TUKEMD

__TUKEMD__ชื่อบ้าน อ่านว่า ตุ๊ก-เอ็ม-ดี นะจ๊ะ เป็นชื่อในเน็ตของแม่ตุ๊กเองค่ะ

บ้านหลังน้อย หลังนี้เป็นของแม่ตุ๊ก,น้องมะปราง และ คุณป๋า

เป็นบล็อกเพื่อบันทึกความสุข ความทรงจำ ในการท่องเที่ยวที่ต่างๆของครอบครัวเราค่ะ



2554/03/30

5. ฟาร์มโชคชัย ปากช่อง



วันที่ 19 มีนาคม 2554 เวลา 9:00น.

ออกเดินทางไปฟาร์มโชคชัย ไม่ไกลจากที่พักนัก ประมาณ 30 กม. ขับรถสบาย ก็จะพบป้ายใหญ่อยู่ทางซ้ายมือ เลี้ยวรถเข้าไปจอด จะเห็นว่าคนเยอะมากเพราะเป็นวันเสาร์ช่วงปิดเทอมด้วย
คุณป๋าจองตั๋วทางอินเตอร์เน็ตไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ แนะนำให้จองตั๋วล่วงหน้าซัก 3-4 วัน จะได้ไม่วุ่นวายเวลาโอนเงิน และแนะนำให้จองก่อนรอบ11โมง เพราะจะได้ดูโชว์สุนัขเลี้ยงแกะต้อนฝูงแกะ...
แต่ถ้าจองหลัง 11 โมงเป็นต้นไปจะได้ดูการรีดน้ำเชื้อวัวแทน


คุณป๋าเอา ใบจองไปรับตั๋วเรียบร้อย รอเวลา.... รอบของเรา 10:30น.


“ฟาร์มโชคชัย” ที่ได้ชื่อว่าเป็นว่าเป็นฟาร์มโคนมที่ใหญ่ที่สุดแห่งเอเชีย
แวะทานขนม ที่ร้านนี้ก่อนค่ะ


ถึงเวลารอบของเราแล้ว เค้าก็จะแจกกระเป๋าห้อยคอคนละใบเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของกลุ่ม"ช้างแดง" คือชื่อของกลุ่มเรา แล้วก็ไปนั่งดูวีดีโอเรื่องประวัติของฟาร์มโชคชัย ประมาณ15นาที แล้วก็เข้าไปในฟาร์มกันค่ะ
แต่ก่อนที่เราจะเข้าไปในฟาร์มต้องผ่านบ่อล้าง (รองเท้า) และอ่างจุ่มมือฆ่าเชื้อกันเสียก่อนเพราะที่นี่เขารักษาอนามัยความสะอาดกันมาก
ที่แรกที่คาวเกิร์ลพาเราไปชม คือ พิพิธภัณฑ์เครื่องจักรเก่าที่จัดแสดงเครื่องจักรยุคบุกเบิกของฟาร์ม ทั้งรถแทรคเตอร์คันแรกที่ซื้อมาพร้อมกับที่ดินผืนแรกของฟาร์มและรถคันอื่นๆ ที่แต่ละคันล้วนเก่าแก่และทรงคุณค่าทั้งนั้น



ไปดูวิธีการรีดนมวัวกันที่ "โรงรีดนม"


ใช้วิธีการรีดนมด้วยเครื่องระบบ Pipeline ทำให้น้ำนมสะอาดปลอดภัยไร้สารเจือปน แล้วน้ำนมดิบที่รีดได้จะถูกส่งผ่านไปยังศูนย์รับน้ำนมดิบ เพื่อลดอุณหภูมิจาก 37 องศา มาเป็น 4 องศา แล้วเก็บในถังรักษาความเย็น


ไกด์บอกว่าปกติเกษตรกรทั่วไปจะรีดนมวันละ 2 เวลา แต่ที่นี่จะรีดถึงวันละ 3 เวลา
มีการสาธิตวิธีการรีดนมด้วยมือ แล้วให้อาสาสมัครเข้าไปลองรีดนม 4 คน
กลุ่มเราแย่งกันน่าดู..มะปรางก็ขอยืนดูดีกว่า


