วันที่ 12 มิถุนายน 2554 เวลาประมาณ 15:00 น.
อากาศดีเย็นสบาย เพราะเมื่อตอนเที่ยงมีฝนตกลงมาหนักพอควร ตอนนี้ฝนเริ่มซาๆลงแล้ว
แม่ตุ๊กเลยชวนคุณป๋าไปขับรถเที่ยวกันดีกว่า (เดือนนี้ไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลย....)
จุดหมายของวันนี้คือ
"สวนสายน้ำ"
อยู่ที่บ้านทุ่งลุง ห่างจากหาดใหญ่ประมาณ 20 กว่า กม.ออกจากบ้านไปรับ ป้าไหมกับใบบัวก่อน
(ไปกันเต็มรถเลย..5 คน)แล้วก็ขับไปทางถนน กาญจนวนิช ทางไป อ.สะเดา
การขับรถไปเองตามแผนที่ เมื่อถึงตลาดทุ่งลุงซึ่งออกไปจากหาดใหญ่ประมาณ 25 กม.
ก็เลี้ยวซ้ายไปหมู่บ้านทุ่งจังอีก 14 กม.และขับขึ้นเขาไปอีกประมาณ 500 เมตร
ถึง หมู่บ้านทุ่งจังแล้ว ก็ขับรถขึ้นไปตามทางคดเคี้ยวบนเขา อีก 500 ม.
เป็นทางเลนเดียว แคบๆ ผ่านป่ายางสองข้างทาง สงสัยว่าถ้ารถสวนกันจะทำยังงัยเนี่ย????
ขับรถคดเคี้ยวไปมาแบบน่าหวาดเสียวในที่สุดก็มาถึงแล้วค่ะ
มีป้ายต้อนรับ "เขตอนุรักษ์นิเวศน์บ้านทุ่งจัง"
ข้อความบนหิน...ใหญ่ๆ.... แวะอ่านสักนิด
ร่มรื่นและเีงียบสงบมากๆ ไม่มีนักท่องเที่ยวเลย
หาที่จอดรถแล้วไปเดินชมกันเลยค่ะ
ด้านหน้าเป็นสำนักงาน มาติดต่อด้านในกันก่อนนะคะที่นี่เปิดให้ผู้สนใจเข้าชมและมาเยี่ยมเยียนได้ทุกวัน
อ่านกฎของที่นี่ก่อนเยี่ยมชม
ค่ะ
สวนสายน้ำเป็นสถานที่ปลีกวิเวก เป็นงานส่วนหนึ่งของมูลนิธิอันวีกษณา
เป็นองค์กรที่ไม่หวังผลประโยชน์ ไม่สังกัดนิกาย ไม่ใช่ความเชื่อทางศาสนา
คำสอนของกฤษณมูรติ ที่กล่าวไว้ว่า
"ฉันคิดว่าเราจำเป็นต้องมีช่วงเวลาที่อยู่กับตัวเองเงียบๆ หยุดทุกสิ่งที่เธอทำ ยุติความเชื่อ ประสบการณ์เก่า และมองเข้าไปในสิ่งเหล่านั้นใหม่...เธอควรปล่อยให้อากาศบริสุทธิ์เข้าไปในจิตใจของเธอบ้าง ...ปลีกตัวออกมาจากทุกสิ่งอย่างสิ้นเชิง สำรวจตัวเอง หยุดพักจากอดีต..ลองทำดูแล้วเธอจะพบกับความสุข"...
