22 มีนาคม 2555
ประมาณ 18:00 น. ออกจากโรงแรมแล้วนั่ง bus มาลงหน้าสถานี disneyland แลกเหรียญที่เคาน์เตอร์ ไปที่ตู้จำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ กดสถานีเกาลูน(ผู้ใหญ่ 19 HKD,เด็ก 9 HKD รวม 47 HKDใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที แต่ถ้านั่ง taxi จะประมาณ 300-400 HKD ใช้เวลาชั่วโมงนิดๆ) ตู้จะขึ้นราคามาให้ ตรวจดูสถานีว่าถูกต้องหรือไม่?(อันนี้สำคัญนะคะเพราะบางทีกดอันนึงดันขึ้นอีกอัน) ใส่แบงค์ยี่สิบเครื่องจะดูดเงินเข้าไปแป๊บนึงจะมีบัตรโดยสารไหลออกมา มะปรางมีหน้าที่เก็บบัตรและเงินทอน
การเดินทางจะคล้ายๆกับรถไฟฟ้า BTS (เจ้าของบีทีเอส เดิมเป็นคนฮ่องกง)
รอแป๊บเดียว รถไฟสาย disneyland ก็มาจอดแล้วค่ะขึ้นรถกันเลย
ลงสถานี sunny bay เพื่อเปลี่ยนไปนั่งรถไฟฟ้าสายสีส้ม(Tung Chung line) ไปลงที่สถานีเกาลูน
ตอนนี้เป็นเวลาเลิกงาน คนแน่นมากๆค่ะ ผู้ชายทุกคนจะนั่งก้มหน้าก้มตาอยู่กันมือถือไม่สนใจคนรอบข้าง
ไม่มีการลุกให้เด็กตัวเล็กๆนั่งค่ะ
ถึงสถานีเกาลูนเรียบร้อยแล้วก็ออกมานั่งแทกซี่บอกว่าจะไป clock tower พูดกันเมื่อยมือเพราะไม่ใช่แทกซี่ทุกคนจะพูดอังกฤษได้(หรือเขาฟังเราไม่รู้เรื่องกันแน่??) ดีที่สุดคือเอารูปหรือแผนที่ให้ดูจะดีมาก การเรียกแทกซี่ที่นี่เรียกยากพอควร เพราะไม่มีที่จอดรับส่งผู้โดยสาร เราก็ไม่รู้ว่าทิศไหนไปทางไหน ถ้านั่งรถไฟฟ้าจะสะดวกกว่าไม่ต้องเมื่อยมือ แต่ต้องเดินไกลหน่อย
นั่งมาสักพักรถติดมาก คนขับ taxi บอกว่าให้ลงกินข้าวแถวนี้เถอะ(ประมาณว่าอยากจอดรับคนใหม่หน่ะ)
พวกเราก็เลยลงแล้วเดินเข้าไปในห้าง habour city ถามหา food center
อาหารที่นี่ราคาถูกกว่าที่สวนสนุกนิดหน่อยประมาณจานละประมาณ 50-70 HKD แต่รสชาติอร่อยค่ะ
กินข้าวเสร็จเดินย่อยอาหารแบบสบายๆ ไป clock tower ซึ่งอยู่ห่างไปประมาณ 300 เมตร
บริเวณ clock tower จะมีลานกว้างสำหรับชม Symphony of Light (SOL)ถึงเวลา 20:00 น.ก็เริ่มการแสดง
This spectacular multimedia display, already named the "World's Largest Permanent Light and Sound Show" by Guinness World Records, has been further expanded to include more than 40 buildings on both sides of Victoria Harbour.
คุณป๋าบอกว่าต้องลงไปดูในทะเล...นึกว่าคุณป๋าประชดแต่มีคนลงเรือไปชมจริงๆค่ะ
ซึ่งก็น่าจะสวยกว่าเพราะเห็นแสงจากทั้งสองฝั่ง (ด้านที่เรายืนดูจะไม่เห็นแสงฝั่งเกาลูน)
ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีการแสดงก็จบลง คุณป๋าเลยพาไปเดินเล่นที่ The Hong Kong Museum of Art
(the main art museum of Hong Kong) , established as the City Hall Museum and Art Gallery
ผ่าน The Peninsula(ใหญ่มาก ดูหรูหราเชียวค่ะ)
เดินผ่าน The Hong Kong Space Museum ( a museum of astronomy and space science in Tsim Sha Tsui) ไม่มีแรงเข้าไปชมแล้วค่ะ นั่งพักหน้ามิวเซียมนิดนึง
เดินไกลมากกว่าจะมาถึง MTR เปลี่ยนรถ 2 เส้นทางจนมาขึ้นสาย disneyland
ไม่ค่อยมีคนแล้วค่ะ(ดึกแล้ว) มะปรางวิ่งเล่นบนรถได้อย่างสบายใจ
กลับมาถึงห้องพักประมาณ 22:00 น.นอนหลับฝันดี ปวดขาไปหมด
มะปรางสลบคาเตียงไปเลย(อยู่บ้านสบายมามากแล้วต้องให้ออกผจญภัยซะบ้าง.....)
