16 พค 2553
หลังจากฝนตกหนัก ที่หาดใหญ่มาสองวันแล้ว(ศุกร์-เสาร์) วันอาทิตย์นี้ตอนเย็นอากาศดีมาก ไม่ร้อน ลมเย็นสบาย
พวกเราก็เลยตกลงกันไปลุยเขาคอหงส์กันอีกครั้ง(ไปมาหลายครั้งจริงๆจ้า เพราะมันอยู่ใกล้บ้านมาก เคยขี่จักรยานไปกัน2แม่ลูก ไปถึงตรงตีนเขา ก็ไม่สามารถปั่นขึ้นเขาได้ เพราะจักรยานมันเก่าเหลือเกิน...หุหุ ...แต่ก็เพราะคนมันแก่ด้วยแหละ...)
จุดหมายของพวกเราก็คือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ สามองค์บนยอดเขาคอหงส์ อันได้แก่ ท้าวมหาพรหม เจ้าแม่กวนอิม และองค์พระใหญ่ ซึ่งต่างก็อยู่คนละยอดเขากัน
เราเริ่มออกจากบ้านเวลาประมาณ สี่โมงเย็น เพื่อไปทานอาหารที่ร้านอาหารบนเขา (วิวดีที่สุด) ซึ่งทางเข้าก็อยู่ในสวนสาธารณะหาดใหญ่ เมื่อเข้าไปประตูใหญ่จะมีป้ายบอกทางขึ้น อยู่ใกล้สวนกลางน้ำ มีป้ายบอกชัดเจน ลัดเลาะขึ้นไปประมาณ 3 นาทีก็ถึงแล้ว
วันนี้ที่ร้านอาหารคนน้อยมาก คงเป็นเพราะหวยออก ชาวบ้านไม่มีจิตใจ จะมาเที่ยวกันมัวแต่รอลุ้นหวย เราก็เลยเลือก ที่นั่งในร่มอยู่ริมๆ ด้านนอกยังมีแดดร้อน
เดี๋ยวตัวจะดำ(ไปกว่านี้หน่ะ)
เห็นวิวหาดใหญ่ชัดเจน
มองไปทางขวาจะเห็นแม่กวนอิม(เดี๋ยวค่อยไปนะจ๊ะ)
และถ้ามองขึ้นไปสูงอีกหน่อยก็เห็นองค์พระใหญ่เช่นกัน
สั่งอาหารมา3 อย่างมี แกงจืดวุ้นเส้น ยำผักบุ้งกรอบ(อร่อย) และปลาสำลีทอด รอไม่นานอาหารก็มาเสริฟ
อย่างแรกก็ตกใจเลย เพราะมาแค่ ผู้ใหญ่2 เด็ก1 เล่นเสริฟ แกงจืดแบบหม้อไฟมาเลย แถมมีมดต้มอยู่ในแกงจืดหลายตัว ก็ไม่อยากเรื่องมากก็ค่อยๆตักมดออกแล้วก็กิน แต่จะเป็นเรื่องเสียหายสำหรับร้านมากเลยเพราะบ่งบอกถึงความสกปรก
หลังจากนั้นก็เดินทางไปท้าวมหาพรหมกันต่อ ซึ่งก็มีทางจากร้านอาหารนี่แหละตรงไปทางไหล่เขาประมาณ 500 เมตร
สามารถขับรถขึ้นไปเกือบถึงยอดได้
ป้ายก็เก่าเหมือนกัน รกๆด้วย
เห็นวิวหาดใหญ่ชัดเจน
มองไปทางขวาจะเห็นแม่กวนอิม(เดี๋ยวค่อยไปนะจ๊ะ)
และถ้ามองขึ้นไปสูงอีกหน่อยก็เห็นองค์พระใหญ่เช่นกัน
สั่งอาหารมา3 อย่างมี แกงจืดวุ้นเส้น ยำผักบุ้งกรอบ(อร่อย) และปลาสำลีทอด รอไม่นานอาหารก็มาเสริฟ
อย่างแรกก็ตกใจเลย เพราะมาแค่ ผู้ใหญ่2 เด็ก1 เล่นเสริฟ แกงจืดแบบหม้อไฟมาเลย แถมมีมดต้มอยู่ในแกงจืดหลายตัว ก็ไม่อยากเรื่องมากก็ค่อยๆตักมดออกแล้วก็กิน แต่จะเป็นเรื่องเสียหายสำหรับร้านมากเลยเพราะบ่งบอกถึงความสกปรก
คงพอกันที สงสัยจะไม่มีคราวหน้าอีกแล้วมั้ง สกปรก และแพงเกินไป
หลังจากนั้นก็เดินทางไปท้าวมหาพรหมกันต่อ ซึ่งก็มีทางจากร้านอาหารนี่แหละตรงไปทางไหล่เขาประมาณ 500 เมตร
จอดรถที่ลานจอด แล้วเดินอีกหน่อยก็ถึงแล้ว