จะมี จนท.พาเดินชมสถานที่ ...ถ้าไปเดินกันเองต้องหลงป่าแน่ๆเลย
เดินขึ้นเขาไปอีกนิด..มีทางเดินเป็นบันได..เดินสบายค่ะ ไปเรือนกิจกรรมกันก่อน
สองข้างทางเดิน เต็มไปด้วยต้นไม้ ดูเป็นระเบียบและสะอาดมาก ไม่รก(ได้รับการดูแลดี)
ถึงแล้วเรือนกิจกรรม
เป็นเรือนไม้ชั้นเดียวขนาดใหญ่มาก
ด้านในกว้างขวาง ถ้ามาเป็นหมู่คณะนอนกันได้หลายสิบคนเลยค่ะ
บางวันก็มีการสอนโยคะ -สอนศิลปะ
เดินอ่านบทความไปเรื่อยๆ
อ่านเสร็จก็ออกไปเดินเล่นด้านนอกกันดีกว่าค่ะ ลมพัดเข้ามาเย็นสบายมาก
มีระเบียงให้เดินเล่น-นั่งเล่นชมวิวรอบๆได้เลยค่ะ
สวนสายน้ำ อยู่ในป่าเขตร้อน มีต้นไม้มากมาย มีธารน้ำใสไหลเย็นตลอดปี
เป็นสถานที่ที่ห่างไกลจากความวุ่นวายในเมืองมาก
เหมือนอยู่ในหุบเขา
ทางเดินน่ารักมากๆ จะเห็นถึงความตั้งใจในการก่อสร้างแม้เป็นเพียงรายละเอียดเล็กๆน้อยๆก็ยังใส่ใจ
เจ้าหน้าชวนไปเดินดูที่พักกันดีกว่าค่ะ เดินไปตามบันไดขึ้นๆลงๆเขาตลอดเวลา
สำหรับผู้ที่สนใจพักค้างคืน สวนสายน้ำมีที่พักหลายประเภทในอัตราที่แตกต่างกัน
(ไม่แพงเลยประมาณหลักร้อย) ราคาที่พักนี้รวมอาหารทุกมื้อที่ห้องอาหารรวมส่วนกลาง
ตรงนี้ชื่อว่าบ้านร่มกอ มี 3 ชั้น-หลายห้อง แต่ละห้องก็กะทัดรัด อยู่ 2 คนได้สบายๆ
แขกที่มาเข้าพักและผู้มาเยี่ยมเยือนไม่ควรสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ เสพยาเสพติด
หรือกระทำพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม
ออกเดินต่อ...แค่เดินไปตามทางก้มหน้าดูพื้นก็สนุกแล้ว มีลวดลายแทบไม่ซ้ำกันเลยค่ะ
ไม้ประดับต้นเล็กๆเรียงรายไปตามทางเดิน
ตรงนี้ก็เป็นบ้านพักหลังต่อไป(จำชื่อบ้านไม่ได้แล้วค่ะ
)
บ้านทุกหลังจะเงียบสงบเหมาะสำหรับนั่งอ่านหนังสือ
มุมมองจากระเบียงบ้านพักเกือบทุกหลังจะเป็นป่า-เขา
บ้านพักหลังนี้วิวสวยที่สุด..
จำชื่อบ้านไม่ได้อีกเช่นกันค่ะ
วิวเหมือนอยู่เชียงใหม่เลยค่ะ ตอนเช้าก็มีหมอกลงอากาศเย็นสบาย
ส่วนหลังนี้จะใหญ่หน่อย เห็นมีคนพักอยู่แล้ว พวกเราเลยไม่ได้เข้าไปรบกวน
เดินไปที่ธารน้ำกันดีกว่าค่ะ..เข้าป่าไปเลย ยุงเยอะมากๆ..ควรทายากันยุงมาด้วย
ก่อนจะลงไปที่ธารน้ำเราจะต้องเดินผ่านบ้านอีกหลัง เป็นบ้าน 2 ชั้น รูปทรงน่ารักมากๆ
ดูแล้วเหมือนเป็นบ้านคนอยู่อาศัยเลยค่ะ
มีเฟอร์นิเจอร์ครบ
ชานระเบียงกลมๆ เก๋ไก๋สุดๆ มานั่ง-นอนเล่นได้สบายเลย
เดินผ่านบ้านหลังนี้เพื่อลงไปที่ลำธารกันค่ะ
ทางลงเป็นบันได ผ่านป่ายาง
มีบันไดสักครึ่งทางแล้วก็ไต่ๆเขาลงไปอีกหน่อย
....ชันเหมือนกัน
ถึงแล้วค่ะธารน้ำ(ที่มาของชื่อสวนสายน้ำ)..น้ำน้อยคงเป็นเพราะเพิ่งผ่านหน้าแล้งมายังไม่ใช่หน้าฝน
แต่น้ำก็ใสและเย็นดี เจ้าหน้าที่บอกว่าเดินขึ้นไปตามสายน้ำ....(ไม่รู้กี่ กม.
