31ธ.ค.53
16:30น. ออกจากวัดศกก็ขับรถตรงไปเขาสกชีวาลัย ปากทางเข้าอยู่ริมถนน ประมาณ กม.ที่ 105
แต่เข้าไปเป็นทางทุรกันดาร ประมาณดาวไททัน ถ้าฝนตกน่าจะลำบากเอาการ
ขับต่อเข้าไปอีกประมาณ 2 กม. จึงจะถึงตัวรีสอร์ท เห็นป้ายและกำแพงแล้ว เลี้ยวขวาเข้าไปเลย
รีสอร์ทสวยงามแบบธรรมชาติจริงๆ
ดูรูปอาจจะไม่ชัดเจนมาก
คือพอขับรถไปถึงจะเป็นลานจอดรถ มีรถจอดอยู่หลายคัน เจ้าของรีสอร์ท มายืนรอรับคอยบริการลูกค้า
ถ้ามองย้อนไปจะเห็นว่าเราขับรถขึ้นมาบนเนินเขาลูกหนึ่ง เห็นเขาลูกอื่นอยู่ไกลๆ
ใกล้ๆกันเป็นศาลาล็อบบี้เช็คอิน-เอ้าท์ ซึ่งใช้เป็นที่รับประทานอาหารเช้าและเป็นร้านขายอาหารด้วย
พวกเราก็เช็คอินทันที คุณพี่เจ้าของก็เตรียมกุญแจห้องไว้เรียบร้อยแล้ว
ให้จนท.(ชาวพม่า) แบกของ...
แบกจริงๆนะ
คือเค้าเอากระเป๋าใบใหญ่ของพวกเราแบกขึ้นหลังทันที แล้วนำเดินไปห้องพัก
จากตรงร้านอาหารจะมีบันไดขึ้นเนินไปประมาณ 20 ขั้น
แล้วเป็นทางปูด้วยอิฐมอญเล็กๆ ไต่อยู่บนไหล่เขา
มองย้อนไปก็็งดงาม
ข้างซ้ายเป็นหน้าผาเตี้ยๆ ข้างขวาเป็นเนินดินเตี้ยๆ
มีสวนผลไม้เต็มไปหมด น่าจะเป็นสวนเงาะมั้ง จัดแต่งเป็นระเบียบสวยงาม
ระหว่างทางเดินจะเห็นบ้านเรือนไทยหลังใหญ่ทางขวามือ เค้าบอกว่าเป็นบ้านของเจ้าของรีสอร์ท
บ้านพักสร้างอยู่ด้านในเข้าไปอีก หลังหนึ่งก็มี2 ห้องติดกันเหมือนบ้านแฝดใหญ่บ้างเล็กบ้าง
เท่าที่เห็นมีประมาณ 5 หลัง ยาวไปประมาณร้อยกว่าเมตร ลัดเลาะไปเรื่อยๆ
บ้านที่พวกเราไปพักต้องข้ามสะพานไม้ชันมาก
แม่ตุ๊กลื่นด้วยล่ะ
หลังนี้แหละ ใต้ถุนสูงเพราะอยู่บนไหล่เขา ถ้าฝนตกจะมีน้ำจากเขาไหลผ่านลงมาด้วย
พวกเราก็ต้องปีนบันไดอิฐข้างๆขึ้นไปอีกที
ถึงแล้ว ชื่อว่า"บ้านชมตะวัน"
(แต่ไม่รู้ว่าตะวันขึ้นหรือตก)
ตรงระเบียงห้องมองไปตรงข้ามมีทิวเขาสูง แม้เป็นตอนจะ5โมงเย็นแล้วก็ยังเห็นหมอกลิบๆ
เป็นห้องที่วิวสวยมาก
เพราะตอนจอง(ตั้งแต่ ส.ค.53) แม่ตุ๊กบอกว่าขอห้องที่วิวสวยที่สุด คุณเจ้าของก็จัดให้เลย สงสัยจองเป็นคนแรกๆหน่ะ
เข้าไปดูในห้องกันดีกว่าค่ะ ห้องกว้างมากๆ
ภายในห้องพักจัดได้สวยงาม มีเตียงสามฟุตครึ่งสองอัน นอนสี่คนได้สบาย มีมุ้งด้วยล่ะ
มีทีวี 21 นิ้วติดจานดาวเทียม และเครื่องปรับอากาศ
ในตู้เสื้อผ้ามีที่นอนปิคนิคแถมให้ด้วย 2 ชุด พร้อมหมอนอีก 3 ใบ ผ้าขนหนู 2 ชุด
ชุดรับแขกเล็กๆ(เอาไว้วางของ...) ไม่มีตู้เย็น
ไม่มีโทรศัพท์ในห้อง
(ต้องการอะไรให้โทรมือถือเข้าเครื่องเจ้าของรีสอร์ทเลย)
ห้องกว้างประมาณ 4คูณ5 เมตร ดูโล่งๆ แต่ที่สำคัญ ..สะอาดมากๆ
เสียงห้องข้างๆดังให้พอรำคาญ เพราะผนังมันบางมาก
แต่อย่างว่าเรารำคาญเขา เขาก็คงรำคาญเราเช่นกัน (ค่าที่พัก 1900 บาท netรวมอาหารเช้า 3 คน)
เครื่องทำน้ำอุ่นพังค่ะเปิดเท่าไรก็ไม่ร้อน แต่มีอ่างอาบน้ำด้วยนะ เสียดายถ้าอากาศร้อนล่ะสบายเลย
เข้ามาในห้องไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
ฝนก็เทลงมาอย่างหนักเลย
17:30 น. ฝนก็เริ่มเบาลงตกปรอยๆ พอกางร่มเดินไปข้างนอกได้
พวกเรามาดินเนอร์ที่รีสอร์ทนี่เอง แม่ตุ๊กโทรมาสั่งไว้ก่อนแล้ว ไม่อยากออกไปไหน ฝนตกตลอด
ระหว่างรออาหารก็นั่งชมวิวหมอกไปพลางๆ อากาศหนาวแล้ว
อาหารอร่อยราคาสูงนิดหน่อย
บริการชั้นหนึ่ง
คุณพี่ผู้ชายมาบริการเองเลย มายืนคุยตลอด เค้าบอกว่าคนสงขลา-หาดใหญ่ ชอบมาที่นี่กัน
ตลอดเวลาเราจะได้ยินเสียงวี้ดๆๆๆๆดังมาจากในสวนตลอด เสียงเหมือนมีคนเปิดนาฬิกาปลุกค้างไว้
เจ้าของบอกว่าเป็นเสียงจิ้งหรีด.....