เมื่อครั้งแรกที่พวกเรามา เราไม่เห็นทางรถขึ้นล่ะ เราก็จอดรถด้านล่าง แล้วเดินขึ้นบันไดกัน เหนื่อยมากๆๆๆๆๆๆ
บันไดเราว่าน่าจะเป็นร้อยขั้นมั้ง มะปรางวิ่งรวดเดียวถึงเลย(ฟิตมาก) ส่วนแม่กะป๋า แทบกระอักเลยค่า
บันไดด้านบนสุดกำลังซ่อมแซมอยู่ มีบันไดเหล็กมาสำรอง(เก่ามากๆ)
มาถึงด้านบนแล้วจ้า
ตัวองค์ท้าวมหาพรหม กำลังบูรณะ มีพลาสติกครอบอยู่
อันนี้เป็นรูปที่เราถ่ายเก็บไว้ตอนต้นปี ดูสดใสใหม่อยู่เลยนะ
ประชาชนมากราบไหว้ทั้งชาวไทยและเทศ หลายคน จะเห็นว่ามีช้างที่คนนำมาถวาย(น่าจะแก้บนนะคะ) มากมาย ทองอร่ามตา
และตามต้นไม้ก็มียันต์สีแดงๆติดเต็มไปหมดเลย
ลูกช้าง(สีชมพู..หุหุ)
และยังมีสิ่งศักดิ์สิทธ์อีก 3 องค์ คือ พระศิวะ พระอุมา พระพิฆเนศ
กิจกรรมที่ขาดไม่ได้ (ของเด็กทุกคน) คือ การตีระฆัง สังเกตุดูว่าปลายไม้ที่ตีนั้นเยินแค่ไหน....
พอเดินจนครบรอบก็ไปต่อที่องค์เจ้าแม่กวนอิม ซึ่งมีทางเชื่อมต่อกันสบาย แม้จะชันหน่อยแต่ก็ขับไม่ยาก ทิวทัศน์สวยแบบภาคเหนือเลยเชียวแหละ
พอเดินจนครบรอบก็ไปต่อที่องค์เจ้าแม่กวนอิม ซึ่งมีทางเชื่อมต่อกันสบาย แม้จะชันหน่อยแต่ก็ขับไม่ยาก ทิวทัศน์สวยแบบภาคเหนือเลยเชียวแหละ
พวกเรามาถึงห้าโมงครึ่งแล้ว ประตูด้านล่างปิดตั้งแต่ห้าโมงเย็น เราก็เลยไม่ได้เข้าไปไปไหว้ด้านในกัน
ไม่เป็นไร... เราขึ้นไปไหว้แม่กวนอิมที่ด้านบนกันดีกว่า ที่องค์เจ้าแม่กวนอิม มะปรางเดินคึกเคาะระฆังรอบเลย ถึงบ้างไม่ถึงบ้าง
อีกมุมด้านข้างเจ้าแม่กวนอิมกำลังมีการก่อสร้างเพิ่มเติมอยู่ มะปรางเรียกว่า.. สไลเดอร์ลิ้นมังกร...ฟังดูเหมือนเป็น สวนสนุกเลยเนอะ
ตามขอบๆ หน้าผาจะมีคนมาปูเสื่อกินอาหารชมวิวกันเต็มไปหมด เราก็ปูบ้างที่มุมประจำหน้าองค์พระ
อีกมุมด้านข้างเจ้าแม่กวนอิมกำลังมีการก่อสร้างเพิ่มเติมอยู่ มะปรางเรียกว่า.. สไลเดอร์ลิ้นมังกร...ฟังดูเหมือนเป็น สวนสนุกเลยเนอะ
หลังจากนั้นก็ไปองค์พระใหญ่กัน(ชื่อเต็มๆว่า...พระพุทธมงคลมหาราช...) วันนี้มีคนเยอะตามเคย ส่วนใหญ่มาปิคนิกกัน
อากาศสบายสุดๆ ลมแรงพอควร
ซึ่งจะมีก้อนหินใหญ่อยู่ก้อนหนึ่งให้มะปรางปีนเล่นๆ
เอารูปเก่ามาให้ดูด้วยจ้า วันนี้พกกล้องตัวเล็กมา แบตจะหมดแล้วเลยถ่ายรูปได้ไม่มากพวกนี้เป็นรูปค้านล่างขององค์พระมีรูปปั้นมากมาย สงสัยคนมาบริจาคมั้ง
คุณป๋าไหว้พระ ทำบุญ เป็นประจำ (อย่างว่าล่ะนะคนเคยบวชเรียนมาก่อน) น่ารักเนอะแฟนใครก็ไม่รู้หุหุ
พอนั่งกินขนม กินน้ำสักพัก คุณป๋าก็เอาหนังสือจีนมานั่งอ่านอย่างเมามันตามเคย เรา2แม่ลูกก็ออกไป ลั้นลา..กันดีกว่า
ไปถ่ายรูปวิวเล่นๆ พร้อมกับเจ้ากล้องตัวเล็ก ที่แบตเหลืออยู่จิ๊ดเดียว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น