พรุ่งนี้เป็นวันเกิดมะปรางก็ต้องพาไปเที่ยวซะหน่อย แต่คุณป๋าบอกว่าถ้าไปเที่ยววันเสาร์กลัวคนเยอะ
พอดีวันนี้เป็นวันวิสาขบูชาได้หยุดปิดร้านเลยไปเที่ยวดีกว่า พรุ่งนี้มะปรางต้องไปเรียนพิเศษด้วย
ครั้งนี้เป็นการไปสตูลครั้งที่ 3 ครั้งแรกตอนไปเที่ยวลังกาวี ก็ขับผ่านทางนี้เข้าเมืองสตูล เพื่อไปลงเรือที่ท่าเรือตำมะลัง
ครั้งที่ 2ไปเที่ยวทะเลบัน,น้ำตกยาโรย และด่านวังประจัน ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่3 ที่ไปสตูล

พอตอนเช้าหลังจากโอ้เอ้นิดหน่อยก็ออกเดินทาง ประมาณ 8 โมงกว่าๆ ขับไปตามทางถนนสายเอเชีย รถเยอะเหมือนกัน
คงจะขึ้นกรุงเทพกันมั้ง เพราะเป็นวันหยุดยาว พอถึงสี่แยกคูหาเลี้ยวซ้ายผ่านรัตภูมิ ไปทางสตูลผ่านนาสีทอง เขาพระ แล้วเข้าเขตสตูล ถนนเป็นสี่เลนอย่างดีแต่คดเคี้ยวน่าดู ภูมิประเทศสวยดี ต้นไม้ร่มรื่นมาก คงเป็นเพราะมีฝนตกบ้าง ไม่ค่อยมีรถขับสบาย








ทางเดินเป็นบันไดอย่างดี ไม่อันตราย



คุณป๋าบอกว่าไม่รอแล้วเสียเวลา จะเข้าเลย เค้าเลยให้ไกด์จิ๋วชื่อน้องรุจ(ไม่ใช่เดอะสตาร์นะ) ช่วยเป็นไกด์ (ตัวใหญ่กว่ามะปรางนิดนึง แต่อยู่ ป. 6 แล้วนะเนี่ย) นำเดินชม
ในถ้ำจะมืดมาก ต้องมีคนนำ ดีนะคุณป๋าเตรียมไฟมาพร้อม (จากประสบการณ์เข้าถ้ำบ่อย) ทำให้ทางเดินสว่างมากขึ้น ทางเดินเป็นไม้อย่างดี เดินสบาย 
อันนี้คือเรือ ..ก็เหมือนเนอะ มีเสาด้วย
ส่วนอันนี้เรียกว่าม่านภูผาเพชร
พอหลุดรู ข้างในกว้างงงง.. มากๆ เย็นสบาย มืดๆ กลิ่นมูลค้างคาวฟุ้งไปหมด


น้องไกด์ก็พาเดินไปตามทาง บรรยายคล่องมาก เสียงดัง พูดเก่งเชียว
อันนี้อยู่ด้านหน้าสุด เรียกว่า ..เสาค้ำสุริยัน...
ชื่อที่เรียกก็เป็นไปตามจินตนาการของคน อาจดูแล้วแตกต่างกันออกไป


นี่งัย...เริ่มเห็นประกายเพชรยังจ๊ะ..วิ้งๆๆมากๆๆ
ของจริงสวยมากๆค่ะ (ห้ามจับ)
เดินขึ้นๆลงๆในถ้ำตลอดระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร
ห้องหัวแหวนเพชร
มีหินปะการังด้วย..ไม่ค่อยชัดหน่ะ
ไม่ว่ากันนะจ๊ะ
เหมือนหัวพญานาค
อันนี้ก็
จำไม่ค่อยได้..แก่แล้ววว..ไกด์ก็บอกตลอดทางนะ แต่ลืม หุหุ
อันนี้เค้าบอกว่าเหมือนน้ำตก.. (น้ำตกวังสายทอง)
น้องไกด์บอกว่านี่คือ " อ่างศักดิ์สิทธิ์" จะมีน้ำหยดลงมาจากข้างบน ถ้าใครเอามือรองน้ำได้แล้วเอามาล้างหน้า จะโชคดี










หุหุ แม่ตุ๊กไม่พลาดอยู่แล้ว รองน้ำได้ปุ๊บก็เอามาลูบหน้าสุดที่รักทั้ง2 คือมะปรางกะคุณป๋าทันที
ในถ้ำจะมีเจ้าตัวนี้ส่งเสียงตลอด เรียกว่า จิ้งหรีดถ้ำ..หนวดยาวมากๆๆ เพราะมันมองไม่เห็น เป็นธรรมชาติของสัตว์ที่อยู่ในถ้ำมืดๆหรือทะเลลึกๆที่แสงส่องไมถึง เซลรับแสงของลูกตาจะไม่เจริญ
เข้าไปลึกๆๆเรื่อยๆจะเห็นแสงจากข้างบนรูของถ้ำแล้ว
เค้าเรียกว่า"หินมรกต" มันเป็นสีเขียวๆเหมือนมีตะไคร่น้ำเกาะอยู่ คนมามุงๆกัน เพื่อจะโยนเหรียญ และอธิษฐาน
แล้วก็มีคนมาถูๆๆขอหวยกัน..ตามเคย
อีกไม่กี่วันหวยก็ออกแล้วนะ






เรียกว่า ..ห้องมังกรโอบ..มีเป็นเส้นยาวๆล้อมรอบ




ถ้ำนี้ค่อนข้าง unseen เพราะยังดูบริสุทธิ์มากๆ ถ้ำนี้มีขนาด 50 ไร่ ....มีทั้งหมด 4หรือ5ชั้นก็จำไม่ได้ แต่ที่เปิดให้เข้าชมมีแค่ชั้น 2เท่านั้น น้องไกด์บอกว่าส่วนอื่นจะอันตราย มีเหวลึก
พอเดินเสร็จก็เหนื่อยมากเพราะเดินขึ้นๆลงๆในถ้ำตลอดประมาณ 2 ชม. แต่ก็สวยสมกับความเหนื่อยออกมานั่งพักสักครู่ก็เดินลงมา(ตอนลงไม่เหนื่อยเท่าไหร่)
ลงมาถึงข้างล่างก็เที่ยงนิดๆ ซื้อไก่จ๊อ กับ ไข่นกกินแก้เหนื่อยแล้วไปหาข้าวเที่ยงกินเป็นร้านค้าอยู่ในหมู่บ้าน มีข้าวหมูแดง ข้าวขาหมูให้กินด้วย
...ที่ประหลาดใจก็เพราะปกติแถวนี้จะเป็นชุมชนมุสลิมค่ะ กินข้าวกันก่อนนะคะ
เด๋วตอนบ่ายไปล่องแก่งกันค่ะ