วันจันทร์ที่ 23 เม.ย.2555 เวลาประมาณ 08:30 น.
คุณป๋าติดต่อรถแท็กซี่นำเที่ยวในช่วงเช้าเพราะยังมีเวลาเหลือก่อนจะกลับบ้าน... เครื่องออกเวลา 12:30น.
รถมารอรับที่โรงแรมแต่เช้าเลยค่ะ คนขับชื่อคุณทอม(ติดต่อกันทางอินเตอร์เน็ต) เจ้าของรถ innova สีฟ้า
ป้อมพระจุลจอมเกล้า หรือ ป้อมพระจุล - ตั้งอยู่บริเวณริมปากแม่น้ำเจ้าพระยา ต.แหลมฟ้าผ่า อยู่ห่างจากแยกพระสมุทรเจดีย์ ไปตามถนนสุขสวัสดิ์ เดินทางโดยใช้ทางหลวงหมายเลข 303 ประมาณ 7 กม.
เวลาทำการ: ทุกวัน ตั้งแต่ 7:00- 20:00 น. ชมฟรีค่ะ
ซึ่งเป็นที่ทำการยิงต่อสู้กับอริราชศัตรูมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อ ร.ศ. 112 (พ.ศ. 2436) รัชกาลที่ 5 ทรงดำริให้
ปรับปรุงป้อมต่างๆ ทางปากน้ำ โดยจ้างชาวต่างประเทศที่ชำนาญการทหารเรือเป็นที่ปรึกษาวางแผน
ในการปรับปรุง กิจการทหารเรือในครั้งนั้นด้วย
ภายในป้อมพระจุลจอมเกล้ามีสิ่งที่น่าสนใจคือ:
1. พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯอยู่หัว
พระบรมราชานุสาวรีย์แห่งนี้มีความสง่างามยิ่ง โดยทรงฉลองพระองค์ในชุดจอมทัพเรือ พระหัตถ์ถือกระบี่ นอกจากนี้ภูมิทัศน์โดยรอบยังแวดล้อมไปด้วยแมกไม้นานาชนิดดูร่มรื่น ใต้ฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ เป็นพิพิธภัณฑ์แสดงประวัติความเป็นมาของป้อมพระจุลจอมเกล้าฯ และเหตุการณ์ในสมัย ร.ศ. 122
ขึ้นไปชมบนเรือกันค่ะ
เวลาเยี่ยมชม 8:00-20:00 น.
เดินไปตามลูกศรนะคะ ไปทางซ้ายเดินได้รอบเรือเลยค่ะ
ปีนขึ้นไปชมชั้น 2 ได้
มะปรางขอขึ้นไปสำรวจข้างบนหน่อยว่าจะเล่นอะไรได้บ้าง??
ธง..เก่ามากเปื่อยแล้ว
คุณป๋าบอกว่าที่มะปรางอุ้มอยู่...น่าจะเป็นลูกระเบิด ^ ^"
ในเรือมีห้องทำอาหารด้วยค่ะ
แวะช่วยอุดหนุนของที่ระลึกบนเรือหน่อยค่ะ
ศาลาพักผ่อนกลางน้ำ
วันนี้อาคารนิทรรศการปิด(สงสัยปิดวันจันทร์ค่ะ)
มีลิงมานั่งอยู่หลายตัว"ห้ามให้อาหารลิงค่ะ"
ออกเดินทางต่อไป---พระสมุทรเจดีย์---
ตั้งอยู่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก ต.ปากคลองบางปลากด อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ
ตามประวัติกล่าวว่าพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (ร.2) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้พระเจ้าลูกยาเธอกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์กับเจ้าพระยาพระคลัง (ดิศ บุนนาค) เป็นแม่กองจัดสร้าง
ป้อมปราการจำนวน 6 ป้อม ใช้เวลาในการก่อสร้างทั้งหมด 3 ปีจึงแล้วเสร็จ
เมื่อสร้างป้อมเสร็จแล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าลูกยาเธอกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์
กับเจ้าพระยาพระคลัง เป็นผู้อำนวยการสร้างพระเจดีย์ขึ้นที่เกาะหาดทรายท้ายป้อมผีเสื้อสมุทร
กับเจ้าพระยาพระคลัง เป็นผู้อำนวยการสร้างพระเจดีย์ขึ้นที่เกาะหาดทรายท้ายป้อมผีเสื้อสมุทร
เพื่อเป็นอนุสรณ์ในการที่พระองค์ทรงสละพระราชทรัพย์ เพื่อปกป้องประเทศชาติและพระศาสนา
แล้วทรงเฉลิมพระนามว่า “ พระสมุทรเจดีย์ ”
แต่ยังมิได้ทันก่อสร้างก็เสด็จสวรรคตเสียก่อน เมื่อสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ เป็นพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.3) จึงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้เจ้าพระยาศรีธรรมราชกับเจ้าพระยาพระคลังเป็นแม่กอง จัดสร้างต่อการก่อสร้างเริ่มเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2370
แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ.2371
