TUKEMD

__TUKEMD__ชื่อบ้าน อ่านว่า ตุ๊ก-เอ็ม-ดี นะจ๊ะ เป็นชื่อในเน็ตของแม่ตุ๊กเองค่ะ

บ้านหลังน้อย หลังนี้เป็นของแม่ตุ๊ก,น้องมะปราง และ คุณป๋า

เป็นบล็อกเพื่อบันทึกความสุข ความทรงจำ ในการท่องเที่ยวที่ต่างๆของครอบครัวเราค่ะ



2555/05/02

1.เที่ยวนครปฐม-เจษฎาเทคนิคมิวเซียม



วันเสาร์ที่ 28 เมษายน 2555 เวลาประมาณ 08:30 น.

ทริปนี้พวกเราไม่ได้วางแผนเที่ยวล่วงหน้าเพราะเป็นการเดินทางพามะปรางไปสอบ TMC
(thailand mathematic contest) ครั้งที่ 2 (รอบที่ 2)ที่กรุงเทพฯ
ได้รับการสนับสนุนในการเดินทาง ที่พัก และพาเที่ยวโดยผู้มีอุปการะคุณ

เวลา 10:30 น.ก็ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ มี จนท.ขับรถมารับ แม่ตุ๊กบอกคุณป๋าว่าอยากไปนครปฐม
ออกจากสนามบินเวลาประมาณ 11:00 น.รถติดมาก มีอุบัติเหตุตลอดทาง และมีการก่อสร้างทางด้วย


พาหนะการเดินทางครั้งนี้คือ Camry Hybrid (พร้อมคนขับรถ)ใช้เวลาร่วม 2 ชม.ก็เข้าเขตนครปฐม
แวะทานอาหารเที่ยงที่ร้านก๋วยเตี๋ยวข้างทาง


จุดหมายแรกของวันนี้คือ "พิพิธภัณฑ์รถเก่า" ขับไปทางพุทธมณฑลสาย 8 วิ่งไปตามทาง ผ่านนครชัยศรี
ขับไปเรื่อยๆ จะมีป้ายบอกทางเป็นระยะห่างๆจนถึงแยกสถานีรถไฟงิ้วราย เลี้ยวขวาข้ามทางรถไฟ
จะเห็นป้ายของมิวเซียมแล้วค่ะ ต้องตรงไปอีกประมาณ 200 เมตร


ตอนนี้เวลาประมาณบ่ายโมงกว่าๆ อากาศร้อนถึงร้อนมาก พวกเราก็มาถึงแล้วค่ะ
*****
พิพิธภัณฑ์รถเก่า หรือ เจษฎาเทคนิค มิวเซียม
*****
หาที่จอดรถด้านหน้า ใต้ร่มไม้ได้เลยค่ะ

มีเครื่องบินเก่าๆอยู่ด้านหน้า ไปเก็บภาพกันก่อนค่ะ


school bus สีเหลืองสดใส


วันและเวลาทำการ 9.00-17.00 น. เปิดทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์


เดินเข้าไปด้านในกันค่ะ จะมี จนท.นั่งอยู่พวกเราเดินไปลงทะเบียนเขาชม ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆเลย
เพิ่งจะเคยเห็นพิพิธภัณฑ์เอกชนขนาดใหญ่และฟรีเป็นแห่งแรกเลยค่ะ


จักรยานโบราณมากๆ




รถรางสีเขียวสวยดีค่ะ




วันนี้คนเข้าชมไม่มากนักคงเป็นเพราะอากาศร้อน ตัวพิพิธภัณฑ์เป็นอาคารหลังคาสูง
เหมือนโรงรถขนาดใหญ่ มองเข้าไปจะเห็นรถจำนวนมากมายจอดเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ

ในโบชัวร์ได้เขียนไว้ว่าที่นี่ก่อตั้งขึ้น โดย คุณเจษฎา เดชสกุลฤทธิ์ นักธุรกิจชาวไทย
ซึ่งเกิดแรงบันดาลใจจากการเดินทางไปท่องเที่ยวดูงานด้านเครื่องยนต์กลไก ในทวีปยุโรปและอเมริกา
ได้พบเห็นพิพิธภัณฑ์หลายแห่งที่รวบรวม รถยนต์ หายากไว้มากมาย และจัดแสดงได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ คุณเจษฎา จึงเริ่มสะสมรถยนต์หายากขึ้นบ้าง


