TUKEMD

__TUKEMD__ชื่อบ้าน อ่านว่า ตุ๊ก-เอ็ม-ดี นะจ๊ะ เป็นชื่อในเน็ตของแม่ตุ๊กเองค่ะ

บ้านหลังน้อย หลังนี้เป็นของแม่ตุ๊ก,น้องมะปราง และ คุณป๋า

เป็นบล็อกเพื่อบันทึกความสุข ความทรงจำ ในการท่องเที่ยวที่ต่างๆของครอบครัวเราค่ะ



2555/01/31

2.ปีใหม่ไหว้พระ 9 วัดเมืองลำปาง



วันอาทิตย์ที่ 1 มกราคม 2555 เวลาประมาณ 08:30น.

ตื่นเช้าของปีใหม่ที่เมืองลำปาง boss ของคุณป๋าโทรมาหา
boss :"น้ำท่วมหน้าบ้านมากมั้ย?"
คุณป๋า: "ตอนนี้ผมอยู่ลำปาง....เกิดอะไรขึ้นครับ?"
boss : "เมื่อคืนฝนตกหนักมาก น้ำกำลังจะท่วมหาดใหญ่แล้วนะ แถวหาดใหญ่ใน ท่วมแล้ว!!!!"
คุณป๋า: "ไม่เป็นไรครับ...บ้านและคลินิกอยู่ในตำแหน่งชัยภูมิดีมาก(ตีนเขา)น้ำไม่ท่วมแน่นอน"
boss :"เออ..ดีแล้ว เดี๋ยวอั๊วขับรถไปจอดหนีน้ำก่อนนะ...."
คุณป๋า:"หุหุ..อิอิ.."
เฮ้อ...เริ่มปีใหม่ด้วยเรื่องวุ่นวายเลยค่ะ วันนี้เราไปทำบุญ 9 วัดกันดีกว่า

เริ่มวัดแรกคือ วัดปงสนุก (ซึ่งมีป้าย 2 วัดคือ วัดปงสนุกใต้ กับ วัดปงสนุกเหนือ)
1. วัดปงสนุกใต้


วัดปงสนุกใต้ กับวัดปงสนุกเหนือ อยู่ในบริเวณเดียวกัน ตรงกลางเป็นวิหารของพระเจ้าพันองค์



2.วัดปงสนุกเหนือ

ตั้งอยู่ในเขต ต.เวียงเหนือ อ.เมือง จ.ลำปาง เป็นวัดสำคัญคู่กับจังหวัดลำปางมาช้านาน


สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยที่เจ้าอนันตยศ ราชบุตรของพระนางจามเทวีแห่งหริภุญไชย (ลำพูน)
เสด็จมาสร้างเขลางค์นคร (ลำปาง) เมื่อ พ.ศ.1223 หรือ 1,328 ปีก่อน


เดิมวัดปงสนุกมีชื่อเรียกถึง 4 ชื่อ ได้แก่วัดศรีจอมไคล-วัดเชียงภูมิ-วัดดอนแก้ว–วัดพะยาว


พระครูโสภิตขันตยาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดปงสนุกด้านเหนือ อ.เมือง จ.ลำปาง ได้รับมอบรางวัลดี
(Award of Merit) ด้านการอนุรักษ์มรดกทางด้านวัฒนธรรมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค
ตามโครงการ 2008 Asia-Pacific Heritage Award for Cultural Heritage Conservation
จากองค์การ UNESCO โดยมีดร.ริชาร์ด อิงเกิลฮาร์ท” ที่ปรึกษาอาวุโสในผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่
ด้านวัฒนธรรมประจำองค์การยูเนสโก เป็นผู้ถวายรางวัลหออารักษ์


