TUKEMD

__TUKEMD__ชื่อบ้าน อ่านว่า ตุ๊ก-เอ็ม-ดี นะจ๊ะ เป็นชื่อในเน็ตของแม่ตุ๊กเองค่ะ

บ้านหลังน้อย หลังนี้เป็นของแม่ตุ๊ก,น้องมะปราง และ คุณป๋า

เป็นบล็อกเพื่อบันทึกความสุข ความทรงจำ ในการท่องเที่ยวที่ต่างๆของครอบครัวเราค่ะ



2554/02/28

3.ล่องเรือดูบัว-นกน้ำทะเลน้อย



วันเสาร์ที่ 19 ก.พ. 54
เมื่อคืนพวกเราเข้านอนกันแต่หัวค่ำ เพราะจะตื่นแต่เช้ามานั่งเรือกัน ไม่อยากให้อากาศร้อน
ออกจากที่พัก ประมาณ 7โมงกว่าๆ อากาศดีมากๆ บรรยากาศที่ทะเลน้อยเงียบสงบจริงๆ
ทะเลน้อย เป็นทะเลสาบน้ำจืด มีพื้นที่ประมาณ 30 ตารางกม. ตั้งอยู่ใน ต.พนางตุงและ ต.ทะเลน้อย อ.ควนขนุน จ.พัทลุง อยู่ห่างจากตัวเมือง35 กม. มีคลองนางเรียมยาว 2 กม.เชื่อมระหว่างทะเลน้อย กับทะเลสาบสงขลา พื้นที่ชุ่มน้ำทะเลน้อยซึ่งครอบคลุมพื้นที่จ.พัทลุง จ.นครศรีธรรมราช และจ.สงขลา

วันนี้ดูเมฆหนาๆหน่อย ยังมองไม่เห็นพระอาทิตย์เลยค่ะ

แต่ก็มีคนออกล่องเรือกันแล้ว...มาเช้ากว่าเราอีกเนอะ

เก็บบรรยากาศเช้าๆของทะเลน้อยมาฝากก่อนลงเรือ

ที่ท่าเรือก็มีเรือหางยาวจอดรอรับบริการอยู่หลายลำแล้ว ให้นั่งได้ไม่เกินลำละ 12 คน ไม่กำหนดเวลาลอยเรือท่องเที่ยว แต่ส่วนมาก ประมาณ 1 ชม.ก็เที่ยวจนรอบแล้วค่ะ

ตอนนี้ค่าเรือลำละ 400 บ.พวกเราก็เหมาลำตามเคยค่ะ

ออกเดินทางกันเลย อากาศดีมาก หมวกพร้อม

ไม่ลืมทาซันบล็อกค่ะ เมื่อครั้งที่แล้วคุณป๋าตากแดดตัวลอกแดงเลย

ริมๆทะเลน้อยก็มีร้านอาหารและร้านขายของฝากอยู่เรียงรายกันเต็มไปหมด

อันนี้น่าจะเป็นส่วนของกรมประมง มีการสร้างหอคอยด้วย


ทะเลน้อยมีความลึกเฉลี่ย 1.5 เมตร เป็นแหล่งน้ำที่มีปลาน้ำจืดชุกชุมหลายชนิด เดิมชาวทะเลน้อยทำการประมงเป็นอาชีพหลัก

มะปรางขอเติมพลังก่อน รีบออกมาแต่เช้ายังไม่ได้ทานอะไรเลย

ดอกบัวเริ่มบานแล้ว


เดี๋ยวเราจะออกไปดูบัวที่นอกแนวรั้วกันแล้วนะคะ

มีสะพานให้เดินชมบัว

แหล่งนกน้ำทะเลน้อยได้รับประกาศให้เป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อยเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2518 พร้อมกับส่งเจ้าหน้าที่มาปฏิบัติการ รวมพื้นที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทั้งหมด 457 ตารางกม.

