1.อุทยานแห่งชาติเขาสก

31ธันวาคม 2553
วันนี้ได้เวลาเดินทางเที่ยวปีใหม่อีกแล้ว คราวนี้มา concept ใหม่ คือ ขอไปเที่ยวแบบทาก(กระดึ๊บๆค่อยๆไป ไม่เร่งไม่รีบ)
เวลาประมาณ 09.00 น.
เช้ามาก็นอนอืดกันทั้งคุณพ่อคุณลูก อาบน้ำล้างหน้าล้างตาทานอาหารเช้าเสร็จก็ออกจากบ้าน แวะไหว้พระขอพรเรียบร้อยแล้วจึงเดินทางออกจากหาดใหญ่ แม้จะออกสายหน่อยแต่ก็ขับได้ไวเพราะรถไม่มาก ออกจากหาดใหญ่ไปตามทางหลวงหมายเลข 41 ผ่านแยกคูหา(รัตภูมิ) แยกท่ามิหรำ(พัทลุง) ผ่านทุ่งสง , เวียงสระ จนมาถึงแยกพุนพิน จะมีสะพานลอยใหญ่ๆแต่เราไม่ผ่านเราไปข้างๆสะพานแล้วเลี้ยวเข้าถนน หมายเลข 401 พอมาถึงตอนนี้ถนนเป็นสี่เลน ดีเกินคาด


จนมาเกือบถึงคีรีรัฐนิคม ถนนจะกลายเป็นสองเลน แต่ถนนดี โค้งหน่อยแต่ก็กว้าง พอเลยมาอีกหน่อยมีทำทางเล็กน้อย มาถึงละแวก อ.บ้านตาขุนซึ่งเป็นทางเข้าเขื่อนรัชชประภา(เชี่ยวหลาน) ถนนกลายเป็นกว้างมาก ประมาณสิบเลน แต่จุดหมายของเราคือที่ เขาสกชีวาลัย รีสอร์ท อ.พนม ดังนั้นจึงไม่ได้หยุดแค่นี้ ต้องไปต่อ

ตามลายแทงบอกว่าเขาสกชีวาลัย รีสอร์ท อยู่ที่ประมาณ กม.ที่ 105 -106 แต่ตรงบ้านตาขุนมันแค่ กม. 58 เท่านั้นเอง ดังนั้นจะเห็นว่าไกลกันมากอยู่ แถมจากบ้านตาขุนจะไปยังสันเขื่อน ก็ยังอีกสิบกว่ากิโลเมตร
ดังนั้นเขาสก กับเขื่อนเชี่ยวหลาน จริงๆแล้วคนละที่กันเลย คนละอำเภอนั่นเอง (ห่างกันประมาณ 62 กม.)
ขับไปแม้ถนนจะเล็ก แต่เรียบดี วิวสวยมาก มีประชาคมอยู่เป็นหย่อม ผ่านรีสอร์ทหลายแห่งส่วนใหญ่จะเล็กๆ มีรีสอร์ทของวรพจน์ เพชรขุ้มด้วย สองข้างทางมีภูเขาหินปูนเห็นเป็นปกติ เรียกว่า คืบก็เขา ศอกก็เขา นี่เอง พอถึง กม.ที่ 96 เห็นทางเข้าภูผาลำธารดูหรูหราเชียว ก็เล็งเอาไว้ เพราะเป็นที่พักคืนวันที่ 1 มค.
ประมาณ กม.ที่ 105 ก็มีป้ายบอกทางเข้า เขาสกชีวาลัย แต่เห็นว่ายังแค่บ่ายสองกว่า ถ้าเข้ารีสอร์ทก็ขี้เกียจออกมาแล้ว ก็เลยขับเลยไปเลย ไปอุทยานแห่งชาติเขาสก ซึ่งเลยไปอีกประมาณ 5-6 กิโลเมตร จะมีป้ายบอกแล้วเลี้ยวขวาเข้าไปตามทางเล็กๆ มีรีสอร์ทดูสวยดีเห็นรถกอล์ฟวิ่งอยู่ด้านใน

พวกเราแปลกใจมากๆเพราะมีพวกคนต่างชาติ(ฝรั่ง)เดินกันเต็มไปหมด 2 ข้างทางก็เต็มไปด้วย รีสอร์ทและเกสเฮ้าส์เล็กๆน่าจะหลายสิบแห่งเชียวล่ะ อันนี้ tree top resort ก็กำลังดังเชียว

ประมาณ 15:00น.ไปถึงอุทยานแห่งชาติเขาสก มีรถอยู่ไม่มากนัก ก็แวะเข้าไปเดินเล่น

เสียค่าเข้าอุทยาน คนละสี่สิบบาท ส่วนมะปรางฟรี...