ตรงกลางเป็นวิหารของพระเจ้าพันองค์


มีพระพุทธรูป 4 องค์ หันพระพักตร์ออก 4 ทิศ



วิหารพระนอน



ไหว้พระ-ทำบุญ



เดินเล่นจนรอบแล้วก็ออกเดินทางต่อค่ะ วันนี้ไม่ค่อยมีคนมาไหว้พระเลยค่ะ(คงยังเช้าอยู่)

3.วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม

พระอารามหลวงชั้นตรีชนิดสามัญ ตั้งอยู่ที่ ตำบลเวียงเหนือ อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง
มีเนื้อที่ 51 ไร่ 2 งาน 61 ตารางวา เป็นวัดที่เก่าแก่และสวยงามมีอายุนับพันปี


เคยเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 1979
เป็นเวลานานถึง 575 ปี


เหตุที่วัดนี้ได้ชื่อว่าวัดพระแก้วดอนเต้า มีตำนานกล่าวว่า นางสุชาดาได้พบแก้วมรกตในแตงโม (หมากเต้า) และนำมาถวายพระเถระรูปนั้นจึงจ้างช่างให้นำมรกตนั้นไปแกะสลักเป็นพระพุทธรูป ซึ่งก็คือ พระแก้วดอนเต้า ซึ่งต่อมาได้รับการอัญเชิญไปประดิษฐานที่วัดพระธาตุลำปางหลวงสาเหตุ จากตำนานบอกว่า มีผู้ไปฟ้องเจ้าเมืองลำปางในขณะนั้นว่า พระเถระและนางสุชาดาเป็นชู้กัน เจ้าเมืองลำปางจึงให้จับนางสุชาดาไปประหารชีวิต ส่วนพระเถระองค์นั้นทราบข่าวก็ได้อัญเชิญพระพุทธรูปหนีไป โดยได้นำไปฝากไว้ที่วัดพระธาตุลำปางหลวงจนถึงปัจจุบัน ส่วนสถานที่ตั้งบ้านของนางสุชาดาก็ได้มีผู้มีจิตศรัทธาในคุณงามความดีของนาง บริจาคเงินสร้างวัดขึ้นชื่อวัดสุชาดาราม

มีบางสันนิษฐานบอกว่าเนื่องจากวัดพระแก้วดอนเต้า และ วัดสุชาดาราม นั้นร้างลง
แต่บางที่ก็มีการสันนิษฐานเพิ่มว่า น่าจะเป็นเพราะย่านนี้เป็นสวนหมากเต้า และเป็นที่ดอน
จึงตั้งชื่อพระธาตุว่า พระบรมธาตุดอนเต้า และชื่อวัดว่า วัดพระธาตุดอนเต้า
และต่อมาเมื่อมีการประดิษฐานพระแก้วดอนเต้า จึงเปลี่ยนชื่อเป็น วัดพระแก้วดอนเต้า


เป็นที่ตั้งของพระบรมธาตุดอนเต้า ซึ่งเป็นพระเจดีย์องค์ใหญ่ บรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า


มณฑปศิลปะพม่า ลักษณะงดงามภายในประดิษฐานพระพุทธรูปองค์ใหญ่


ไหว้พระเสร็จก็ทำบุญ(มะปรางยึดกระเป๋าสตางค์ของแม่ตุ๊กไปแล้ว...หุหุ)



ออกเดินทางต่อค่ะ ขับผ่านออกไปนอกกำแพงเมืองลำปาง


4.วัดเจดีย์ซาวหลัง

อยู่บ้านวังหม้อ ต.ต้นธงชัย อ.เมือง จ.ลำปางห่างจากตัวเมือง 1.5 กม. ตามถนนสายลำปาง-แจ้ห่ม


มีประวัติว่า เมื่อ 500 ปี หลังจากพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว มีพระอรหันต์จากอินเดีย 2 รูป
ได้จาริกเผยแผ่พระพุทธศาสนามาถึงยังบริเวณนี้ เห็นสถานที่เงียบสงบเหมาะที่จะบำเพ็ญธรรม
จึงใช้เป็นที่พำนักอาศัยปฏิบัติวิปัสนา และอบรมสั่งสอนพุทธศาสนิกชนในละแวกนั้น
จนมีผู้ศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนายิ่งขึ้น