ทานข้าวเสร็จก็เดินถ่ายรูปอากาศเย็นสบายมากๆ แวะไปเอาผ้าห่มที่รถมาเพิ่มอีกผืน
แม่ตุ๊กชอบบ้านหลังนี้มากๆ
ทางเดินกลับ ก็มีหมอกมาลอยๆเย็นๆ
กลับถึงบ้านอาบน้ำแทบไม่ได้เพราะน้ำเย็นเจี๊ยบ
เป็นน้ำที่ลงมาจากเขาเลยสีจะเหลืองนิดๆ แต่คุณป๋าอาบได้นานแถมชอบด้วย เราก็นึกว่าคุณป๋านอนแช่อ่างซะอีก(สงสัยมีไขมันประจำกายเยอะเลยไม่หนาว) อาบเสร็จก็ดูทีวีกัน เอาเครื่องเล่นดีวีดี มาเปิดหนังดูกัน เรื่อง toy story 3 จนดึกถึงได้เข้านอน ไม่ได้มาเค้าต์ดาวน์ อะไรหรอก เพราะง่วง
นับเป็นคืน เค้าต์ดาวน์ที่เงียบที่สุดในรอบหลายปี ไม่มีเสียงอะไรเลย
1 มกราคม 2554
แม่ตุ๊กตื่นแต่เช้ากะว่าจะมาดูพระอาทิตย์ขึ้นซะหน่อย มองไม่เห็นเลย หมอกมันหนาเกิน
ปลุกคุณป๋ามานั่งชมวิวกัน 2 คน
ระเบียงชมวิวมีเก้าอี้ให้นั่ง 2 ตัว
มองไปรอบๆ
ก็ยังไม่เห็นพระอาทิตย์เลย
เลยลงไปเดินเล่นข้างล่างดีกว่า มีซุ้มต้นไม้ เปิดไฟไว้ให้ด้วย
นั่งเล่นแล้วมองขึ้นมาที่บ้านพัก มะปรางยังไม่ตื่น
มีดอกไม้ปลูกอยู่ทั่วๆไป
นี่ล่ะมั้งดอกกาแฟ...มีกลิ่นหอมอ่อนๆ
เห็นปลูกไว้เต็มพื้นที่เลย
เดินเข้าไปข้างในลึกๆ ก็ยังมีบ้านพักอีกหลายหลัง
8:00น. มะปรางตื่นแล้วก็ไปกินอาหารกันมีให้เลือกสองอย่างคือ ข้าวต้ม กับ ขนมปังไข่ดาว(ABF)
เอามาเสริฟให้คนละที่ มีกาแฟ น้ำส้ม
มะปรางทานได้ค่ะ
กินจนหมดจานแล้ว เจ้าของเค้าคงเห็นว่าไม่อิ่มก็บอกว่าขอเพิ่มได้
คุณป๋าเลยขอข้าวต้มกุ้ง เพิ่มอีก 1 ชาม อร่อยดี
กินเสร็จคุณป๋าก็ติดต่อเรือกับเจ้าของรีสอร์ท จ่ายค่าเรือไปสองพันบาท แล้วก็ถ่ายรูปเก็บตกก่อนกลับ
แม่ตุ๊กขอมาที่นี่ก่อนเลย
" บ้านเรือนไทย"
ขอขึ้นไปดูหน่อยนะคะ
ตรงปีกซ้ายของบ้านเห็นเป็นห้องใหญ่ๆมีที่นอนวางทับๆกันอยู่
คงจะไว้ให้พวกที่มาเป็นคณะใหญ่ๆพักรวมกันได้ล่ะ
ระเบียงรอบบ้านกว้างมากๆ ตอนสมัยที่สร้างบ้านแม่ตุ๊กก็อยากมีระเบียงรอบบ้านอย่างนี้แหละ
วิวก็สวย สุดลูกหูลูกตาเลย
ลมเย็นสบาย
มีตัวอะไรเกาะอยู่ที่หน้าต่างเอ่ย???
ผีเสื้อ...นั่นเอง มันเชื่องมาก
เห็นแม่บ้านเค้าหยิบมันขึ้นมาแล้วขว้างไปข้างนอก มันก็ยังบินกลับมาเกาะที่เดิมอีกแน่ะ
ได้เวลาเดินทางกันต่อแล้วสินะ
bye-bye เขาสกชีวาลัย แล้วค่อยเจอกันอีกนะจ๊ะ
วิวสวยมากๆๆๆ แต่รีสอร์ทมันดูบ้านๆไปนิดอ่ะ
ตอบลบ