รถรถคันแรกที่นำเข้ามาจากประเทศสวิสเซอร์แลนด์ก็คือรถการ์ตูน (Bubble Car)
ซึ่งตอนนี้มีจำนวนมากมายนับร้อยคัน

รถคันนี้เก๋ไก๋น่ารักมากๆ เห็นแล้วอยากมีไว้ใช้ขนของสักคันเลยค่ะ


เฮลิคอปเตอร์




Kinder Garten รถเด็กอนุบาล---- เคยเห็นในภาพยนตร์บ่อยๆ----




ที่นี่ค่อนขวางกว้างขวาง มีการจัดแบ่งโซน โชว์รถโบราณแต่ละประเภทเป็นสัดส่วน

มีระเบียบในการเข้าชมคือ แตะลูบคลำรถ(เบาๆ)ได้ แต่ห้ามเข้าไปนั่งในรถ
ถ้าตรงไหนมีเชือกแดงกั้นไว้ห้ามเข้า-ห้ามแตะค่ะ เดี๋ยวรถจะเสียหาย คนอื่นจะไม่ได้ชม(ช่วยกันถนอมรถค่ะ)


คุณเจษฎาเก็บหอมรอมริบสะสมรถทีละคันสองคัน จนกระทั่งตอนนี้มียานยนต์ที่สะสมไว้กว่า 500 คัน


ไม่เห็นรถคนลาก(แบบในหนังจีน)มานานแล้ว มะปรางยกไม่ขึ้นค่ะ

มะปรางอยากเข้าไปนั่งในรถมากเลยเค้าบอกว่าเคยเห็นในรายการโทรทัศน์มีคนเข้าไปนั่งได้ด้วย??
แต่แม่ตุ๊กไม่อนุญาตค่ะ เดี๋ยวรถเค้าเสียหาย




รถมอเตอร์ไซค์สามล้อ(หรือรถตุ๊กตุ๊กนั่นเอง) มีหลายแบบหลายสี


เดินเข้าไปด้านในสุดจะเป็นโซนรถมอเตอร์ไซค์เก่าๆค่ะ

เวสป้าและมอเตอร์ไซค์รุ่นเก่าๆเรียงรายมากมายนับไม่ถ้วน


มะปรางบอกว่าเยอะมากๆๆ...จนเลือก(ถ่ายรูป)ไม่ถูกเลยค่ะ

อยากจะขึ้นไปขี่มากๆ แม่ตุ๊กสั่งห้ามเด็ดขาด


มาดูโซนรถโบราณขนาดใหญ่กันค่ะ


เห็นรถพวกนี้แล้วคิดถึงหนังเรื่อง CAR(disney) หน้าตารถในเรื่องเป็นแบบนี้เลยค่ะ


Wedding car สีชมพูหวานมากๆ


รถทุกคันจะสะอาดมันแวว มีการดูแลอย่างดี(น่าจะเช็ดทุกวันเลยนะเนี่ย)

ด้านในมีเรือเก่าอยู่ 3 ลำ

อากาศวันนี้ร้อนมาก มะปรางบอกว่า"ตัวจะละลายอยู่แล้ว ต้องหาที่นั่งพักซะหน่อย"


รถเด็กคันเล็กๆก็มีนะคะ




รถแต่ละคันจะไม่เหมือนกันเลยค่ะ...มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว


มะปรางชอบพิพิธภัณฑ์นี้มากเธอบอกว่า ถ้าติดแอร์เย็นๆจะอยู่ได้ทั้งวันเลยค่ะ




ที่นี่น่าจะเป็นสวรรค์ของคนรักรถเก่าและคนชอบถ่ายรูปเลยค่ะ




โซนนี้เป็นรถแท็กซี่...แต่ละคันใหญ่โตมากมาย




เดินจนทั่วก็ได้เวลากลับกันแล้วค่ะ ก่อนกลับมะปรางขอขึ้นไปสำรวจบนรถเมล์(united)คันนี้สักหน่อย


เว็บไซต์ http://www.jesadatechnikmuseum.com


เวลาประมาณ 14:30 น.ออกเดินทางต่อเข้าไปในอำเภอเมืองนครปฐม
เพื่อไป"วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร" ที่ประดิษฐานองค์พระปฐมเจดีย์ซึ่งถือว่าเป็นพระสถูปเจดีย์
ที่มีขนาดใหญ่ ที่สุดในประเทศไทย จังหวัดนครปฐมได้ใช้พระปฐมเจดีย์เป็นตราประจำจังหวัด