ในครั้งนั้นพญามิลินทรผู้แตกฉานในหลักธรรม ได้มาสนทนาซักถามปัญหาธรรมกับพระอรหันต์เถระทั้ง 2 รูป และมีความประสงค์จะทะนุบำรุงพระพุทธศาสนา
พระอรหันต์ทั้ง 2 รูปได้ใช้มือลูบศีรษะ มีเส้นเกศาติดมือมารูปละ 10 เส้น แล้วมอบให้พญามิลินทร
พญามิลินทรได้สร้างเจดีย์ขึ้น 20 องค์ แล้วนำเอาเส้นเกศาบรรจุในเจดีย์องค์ละเส้น


ลักษณะการก่อสร้างเป็นศิลปะแบบพม่าผสมศิลปะล้านนา
องค์ใหญ่สุดอยู่ตรงกลาง แวดล้อมด้วยเจดีย์อีก 19 องค์ รวมกันแล้วเป็น 20 องค์


ด้านหน้าของเจดีย์แต่ละองค์ทำเป็นซุ้ม มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ข้างใน


ชาวบ้านเรียกว่าวัดเจดีย์ซาวหลัง โดยคำว่าซาว(ภาษาเหนือ)แปลว่ายี่สิบ หลังแปลว่าองค์
รวมความว่า "วัดที่มีเจดีย์ยี่สิบองค์"


เชื่อกันว่าหากใครนับองค์พระธาตุเจดีย์ซาวได้ครบ 20 องค์ถือว่าเป็นคนมีบุญ
คุณป๋าลองเดินไป-เดินมานับอยู่หลายรอบก็ไม่ครบ คุณป๋าเลยบอกว่า"น่าจะเป็นปริศนาธรรมมากกว่า"
คือถ้าใครจะมองให้เห็นหมดต้องถอยหลังไปหน่อยแล้วก็ปีนต้นไม้ (ถ้ามีฤทธิ์มากก็อาจใช้วิธีเหาะเอา)
ผู้มีบุญก็คือผู้มีปัญญาซึ่งมีวิสัยทัศน์ความคิดกว้างไกลสูงส่ง ไม่ยึดติดกับกรอบ



ขับผ่านวัดวังหม้อ แต่ไม่ได้แวะค่ะ


5.สุสานไตรลักษณ์

สำนักสุสานไตรลักษณ์ตั้งอยู่ชานเมืองลำปาง ตามทางสายลำปาง - แจ้ห่ม ประมาณ 1 กม.
ไปเส้นทางเดียวกับวัดเจดีย์ซาวหลัง แต่ถึงก่อนประมาณ 500 เมตร


เป็นอดีตสถานปฏิบัติธรรมของ หลวงพ่อเกษม เขมโก(เกจิอาจารย์ ซึ่งมีผู้เคารพนับถือเป็นจำนวนมาก)
เมื่อไปถึงจะพบรูปปั้นหลวงพ่อเกษมขนาดใหญ่ที่สังเกตเห็นได้จากถนน


ภายในบริเวณมีมณฑปลักษณะเป็นอาคารทรงไทยประยุกต์ มีรูปปั้นหุ่นขี้ผึ้งของหลวงพ่อเกษม เขมโก
นั่งขัดสมาธิขนาดเท่ารูปจริง เพื่อให้ประชาชนเคารพสักการะ และบริเวณหน้ามณฑปมีสถานที่เช่าพระเครื่อง
ส่วนกุฏิของหลวงพ่อเกษมอยู่ด้านข้างมณฑป


6.วัดศรีชุม

ตั้งอยู่ที่ ถ.ศรีชุม-แม่วะ ต.ศรีชุม จาก ถ.พหลโยธินเมื่อถึงโรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัยแล้ว เลี้ยวซ้ายตรงสี่แยกเข้าถนนศรีชุมไปประมาณ 100 เมตร จะพบทางเข้าวัดอยู่ทางด้านขวามือ


