TUKEMD

__TUKEMD__ชื่อบ้าน อ่านว่า ตุ๊ก-เอ็ม-ดี นะจ๊ะ เป็นชื่อในเน็ตของแม่ตุ๊กเองค่ะ

บ้านหลังน้อย หลังนี้เป็นของแม่ตุ๊ก,น้องมะปราง และ คุณป๋า

เป็นบล็อกเพื่อบันทึกความสุข ความทรงจำ ในการท่องเที่ยวที่ต่างๆของครอบครัวเราค่ะ



2567/06/16

Cordoba "The Mezquita and old town" (เที่ยวเมืองเก่าคอร์โดบา ชมมหาวิหาร-มัสยิดเมซกิตา)

 วันอังคารที่ 12 มีนาคม 2567

เวลา 15:00 น.เดินทางมาถึงเมืองคอร์โดบา

Plaza de Andalusia

Church of Saint Joseph and the Holy Spirit

มาถึงที่พักของพวกเราแล้วค่ะ โรงแรมนี้ทำเลดีมาก อยู่ริมแม่น้ำตรงข้ามเมืองเก่า

Hotel Hesperia Córdoba

ห้องพักกว้าง สว่างและสะอาดมาก มีสามเตียง ห้องน้ำมีโถชำระ อุปกรณ์ครบ

วิวจากห้องนอนมองเห็นสะพานและเมซกิตา

เวลา 15:30 น.ออกไปเดินเล่นในย่านเมืองเก่ากันค่ะ ด้านหน้าโรงแรมมีทางเดินริมแม่น้ำ

The Sotos de la Albolafia Natural Monument

It is a landscape framed in a historic centre declared a World Heritage Site by UNESCO.

The Mosque-Cathedral, Alcazar of the Christian Monarchs, The Calahorra Tower
 and the Roman Bridge

จุดชมวิวมรดกโลก 4 แห่งของเมืองคอร์โดบา ได้แก่ มหาวิหาร-มัสยิด, พระราชวัง,หอคอยและสะพาน

Calahorra tower (Torre de la Calahorra)
The tower stand on the south of the Roman bridge. It is the oldest defense building in town.
It was first erected in 1333 by the Moors in order to prevent the city from being attacked.

หอคอย Calahorra สร้างขึ้นในปี 1333 เป็นป้อมของชาวมัวร์เพื่อป้องกันการบุกรุกจากชาวคริสเตียน


It was used as a prison in the 18th century and it was a girls school in the 19th century.

 The building currently houses the Museo Vivo de Al-Andaluz (Living Museum of al-Andalus). 
Open daily : ticket 4.50 €

แผนที่แสดงเส้นทางการเดินไปยังมหาวิหาร-มัสยิด

Mirador Mezquita de Córdoba

จุดชมวิวทางฝั่งขวาของสะพาน เก็บภาพเสร็จก็ไปข้ามสะพานกันค่ะ

หอคอยอยู่ทางทิศใต้ของสะพานโรมัน ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์
ด้านในจัดแสดงเรื่องราวประวัติศาสตร์ของเมืองคอร์โดบา ค่าเข้าชมคนละ 4.5 ยูโร

 The tower was declared a national monument in 1931. 

สะพานโรมันสร้างขึ้นโดยชาวโรมันในช่วงต้นศตวรรษที่ 1 ก่อนคริสตกาล ใช้ข้ามแม่น้ำกัวดาลกีวีร์ 

The Roman bridge of Córdoba was built by the Romans in the early 1st century BC,
 across the Guadalquivir river.

ตรงกลางสะพานมีรูปปั้นเซนต์ Raphael ซึ่งถือว่าเป็นผู้พิทักษ์เมืองคอร์โดบา

Statue of St. Raphael the Archangel located in the middle of the Roman Bridge.
The guardian of the city of Córdoba.


The bridge has total length of 247 meters and the width is 9 meters.

สะพานนี้มีความยาว 247 เมตร กว้าง 9 เมตร

พระราชวังอยู่ทางฝั่งซ้ายของสะพาน

The Puerta del Puente (Bridge Gate)
 It is one of three historical gates that remain in the city of Córdoba. It was built in the 16th century in Renaissance style to commemorate the celebration of the Cortes by the monarch Philip II in the city.

ประตูเมืองนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 เป็นหนึ่งในสามประตูเมืองที่ยังเหลืออยู่

เดินผ่านประตูเมืองเข้าไปด้านใน ทางขวามือคืออาคารศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยว 

Plaza del Triunfo (Triumph Square)
This square is located in the heart of the medieval city.

ทางทิศเหนือของจตุรัสคือโบสถ์ Chapel of St. Bartholomew

Triumph of Saint Rafael of the Bridge Gate
It is located overlooking the Roman Bridge and next to the Mosque-Cathedral. 

เดินขึ้นเหนือไปตามถนน C.Torrijos ด้านข้างคือเมซกิตา

ตอนนี้มีการปิดซ่อมแซมอาคารบางส่วน


เดินตรงมาประมาณ 100 เมตรจะพบกับทางเข้าเมซกิตาอยู่ทางขวามือ

Schedule of the Mosque-Cathedral of Cordoba
Entrance fee 13 € per person.

แผนที่แสดงตำแหน่งสถานที่สำคัญในเขตเมืองเก่า

เดินผ่านประตูเข้ามาจะพบกับลานกว้างและสวนส้ม

Bell Tower
This tower was originally a minaret, built in the Muslim era under the rule of Abderramán III. 
It is the highest construction in the city with 54 meters of height.

หอระฆังตั้งอยู่ทางทิศเหนือของมหาวิหาร เดิมเป็นหอ Minaret ของมัสยิด
ด้านบนเปิดให้ขึ้นไปชมคนละ 3 ยูโร มีความสูง 54 เมตร เป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในเมืองคอร์โดบา

แผ่นไม้โบราณ ที่มาจากด้านในมหาวิหาร

พวกเราจองรอบเข้าชมด้านในไว้ตอน 16:00 น. ตอนนี้ยืนรอเวลาค่ะ

Arch Gate

ใกล้ถึงเวลา ก็ไปยืนคอยหน้าทางเข้ากันค่ะ

 It is also known as the Mezquita (Mosque in Spanish) and the Great Mosque of Córdoba.

เวลา 16:00 น. มีเจ้าหน้าที่มาตรวจตั๋วแล้วก็เข้าไปชมด้านในได้เลยค่ะ

เดินเข้ามาก็จะพบกับเสาและซุ้มโค้งหลายร้อยอัน สวยแปลกตาไม่เคยเห็นมาก่อนเลยค่ะ

มหาวิหารนี้เป็นที่รู้จักในชื่อเมซกิตา ซึ่งในภาษาสเปนแปลว่ามัสยิด

The Mosque–Cathedral of Córdoba (Mezquita-Catedral de Córdoba)

Officially name is Cathedral of Our Lady of the Assumption

 Archaeological evidence of Late Roman mosaics under the floor of the Mosque-Cathedral

มีการขุดพบพื้นโมเสกสมัยโรมันอยู่ที่พื้นของมหาวิหาร

The Mezquita Cordoba is renowned for its forest of horseshoe arches.

จุดเด่นของภายในวิหารแห่งนี้คือเสาและซุ้มโค้งทาสีแดงสลับขาวจำนวนหลายร้อยอัน

The structure is famous for the 856 distinctive columns and horseshoe arches in the prayer hall.

ซุ้มโค้งมีจำนวน 856 ซุ้ม ลักษณะเป็นทรงโค้งรูปเกือกม้าซ้อนกันสองอัน

The arches are made of jasper, onyx, marble, granite and porphyry.

They are adorned with intricate patterns and two color (red and white).

ซุ้มโค้งนี้สร้างมาจากหินหลายชนิด เช่น หินแกรนิต และหินอ่อน

The hypostyle prayer hall

บริเวณด้านข้างแบ่งเป็นห้องเล็กๆมีประตูเหล็กกั้นไว้หลายสิบห้อง ด้านในมีรูปปั้นและภาพวาด


ห้องเล็กๆเหล่านี้เรียกว่า Chapel เป็นห้องสวดมนต์สำหรับชาวคริสเตียน

Chapel of the Conception

The Great Mosque was begun in 785 by order of Abd al-Rahman I.

It was built on the ancient Visigoth basilica of St. Vincent, built in turn on a Roman temple.

มัสยิดนี้เริ่มสร้างครั้งแรกในปี ค.ศ.785 บนพื้นฐานโบสถ์เดิมของชาวโรมัน


 A unique artistic achievement due to its size and the height of its ceilings, 
becoming the second most important temple in the Muslim world, only behind Mecca.