ประเทศไทยได้เข้าร่วมเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำเป็นลำดับที่ 110 เมื่อวันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2541 โดยเสนอพื้นที่ชุ่มน้ำควนขี้เสียน เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย จ.พัทลุง เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศ (Ramsar site) แห่งแรกของประเทศไทย

ถึงแล้ว...ดงบัวสาย สีชมพู

ดงบัวที่มีสีชมพูบานสะพรั่งในช่วงเวลาประมาณ 8 โมงเช้า(แดดเริ่มออก)

เมื่อแดดร้อนแรงขึ้น บัวสายจะเริ่มหุบ และจะบานเต็มที่อีกครั้งหนึ่งในวันรุ่งขึ้น

บัวสายเป็นบัวพันธุ์พื้นเมืองที่แพร่กระจายทั่วไปในประเทศไทย

ก้านใบสามารถนำมาประกอบอาหารได้ เช่นแกงส้ม ต้มกระทิ ผัดน้ำมัน หรือ ต้มจิ้มน้ำพริกได้


เรือจะแหวกดงบัวสายเป็นแนวยาว

เหมือนพรมชมพูอันสวยงาม


เราไม่ควรเด็ดดอกบัว... แม้มันจะสวยมากและใกล้มือสุดๆ

เพราะฉะนั้น กิจกรรมของ 2 พ่อลูกคือ..แตะ..ดอกบัวกันอย่างสนุกสนาน ใครแตะได้เยอะที่สุด..ชนะ

ดงกระจูดหนู เป็นพืชน้ำที่พบได้มาก มักขึ้นอยู่หนาแน่นเป็นกลุ่มใหญ่ๆ เป็นที่หลบภัยของนกและสัตว์น้ำ
กระจูดหนูเป็นพืชที่มีลำต้นเปราะบางและคมอาจบาดมือ
ต้นอ่อนของกระจูดหนูเป็นอาหารของนกอีโก้งและปลาบางชนิด


ระหว่างทางจะพบผักตบชวาและอาจพบนกอีโก้งหาอาหารกินอยู่ใกล้ๆ
กอผักตบชวาคือ แหล่งสร้างรังวางไข่ของนกน้ำที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้น คือ นกอีโก้ง และ นกพริก และยังเป็นที่หลบภัยของสัตว์น้ำอื่นๆ ด้วย

ดงนกกระยางสีขาวตัวใหญ่ดี

บริเวณดงบัวสายอาจจะพบ นกยางกรอก นกอัญชันคิ้วขาว นกพริก หรือ นกอีแจว เดินหากินอยู่บนใบบัว มะปรางตื่นเต้นว่านกเดินบนน้ำได้


ศาลานางเรียม ตั้งอยู่ในบริเวณปากคลองนางเรียม เป็นศาลาที่ปลูกสร้างขึ้นกลางน้ำขนาดกลาง
รับน้ำหนักได้ราว 30 คน ศาลาน้ำเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมมารับประทานอาหารกลางวัน ด้วยว่ามีบรรยากาศ
ร่มรื่น ลมเย็นสบาย (ที่สำคัญมีห้องสุขาไว้บริการ)


รอบๆบริเวณศาลามีพันธุ์ไม้ที่น่าสนใจหลายชนิด เช่น บัวหลวงที่อยู่ทางด้านทิศเหนือจะมีสีขาว ส่วนทางทิศใต้จะมีสีชมพู ทางทิศตะวันตกจะพบต้นเตยน้ำหลายต้นขึ้นรวมกลุ่มกันเป็นดงใหญ่ ในตอนใกล้ค่ำนกกระยางควายจะมาอาศัยนอนและถ่ายมูลทิ้งไว้เป็นหลักฐาน


มีต้นไม้ใหญ่ๆขึ้นด้วย


ตรงนี้แหละเป็นไฮไล้ท์ในการล่องเรือของพวกเรา เห็นอะไรอยู่ในน้ำไหมเอ่ย????

ไม่ใช่นก..ไม่ใช่ปลา...มันมีเขา ตัวดำๆ กำลังว่ายน้ำ-ดำน้ำอย่างสนุกสนาน... ควายทะเล ค่ะ

เข้าไปดูใกล้ๆ มีควายเผือกสีชมพูด้วย น่ารักมากๆๆๆ





คนเรือบอกว่าปกติมันก็หากินบนบกนี่แหละ แต่ถ้าช่วงไหนอากาศร้อนและแห้งแล้งมันก็ลงมาหากินในน้ำ
แต่เราจะไม่เห็นได้บ่อยๆนะนักท่องเที่ยวหลายๆคนยังไม่เคยเห็นเลย


มาถึงคลองนางเรียมแล้วคลองนี้มีความยาวประมาณ 2 กม.เศษ ไหลไปออกทะเลสาบสงขลา ชาวบ้านใช้คลองนี้เป็นทางสัญจรระหว่างทะเลน้อยกับหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ริมทะเล