23มีนาคม 2555(9:00 น.)
อาบน้ำ-ทานอาหารเช้าเสร็จก็ลงมา check-out ได้อย่างรวดเร็ว
สรุปว่าโรงแรมนี้ disney hollywood บริการยอดเยี่ยมมาก ตั้งแต่การ check-in-out เร็ว สะดวก,
ของมาส่งครบ, พนักงานยิ้มแย้มแจ่มใสและมี service mind ดีมาก ประทับใจที่สุดค่ะ
ลากกระเป๋าไปขึ้น bus เพื่อไปนั่ง MTR ค่ะ
ลากกระเป๋าไปขึ้น bus เพื่อไปนั่ง MTR ค่ะ
คุณป๋าได้ศึกษามาอย่างดีบอกว่า ดีที่สุดสำหรับวันกลับคือ ตอนเช้า check out ออกจากโรงแรมให้ขนของทุกอย่างไป intown check-in ที่สถานี AE Kowloon (ตอนแรกว่าจะไปแท็กซี่แต่เนื่องจากเมื่อวานไปMRT แล้วสะดวกมากวันนี้ก็เลยใช้บริการอีกค่ะ)
วันนี้คนบนรถน้อยมากนั่งสบายว่างเป็นตู้ๆ(เพราะยังเช้าอยู่) ไปถึงสถานีเกาลูนแล้วเดินออกไปสถานี AE (ต้องออกเขตรถไฟฟ้าก่อน) ซื้อตั๋ว AE เป็น single trip, group of 3 tickets (ใช้ได้วันเดียวคือวันที่ออกตั๋วเพราะฉะนั้นไม่ต้องซื้อเตรียมไว้ค่ะ) ราคา 190HKD เท่านั้น (ปกติ 90HKD ต่อคน)
ซื้อตั๋วแล้วก็ไป check-in ที่เคาน์เตอร์สายการบิน CX มีคนรอไม่มาก
ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีก็โหลดของ,ออกตั๋วเรียบร้อย พร้อมไปขึ้นเครื่องคืนนี้ได้เลย
เมื่อเสร็จแล้วพวกเราก็ตัวเบามีเป้เล็กๆคนละใบ พร้อมที่จะลุยไปได้ทุกที่...สบายมากค่ะ
ออกเดินทางกันค่ะ ซื้อตั๋วไป Sha tin โดยนั่งรถจาก Kowloon ย้อนไป Nam cheung จากนั้นต่อสาย red west line ไป Hung hom จากนั้นต่อสาย east rail line ไป Sha tin ดูว่าเป็นการเดินทางที่ซับซ้อนแต่คุณป๋าบอกว่าง่ายมาก เพราะเราเปลี่ยนสายในสถานีได้เลย ทุกสายจะเชื่อมกัน
มาถึง สถานี Sha tin จะเป็นที่ตั้งของห้างใหญ่ของที่นี่ชื่อ New Town Plaza
It was the biggest shopping mall in the New Territories of Hong Kong when it was completed in the early 1980s. Covering 200,000 square metres (49.4 acres)On the balcony of Level 3 of Phase 1, there is an outdoor playground called the
"Snoopy's World"
สนามเด็กเล่นนี้ อยู่ชั้น 3 ของห้าง จะอยู่นอกอาคาร ค่าเข้าชมฟรีค่ะ
เด็กๆสมัยนี้ไม่ค่อยรู้จักกันแล้ว
"Snoopy's World", the first Peanuts outdoor playground in Asia.
It 's openned to the public on 1 September 2000.
