พวกเราก็เดินทางมาถึงวัดขุนอินทรประมูล พอขับรถเข้ามาจะพบ"พระนอนวัดขุนอินทประมูล "องค์ใหญ่

ปัจจุบันเป็นวัดร้าง ต.อินทประมูล อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง อยู่ห่างจากตัวเมืองอ่างทองประมาณ 7 กม.


องค์พระยาว 2 เส้น 5 วา ซึ่งนับเป็นพระพุทธไสยาสน์ที่ยาวเป็นอันดับที่ 2 รองจากพระนอนจักรสีห์


จากตำนานกล่าวว่า ขุนอินทประมูล ได้ยักยอกเงินหลวงมาสร้าง ครั้นถูกสอบถามว่าเอาเงินจากใหนมาสร้างพระ ขุนอินทประมูลก็ไม่ยอมบอกความจริง จึงถูกลงโทษจนตาย คงเพราะมีความเชื่อที่ว่า ถ้าบอกแหล่งที่มาของเงินแล้ว ตนจะไม่ได้กุศลตามที่ปรารถนา

พระนอนวัดขุนอินทประมูล มีการสันนิษฐานว่าได้สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยา พระพักตร์หันไปทางทิศเหนือ พระเศียรหันไปทางทิศตะวันออก เมื่อมองตลอดทั้งองค์มีความสง่างามมาก พระพักตร์งดงามได้สัดส่วน แสดงออกถึงความมีเมตตา


ปัจจุบัน องค์พระนอนอยู่กลางแจ้งไม่มีวิหารคลุมเช่นพระนอนองค์อื่น เนื่องจากวิหารเดิมคงหักพังไปนานแล้ว ดังจะเห็นได้จาก เสาพระวิหารที่ยังปรากฎอยู่รอบองค์พระนอนวัดขุนอินทประมูล

อาจจะเนื่องจากอยู่ที่วัดร้างกลางทุ่งนา ห่างไกลจากชุมชนมาก

ประมาณเวลา 13:30 น. พวกเราก็ออกเดินทางต่อไปยัง"วัดท่าอิฐ"
เพียงขับรถเข้าไปก็จะพบกับเจดีย์ลักษณะเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยมสีทองเด่นมากๆ


วัดนี้สร้างเมื่อปี พ.ศ.2304อยู่ที่บ้านท่าอิฐ ตำบลบางพลับ ไปตามทางหลวงหมายเลข 3064 กม.ที่ 7-8
บริเวณที่ตั้งเดิมเข้าใจว่าเป็นที่ปั้นเผาอิฐ นำไปก่อสร้างวัดขุนอินทประมูล นับว่าเป็นสถานที่ขนอิฐหรือท่าขนอิฐ และเมื่อได้สร้างวัดขึ้นจึงขนานนามว่าวัดท่าอิฐ

พระประธานในอุโบสถชาวบ้านเรียกว่า "หลวงพ่อเพ็ชร" พระประธานในวิหารชาวบ้านเรียกว่า "หลวงพ่อขาว" เป็นพระพุทธรูปที่สร้างในสมัยอยุธยา ประมาณกว่า 200 ปีมาแล้ว ประดิษฐานอยู่ในวิหารมหาอุต




เวลาประมาณ 14:00น. พวกเราก็มาถึง"วัดไชโยวรวิหาร"

ห่างจากอำเภอเมืองอ่างทองประมาณ 18 กม. เป็นวัดพระอารามหลวงชั้นโท

เดิมเป็นวัดราษฎร์โบราณสร้างมาแต่ครั้งใดไม่ปรากฏ มีความสำคัญขึ้น มาในสมัยร.4 เมื่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) แห่งวัดระฆังโฆสิตาราม ธนบุรีได้สร้าง พระพุทธรูปปางสมาธิองค์ใหญ่เป็นปูนขาวไม่ปิดทองไว้กลางแจ้ง ณ วัดแห่งนี้

จนถึงสมัยรัชกาลที่ 5 ได้เสด็จฯ มานมัสการและโปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์วัดไชโยในปี พ.ศ. 2430

ภายในพระอุโบสถมี ภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องพุทธประวัติ ฝีมือช่างสมัยรัชกาลที่ 5

พระสมเด็จเกษไชโยจะเป็นที่รู้จักดีในวงการพระเครื่อง คนนิยมมาเช่าบูชากันมาก

สมัย ร.5ได้โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พระองค์เจ้าประดิษฐ์วรการ ช่างปั้นพระพุทธรูปฝีพระหัตถ์ยอดเยี่ยม มาช่วยสร้างพระพุทธรูปขึ้นใหม่ สถาปนาวัดไชโยให้เป็นพระอารามหลวงชื่อ "วัดไชโยวรวิหาร" อย่างไรก็ตาม คนทั่วไปก็ยังคงเรียกว่า "วัดเกษไชโย"

พระราชทานนามพระพุทธรูปว่า "พระมหาพุทธพิมพ์"

มีหุ่นขี้ผึ้งของหลวงพ่อโตด้วยค่ะ

ไปนมัสการหลวงพ่อโตกันค่ะ อยู่ที่ริมแม่น้ำเลย



พุทธศาสนิกชนจากที่ต่าง ๆ มานมัสการอย่างไม่ขาดสาย

ด้านหลังวัดมีการก่อสร้างบ้านเรือนไทยหลายหลัง น่าจะเป็นกุฏิสงฆ์

ในพระุอุโบสถจะพบกับ พระพุทธรูปองค์ใหญ่ หล่อด้วยทองเหลืองทั้งองค์ หน้าตักกว้าง 6 วา 3 ศอก 9 นิ้ว สูง 9 วา 2 ศอก19 นิ้ว ปิดทองคำแท้ทั้งองค์

ทุกอย่างเป็นสีทองละลานตาไปหมด

รูปปั้นปิดทองของพระอริยสงฆ์องค์ต่างๆ

เด็กๆจะชอบตีฆ้องกันจัง

ไปเดินเล่นภายในวัดค่ะ วัดนี้มีเนื้อที่ทั้งหมด 27ไร่ 3 งาน 32 ตารางวา เดินจนทั่วก็หมดแรงเหมือนกัน

วัดต้นสนได้เป็นห่วงเรื่องสุขอนามัยของผู้ที่มาปฏิบัติธรรม และเที่ยวชมบริเวณวัด ได้จัดทำสุขาที่ได้รับรางวัลจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เป็นการยืนยันในเรื่องความสะอาดได้เป็นอย่างดี


ด้านหลังของวัดที่อยู่ใกล้แม่น้ำจะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้มากราบไหว้หลายองค์ค่ะ

แวะมาไหว้ หลวงพ่อดำ ในโบสถ์ค่ะ

นั่นก็คือ โคมไฟจำนวนมาก วางเรียงกันข้างหน้าหลวงพ่อดำ

ซื้ออาหารปลาให้มะปราง 1 ตะกร้า 20บ.

ปลามารวมกันมากมาย น้ำค่อนข้างขุ่นเพราะฝนตกหนักมาหลายวัน

เธอเดินให้อาหารปลาไปรอบๆแพปลาเลยค่ะ แม่ตุ๊กกะคุณป๋าก็นั่งคอยเลย..อีกนาน...

มาถึงสนามบินฝนตกหนักเลยค่ะ

คุณป๋าสั่งอาหารไว้ล่วงหน้าแล้วคนละกล่อง พอเครื่องขึ้นก็ dinner in plane กันเลยค่ะ ทานกันหมดเรียบ


เดินทางถึงหาดใหญ่โดยสวัสดิภาพ