จากนั้นไปดู "โรงงานผลิตนม" ซึ่งทางฟาร์มโชคชัยนำน้ำนมดิบที่ได้มาผลิตเป็นนมพาสเจอร์ไรส์ โยเกิร์ต และไอศกรีม แล้วเราก็ได้ลิ้มลองไอศกรีม(...ถ้วยเล็กมากๆ...)ทำจากนมสดและครีมสด รสชาติอร่อย เข้มข้นดี


หลังจากที่ไกด์พาเราเดินชมกันจนเมื่อยและร้อน ก็พาเราขึ้นขบวนรถฟาร์มแทรคเตอร์ เพื่อเข้าไปชมด้านใน
ที่แรกที่ขบวนรถแล่นผ่านคือ คอกพักโค การเลี้ยงโคของที่นี่เขาจะใช้วิธีเลี้ยงแบบขังคอกกับปล่อยแปลง และคอกพักโคที่เราเห็นนั้นเป็นแบบขังคอก สำหรับโครุ่นและโคสาว มีการจ่ายอาหารในรางอาหารให้โคได้กินอย่างสบายไม่ต้องไปเดินเล็มหญ้า


แล้วขบวนรถก็แล่นผ่าน ทุ่งหญ้า-ทุ่งข้าวโพด ที่ปลูกไว้สำหรับเป็นวัตถุดิบในการทำอาหารสัตว์ และผ่านบ่อหญ้าหมัก ที่ใช้เป็นอาหารหยาบให้โคยามขาดแคลนหญ้าสด


จากนั้นรถมาหยุดที่จุดแสดงโชว์

ชมการแสดงของโคบาลหนุ่มที่โชว์ฝีไม้ลายมือและลีลาอันเร้าใจในการคล้องบ่วงบาศก์โค
และยังมีโชว์อื่นๆเช่น การหวดแส้ การควงปืน


ลานจำลองเมืองคาวบอย เหมือนในฉากหนังเลยค่ะ


และก็เปิดโอกาสให้ได้ลองขี่ม้าด้วย แต่มะปรางขอขี่ม้าโยกเยกดีกว่า


มุมขายของที่ระลึก


ข้อควรปฏิบัติของคาวบอย


มีให้ลองขับ-ขี่รถ ATV ด้วย

มุมสุดฮิต.........ที่ทุกๆๆคนต้องมาเก็บภาพค่ะ


แดดไม่จัดแต่อากาศอบอ้าวมากๆเลย


เราก็ต้องกลับขึ้นรถกันเพื่อเดินทางต่อไป แล้วรถก็แล่นผ่านโรงเก็บหญ้าแห้ง คอกเลี้ยงลูกโค สนามฝึกม้า โดยเฉพาะไฮไล้ท์คือเป็นความสามารถของสุนัขที่โชว์ลีลาในการต้อนแกะให้ดูกัน นั่งดูบนรถกัน ไกด์บอกว่าเจ้าสุนัขตัวนี้มาจากเมืองนอกราคาก็6หลักเชียวนะ เลยให้โชว์บ่อยๆไม่ได้(คงกลัวมันเหนื่อยหน่ะ)
มะปรางชอบโชว์นี้ที่สุดเลยค่ะ.....


แล้วรถก็มาจอดยังที่สุดท้าย คือ "ฟาร์มสวนสัตว์" มีการจัดแสดงความสามารถของสัตว์แสนรู้