ข้างหน้าเป็นดงนกเป็ดน้ำ ตอนแรกมันก็ลอยคออยู่ในน้ำกันหนาแน่นมาก พอเข้าใกล้มันก็เริ่มบินขึ้นกัน นกเป็ดน้ำเป็นนกมีปีก มันบินได้และเคลื่อนย้ายที่อยู่เสมอ

ส่วนมากเราจะเข้าใกล้ฝูงนกเป็ดน้ำได้ไม่มากนัก นกจะบินหนีขึ้นพร้อมๆกันครั้งละเป็นพันๆตัว พร้อมกับ
เสียงกระพือปีกพรึบพรับเป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจมาก ส่วนใหญ่คนขับเรือจะรู้ว่าจะพบนกเป็ดน้ำได้ที่ไหน


ขากลับคนเรือเอาดอกบัวให้พวกเรา 1 กำ พร้อมสร้อยสายบัว..ชอบมากๆๆ

ปรางชมพู กับ บัวขาว

ในที่สุดก็ถึงเวลาที่จะกลับท่าเรือแล้ว ตามหลักไม้ที่มีผู้ปักทิ้งไว้มักจะพบนกกาน้ำเล็ก (ตัวสีดำ) เกาะ กางปีกผึ่งแดดหลังจากดำน้ำหาปลากินจนอิ่มแล้ว

กลับมาถึงท่าเรือก็สาย แดดเริ่มร้อนแล้วค่ะ

เข้าไปเดินเล่นในที่ทำการของอุทยานกันก่อนค่ะ ในนี้มีห้องน้ำบริการด้วย


เมื่อทะเลน้อยเป็นอุทยานนกน้ำ ทะเลน้อยเลยกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของภาคใต้
มีผู้คนต่างจังหวัดและชาวต่างประเทศมาเยือนมิได้ขาด มีการสร้างอาคาร ศาลา ที่พักมากมาย


อาคารที่ทำการของเจ้าหน้าที่ตั้งเรียงรายอยู่ในน้ำ ห่างฝั่งออกไปทางตะวันออกมีชื่อเรียกอย่างไพเราะ
เช่น ศาลาบัวหลวง ศาลาบัวแดง เรือนกาบบัว เรือนนางนวล เรือนอัญชั่น เป็นต้น

มีศาลาพัก เรือนรับรอง พระตำหนัก ผู้คนมานอนเล่น ลมเย็นสบาย


อาคารทุกหลังมีสะพานถาวรเชื่อมถึงกันโดยตลอด
ข้างหน้าคือเรือนพักที่เราอยากมาพักแต่คนจองเต็มหมดแล้ว

มีบริการนวดด้วย คนต่อคิวกันยาวมาก เพราะเป็นวันหยุด

ด้านหน้าอุทยาน จะเป็นที่จอดรถบัส เริ่มมีนักท่องเที่ยวมากันมากแล้ว


ได้เวลากลับบ้านแล้วค่ะ

กลับทาง อ.ควนขนุน เป็นทาง 4 เลนอย่างดี ขับไปสักพัก ก็เริ่มมีการก่อสร้างทาง

ถ้าให้แนะนำ ควรใช้เส้นทะเลน้อย-ระโนดจะดีกว่าเพราะสวยงามมาก
เรียกว่า ถนนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาเป็นสะพานข้ามทะเล ถูกกั้นด้วยน้ำ คือทะเลน้อย และทะเลสาบสงขลาโครงการนี้เริ่มต้นปี 2547 จากบ้านไสกริ้ง อ.ควนขนุน จ.พัทลุง สิ้นสุดที่บ้านหัวป่า อ.ระโนด จ.สงขลา ระยะทางรวม 17.544 กิโลเมตร


จนได้กลายเป็นถนนยกระดับชนบทสายแรก และเป็นสะพานข้ามทะเลสาบสายที่ยาวที่สุดของประเทศไทย

ช่วงที่ขับรถบนสะพาน จะมีจุดพักรถหลายจุด จอดรถได้หลายคัน เอาไว้แวะชมวิว

เห็นมีคนจอดรถมาส่องนกกันด้วย มองไปไกลๆจะเห็นฝูงควาย(ทะเล)กำลังกินหญ้ากันอยู่


พอเข้าเขตระโนดก็จะพบทุ่งนาสีเขียวสดชื่นมาก

ขับรถกลับบ้านอย่างมีความสุข ได้มาเติมพลัง(ท่องเที่ยว)เต็มที่ ตอนเย็นคุณป๋าก็ไปทำงานต่อ...