ตอนนี้ดอกบัวผุดยังไม่บาน มะปรางขอจับของปลอมไปก่อนนะ เห็นเค้าว่าของจริงก็ใหญ่อย่างนี้แหละ

"อุทยานแห่งชาติเขาสก"

ได้ชื่อว่าเป็นอุทยานแห่งชาติทีมีความสวยงามแห่งหนึ่งของประเทศไทย

มีผืนป่าดิบชื่นที่สมบูรณ์และมีความหลากหลายทางชีวภาพ

แต่ละปีฝนตกชุกถึงแปดเดือน จึงมีชื่อเรียกว่า " ขุนเขาแห่งป่าฝน "

มีแผนที่ทางเดินศึกษาธรรมชาติของอุทยาน มีน้ำตกมากมาย

แต่ละแห่งต้องเดินป่ากันอย่างน้อย5-10 กม.

มีบ้านพักของอุทยาน อยู่ตามเนินเขาและริมป่า

พวกเราก็เดินเล่นกันหน่อย น้ำในคลองศก มีไม่มาก

เดินๆอยู่ก็เริ่มมีฝนปรอยๆแล้ว

มะปรางอยากวิ่งเล่นบนสะพานจังเลย

พากันเดินชมวิวไปตามสะพาน เงียบดี ร่มรื่นมากๆ

น้ำในคลองมาจากบนเขาแม้จะน้อย แต่ดูใสสะอาดดี

เดินมาสักพักก็พบจุดกางเต้นท์ สำหรับนักท่องเที่ยวที่จะมาเค้าต์ดาวน์ในคืนนี้

มีบ้านต้นไม้ด้วย

เรียกว่า"บ้านทาร์ซาน"

มีห้องนอน-ห้องน้ำพร้อม เค้าให้ขึ้นไปชมได้แต่ไม่ให้พัก

คุณป๋าไม่ให้ขึ้นไปดูเพราะกลัวไม่ปลอดภัยเด๋วตกลงมาแขนขาหัก

ไปเดินป่ากันสักรอบเล็กๆแล้วกัน

มีทางเดินปูนอย่างดี แต่ก็ไม่มีอะไรให้ถ่ายรูปนัก

มะปรางเริ่มหมดแรง เดินมาก็หลาย กม.เหมือนกัน

ออกมาหาอะไรกินที่ร้านสวัสดิการ...ราคาไม่แพง เสร็จแล้วก็กลับกันดีกว่า

ขันรถออกมาเห็นวัดเก่าๆมีคนต่างชาติและคนไทยยืนอออยู่หลายคนก็เลยแวะ ชื่อว่า"วัดศก"

ข้างในมีถ้ำพันธุรัตน์

มีพระพุทธรูปองค์โต อยู่ในถ้ำสวยสง่าน่าศรัทธาดีแท้

เสียแต่ไม่มีคนมาดูแลและทำความสะอาด เลยมีสุนัขไปถ่ายเลอะเทอะดูไม่งามไปหน่อย

มีกล่องรับบริจาคอยู่ตรงรูปปั้นเปรต พวกเราก็ทำบุญกันหน่อย

ตรงปากทางเข้ามีลิงป่าหลายตัว และมีชะนีเลี้ยงด้วย

คนผ่านไปมาจึงซื้อกล้วยป้อนชอบใจกันทั้งลิงทั้งคน

สิงโตหน้าวัด

ยืนคู่กับเสือ...คืนนี้ก็บ้ายบาย....ปีเสือแล้วสินะ

ไปที่พักของคืนนี้กันเลยดีกว่าค่ะ