มีทั้งนกพีลีแกน,ลิง


นกแก้ว


แพะ


สุนัขกระโดดห่วง-ลอดเสา


สุนัขป้อนนมลูกโค


จบการแสดงแล้ว...มาเล่นกับนักแสดงได้เลยค่ะ แต่ละตัวเรียบร้อยน่ารักมากๆ


ด้านในยังมีสวนสัตว์ที่ให้เราได้ซื้ออาหารไปป้อนสัตว์ด้วยตนเอง


กวาง-กระต่าย


มีอูฐด้วยค่ะ

ที่นี่เค้าเลี้ยงกวางเยอะมาก จะเห็นกวางเดินปะปนผู้คน..เชื่องจังเลยนะ

เดินเมื่อย..ก็พักก่อน


ที่ป้อนอาหารแกะ


ท่าทางมันหิวนะ...พอเห็นคนมันก็รีบเดินมาหาทันที




ไปป้อนนมลูกโคได้ค่ะ..แต่ละตัวน้ำลายยืดๆๆๆ




ข้างหน้าเป็นม้าแคระไว้ให้เด็กๆขี่ค่ะ

ได้เวลากลับกันแล้วค่ะ

วันนี้สนุกมากเลยค่ะ

แวะให้อาหารปลาที่ด้านหน้าฟาร์มกันก่อน..แล้วก็ได้เวลาทานอาหารเที่ยงแล้วค่ะ(บ่ายโมงแล้ว)


ออกจากฟาร์มโชคชัยก็เดินทางต่อไปปทุมธานี
ประมาณ 4โมงเย็น ก็ถึงโรงแรมที่หมายตาไว้เป็นโรงแรมเล็กๆอยู่ชานเมืองปทุมธานีชื่อ ดาร์ลิ่งอินน์
สะอาดและถูกมาก โทรทัศน์ชัดดี


5โมงเย็นแม่ตุ๊กนัดเพื่อนเก่าไปกินข้าวเย็นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ผ่านวัดหงส์ปทุมาวาส แวะเข้าไปไหว้พระ


น่าจะเป็นวัดเก่าแก่ เพราะดูจากศาลาวัดเป็นไม้ทั้งหลัง


เห็นมีคนเดินเข้าไปที่ริมน้ำมากพวกเราเลยเดินตามไปได้เจอของดี.. เป็นวังปลาขนาดใหญ่

มะปรางปกติชอบให้อาหารปลา..พอเห็นปลามากขนาดนี้ยังดูกลัวๆเสียวๆเลย บอกว่าถ้าตกลงไป..
คงขึ้นมาไม่ได้แน่ๆเลย


นั่งให้อาหารปลาอยู่ร่วม ชม.ก็ไปทานอาหารเย็นดีกว่า


ร้านอาหารของเย็นนี้ชื่อ"บ้านเหนือน้ำ" เป็นร้านดังของเมืองปทุมค่ะ


แม่ตุ๊กจองที่นั่งริมน้ำไว้จะได้นั่งชมวิวสบายๆ เพราะเย็นวันเสาร์คนจะเยอะมากค่ะ


บรรยากาศของร้านโปร่งโล่งสบาย

ตกแต่งสถานที่ได้น่ารักมาก มีมุมน่ารักๆ

สั่งอาหารมาเต็มโต๊ะ7-8อย่าง ทานกันเรียบ(แม่ตุ๊กไม่ได้เก็บรูปมาค่ะ..หิวจัด) อาหารอร่อยทุกอย่าง


ให้เด็กๆไปเล่นกัน2คน..มะปรางกะน้องชัญญ่า

ห้องน้ำที่นี่เก๋ดีค่ะ ห้องน้ำหญิงมีบ่อปลาอยู่ในห้องเลย..นั่งไปก็ดูปลาไปเพลินดี
ส่วนห้องน้ำชายเป็นกระถางต้นไม้คลุมๆอยู่

วันนี้พระจันทร์กลมและโตกว่าปกติเห็นเค้าเรียกว่า"super moon"


นั่งกินกัน-ทานกันจนมืด เด็กเริ่มง่วงนอนแล้วคงต้องแยกย้ายกันกลับแล้วจ้า
ถ่ายรูปกับครอบครัวสามารถ(เพื่อนตั้งแต่ชั้น ม.1 ของแม่ตุ๊ก..เป็นนักบินอยู่ที่ดอนเมือง)-เบิ้ล-น้องชัญญ่า


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น