ทำบุญกันก่อนค่ะ


เปิดตั้งแต่เวลา 07.00-20.00 น. ค่าเข้าชมชาวต่างประเทศ 40 บาท คนไทยฟรีค่ะ
ประมาณเดือนพฤศจิกายนของทุกปีจะมีงานนมัสการองค์พระปฐมเจดีย์


ที่นี่มีทางขึ้น 4 ทาง พวกเราขึ้นทางด้านหลังแวะไหว้พระก่อนค่ะ




แล้วก็เดินวนทางซ้ายรอบองค์พระเจดีย์เพื่อไปทางด้านหน้ากันค่ะ


เดินด้านในจะร่มมากกว่า


ต้องคอยชะโงกหน้าดูทางช่องหน้าต่างว่าถึงด้านหน้าหรือยัง จะมีประตูทางออกเป็นระยะๆ

รายชื่อผู้บริจาค ทำบุญ แค่ 10 บาท ก็ได้สลักชื่อไว้แล้ว(สมัยนั้นน่าจะมีมูลค่าสูงเชียวค่ะ)


ถึงทางออกด้านหน้าแล้วค่ะ


พระปฐมเจดีย์ ที่เห็นอยู่ในปัจจุบันนี้เป็นองค์ที่สร้างขึ้นในสมัย ร. 4 เมื่อพ.ศ. 2396
โดยโปรดเกล้าฯให้สร้างครอบพระเจดีย์องค์เดิมซึ่งเป็นเจดีย์เก่าแก่มีฐานแบบโอคว่ำมียอดปรางค์อยู่ข้างบน
ต่อมาในสมัย ร.6 ได้ทรงบูรณะวัดพระปฐมเจดีย์ให้สง่างามมากขึ้นถือว่าวัดพระปฐมเจดีย์เป็นวัดประจำร.6


พวกเราขอทำบุญถวายสังฆทานกันก่อน เสร็จแล้วก็มากรวดน้ำ...สบายใจ

พระร่วงโรจนฤทธิ์ เป็นพระพุทธรูปยืนปางประทานอภัย
ประดิษฐานในซุ้มวิหารทางทิศเหนือหน้าองค์พระปฐมเจดีย์ สร้างในสมัยร.6 โดยได้พระเศียร พระหัตถ์ และพระบาท มาจากเมืองศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย แล้วโปรดเกล้าฯ ให้ช่างทำรูปปั้นขี้ผึ้งปฏิสังขรณ์ให้บริบูรณ์เต็มองค์ ทำพิธีหล่อที่วัดพระเชตุพนฯ เมื่อพ.ศ. 2456 แล้วอัญเชิญไปประดิษฐานไว้ในซุ้มวิหารด้านทิศเหนือตรงกับบันไดใหญ่


ที่ฐานของพระพุทธรูปองค์นี้เป็นที่บรรจุพระบรมอัฐิของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว


ทรงพระราชทานนามว่า “พระร่วงโรจนฤทธิ์ ศรีอินทราทิตย์ ธรรมโมภาส มหาวชิราวุธราชปูชนียบพิตร”




เวลา15:30 น.เดินทางต่อไป"พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (พระราชวังสนามจันทร์)"
ตั้งอยู่ในตัวเมือง ห่างจากองค์พระปฐมเจดีย์ ไปทางทิศตะวันตก ประมาณ 2 กม.


เปิดให้เข้าชมทุกวัน(ปิดวันหยุดนักขัตฤกษ์) ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. (ปิดขายบัตร 15.30 น.)
อัตราค่าเข้าชม คนไทย ผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 10 บาท
พระภิกษุ สามเณร แม่ชี นักศึกษา 10 บาท
ชาวต่างประเทศ 50 บาท
วันนี้พวกเราเข้าชมฟรีค่ะเพราะปิดขายบัตรแล้ว ต้องแต่งกายให้สุภาพ แม่ตุ๊กต้องหาเสื้อคลุมมาสวมทับ


การสร้างพระราชวังแห่งนี้มีมูลเหตุจูงใจมาจากการบูรณะปฏิสังขรณ์องค์พระปฐมเจดีย์
ซึ่งทำให้ ร.6ทรงพอพระราชหฤทัยเมืองนครปฐมเป็นอย่างยิ่ง
ทรงเห็นว่าเป็นเมืองที่เหมาะสมสำหรับประทับพักผ่อนเนื่องจากมีภูมิประเทศที่งดงาม ร่มเย็น