มัสยิดนี้ในยุคแรกมีขนาดใหญ่และเพดานสูง ถือว่ามีความสำคัญรองจากมัสยิดที่เมืองเมกกะ


The Christians took over Cordoba in 1236.
 King Charles V gave permission to construct a cathedral inside the Great Mosque.

ในปี ค.ศ.1236 มัสยิดได้ถูกดัดแปลงให้กลายเป็นโบสถ์คาทอลิก จึงมีศิลปะแบบชาวมัวร์ผสมชาวคริสต์

ตรงกลางโถงมีการประดับด้วยรูปปั้นของศาสนาคริสต์และไม้กางเขน

Christian arches and Moorish arches

ตรงกลางวิหารมีเพดานเป็นโดมสูงประดับลวดลายปูนปั้นสีขาว


 The ground plan of the completed building forms a vast rectangle measuring 180 by 130 metres.

พื้นที่ด้านในวิหารเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ามีขนาด 180x130 เมตร

Light through a stained glass window 

แสงผ่านกระจกสีที่ผนังของวิหารตกลงมาบนพื้นมีสีงดงาม


Some 850 pillars divide this interior into 19 north to south and 29 east to west aisles. 

เสาหินด้านในวิหารเรียงจากทิศเหนือไปทิศใต้ 19 ต้นและเรียงจากทิศตะวันออกไปตะวันตก 29 ต้น

Each row of pillars supporting a tier of open horseshoe arches.

ตรงกลางโถงของวิหารมีรูปปั้นพระเยซูตรึงกางเขนอยู่ใต้ซุ้มโค้งแบบมัวร์

Statue of the crucifixion and moorish arch


ศิลปะผสมผสานของคริสต์และมุสลิม

The Mihrab of the Mezquita
It is located in the area of the Maqsurah, in the central area of the qibla wall.

It is a small octagonal room covered by a scallop shell dome, indicating the direction of prayer.

มิหร็อบเป็นองค์ประกอบสำคัญของมัสยิด ลักษณะเป็นซุ้มโค้งตกแต่งสวยงามด้วยแผ่นโมเสก
ใช้สำหรับระบุทิศทางที่ชาวมุสลิมหันไปยังหินกาบะฮ์เมือง Mecca เวลาละหมาด

The main Arabic inscription in the alfiz around the mihrab, executed in gold Kufic characters.

The mosaic decoration at horseshoe arch comes from the Byzantine tradition.

The Mihrab positioned between the doors to the treasury chamber and the sabat.

มิหร็อบตั้งอยู่ระหว่าง Treasury chamber และ Sabat

เดินต่อไปยังห้องเก็บสมบัติที่อยู่ทางซ้ายของมิหร็อบ

The Chapel of Saint Teresa
 It was designed an octogona space covered by a vault divided in eight parts, 
whose radius are decorated with floral elements.

ห้องโถงนี้เป็นห้องแปดเหลี่ยม เพดานรูปโดมสูงประดับปูนปั้นลวดลายดอกไม้

The room is decorated with three pictures: "The Appearence of Saint Raphael Archangel to Father Roelas", "St. Aciscius and St. Victory", and "The Conquest of Cordoba by Ferdinand III the Saint".

Processional custody of Corpus Christi (Monstrance)
 The real piece of jewellery of the Treasure of the Cathedral is in the middle of the chapel.
It was made by the German goldsmith Enrique de Arfe,
 It is 2.62 metres high, casted and engraved in silver between 1514-1518.

รอบๆห้องโถงประดับด้วยภาพขนาดใหญ่ 3 ภาพ ตรงกลางคือ Monstrance สมบัติล้ำค่าของโบสถ์นี้
ทำจากโลหะเงินแท้ สร้างขึ้นในปี 1514-1518 มีความสูง 2.62 เมตร

The Chapel of Saint Theresa also known as the Chapel Treasury.

The entrance on the left lead to the treasure room.


