ประมาณ บ่ายโมงพอกินข้าวเสร็จก็ถามเจ้าของร้านว่าไปขึ้นเรือล่องแก่งทางไหน เค้าก็ชี้ทางให้มีป้ายติดอยู่แล้ว ขับรถไปสัก 5 กม.(มั้ง..แป๊บนึง ทางค่อนข้างดี)ไปถึงสุดทางเลยก็เป็นท่าเรือ
สรุปก็คือ ท่าแบบนี้มีอยู่หลายท่ามากแต่ละท่าก็จะมีเจ้าของ และมีเรือที่มาสังกัดอยู่จำนวนหนึ่ง จะขึ้นท่าไหนก็ได้ แต่ที่ท่านี้เรียกว่าท่าหมู่หก ดูจากสถานที่เหมือนจะเป็นของ อบต.(หน่วยงานราชการ) ส่วนท่าอื่นจะเป็นของเอกชน ซึ่งท่านี้จะมีข้อดีคือเป็นต้นทางของการล่องแก่งมากทำให้ได้ล่องผ่านถ้ำเจ็ดคต ถ้าเป็นท่าอื่นที่อยู่ปลายน้ำกว่านี้แล้วต้องการจะมาถ้ำเจ็ดคตต้องพายเรือทวนน้ำขึ้นมาลำบากมากๆๆ
ค่านั่งเรือล่องแก่งนี้เค้าคิดคนละ200บ.(เด็ก 100บ.)นั่งได้ประมาณ 4-5 คน(รวมstaff พายเรือ) สรุปพวกเราจ่าย 500บ. มีคนพายพร้อม
ลงไปคอยที่ท่ากันเลยดีกว่า ที่ท่าสวยมากชอบๆๆ น่าเอาเสื่อมาปู นั่งปิกนิคเหลือเกิน หุหุ...
สต๊าฟเอาชูชีพมาให้สวม มีของเด็กด้วย ดีจัง...
สักพักก็มีเรือสไลด์ลงมาจากข้างบนเสียงดังมาก(คงหนักหน่ะ)
สต๊าฟ(ตัวเล็กมากๆๆ จะพาพวกเราไปไหวมั้ยน้า..แค่ป๋ากะแม่ตุ๊กก็.. หนักอยู่น้า..)
มีพาย 2 อัน คุณป๋าเลยต้องนั่งหน้าสุด(ช่วยพาย) มะปราง กะแม่ตุ๊กนั่งกลาง สต๊าฟอยู่หลังสุดคอยพายเป็นหลัก
คุณป๋าย้ำว่าพายแบบเรื่อยๆนะไม่เน้นเปียก เพราะอยากนั่งเรือชมวิว กะถ่ายรูปกันมากกว่าเตรียมพร้อมแล้วก็พายออกไป เข้าถ้ำเจ็ดคตก่อน ตรงปากทางเข้า น้ำเชี่ยวมากๆ คนพายเลยให้พวกเราเดินไปคอยหน้าปากถ้ำก่อน
แล้วคนพายก็พาเรือลุยน้ำไปเอง มีหินแหลมๆ พายไปเองต้องล่มแน่ๆตรงปากทางเข้าถ้ำ มืดดด..สุดๆๆๆ
คุณป๋าเตรียมไฟฉายพร้อม..ลุย
มืดสุดๆเลยขนาดมีไฟฉาย 2 อันนะ ยังมองไม่ค่อยชัด ถ่ายรูปไม่ได้เลยแสงไม่พอ เงียบมาก มีเสียงค้างคาวบินไปบินมา เกาะที่เพดานถ้ำหลายร้อยตัวพอเอาไฟส่องมันก็บินหนี แต่มะปรางชอบมากๆๆๆ เพราะไม่เคยเห็นค้างคาวตัวเป็นๆเยอะๆอย่างนี้มาก่อน she กรี๊ดกร๊าดตลอดทาง บอกว่านั่งเรือชมถ้ำก็สบายนะไม่เหนื่อยเลย ไม่ร้อนด้วย
มืดสุดๆเลยขนาดมีไฟฉาย 2 อันนะ ยังมองไม่ค่อยชัด ถ่ายรูปไม่ได้เลยแสงไม่พอ เงียบมาก มีเสียงค้างคาวบินไปบินมา เกาะที่เพดานถ้ำหลายร้อยตัวพอเอาไฟส่องมันก็บินหนี แต่มะปรางชอบมากๆๆๆ เพราะไม่เคยเห็นค้างคาวตัวเป็นๆเยอะๆอย่างนี้มาก่อน she กรี๊ดกร๊าดตลอดทาง บอกว่านั่งเรือชมถ้ำก็สบายนะไม่เหนื่อยเลย ไม่ร้อนด้วย
อันนี้เป็นสัญลักษณ์ของถ้ำเจ็ดคต ตรงใกล้ๆทางออก คนพายเรียกว่า "ดอกบัวคว่ำ"