Baseball Playground: Peanuts Dugout
วันนี้อากาศดีมากค่ะ ไม่ร้อน ดูมีเมฆนิดๆ
School Plaza: Peanuts Academy
School bus
เดินเก็บภาพกันต่อค่ะ
ที่นี่มีบริการจัดงานแต่งงานด้วยนะคะ แต่น่าจะเป็นที่สำหรับถ่ายรูปแต่งงานมากกว่า
แวะอ่านกฎระเบียบของที่นี่ก่อนค่ะ(ขอนั่งพักนิดนึง...เริ่มเมื่อยแล้ว)
Mini Town Area: Peanuts Boulevard
ลงมาที่ชั้น 1 เดินๆหาร้านอาหาร(มีหลาย 10 ร้านมาก) จนตกลงกันที่ร้าน PHO24 (ร้านอาหารเวียดนาม)
ข้าวหน้าไก่ย่าง ไข่ดาว น้ำฟรี-- อาหารอร่อยมาก-- คนละ 52 HKD (ยังไม่รวมชาร์จ ถ้าเป็นร้านแบบนั่งกินมีคนมาเสิร์ฟเขาจะคิดชาร์จทุกร้าน แต่ถ้าไปยืนซื้อเอง กินเองจะไม่มีชาร์จค่ะ)
ทานอาหารอิ่มแล้ว ก็ออกเดินทางกันต่อค่ะ ไปรถแท็กซี่ดีกว่า(ตอนนี้อยู่นอกเมืองหน่อยเรียกแท็กซี่ง่ายมาก) ไปวัดกังหัน
เป็นวัดเก่า สร้างมานานกว่า 300 ปีแล้ว สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ นายพลเชอ ซึ่งเป็นผู้เข้ามาแก้ปัญหา
โรคระบาดในย่าน Sha Tin เมื่อหลายร้อยปีก่อน
เข้าไปด้านในกันค่ะ วันนี้มีคนไม่มาก..สบายดีค่ะ
เทพกวนอูสีทององค์ใหญ่
คนที่ดูแลอยู่ในวัดนี้ เป็นหญิงจีนพูดไทยได้ด้วยค่ะ คอยบอกว่าต้องทำอะไรบ้าง
มีภาษาไทยเขียนว่าปีนี้ปีชงอะไรบ้าง ให้แก้ชงได้เลย(มาแก้ชงกันซะไกลเชียว)
นักท่องเที่ยวชาวไทยมักแวะไปวัดแห่งนี้เพื่อไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัด ซึ่งก็คือ "กังหันลม"
เชื่อกันว่าหากได้สักการะแล้ว กังหันลมจะพัดพาและปัดเป่าสิ่งอัปมงคลต่างๆให้พันผ่านไปจากตัวเรา
สาเหตุที่วัดนี้ได้ชื่อว่าวัดกังหันเนื่องจากคนที่มาสักการะวัดแห่งนี้ นิยมนำกังหันลมมาถวายนัยว่า เพื่อให้ กังหันลมช่วยปัดเป่าพัดพาโรคร้ายและสิ่งไม่ดีออกไปจากชีวิต จนกังหันลมกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของวัด
นั่งแท็กซี่ต่อไป "วัดนางชีฉีหลิน"(ไม่ไกลค่ะ ขี้เกียจเดิน)
วัดนางชี (Chi Lin Nunnery) เป็นวัดสำหรับชาวพุทธขนาดใหญ่มาก ตั้งอยู่ใน diamond hill
มีเนื้อที่กว่า 33,000 ตารางเมตร
เข้าไปด้านในกันค่ะ
ภาพนี้เป็นภาพครอบครัวเพียงภาพเดียวค่ะ หลังจากนั้นเราก็โดน จนท.มาสั่งห้ามทันที
--ห้ามใช้ขาตั้งกล้อง-- พวกเราไม่ทราบมาก่อนค่ะ เห็นมีแต่ป้ายห้ามนำสุนัขและอาหารเข้ามาเท่านั้น
วัดนางชีถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2477 และได้ถูกบูรณะใหม่อีกครั้งเมื่อปี พ.ศ. 2553
ตามแบบฉบับของราชวงศ์ถัง สถาปัตยกรชาวจีน
สวนสระบัวนี่เป็นลักษณะเด่นของที่นี่เลยค่ะ
ตัวอาคารถูกสร้างด้วยไม้ทั้งหลังโดยที่ไม่ได้ใช้ตะปูเหล็กในการยึดต่อตัวโครงสร้างเลย
วัดนางชีเป็นสถาปัตยกรรมสิ่งก่อสร้างแห่งเดียวบนเกาะฮ่องกงที่ใช้รูปแบบการสร้างลักษณะนี้
ออกมาเดินชมสวนรอบๆวัดค่ะ ร่มรื่นมาก เป็นบรรยากาศของนอกเมืองสบายดี ...มะปรางวิ่งทั่วเลย
สวนจีนแห่งนี้อยู่ตรงข้ามสำนักชีฉีหลิน และมีสะพานลอยเชื่อมต่อกันไม่ต้องข้ามถนน
ตอนเดินข้ามถนน เราจะพบกับเจดีย์สีทองอร่ามเชื่อมต่อด้วยสะพานสีแดงสด
ตรงบริเวณนี้จะมีนักท่องเที่ยวแวะถ่ายรูปกันมากค่ะ
มีชื่อว่า Nan Lein garden
เข้าไปเก็บภาพใกล้ๆนิดนึง.....ในนี้ก็ห้ามเข้าอีกแล้วค่ะ....
เดินดูรอบๆสักหน่อยก็ออกเดินทางกันต่อค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น