เดินออกทางประตูฝั่งซ้ายมือไปยังห้องสมบัติ

ด้านในเป็นห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆเชื่อมต่อกันสองห้อง ห้องแรกผนังสีแดง

รอบๆเป็นตู้กระจกจัดแสดงของมีค่าจำนวนมาก


มีชื่อและรายละเอียดเป็นภาษาสเปนติดอยู่ด้านล่างทุกชิ้น

ห้องที่สองผนังสีเขียวประดับลวดลายสีทอง

ผนังรอบๆเป็นตู้กระจกเต็มไปด้วยเครื่องเงินและทองสีแวววาวมากค่ะ


สมบัติแต่ละชิ้นมีอายุหลายร้อยปี


The ancient blocks of stone in the mosque with the signatures of the stonemasons.

 They were made by the master quarrymen of 9th-10th Century Al Andalus.

ตัวอย่างหินโบราณที่นำมาใช้ในการก่อสร้างมัสยิดตั้งแต่ศตวรรษที่ 9-10 มีลายเซ็นต์ของคนขุดหิน

 Museum of San Vicente is located in the southeast corner of the Prayer Room.

พิพิธภัณฑ์ San Vicente ตั้งอยู่ที่มุมทางทิศใต้ของวิหาร

There were the original building materials from the excavation of Visigothic basilica.

บริเวณนี้จัดแสดงซากของโบสถ์วิสิกอธ และส่วนประกอบของมัสยิดในยุคเริ่มแรก

The Prayer Hall



ตู้จัดแสดงหนังสือโบราณ

Esplendor de la Liturgia Spain (The splendor of the liturgy)

Spain Antique Books 


The Mezquita is an important monument in the history of Islamic "Moorish" architecture.

It is one of Spain's major historic monuments, list in UNESCO World Heritage Site since 1984.


โถงกลางของเมซกิตาได้ถูกดัดแปลงให้กลายเป็นโบสถ์คาทอลิก

ด้านบนเพดานเป็นโดมสูงตกแต่งลวดลายหรูหรา มีแท่นบูชา ประดับด้วยภาพวาดและรูปปั้น

The Capilla Mayor is known as the Main Chapel 
It is a Christian addition to the Mezquita Cordoba, blending seamlessly with the Islamic architecture.

The central nave is adorned with Gothic ribbed vault and inscriptions to Jesus painted on the ceiling. 

The Main Chapel was constructed in 1523 when Alonso Manrique was Bishop of Cordoba. 

The sculptures of musical angels, saints, and apostles are featured in the decoration.

The chapel has the shape of a Latin cross and extends over 10 naves and 12 bays of the building

วิหารหลักส่วนนี้ได้รับการก่อสร้างขึ้นใหม่ใน ปี ค.ศ.1523 โดยมีสถาปัตยกรรมแบบชาวคริสเตียน

The Altar is a magnificent example of the building's unique blend of Islamic and Christian architecture.

บนเพดานวิหารตกแต่งด้วยปูนปั้นสไตล์โกธิก

Details of the Gothic lines and iconographic sculpting over the altar of the Capilla Mayor

The elliptical dome of the crossing rests on four pendentives. 

 One of the arms of the transept

 The chancel and choir of the cathedral

The choir section and the barrel vault ceiling

เก็บภาพด้านในโบสถ์แล้วก็เดินออกมาชมบริเวณโถงเมซกิตากันต่อค่ะ

The entire building has a floor area of 24,000 m². 

The prayer hall is about 2/3 of the total area.

เมซกิตามีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 24,000 ตารางเมตร และเป็นห้องโถง prayer hall 2 ใน 3 ส่วน

The columns supporting the vaulted ceilings creating a unique appearance

เพดานโค้งระหว่างคอลัมน์มีลวดลายสวยงาม

There were originally 1,293 columns of varying heights and different stone material.

More than 400 columns were removed in order to construct the Cathedral of Córdoba.

 แต่เดิมด้านในนี้มีเสาจำนวนพันกว่าต้น แต่มีการรื้อถอนออกสี่ร้อยกว่าต้นเพื่อสร้างโบสถ์ตรงโถงกลาง

The Mezquita was the second largest in surface area, after the Holy Mosque in Mecca, previously only reached by the Blue Mosque (Istanbul, 1588). It was the largest mosque in the Western world.

บางส่วนของมัสยิดมีการตกแต่งหรูหราสไตล์โบสถ์คริสต์

ผนังประดับด้วยภาพวาดทางศาสนาคริสต์

The Mezquita has been owned by the Catholic Church since 2006, "Cathedral of Cordoba".