วัดศรีชุม เป็นวัดพม่าที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาวัดพม่าที่มีอยู่ในประเทศไทยทั้งหมด 31 วัด


ศรีชุม ในภาษาคำเมืองเหนือแปลว่า ต้นโพธิ์


พระวิหาร ซึ่งเป็นอาคารครึ่งตึกครึ่งไม้ ที่มีศิลปะการตกแต่งภายในร่วมสมัยระหว่างศิลปะล้านนา-พม่า
หลังคาเครื่องไม้ยอดแหลมแกะสลักเป็นลวดลายสวยงามมาก เมื่อตอนเช้าตรู่ของวันที่ 16 มค.2535 เกิดเหตุเพลิงไหม้พระวิหารลงทั้งหลัง คงเหลือเพียงไม้แกะสลักตรงซุ้มประตูเป็นลวดลายพรรณพฤกษาฉลุโปร่ง


ภายในวิหาร ประดิษฐาน พระพุทธรูปศิลปะแบบพม่า มีภาพจิตรกรรมฝาผนัง เรื่อง พุทธประวัติ
และ ภาพจำลองแผนผังของวัด



วัดนี้สร้างในปี พ.ศ.2436 โดยคหบดีพม่าชื่ออูโย ซึ่งติดตามชาวอังกฤษเข้ามาทํางานป่าไม้ในประเทศไทย
เมื่อตนเองมีฐานะดีขึ้นจึงต้องการทําบุญโดยสร้างวัดศรีชุมขึ้นในเขตตําบลสวนดอก


พระอุโบสถและพระเจดีย์ใหญ่สีทอง ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
ที่อัญเชิญมาจาก ประเทศพม่าเมื่อ พ.ศ.2449



ขับรถออกจากเมืองลำปาง ผ่านสี่แยกหลัก กม.ยักษ์


แวะไหว้พระที่วัดเล็กๆ ใน อ.เกาะคา(จำชื่อไม่ได้ค่ะ)


7.วัดพระธาตุจอมปิง

ตั้งอยู่หมู่ที่ 5 บ้านจอมปิง ต.นาแก้ว อ.เกาะคา จ.ลำปาง
ขับรถจากตัวเมืองลำปางไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ระยะทาง 26 กม.



มีประวัติเล่าว่า พุทธศักราช 2000 ได้เกิดศึกพระยาใต้(สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถแห่งกรุงศรีอยุธยา)
ยกทัพมาประชิดเมืองลำปาง เจ้าหมื่นด้งนครไม่อยู่ไปราชการที่เชียงใหม่ เหลือแต่พระนางจามเทวีกำลังตั้งครรภ์เจ้าหาญ ได้แต่งกายเป็นชายออกไปสู้รบจนกองทัพพระยาใต้พ่ายไป เมื่อเจ้าหมื่นด้งนครและเจ้าติโลกราชทราบ ก็ยกกองทัพจากเมืองเชียงใหม่มาช่วย สถานที่รบเรียกว่า "มหาสนุก" และได้ฉลองชัยชนะที่วัดนี้ พระนางได้สร้างเจดีย์ไว้องค์หนึ่ง ส่วนสัณฐานดังกองข้าวเปลือก
ได้ตั้งชื่อเสียใหม่ว่า "วัดจอมพิงค์ชัยมงคล" จนเพี้ยนมาเป็น จอมปิงในปัจจุบัน



พระวิหารหลวงกว้าง 14.50 เมตร ยาว 29 เมตร นอกจากนั้นยังมีธรรมมาสโบราณ ภาพพุทธประวัติ
ด้านรอบนอกมีรูปปั้นยักษ์ เสือ ช้าง พญานาคอยู่ตามประตูเข้าด้านต่างๆ



