เมื่อวานตอนเย็นก่อนทานอาหาร คุณป๋าพาขับรถไปเที่ยวรอบเกาะลันตากัน
หมู่เกาะลันตา 

เกาะลันตาใหญ่มีลักษณะยาว จากเหนือ จรดใต้ มีถนนคอนกรีตลาดยาวรอบเกาะ

เกาะลันตาใหญ่ เป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดใน อ. เกาะลันตา ตรงกลางของเกาะเป็นแนวเขายาวจรดใต้ หาดทรายด้านตะวันตกจะมีความสวยงามมากกว่า และเล่นน้ำได้

ถัดมาจากหาดคลองดาว ฝรั่งจะเรียกว่า long beach มีความยาวประมาณ 2 กม.แต่ลักษณะหาดไม่โค้งเว้าเหมือนหาดคลองดาว เป็นหาดทรายสีแดงปนน้ำตาล น้ำทะเลลงเล่นได้แต่ในบางจุดที่เป็นโขดหิน

ไม่เหมาะที่จะเล่นน้ำ บางช่วงของหาดมีความลึก

ขับไปเรื่อยๆจะเห็นที่พัก-เกสต์เฮ้าส์เรียงรายติดกัน แต่ส่วนมากจะปิดเพราะช่วงนี้ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยว


ขับรถชมวิวผ่านแต่ละหาดไปเรื่อยๆ เงียบสงบไม่มีผู้คนเลย เหมือนชุมชนหลับอยู่



เป็นที่ตั้งของหาดแหลมโตนด

การเดินทางบนถนนมาจากหาดคลองจาก สู่อุทยานฯ มีลักษณะแคบ ขรุขระและมีทางโค้งค่อนข้างอันตราย


เป็นหาดที่ไม่มีโรงแรมและรีสอร์ท หรือร้านค้าใดใดทั้งสิ้น ลักษณะเด่นชัดของแหลมโตนด คือ
แหลมยื่นออกนอกทะเลมีหาดทรายทางด้านทิศตะวันออกและหาดหินงามทางทิศตะวันตก

มีที่พักและเต้นท์ให้ตั้งพักของทางอุทยานฯ ซึ่งจะเตรียม ไว้ให้นักท่องเที่ยวที่ต้องการค้างแรม
มีร้านอาหารเล็กๆ และห้องน้ำของทางอุทยานฯ ไว้ให้บริการ


วันนี้ก็จะกลับกันแล้วเราโชคดีว่าไม่เจอฝนตกบนเกาะลันตาเลย พนักงานที่ รร.บอกว่าก่อนหน้านี้ฝนตกหนักตลอดเวลา ที่ รร.แทบไม่มีลูกค้าเลย แม่ตุ๊กก็เลยชวนคุณป๋าไปขับรถเล่นรอบเกาะลันตากันอีกสักครั้งดีกว่า เพราะคงอีกนานกว่าเราจะกลับมาที่นี่กันอีก

(จนกว่าจะมีการสร้างสะพานข้ามเกาะลันตาน้อย-ใหญ่)

เช้านี้ขอไปเที่ยวฝั่งตะวันออกของเกาะลันตากันบ้าง จุดหมายคือเมืองเก่า(old town)

ตามเส้นทางนี้ เราจะขับผ่านแนวทิวเขา และการทำสวนยางพาราของชาวบ้านมุสลิม นักท่องเที่ยวสามารถจอดชม และแวะเข้าไปดูวิธีการผลิตจากน้ำยางออกเป็นแผนยางได้

ตอนแรกว่าจะไปให้ถึง บ้านสังกาอู้..(ชุมชนของชาวเล หรือ ชาวไทยใหม่กลุ่มสุดท้ายในเกาะลันตา)

มาถึงแล้วที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ชุมชนเกาะลันตา


เมื่อเดินทางมาถึงชุมชนเก่าเกาะลันตา สิ่งที่จะขาดไปไม่ได้คือ การเข้าไปนมัสการกรมหลวงชุมพรฯ


ตั้งอยู่ตรงวงเวียนกลางถนนเลยค่ะ ต้องวิ่งข้ามถนนไป



แวะมาศึกษาแผนที่ของเกาะกันได้ค่ะ ที่จริงน่าจะมีแผ่นพับแจกให้นักท่องเที่ยวด้วยจะดีมากเลยค่ะ

ข้างหลังของพวกเราเป็นท่าเรือท่องเที่ยว ปกติคนจะพลุกพล่านมากๆ


ไปเดินเล่นดูเมืองเก่ากันดีกว่าค่ะ

มีชาวมุสลิมอาศัยอยู่ ค้าขายเล็กๆน้อยๆ เป็นร้านชำของราคาไม่แพง


ตลอดสองข้างทางของชุมชนเมืองเก่าจะเรียงรายไปด้วยบ้านคนที่ยังคงลักษณะเป็นบ้านไม้โบราณ


เห็นเค้าเล่าว่าตอนสึนามิก็เสียหายมากเหมือนกัน


ชื่อ orange house

เดินๆๆกันต่อ ไม่มีนักท่องเที่ยวเลย


อยากเอากลับบ้านไปด้วย หุหุ....

ที่นี่ก็นิยมเลี้ยงนกเขากัน(วิถีชีวิตของคนใต้)

ร้านอาหารร้านนี้ดูใหญ่ที่สุด แต่ไม่เห็นมีคนเลย(ไม่รู้เปิดหรือเปล่า)



ร้านอาหารนี้มีระเบียงยื่นไปในทะเลด้วย น่าจะนั่งสบายดีนะคะ


เป็นไม้เก่ามากๆเหมือนโรง..อะไรสักอย่าง


บ้านคนยังปิดซะส่วนใหญ่

ร้านอาหารอีกร้าน APSARA since 1888


มุมที่ดูโทรมๆก็มีมากนะคะ


เป็นที่พักอีกแห่งที่พวกต่างชาตินิยมมาก(ราคาไม่น่าแพง)

บางบ้านที่เก่าๆก็มีการทาสีตกแต่งใหม่ ดูแปลกๆดีค่ะ

แต่ละบ้านมักจะมีการแบ่งห้องพักให้เช่า

เห็นเขาว่าที่มีความสูงราวตึก10ชั้น(ทางด้านหลัง)ใกล้ท่าเรือหางยาวของชาวบ้าน

พอเดินเล่นจนเบื่อ ก็กลับกันค่ะ


ขากลับรอแพไม่นานเพราะเรากลับตอนสายๆยังไม่ค่อยมีคน

เราได้อยู่ด้านหน้าของแพเลย


เสียวๆหล่นเหมือนกัน มันดูโล่งๆล่ะ

คุณป๋ารออยู่ในรถ


แพออกแล้วววว...


พอขึ้นจากแพ (2 ต่อ) คุณป๋าก็รีบซิ่งขับรถกลับบ้านกันเลย มะปรางหลับมาในรถ..เหนื่อยมาก