ประตูทางออกอยู่ทางขวา

Stained glass at Exit


Fragments of the original mosque ceiling 

ผนังด้านนอกประดับด้วยชิ้นส่วนของเพดานมัสยิดเก่าที่โดนรื้อถอน

The Patio de los Naranjos (Patio of the Orange Trees) of the Mosque-Cathedral of Córdoba


เดินออกจากเมซกิต้าทางประตูทิศเหนือ เข้าสู่ถนน C.Cardinal Herrero

เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนน C.Velázquez Bosco

บริเวณนี้เป็นย่านชาวยิว สองข้างทางมีร้านค้ามากมาย

เลี้ยวขวาเข้าสู่ถนน Calleja de las Flores

เอกลักษณ์ของย่านนี้คือกระถางดอกไม้สีฟ้าบนผนังอาคารสีขาว

The Calleja de las Flores (Flower Alley) 
It is one of the most popular and touristic streets in Córdoba.

ถนนที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองคอร์โดบา เป็นตรอกแคบๆไปสิ้นสุดที่จตุรัสด้านใน

This is a blind, narrow pedestrian street with archs and stones that finished in a square.

 ผนังสีขาวทั้งสองข้างประดับด้วยกระถางสีฟ้าและดอกไม้ ตรงกลางมีซุ้มโค้งเชื่อมสองอาคาร

The square was an old courtyard typical of Cordoba, and was transformed into a street. 

จตุรัสเก่าแก่เล็กๆ ล้อมรอบด้วยอาคารสีขาวที่เป็นเอกลักษณ์ของย่านชาวยิว

This square is located in the heart of the Jewish quarter and from it we can see the Bell tower.

มุมถ่ายรูปยอดนิยม จากด้านในจตุรัสมองเห็นหอระฆังของเมซกิตา

It is a typical Andalusian street, with beautiful whitewashed houses with balconies full of flowers.


เดินย้อนกลับทางเดิมเพราะเป็นซอยตัน



เดินออกไปยังถนน C.Velázquez Bosco

The Virgin of the Lanterns 
It is a religious altar located on the north wall of the Mosque-Cathedral of Córdoba.

แท่นบูชาพระแม่มารีตั้งอยู่ที่กำแพงทิศเหนือของเมซกิตา

ทางขวามือคือหอระฆัง

Puerta del Perdón (Gate of Forgiveness) 

Bell tower of the Mosque-Cathedral

The Eurostars Maimónides Hotel 

โรงแรมนี้ตั้งอยู่ตรงหัวมุมกำแพงเมซกิตา มองเห็นวิวหอระฆังได้ชัดเลยค่ะ

เดินเล่นริมถนนข้างๆกำแพง ซื้อของที่ระลึก มีร้านค้าและร้านอาหารมากมาย


จุดชมวิวหอระฆังจากถนน C.Encarnacion

เดินขึ้นเหนือไปตามถนนเล็กๆ ชมอาคารบ้านเรือนของย่านชาวยิว

The Hotel Los Omeyas (name refers to the Umayyad dynasty)

Jewish Quarter

La casa del Judío (House of the Jew)
สุดถนนคือบ้านโบราณด้านหน้าเป็นประตูทิศใต้ ตอนนี้มีรถขวางทางเข้าอยู่ค่ะ

It is an old stately home that belonged to the Duke of Medina Sidonia.

ถนนในย่านนี้จะแคบ มีซอยเล็กๆมากมายต้องเปิดกูเกิ้ลแล้วเดินตามค่ะจะได้ไม่หลงทาง



เดินตรงไปจนสุดถนน C.Horne del Cristo


Burgos palace (Palacete de los Burgos)
It is a residential building with U-shaped body. It was built at the end of the 19th century.
The main façade is made of various shades of  brick and covered with single and double-pitched tiles.

พระราชวัง Burgos สร้างขึ้นในปลายศตวรรษที่ 19 ตัวอาคารเป็นรูปตัวยู มีลานกว้างตรงกลาง
ผนังด้านหน้าประดับด้วยอิฐสีแดง-ขาว จัดเรียงเป็นลวดลาย ปัจจุบันอาคารนี้เป็นโรงแรม

Julio Romero de Torres Street

Jeronimo Paez Square (Plaza de Jerónimo Páez)
It has three distinct spaces : Burgos Palace, House of the Jew, Archaeological and Ethnological Museum of Cordoba

จตุรัส Jeronimo Paez ล้อมรอบด้วยสามอาคารหลักคือ วัง Burgos, บ้านชาวยิว และพิพิธภัณฑ์ดบราณคดี

 Plaza de Elie Nahmias
A small square at the entrance to the Nahmías house or Casa del Judío (House of the Jew)

Cuesta de Pero Mato  (Murderous street in Cordoba)
The Cordoban slope of Pero Mato, which immortalises a murderer in its name.