สถานที่แห่งนี้ร่มรื่นมาก เหมือนเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่(วันนี้คนน้อย)
มีพื้นที่ประมาณ 888 ไร่ 3 งาน 24 ตารางวา


เรือนพระนนทิเสน


อาณาเขตกว้างขวางประกอบด้วยสนามใหญ่อยู่กลาง มีถนนโอบเป็นวงโดยรอบ และมีคูน้ำล้อมอยู่ชั้นนอก ส่วนพระที่นั่งต่าง ๆ นั้นรวมกันอยู่ส่วนกลางของพระราชวัง
วันเสาร์เวลา 16:00 น.มีดนตรีในสวนด้วยค่ะ

ศูนย์อาหาร


พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของสนามจันทร์ เป็นพระตำหนัก 2 ชั้น
คล้ายปราสาทสีไข่ไก่ หลังคามุงกระเบื้องสีแดง
สถาปัตยกรรมแบบเรอเนสซองส์ของฝรั่งเศสกับอาคารแบบฮาร์ฟทิมเบอร์ของอังกฤษ สร้างแบบตะวันตก


ร.6 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สร้างพระตำหนักนี้ราวปีพ.ศ. 2451 โดยมีหม่อมเจ้าอิทธิเทพสรร กฤดากร เป็นสถาปนิกออกแบบ ชั้นบนมีห้องทรงพระอักษร ห้องบรรทม และห้องสรง ชั้นล่างทางทิศตะวันตกเป็นห้องรอเฝ้าฯ และเคยใช้เป็นสำนักงานชั่วคราวในการออกหนังสือพิมพ์ดุสิตสมิตรายสัปดาห์ พระตำหนักหลังนี้ใช้เคยเป็นที่ประทับเมื่อเวลามีการซ้อมรบเสือป่า ณ พระราชวังสนามจันทร์และทรงใช้เป็นที่ประทับตลอดช่วงปลายรัชกาลเมื่อเสด็จ พระราชวังสนามจันทร์

ด้านหน้าของพระตำหนักมี"อนุสาวรีย์ย่าเหล"


พระตำหนักมารีราชรัตบัลลังก์ เป็นเรือนไม้สักทอง 2 ชั้นแบบตะวันตกทาสีแดง ลักษณะสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิค พระตำหนักองค์นี้สร้างขึ้นคู่กับพระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ เชื่อมติดต่อถึงกันด้วยฉนวนทางเดินทอดยาวลักษณะเป็นสะพาน หลังคามุงกระเบื้อง ติดหน้าต่างกระจกตลอดความยาวสองด้าน จากชั้นบนด้านหลังพระตำหนักชาลีฯ ข้ามคูน้ำมาเชื่อมกับชั้นบนด้านหน้าของพระตำหนักมารีฯ


ร.6ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สร้างพระตำหนักนี้ราวปี พ.ศ. 2459 โดยมีหม่อมเจ้าอิทธิเทพสรร กฤดากร เป็นสถาปนิกออกแบบ พระตำหนักทั้งสองหลังสร้างขึ้นด้วยแรงบันดาลพระราชหฤทัยจากบทละครเรื่อง My friend Jarlet ของ Arnold Golsworthy และ E.B. Norman ซึ่งทรงแปลบทละครเรื่องนี้เป็นภาษาไทยชื่อว่า “มิตรแท้”โดยทรงนำชื่อตัวละครในเรื่องมาเป็นชื่อของพระตำหนัก


พวกเราไม่ได้ขึ้นไปชมค่ะเพราะปิดเวลา 16:00 น. ไม่เป็นไรเดินเล่นรอบๆก็ได้ค่ะ




พระตำหนักทับขวัญ เป็นเรือนไทยภาคกลางที่สมบูรณ์แบบ สร้างด้วยไม้สักทองใช้วิธีเข้าไม้ตามแบบฉบับบ้านไทยโบราณ ฝาเรือนทำเป็นฝาปะกนกรอบลูกฟัก เชิงชายและไม้ค้ำยันสลักเสลาสวยงาม
หลังคาเดิมมุงจาก หลบหลังคาด้วยกระเบื้องดินเผา
นายช่างผู้ออกแบบและควบคุมการก่อสร้างคือ พระยาวิศุกรรมศิลป์ประสิทธิ์ (น้อย ศิลปี)




16:30 น.ได้เวลาเดินทางกลับกันแล้วค่ะ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น