เมื่อวานตอนเย็นก่อนทานอาหาร คุณป๋าพาขับรถไปเที่ยวรอบเกาะลันตากัน
หมู่เกาะลันตา ตั้งอยู่ที่ อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ เป็นหมู่เกาะที่ประกอบไปด้วยอ่าวและหาดทรายที่สวยงามหลายที่ด้วยกัน อ. เกาะลันตา ประกอบด้วยเกาะสามเกาะเรียงตัวจากเหนือ-ใต้ อันได้แก่ เกาะลันตาน้อย เกาะกลาง เกาะลันตาใหญ่ และเกาะเล็กๆ อีก มากมายราว 49 เกาะเกาะลันตาใหญ่มีลักษณะยาว จากเหนือ จรดใต้ มีถนนคอนกรีตลาดยาวรอบเกาะ
เกาะลันตาใหญ่ เป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดใน อ. เกาะลันตา ตรงกลางของเกาะเป็นแนวเขายาวจรดใต้ หาดทรายด้านตะวันตกจะมีความสวยงามมากกว่า และเล่นน้ำได้
ถัดมาจากหาดคลองดาว ฝรั่งจะเรียกว่า long beach มีความยาวประมาณ 2 กม.แต่ลักษณะหาดไม่โค้งเว้าเหมือนหาดคลองดาว เป็นหาดทรายสีแดงปนน้ำตาล น้ำทะเลลงเล่นได้แต่ในบางจุดที่เป็นโขดหิน
ไม่เหมาะที่จะเล่นน้ำ บางช่วงของหาดมีความลึก
ขับไปเรื่อยๆจะเห็นที่พัก-เกสต์เฮ้าส์เรียงรายติดกัน แต่ส่วนมากจะปิดเพราะช่วงนี้ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยว
ขับรถชมวิวผ่านแต่ละหาดไปเรื่อยๆ เงียบสงบไม่มีผู้คนเลย เหมือนชุมชนหลับอยู่
เป็นที่ตั้งของหาดแหลมโตนด
การเดินทางบนถนนมาจากหาดคลองจาก สู่อุทยานฯ มีลักษณะแคบ ขรุขระและมีทางโค้งค่อนข้างอันตราย จึงควรระมัดระวังในการเดินทาง
เป็นหาดที่ไม่มีโรงแรมและรีสอร์ท หรือร้านค้าใดใดทั้งสิ้น ลักษณะเด่นชัดของแหลมโตนด คือ
แหลมยื่นออกนอกทะเลมีหาดทรายทางด้านทิศตะวันออกและหาดหินงามทางทิศตะวันตก
มีที่พักและเต้นท์ให้ตั้งพักของทางอุทยานฯ ซึ่งจะเตรียม ไว้ให้นักท่องเที่ยวที่ต้องการค้างแรม
มีร้านอาหารเล็กๆ และห้องน้ำของทางอุทยานฯ ไว้ให้บริการ
วันนี้ก็จะกลับกันแล้วเราโชคดีว่าไม่เจอฝนตกบนเกาะลันตาเลย พนักงานที่ รร.บอกว่าก่อนหน้านี้ฝนตกหนักตลอดเวลา ที่ รร.แทบไม่มีลูกค้าเลย แม่ตุ๊กก็เลยชวนคุณป๋าไปขับรถเล่นรอบเกาะลันตากันอีกสักครั้งดีกว่า เพราะคงอีกนานกว่าเราจะกลับมาที่นี่กันอีก
(จนกว่าจะมีการสร้างสะพานข้ามเกาะลันตาน้อย-ใหญ่)
เช้านี้ขอไปเที่ยวฝั่งตะวันออกของเกาะลันตากันบ้าง จุดหมายคือเมืองเก่า(old town)
ตามเส้นทางนี้ เราจะขับผ่านแนวทิวเขา และการทำสวนยางพาราของชาวบ้านมุสลิม นักท่องเที่ยวสามารถจอดชม และแวะเข้าไปดูวิธีการผลิตจากน้ำยางออกเป็นแผนยางได้
ตอนแรกว่าจะไปให้ถึง บ้านสังกาอู้..(ชุมชนของชาวเล หรือ ชาวไทยใหม่กลุ่มสุดท้ายในเกาะลันตา)
มาถึงแล้วที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ชุมชนเกาะลันตา
เมื่อเดินทางมาถึงชุมชนเก่าเกาะลันตา สิ่งที่จะขาดไปไม่ได้คือ การเข้าไปนมัสการกรมหลวงชุมพรฯ
ตั้งอยู่ตรงวงเวียนกลางถนนเลยค่ะ ต้องวิ่งข้ามถนนไป
แวะมาศึกษาแผนที่ของเกาะกันได้ค่ะ ที่จริงน่าจะมีแผ่นพับแจกให้นักท่องเที่ยวด้วยจะดีมากเลยค่ะ
ข้างหลังของพวกเราเป็นท่าเรือท่องเที่ยว ปกติคนจะพลุกพล่านมากๆ
ไปเดินเล่นดูเมืองเก่ากันดีกว่าค่ะ
มีชาวมุสลิมอาศัยอยู่ ค้าขายเล็กๆน้อยๆ เป็นร้านชำของราคาไม่แพง
ตลอดสองข้างทางของชุมชนเมืองเก่าจะเรียงรายไปด้วยบ้านคนที่ยังคงลักษณะเป็นบ้านไม้โบราณ
เห็นเค้าเล่าว่าตอนสึนามิก็เสียหายมากเหมือนกัน
ชื่อ orange house
เดินๆๆกันต่อ ไม่มีนักท่องเที่ยวเลย
อยากเอากลับบ้านไปด้วย หุหุ....
ที่นี่ก็นิยมเลี้ยงนกเขากัน(วิถีชีวิตของคนใต้)
ร้านอาหารร้านนี้ดูใหญ่ที่สุด แต่ไม่เห็นมีคนเลย(ไม่รู้เปิดหรือเปล่า)
ร้านอาหารนี้มีระเบียงยื่นไปในทะเลด้วย น่าจะนั่งสบายดีนะคะ
เป็นไม้เก่ามากๆเหมือนโรง..อะไรสักอย่าง
บ้านคนยังปิดซะส่วนใหญ่
ร้านอาหารอีกร้าน APSARA since 1888
มุมที่ดูโทรมๆก็มีมากนะคะ
เป็นที่พักอีกแห่งที่พวกต่างชาตินิยมมาก(ราคาไม่น่าแพง)
บางบ้านที่เก่าๆก็มีการทาสีตกแต่งใหม่ ดูแปลกๆดีค่ะ
แต่ละบ้านมักจะมีการแบ่งห้องพักให้เช่า
เห็นเขาว่าที่มีความสูงราวตึก10ชั้น(ทางด้านหลัง)ใกล้ท่าเรือหางยาวของชาวบ้าน
พอเดินเล่นจนเบื่อ ก็กลับกันค่ะ แต่พวกเราหลงทางไปที่ท่าเรือท่องเที่ยวกันต้องวนออกมาใหม่
ขากลับรอแพไม่นานเพราะเรากลับตอนสายๆยังไม่ค่อยมีคน
เราได้อยู่ด้านหน้าของแพเลย
เสียวๆหล่นเหมือนกัน มันดูโล่งๆล่ะ
คุณป๋ารออยู่ในรถ
แพออกแล้วววว...
พอขึ้นจากแพ (2 ต่อ) คุณป๋าก็รีบซิ่งขับรถกลับบ้านกันเลย มะปรางหลับมาในรถ..เหนื่อยมาก