ด้านข้างของบ้านชาวยิวมีถนนชื่อ Pero Mato ทอดยาวขึ้นไปบนเนินด้านบน เคยมีการฆาตรกรรมเกิดขึ้นที่นี่

Archaeological Museum of Córdoba (Museo Arqueológico de Córdoba)

พิพิธภัณฑ์โบราณคดีและชาติพันธุ์วิทยาแห่งคอร์โดบา

It is housed in the former palace of the Páez de Castillejo and a contemporary building built next to it.

Palace of the Páez family of Castillejo is the entrance to museum

เดินไปตามถนน C.Marqués del Villar ที่อยู่ด้านข้างพิพิธภัณฑ์

Conventual Church of Santa Ana (Portada de Santa Ana de Lucena)

เดินต่อไปตามถนน Ambrosio de Morales Street

Principal Comic Theatre is a multipurpose cultural centre.
อาคารทางขวามือคือสถานที่จัดแสดงนิทรรศการต่างๆ

Antonio Gala Foundation

The Royal Academy of Cordoba


The Luján Hill (Cuesta de Luján)

เดินมาจนถึงถนน C.Claudio Marcelo ด้านหน้าคือซากเสาโรมัน

เสาโรมันตั้งอยู่หัวมุมถนน C.Claudio Marcelo และ C.Capitulares ตอนนี้ปิดซ่อมแซมไม่ให้เข้าชมค่ะ

Roman temple of Cordoba
It was discovered in 1951 during the expansion of the city hall. It has 32 m long by 16 m wide.

ซากของวิหารโรมัน ถูกค้นพบในปี 1950 ระหว่างการขยายศาลากลาง มีความยาว 32 เมตร กว้าง 16 เมตร
ด้านหน้ามีเสาโรมัน 4 ต้น ตั้งอยู่บนพื้นสูง บันไดทางขึ้นอยู่ทางทิศตะวันออก

It is a prostyle temple with six columns on the façade, rectangular in plan and raised on a podium
 which is accessed by a staircase located on the eastern side. 

Cordoba City Hall (Ayuntamiento de Córdoba)
ศาลาว่าการเมืองคอร์โดบาอยู่ด้านข้างซากวิหารโรมัน

โบสถ์เซนต์พอลอยู่ตรงข้ามศาลาว่าการ

Church of Saint Paul 
 It is a Catholic church and former convent. It has Baroque features made in marble dating to 1708. 

โบสถ์เซนต์พอลสร้างขึ้นในปี 1708 และเคยเป็นคอนแวนต์ของเมืองคอร์โดบา

The main facade features the Mannerist style of the 16th century. 


เดินลงใต้ไปตามถนน C.de San Fernando

เมืองนี้เงียบสงบ สะอาด เดินสบาย เดินไปตามทางแทบไม่เจอผู้คนเลยค่ะ

ชมอาคารสวยๆสองข้างทาง 

สองข้างทางมีซอยเล็กๆทั้งขึ้นและลงเนิน


ถนนช่วงนี้จะเป็นทางลงเนินเดินสบายไปจนถึงถนนริมแม่น้ำด้านล่าง


อาคารเก่าแก่ส่วนใหญ่เป็นโรงแรมและร้านอาหาร

ตัวอาคารส่วนมากทาสีขาว ประดับด้วยกระถางดอกไม้ที่ระเบียง

ทางซ้ายมือคือโบสถ์เซนต์ฟรานซิส

Compass of San Francisco
It is the square between the entrance door to the Church of San Francisco and the cloister.

เดินผ่านซุ้มประตูเข้ามาจะพบกับจตุรัสเล็กๆ ด้านข้างคือคอนแวนท์ ผนังประดับด้วยภาพโมเสก

Church of St. Francis and St. Eulogius
It is known as the church of the Ancient Monastery of San Pedro el Real. 
It belonged originally to the Franciscan convent of San Pedro el Real, founded in the 13th century.