)ก็จะพบน้ำตกค่ะ
เดินเล่นสักพัก ยุงและแมลงเยอะมาก...กลับกันดีกว่าเพราะเริ่มเย็นแล้ว
ตรงนี้เป็นเรือนอีกหลัง รอบๆเต็มไปด้วยสวนผลไม้ เงาะ ลองกอง แต่ตอนนี้ยังไม่ออกผลค่ะ
แล้วก็เดินมาเรื่อยๆจนถึงอาคารสีขาวเด่น..เป็นมุมสงบสำหรับนั่งสมาธิ
เรียกว่า"เนินสมาธิ"
เป็นหินอ่อนทั้งหลังพอเข้าไปข้างในจะเงียบมาก-เย็นสบาย มะปรางกับใบบัวเลยขอนั่งอ่านหนังสือหน่อย
ณ เรือน-เงียบ
(เนินสมาธิ)
รอบๆก็ยังปกคลุมไปด้วยหุบเขา
ตามทางเดินจะมีป้ายติดอยู่เป็นระยะๆ..คงป้องกันการหลงทางล่ะ
เดินวนกลับมาด้านหน้ากันค่ะ พวกเราเดินกันรอบภูเขาเล็กๆ 1 ลูกแล้วค่ะ
แวะห้องสมุด เป็นอาคารไม้ 2 ชั้นใต้ถุนสูง ที่รวบรวมหนังสือและงานต่างๆของกฤษณมูรติ
เหนื่อยและหมดแรง
นั่งพักอ่านหนังสือกันก่อนค่ะ
การไปเยี่ยมชมเวลากลางวันโดยไม่พักค้างคืนนั้นไม่ต้องแจ้งล่วงหน้า
ยกเว้นกรณีที่ต้องการรับประทานอาหาร
ห้องสุขาแบบ open-air
สิ้นสุดการเดินทางของวันนี้ที่โรงอาหารรวมค่ะ มาพักดื่มน้ำกันก่อน
ค่าอาหาร 70 บาท/คน/มื้อ ครัวของที่นี่เป็นอาหารมังสวิรัติแบบไทยที่อร่อย(มีหลายคนบอกว่าอร่อยมาก) ปลอดภัยและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ
สวนสายน้ำ...เบอร์โทรติดต่อ 08-1328-7123 ,074-531115
หรือ questfoundation@hotmail.com
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจากสวนสายน้ำและมูลนิธิอันวีกฤษณาค่ะ
ออกจากสวนสายน้ำก็ 5 โมงกว่าแล้ว ไปแวะทานอาหารที่ร้าน"ไทปัน"
อยากมาทานนานแล้วแต่กลัวแพงล่ะ เป็นเหมือนภัตตาคารอาหารจีน แต่ป้าไหมบอกว่าเป็นเจ้ามือเอง..หุหุ
สั่งอาหารมา 5 อย่างเต็มโต๊ะอาหารอร่อยมากๆ รวมทั้งหมด ประมาณ 700กว่าบาท(ก็ไม่แพงนะ)
บรรยากาศของร้านร่มรื่นสบายมาก..แต่ก็มียุงเยอะเหมือนกัน พอเริ่มค่ำๆจะมีก๊วนกอล์ฟมานั่งทานอาหารกัน เพราะที่นี่อยู่ใกล้ southern hill golf club
ทานอาหารเสร็จก็เริ่มมืดแล้ว ไปส่งป้าไหมกับใบบัว แล้วเรา 3 คนก็กลับไปหมดแรงที่บ้านกันเลย ปวดขามาก เดินขึ้น-ลงเขากันหลายกิโล
ต้องไปล่ะ
ตอบลบติดตามครับ.ขอบคุณครับ ;)
ตอบลบราคาค่าที่พักสำหลับ2คน
ตอบลบ