ความยาวของถ้ำประมาณ 700 ม. ถึงทางออกแล้ว แม้ถ้ำนี้ดูยังไม่ค่อยพัฒนา ไม่มีไฟเลย แต่ก็ให้ความรู้สึกดีนะเหมือนมาเที่ยวแบบที่unseenสุดๆ
ความยาวของถ้ำประมาณ 700 ม. ถึงทางออกแล้ว แม้ถ้ำนี้ดูยังไม่ค่อยพัฒนา ไม่มีไฟเลย แต่ก็ให้ความรู้สึกดีนะเหมือนมาเที่ยวแบบที่unseenสุดๆ
คุณป๋ายิ้มหวาน..หน่อยสิจ๊ะ
ตรงทางออกเจอคณะที่พายทวนน้ำเข้าถ้ำ 5-6ลำ ได้ยินเค้าบอกว่า เหนื่อยสุดๆๆ นี่ยังไม่รวมต้องพายทวนน้ำเข้าไปในถ้ำอีกนะ โห ..ไม่อยากจะคิดเลย
ตรงทางออกเจอคณะที่พายทวนน้ำเข้าถ้ำ 5-6ลำ ได้ยินเค้าบอกว่า เหนื่อยสุดๆๆ นี่ยังไม่รวมต้องพายทวนน้ำเข้าไปในถ้ำอีกนะ โห ..ไม่อยากจะคิดเลย
พวกเราก็ไปกันต่อ ข้างหน้ามีต้นไม้ล้มขวางทางน้ำอยู่ สงสัยเมื่อคืนฝนตกหนัก ไม่เป็นไร คนพายเค้าก็พาเราลากไปกับเรือจนได้..สบายมั่กๆๆค่า
ลำธารลึกประมาณแค่เข่าหรือบางช่วงแค่เอวผู้ใหญ่เท่านั้น ตรงริมน้ำมี"งู"ว่ายน้ำ อยู่ด้วย แม่ตุ๊กกลัวมากๆๆ แต่มันก็รีบว่ายหนีคนๆไปอย่างเร็วเหมือนกัน
ลำธารลึกประมาณแค่เข่าหรือบางช่วงแค่เอวผู้ใหญ่เท่านั้น ตรงริมน้ำมี"งู"ว่ายน้ำ อยู่ด้วย แม่ตุ๊กกลัวมากๆๆ แต่มันก็รีบว่ายหนีคนๆไปอย่างเร็วเหมือนกัน
ตามริมๆที่เป็นรูๆก็มีตัว varanus อยู่หลายตัวทั้งตัวเล็กๆและตัวใหญ่ๆ ถ่ายรูปไม่ทัน มันกลัวคนมาก รีบหนีไปหมด มะปรางบอกว่าเหมือนกิ้งก่ายักษ์จังเลย
ตามริมๆก็มีที่พัก ตลอดทาง เล็กบ้างใหญ่บ้าง
มีเป็นธารแอ่งหินไว้เดินเล่นนวดเท้าสบายดี
อันนี้ก็เป็นที่พักอีกแห่ง ดูเก่าไปหน่อย แต่คนเยอะเชียว
มีคนรอลงเรือจากที่พัก..ก็สะดวกดีนะ
ที่พักอันนี้ดูใหม่หน่อย
พายมาครึ่งทางแล้วประมาณ4กม.พักเหนื่อยหน่อยดีกว่า คนพายก็เหนื่อย คนนั่งก็เมื่อย เหน็บกินขาหมดแล้ว
มะปรางยังมีความสุข ขอเล่นน้ำ นิดนึง...
มะปรางยังมีความสุข ขอเล่นน้ำ นิดนึง...
มีปลาตัวเล็กๆเหมือนที่สปาเท้า มันเข้ามาตอดขาใหญ่เลย (คงจะหิวมั้ง) แต่มะปรางไม่ชอบ บอกว่าจั๊กจี้
เก็บหอย เก็บหินไปเรื่อยเปื่อย
เก็บหอย เก็บหินไปเรื่อยเปื่อย
พอหายเหนื่อยก็พายต่อ ต้นไม้สูงใหญ่ เขียวชอุ่มมากๆลมเย็นสบายง่วงจังเลย
พายๆไป แรกๆก็สนุกดีผ่านไปสักชั่วโมงก็เริ่มเบื่อๆตอนหลังรู้สึกว่าเยอะไปหน่อยคิดว่าน่าจะลดลงซักครึ่งทางก็ได้น่าจะเหมาะกับครอบครัวแบบนี้มากกว่า มะปรางเริ่มเบื่อ นั่งเรือมา 2 ชม.แล้ว
ระหว่างรอรถมารับกลับ มะปรางบอกว่าขอเล่นน้ำตรงนี้เลยดีกว่า ไม่ไปน้ำตกวังสายทองแล้ว น้ำใสแล้วก็เย็นมาก