โบสถ์คาทอลิกนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 ในสไตล์บาโรค

ด้านในโบสถ์เข้าชมฟรีค่ะ

จตุรัสด้านหน้าโบสถ์ร่มรื่น มีต้นไม้ ม้านั่งและสระน้ำพุ



ภาพโมเสกรูปพระแม่มารี

ฝั่งตรงข้ามโบสถ์คือทางเข้าพิพิธภัณฑ์ Water Museum (La casa del Agua)


เดินลงเนินไปจนสุดถนนแล้วเลี้ยวขวาไปเดินเล่นริมแม่น้ำ

ทางเดินริมแม่น้ำช่วงนี้เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น มีที่นั่งยาวตลอดแนว


เดินเล่นไปจนถึง Gate Bridge


พอแดดร่มก็มีคนมาเดินเล่นริมแม่น้ำกันมาก


เก็บภาพสะพานโรมัน

Roman Bridge view from the north

The bridge has 16 arches supported by robust spurs with semi cylindrical buttresses.

ตัวสะพานมีซุ้มโค้ง 16 อัน ตัวเสาเป็นทรงกระบอกครึ่งวงกลม

ทางขวามือคือกำแพงของพระราชวัง มีหอคอยอยู่ทั้งสี่มุม

The Alcázar is situated within the walls of the four towers, creating a square shape to the building.

หอคอยด้านหน้าคือ Tower of the inquisition (Tower of the Gardens)

พระราชวังเปิดให้เข้าชมทุกวัน ค่าเข้าคนละ 5 ยูโร  (Adults: 5 €)

The Alcázar de los Reyes Cristianos (Castle of the Christian Monarchs)


เดินผ่านประตูเข้ามาจะพบกับซากอาคารเก่าของชาวมัวร์ ด้านหลังคือหอคอย Tower of Homage

The medieval Alcázar (Palace) located in the historic center of Córdoba. 
It is located next to the Guadalquivir River and near the Grand Mosque. 

เดิมวังนี้เป็นที่ประทับของกษัตริย์เฟอร์ดินันที่ 2 และพระราชินีอิซาเบลลาที่ 1 
ต่อมาได้มอบวังนี้ให้คริสตจักรคอร์โดบา และกลายเป็นคุก ค่ายทหาร ปัจจุบันเป็นสถานที่จัดงานสำคัญ

The fortress served as one of the primary residences of Isabella I of Castile and Ferdinand II of Aragon.

The Alcázar has been declared a Cultural Interest Heritage since 1931.

ด้านข้างอาคารมีทางออกไปชมสวนสวยของพระราชวัง

ถ้าจะเข้าชมด้านในพระราชวัง หอคอยและสวน ต้องซื้อตั๋วที่ช่องขายตั๋วด้านข้างค่ะ

พวกเราจองร้านอาหารไว้ตอน 19:00 น.ตอนนี้เหลือเวลาอีกไม่มากเลยไม่ได้เข้าไปชมด้านในต่อค่ะ

เดินย้อนกลับมาที่สะพานโรมัน

ใกล้จะหนึ่งทุ่มแล้วพระอาทิตย์ยังไม่ตก ท้องฟ้าสว่างสดใสมาก

Inscription on the lintel of the door of the Gate Bridge

ข้ามสะพานไปเก็บภาพกับหอคอย Calahorra Tower

เวลา 19:00 น. เดินไปทานอาหารเย็นที่ร้านใกล้ที่พัก

 Restaurante El Mirador

ข้าวผัดสเปน ไก่ย่าง เฟรนช์ฟรายด์ และเมลอน

เวลา 20:00 น. ทานอาหารเสร็จก็ออกมาเดินเล่นริมแม่น้ำเก็บภาพวิวยามค่ำคืน
มุมนี้ถือว่าสวยงามที่สุดในเมืองคอร์โดบา "View of World Heritage Site by UNESCO"

Panorama of ancient stone Roman bridge illuminated in night time 
with glowing Moorish Mosque Cathedral Mezquita on background.

ตอนกลางคืนมีการเปิดไฟที่สะพานโรมัน โดยมีฉากหลังเป็นเมซกิตาและเมืองเก่า

ตอนกลางคืนเมซกิต้าสวยงามและโดดเด่นมากๆ พวกเราชมวิวจนอากาศเริ่มหนาวก็กลับที่พักค่ะ

ภาพเมซกิตาจากหน้าต่างห้องพัก