ลักษณะขององค์พระสมุทรเจดีย์ที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลนี้เป็นเจดีย์รูปสี่เหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสอง
ต่อมาได้มีผู้ร้ายลักลอบขุดองค์ระฆังลักเอาพระบรมธาตุที่บรรจุอยู่ภายในไป
สมัย ร.4 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ช่างไปถ่ายแบบพระเจดีย์ที่กรุงศรีอยุธยามาจัดการก่อสร้างสวมทับพระเจดีย์ รูปเดิมไว้ โดยลักษณะเป็นเจดีย์ทรงกลมวัดจากฐานล่างจนถึงยอดสูงสุด 19 วา จากนั้นจึงอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ 12 องค์ จากพระบรมมหาราชวังมาบรรจุไว้แทนของเดิมที่สูญหายไป
กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนพระสมุทรเจดีย์เป็นโบราณสถานของชาติ
ลานกว้างหน้าพระสมุทรเจดีย์ เป็นท่าเทียบเรือ
ออกเดินทางกันต่อค่ะ
วัดบางพลีใหญ่กลาง ตั้งอยู่บริเวณคลองสำโรงฝั่งเหนือ ต.บางพลีใหญ่ ห่างจากวัดบางพลีใหญ่เล็กน้อย สร้างขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. 2367 ชาวบ้านเรียกว่า วัดกลาง ต่อมาเปลี่ยนเป็น วัดราษฎร์ศรัทธาธรรม และครั้งสุดท้ายเปลี่ยนเป็นวัดบางพลีใหญ่กลาง
ด้่านหน้าวัด
เดินไปไหว้พระที่ศาลากลางน้ำกันก่อนค่ะ
วัดนี้จะไม่ดังเท่าวัดบางพลีใหญ่ในค่ะ แต่คุณป๋าไปหาข้อมูลมาแล้วว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่ด้วย เดี๋ยวไปดูกันค่ะ
มหาวิหารพระนอนใหญ่
เข้าไปด้านในเราจะพบกับ สมเด็จพระศากยมุณีศรีสุเมธบพิตร เป็นพระพุทธรูปปางไสยาสน์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ยาว 26 วา 1 ศอก 9 นิ้ว กว้าง 3 วา 1 ศอก สร้างเมื่อปีพ.ศ. 2521 เสร็จเมื่อปี พ.ศ.2544
โดยพระครูพิสารวุฒิกิจ เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลางรูปปัจจุบัน
แรงบันดาลใจในการสร้างพระนอนท่านเล่าว่า" จากประสบการณ์ที่อยู่ในสมณะเพศได้เดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ จึงเกิดความคิดที่จะทำอะไรสักอย่างหนึ่งเพื่อเป็นการสร้างกุศล และให้ประชาชนมาทำบุญที่วัดมากๆเหมือนกับวัดอื่นๆ ที่เคยพบเห็น"
ไหว้พระนอนด้านหน้าเสร็จแล้วก็เดินอ้อมไปด้านหลังกันต่อค่ะ
มีพระแก้วมรกตและพระพุทธรูปปางต่าง ๆ ให้ประชาชนเข้ามากราบไหว้
ถ้าคำอธิษฐานเป็นจริงก็จะยกช้างขึ้น ตรงกันข้าม หากคำอธิษฐานไม่เป็นจริงก็จะยกช้างไม่ขึ้น
ภายในองค์พระนอนด้านหลังจะมีห้องต่างๆหลายห้อง(เสียค่าเข้าชมคนละ 5 บาท) ทางเดินปูพื้นด้วยหินขาว
บันไดทางขึ้นปูด้วยหินอ่อน ขึ้นไปชั้นที่ 2 เป็นที่ฝึกกรรมฐาน
ชั้นที่ 3 มีภาพเขียนที่เขียนแสดงเรื่องราวพุทธประวัติ และการทำความดี ว่าทำความดีแล้วจะได้ขึ้นสวรรค์เป็นนางฟ้า เทวดา และเขียนเกี่ยวกับการทำความชั่วว่า ถ้าทำความชั่วก็จะตกนรกตายไปจะเป็นเปรต เป็นต้นซึ่งภาพเหล่านี้เขียนโดยอาจารย์ วัจฉละ สาเงิน ครูศิลปะจากโรงเรียนสตรีสมุทรปราการ
ส่วนชั้นที่ 4 เป็นชั้นที่ทุกคนเมื่อได้มาแล้วต้องขึ้นไปให้ได้
เพราะในชั้นนี้เป็นชั้นที่บรรจุ"หัวใจพระนอน" ปิดทองเหลืองอร่าม
ซึ่งสาธุชนถือว่าการที่ได้กราบไหว้ และปิดทองที่หัวใจพระนอนก่อให้เกิดบุญกุศล
เพราะในชั้นนี้เป็นชั้นที่บรรจุ"หัวใจพระนอน" ปิดทองเหลืองอร่าม
ซึ่งสาธุชนถือว่าการที่ได้กราบไหว้ และปิดทองที่หัวใจพระนอนก่อให้เกิดบุญกุศล
ภายในหัวใจจะบรรจุด้วยเพชรนิล จินดา น้ำพันจันทร์ และทองคำ สื่อความหมายถึงความแข็งแกร่ง
และศักดิ์สิทธิ์ เมื่อประชาชนมาปิดทองที่หัวใจพระนอนเปรียบเสมือนปิดทองหัวใจพระพุทธเจ้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น