอุณหภูมิประมาณ 65 องศาเซนเซียล
บ่อแม่-บ่อลูกสาว อยู่ด้านบน ส่วนบ่อพ่ออยู่ด้านล่างต้องเดินลงไปค่ะ
บ่อน้ำร้อนนี้ถือว่าเป็นน้ำบริสุทธิ์
จึงเป็นแหล่งหนึ่งที่นำไปผ่านพิธีพุทธาภิเษก
ทำน้ำศักดิ์สิทธิ์เพื่อใช้เป็นน้ำพระพุทธมนต์ในคราวพระราชพิธีฉลองพระชนมพรรษา ครบ 5 รอบ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
บ่อใหญ่สุดคือ"บ่อพ่อ"
ร้อนมากๆค่ะ เอามือจุ่มไม่ไหว..ได้แต่จิ้มๆ ไอร้อนระอุเต็มหน้า
ซื้อไข่มาต้มได้เลยค่ะ..ไข่สุกแน่นอน
ข้างๆบ่อก็มีบ่อให้นั่งแช่เท้าได้ค่ะ..แต่ไม่มีคนแช่ไหวเดี๋ยวเท้าจะสุกก่อน
ด้านในมีบริการแช่น้ำร้อนในสระเป็นของ รร.Tinidee ราคาคนละ 40 บาท
สระดูสะอาดมาก วิวก็สวย ตอนเย็นถ้าฝนไม่ตกน่ามานอนแช่ค่ะ(เอาชุดมาเปลี่ยนด้วย)
ไปเดินเล่นกันค่ะ..สะพานแขวนข้ามคลองหาดส้มแป้น
บริเวณใกล้ ๆ
บ่อน้ำร้อนได้จัดเป็นสวนสาธารณะ “รักษะวาริน”
ซึ่งเป็นนามที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี พระราชทานไว้เมื่อคราวเสด็จเยือนระนอง พ.ศ.2510 หมายความว่า น้ำที่ใช้รักษาโรคได้
ภายในบริเวณสวนสาธารณะ
มีศาลาที่พักไว้บริการ
สยามฮอทสปา ซึ่งเป็นโรงแรมที่ตั้งใกล้เคียงกับบ่อน้ำพุร้อน
ได้ต่อท่อน้ำแร่ตรงจากบ่อพ่อ
นำไปให้บริการน้ำแร่ทุกห้องพัก และสปาแช่น้ำแร่
ในอุณหภูมิ 42 องศา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น