เดินไปด้านหลังกันค่ะ..ไฮไล้ท์ของวัดนี้เลย


พระธาตุสีทองตั้งเด่น ฟ้ามีเมฆนิดๆ


จากนั้นก็เดินไปยังโบสถ์หลังเก่าซึ่งตั้งขนานอยู่กับองค์พระธาตุ ค่อยๆปิดประตูโบสถ์ให้สนิทจนมืดไปหมด รอสักพักให้สายตาปรับสภาพเข้ากับความมืดได้แล้ว มองไปบนกระดานผ้าขาวที่ปูไว้
เราก็จะเห็นเงาพระธาตุที่ผ่านมาทางรอยแตกจากบานหน้าต่างของโบสถ์ เป็นเงากลับหัว
เงาพระธาตุสีทองเห็นเด่นชัดบนผ้าขาวน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก



พระบรมธาตุ กว้าง 18 เมตร สูง 34 เมตร ถูกฟ้าผ่าในปีพุทธศักราช 2500 และได้มีการบูรณะใหม่อีกครั้ง ปรากฏตามตำนานกล่าวว่า บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไว้


8.วัดพระธาตุลำปางหลวง


ตั้งอยู่ที่ ถ41 บ้านลำปางหลวง ม.2 ต.ลำปางหลวง อ.เกาะคา จ.ลำปาง ห่างจากที่ว่าการอำเภอเกาะคา
ไปทางทิศเหนือ ประมาณ 3 กม. ถือเป็นปูชนียสถานที่เก่าแก่และมีความสำคัญของเมืองลำปาง


เดินเข้าไปด้านในกันค่ะ วัดกว้างมากกก..เดินกันจนเหนื่อยแทบหมดแรง


องค์พระธาตุสวยมาก แต่วันปีใหม่นี้คนมาไหว้พระ-ทำบุญกันหนาแน่นเหลือเกิน(ร้อนจัดด้วย)


ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี จะมีการจัดงานแสงเสียง ณ ลานพระเจดีย์แห่งนี้ โดยมีการเลี้ยงขันโตก จุดบอกไฟ และตีกลองฟ้อนรำต่าง ๆ เรียกว่า งานหลวงเวียงละกอน


คุณป๋าพามาวัดนี้เพราะเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของเเม่ตุ๊ก


วิหารพระพุทธ เป็นที่ประดิษฐานพระประธานแบบเชียงแสนองค์ใหญ่น้อย ประดิษฐานอยู่เต็มอาคาร
พระพุทธรูปที่สำคัญ คือพระพุทธรูปปางมารวิชัย



กำลังมีการบูรณะอยู่ เลยทำให้การเดินชมรอบๆวัดเป็นไปอย่างลำบากหน่อยค่ะ


ด้านหน้าวัดมีร้านขายเซรามิก-ร่ม-โมบาย อยู่หลายร้านเลยค่ะ


9.วัดปั้นง้าว

คุณป๋าขับรถมาถึง อ.ห้างฉัตร....ตอนนี้มีเด็กอยากเข้าห้องน้ำกะทันหัน เลยขอแวะเข้าไปหน่อยค่ะ


สวยและเงียบสงบดีค่ะ


มะปรางเห็นมีคนทำบุญอยู่เลยขอเข้าไปดูบ้าง คุณป๋าก็จัดการเขียนชื่อ-ทำบุญทันที..หน้าตาอิ่มบุญมั่กๆๆ



ไหว้พระจนครบแล้วก็ออกจากลำปาง ไปเชียงใหม่กันค่ะ ขากลับแวะ"ศาลเจ้าพ่อขุนตาล" นิดนึง

ตรงศาลเจ้าพ่อขุนตาลนี้เวลาคนขับรถผ่านมักจะบีบแตรดังลั่น จนคุณป๋าตกใจทุกที


ออกเดินทางสู่เชียงใหม่กันค่ะ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น